การเดินทางคนเดียว มันก็ไม่ได้เปลี่ยวขนาดนั้นหรอกนะ...
เพราะในทุกๆสถานที่ๆเราเดินทางไปนั้น เราจะได้เจอผู้คนที่มีความสนใจป่าเขาในแบบเดียวกับเรา ได้พูดคุยแชร์ประสบการณ์กับคนแปลกหน้าที่ไม่ใช่แค่ผ่านมาแล้วผ่านไป แต่เรากลับได้มีเพื่อนคุยเพิ่มขึ้น เพื่อนร่วมเดินทางที่มีแผนร่วมเดินทางไปพิชิตยอดเขาลูกใหม่ในครั้งหน้า ความแปลกใหม่ตรงนี้เองที่จะกลายเป็นมิตรภาพดีๆในวันข้างหน้า
สันหนอกวัว เป็นอีกหนึ่งยอดเขาในกาญจนบุรี ที่ไม่ได้เปิดให้ขึ้นไปพิชิตได้ตลอดทั้งปี แต่ต้องมีการโทรจองก่อนเดินทาง เพื่อจำกัดปริมาณนักท่องเที่ยวต่อรอบ ข่าวสารการจองสามารถติดตามได้ในเพจของอุทยานแห่งชาติเขาแหลมครับ ความง่ายของการเดินทางไปคนเดียวคือ เวลาโทรจอง จะสามารถจองช่วงเวลาได้ง่ายมาก และวันที่ผมไปไม่ได้เน้นถ่ายทางช้างเผือก แค่อยากไปสัมผัสบรรยากาศยอดเขากับแสงจันทร์ เลยโทรจองไปช่วงวันที่ 9-10 กพ 63 ล่วงหน้าประมาณ 3 สัปดาห์ครับ
[การเดินทาง] สำหรับใครที่กังวลว่าไม่มีรถแล้วจะเดินทางลำบาก บอกได้เลยว่าสบายมาก ยิ่งไม่เอารถไป ยิ่งได้พักผ่อนระหว่างเดินทางกลับด้วยนะ เนื่องจากเราต้องลงทะเบียนขึ้นเขาตอนเช้า 8-10 โมง ที่ป้อมปี่ ทำให้ผมตัดสินใจไปกางเต็นท์ที่ป้อมปี่ก่อนในที่ 8 กพ
วันที่ 8 กพ
07.00 น. เดินทางไปถึงคิวรถตู้ที่หมอชิต และทำการซื้อตั๋วของวินรถตู้รอบ 7.40 น. แต่ก็เลทเป็น 8.15 อยู่ดี ในจุดนี้ถ้าใครตื่นเช้าได้สามารถไปซื้อตั๋วกหมอชิต-สังขละบุรี ที่ บขส ได้เลยนะ รถเช้าออกรอบเดียวตอน 6.30 น. ถ้าไม่ชอบการจอดแวะๆๆๆๆของรถตู้
10.30 น. ไปถึง บขส กาญฯ ตรงลึกเข้าไปซื้อตั๋วรถ กาญฯ-สังขละบุรี แล้วบอกพี่เค้าว่าเราจะลงที่ป้อมปี่ รถจะออกรอบ 11.00 น. (ตรงเวลามากนะ ระวังตกรถ) ก่อนถึงเวลาผมก็เข้าเซเว่นไปเตรียมเสบียงสำหรับขึ้นเขาก่อนเลย คันที่ขึ้นไปจะเป็นรถประจำทางไม่ปรับอากาศนะ นั่งตากลมเย็นๆสบายๆไป
15.00 น. รถมาปล่อยผมลงที่จุดชมวิวป้อมปี่ เดินต่อเข้าไป 1 กม ก็จะเจอป้อมตรวจเราต้องซื้อตั๋วเข้าอุทยานที่นี่ก่อน หลังจากนั้นก็เข้าไปกางเต็นท์หาทำเลที่ชอบได้เลย ตกเย็นมีร้านข้าว อาหารอร่อย ให้เยอะราคากันเอง ขายที่นั่นเลย ดีมากๆ ต้องไม่ลืมบอกป้าเค้าไว้ว่าขอสั่งข้าวสำหรับขึ้นไปกินที่เขาสันหนอกวัวด้วย ป้าจะทำเป็นห่อให้สำหรับทานเป็นมื้อเที่ยงด้านบน
วันที่ 9 กพ
05.00 น. อาบน้ำครับ เอาให้สะอาดไปเลยเพราะข้างบนไม่มีอะไรเลยนอกจากห้องน้ำหลุม ที่นี่ห้องน้ำดีมากกกกก เป็นอีกที่ๆอยากเข้าไปใช้บริการสุดๆ
07.30 น. ทานข้าวเช้าให้พร้อมที่ร้านป้าร้านเดิม พร้อมรับห่อข้าวมื้อเที่ยง
08.00 น. พร้อมแล้วไปลงทะเบียนครับ จนท จะจัดกลุ่มไว้ให้เพื่อหารเฉลี่ยค่า จนท พาขึ้นและค่ารถที่จะพาไปส่งที่จุดเริ่มต้นเดิน ตอนนั้นผมโชคดีได้เจอกลุ่มน้องที่รู้จักมากัน 6 คน พอดี ก็เลยช่วยหารค่ากลุ่มที่ จนท จัดไว้ให้ แต่ขอตัวไปเดินกับกลุ่มน้องที่รู้จักแทน จนท ก็อนุญาตนะ ไม่ได้ว่าอะไร แต่...! ถ้าอยากไปหารกับกลุ่มที่คนเยอะกว่า (สูงสุดไม่เกิน 7 คน) เพื่อลดค่าใช้จ่าย อันนี้ จนท ไม่อนุญาตนะ เพราะว่าคนในกลุ่มที่เราหนีออกมาจะต้องหารเยอะขึ้นไปอีก ส่วนลูกหาบจ่ายทีหลัง ลูกหาบแบกได้ 30 โลในเรท 1400 บาท แต่ถ้าเกินจะคิดเพิ่มโลละ 46 บาท
10.00 น. เดินทางไปถึง จุดเริ่มต้น ใช้เวลาในการเดินเท้าต่ออีกประมาณ 5-6 ชม.
15.00 น. ถึงลานกางเต็นท์ ตรงนี้ผมแนะนำว่าอย่าไปกางตรงลาน ให้เดินหลบไปโซนป่าข้างล่างหน่อยเพื่อลดแรงปะทะของลม เพราะกลางคืนลมแรงมากๆ ถ้าไม่ปักสมอมีปลิวแน่นอน หรือใครจะไปเลือกกางบริเวณลานระหว่างหนอกเล็กกับหนอกใหญ่ก็ทำได้เหมือนกัน และจากคำบอกเล่าลมก็จะแรงพอๆกัน
17.00 น. คนจะเริ่มขึ้นไปถ่ายรูปกันแล้วที่สันหนอกวัวเล็ก เพื่อรอดูพระอาทิตย์ตก หากใครจะขึ้นไปที่สันหนอกวัวใหญ่เลยก็ได้นะ ไปเองได้เลย เดินง่ายพอสมควร แต่ผมรอไปตอนเช้าแทน ดูเสร็จก็ลงมาทำอาหารกินแล้วก็พักเอาแรงครับ
วันที่ 10 กพ
05.30 น. ออกไปลองถ่ายดาวตามแอพดูดาวที่บอกว่าดวงจันทร์จะตกลับขอบฟ้า แต่ผิดคาดครับ สว่างทั้งฟ้า ก็เลยถ่ายดวงจันทร์แทนไปเลย แล้วก็เดินขึ้นไปสันหนอกวัวใหญ่เพื่อรอดูพระอาทิตย์ขึ้นแทน
08.30 น. เราพร้อมลงครับ มื้อเช้าทานแค่ ซีเล็กทูน่า 2 กระป๋อง และขนมปังสองแผ่นก็เอาอยู่นะ
12.00 น. ลงมาถึงข้างล่างพอดี จริงๆถ้าเดินไวหน่อยอาจลงถึง 11 โมงเช้าได้เลย ตรงนี้จะมีรถ จนท คอยรับกลับไปป้อมปี่ เราจะรอกลับพร้อมกลุ่มหรือจะขอกลับแยกก็ได้เหมือนกัน เรากลับมาถึงจุดลงทะเบียนประมาณ 12.45 น. มีสองวิธีถ้าจะกลับไปที่ บขส กาญ
1. อาบน้ำที่ป้อมปี่ ทานข้าวเที่ยง แล้วออกมารอรถบัสปรับอากาศของ สังขละบุรี-กาญฯ ตรงป้ายทางเข้าป้อมปี่
2. หาติดรถนักเดินทางท่านอื่นไปลงที่น้ำตกเกริงกระเวีย อาบน้ำที่นั่นได้แต่ห้องอาบมีห้องเดียว น้ำตกสวยนะ แต่ถ้าคิดว่าไม่ทันบ่าย 2 ให้แพลนมารอบหน้าแทน ทำธุระเสร็จแล้วเก็บของแล้วเดินเลยออกไปอีกนิดนะครับ จะมีคิวรถตู้อยู่ จะกลับพร้อมรถตู้ก็ได้ หรือจะกลับพร้อมรถบัสสังขละบุรีก็ได้ เน้นว่าถ้าอยากกลับรถบัส ควรไปรอรถก่อน 14.00 น. ถ้าตกรอบนี้อาจจะต้องรอนานเลย
14.00 น. ผมนั่งรถปรับอากาศจากน้ำตกเกริงกระเวีย เข้าสู่ บขส กาญฯ
18.00 น. รถมาจอดที่ บขส. เราก็ลงไปซื้อตั๋วรถตู้ มินิบัส กลับหมอชิตรอบ 19.40 (รถออกก่อนเวลาด้วย) เป็นอันจบทริปครับ
[ค่าใช้จ่ายตลอดทริป]
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเสบียงที่เตรียมขึ้นไปนะครับ อีกอย่างรอบนี้น้องๆในกลุ่มที่ไปด้วยกันไม่ให้ผมหารค่าลูกหาบด้วย ก็เลยสรุปค่าใช้ตจ่ายอยู่ที่ 1628 บาท สำหรับ 3 วัน 2 คืน ของทริปนี้ครับ ปล.ค่าขึ้นเขาที่หารกับกลุ่มที่ถูกจัดไว้ให้อยู่ที่ 420 บาทครับ
หลังจากตรงนี้จะพาชมบรรยากาศการเดินเขาสันหนอกวัวที่สูงจากระดับน้ำทะเล 1767 เมตร ระยะกระจัด 9 กม ระยะทางเดินจริงเกือบๆ 12 กม
คำบรรยายอยู่ก่อนภาพนะ
บรรยากาศพระอาทิตย์ตกที่ป้อมปี่ในวันแรกของทริป
แสงค่อนข้างฟุ้งเพราะตอนที่ไปเหมือนจะเป็นฝุ่น ไม่ใช่หมอกครับ
จุดชมพระอาทิตย์ตกครับ คนมารอดูเยอะเลย
สองคนใต้ร่มคันใหญ่นั่นคือชาวต่างชาติด้วยนะ เที่ยวเก่งง
หากคุณอยากนอนเต็นท์และแพในเวลาเดียวกัน สามารถทำแบบนี้ก็ได้นะ แต่ควรมาเร็วๆไม่งั้นไม่ทัน
มุมนี้ก็อยู่ข้างๆจุดชมวิวเมื่อกี้เลย
เดินเล่นๆ เดินมาเจอสะพานแขวน
เช้าช่วงตี 5 ก่อนออกมาอาบน้ำก็มาเจอดวงจันทร์ฉายแสงชมพูม่วงใส่ท้องฟ้าอยู่
ใช้เลนส์ 16-55 F2.8 ถ่ายแล้วครอปเอาครับ
อันนี้เดิน ss กับ iso ขึ้นนิดหน่อย ม่วงอมชมพูมากเลย นี่ไม่ได้แต่งสีเลยนะ
วันที่สอง จุดเริ่มต้นของการเดินทางเพื่อพิชิตยอดสันหนอกวัวมาถึงแล้ว
ทางเดินมองง่ายนะ เดินไม่ยากเลย
ค่อยๆไป เหนื่อยก็พัก เดี๋ยวก็ถึง
ชอบตรงที่ไม่ว่าข้างนอกจะร้อนแค่ไหน ข้างล่างก็ยังร่มใต้เงาไม้ใหญ่
แรกๆมาก็ยังดูดี ถึงจุดพัก 2 อย่างรวดเร็ว
แต่อยู่ตรงนี้ได้ไม่นานครับ ผึ้งเยอะมาก ไม่ต่อยนะถ้าเราไม่ไปปัดมันแรง แต่น่ารำคาญมากๆ
เนี่ย ตอมได้ตอมดี นี่เป้นะไม่ใช่ขนมหวาน
จุดพักที่ 5 พักทานมื้อเที่ยงกันก่อน ที่เห็นรูปถึงจุดห้าเร็วไม่ใช่อะไร ระหว่างทางไม่อยากหยิบกล้องแล้ว เริ่มเหนื่อยเพราะผมแบกขึ้นไปก็ประมาณ 16 โลเลย
จะไม่ให้ร่มได้ไง ต้นไม้ใบไม้เยอะมากๆ
แบบนี้เรียกยอดอ่อนไหม
ขึ้นมาถึงด้านบนแล้ว เดินอีกนิดก็จะถึงแล้วล่ะ
นั่นไงลานกางเต็นท์ ตอนนี้คือกำลังเดินไปชมวิวที่สันหนอกวัวเล็ก
แชะภาพกับธงชาติไทยหน่อยนะ
สวยมาก มองจากรูปตอนแรกนึกว่าม่อนจอง ที่เห็นสูงสุดตรงนั้นล่ะคือสันหนอกวัวใหญ่
สวัสดีน้องหนอกวัวใหญ่
ปักธงว่าปีนี้เรามาพิชิตได้อีกยอดแล้วนะ
ลองถ่ายดาวทั้งๆที่ฟ้าสว่างครับ หาช้างไม่เจอเลยทีเดียว
หม้อสนาม นึกถึงตอนเข้าเรียน รด
แสงแรกของวันที่สามกำลังไต่เส้นขอบฟ้าขึ้นมา
กับภาพภูเขาที่เรียงรายกันเป็นชั้นสูงต่ำสลับกันไป
มองเห็นยอดของเขาเรด้าห์ของทหารที่เอาไว้ตรวจจับเครื่องบินในโซนน่านฟ้าไทยแห่งนี้
ตรงโน้นคือสันหนอกเล็ก
จริงจังมากกับการโพสต์ท่าถ่ายรูป ฮ่าๆๆ
จะเก็บเอาจันทร์มาใส่ใจ~
The Gang
และผมเอง
ลาแล้วนะ เขาสันหนอกวัว ไว้มีทริปหน้าอีกจะมาแชร์ประสบการณ์นะครับ
ติดตามเพิ่มเติมได้ทาง IG: w.whereIhavebeen
รีวิวประสบการณ์ จองไปเดินขึ้นเขาสันหนอกวัว คนเดียว 3 วัน 2 คืน
เพราะในทุกๆสถานที่ๆเราเดินทางไปนั้น เราจะได้เจอผู้คนที่มีความสนใจป่าเขาในแบบเดียวกับเรา ได้พูดคุยแชร์ประสบการณ์กับคนแปลกหน้าที่ไม่ใช่แค่ผ่านมาแล้วผ่านไป แต่เรากลับได้มีเพื่อนคุยเพิ่มขึ้น เพื่อนร่วมเดินทางที่มีแผนร่วมเดินทางไปพิชิตยอดเขาลูกใหม่ในครั้งหน้า ความแปลกใหม่ตรงนี้เองที่จะกลายเป็นมิตรภาพดีๆในวันข้างหน้า
สันหนอกวัว เป็นอีกหนึ่งยอดเขาในกาญจนบุรี ที่ไม่ได้เปิดให้ขึ้นไปพิชิตได้ตลอดทั้งปี แต่ต้องมีการโทรจองก่อนเดินทาง เพื่อจำกัดปริมาณนักท่องเที่ยวต่อรอบ ข่าวสารการจองสามารถติดตามได้ในเพจของอุทยานแห่งชาติเขาแหลมครับ ความง่ายของการเดินทางไปคนเดียวคือ เวลาโทรจอง จะสามารถจองช่วงเวลาได้ง่ายมาก และวันที่ผมไปไม่ได้เน้นถ่ายทางช้างเผือก แค่อยากไปสัมผัสบรรยากาศยอดเขากับแสงจันทร์ เลยโทรจองไปช่วงวันที่ 9-10 กพ 63 ล่วงหน้าประมาณ 3 สัปดาห์ครับ
[การเดินทาง] สำหรับใครที่กังวลว่าไม่มีรถแล้วจะเดินทางลำบาก บอกได้เลยว่าสบายมาก ยิ่งไม่เอารถไป ยิ่งได้พักผ่อนระหว่างเดินทางกลับด้วยนะ เนื่องจากเราต้องลงทะเบียนขึ้นเขาตอนเช้า 8-10 โมง ที่ป้อมปี่ ทำให้ผมตัดสินใจไปกางเต็นท์ที่ป้อมปี่ก่อนในที่ 8 กพ
วันที่ 8 กพ
07.00 น. เดินทางไปถึงคิวรถตู้ที่หมอชิต และทำการซื้อตั๋วของวินรถตู้รอบ 7.40 น. แต่ก็เลทเป็น 8.15 อยู่ดี ในจุดนี้ถ้าใครตื่นเช้าได้สามารถไปซื้อตั๋วกหมอชิต-สังขละบุรี ที่ บขส ได้เลยนะ รถเช้าออกรอบเดียวตอน 6.30 น. ถ้าไม่ชอบการจอดแวะๆๆๆๆของรถตู้
10.30 น. ไปถึง บขส กาญฯ ตรงลึกเข้าไปซื้อตั๋วรถ กาญฯ-สังขละบุรี แล้วบอกพี่เค้าว่าเราจะลงที่ป้อมปี่ รถจะออกรอบ 11.00 น. (ตรงเวลามากนะ ระวังตกรถ) ก่อนถึงเวลาผมก็เข้าเซเว่นไปเตรียมเสบียงสำหรับขึ้นเขาก่อนเลย คันที่ขึ้นไปจะเป็นรถประจำทางไม่ปรับอากาศนะ นั่งตากลมเย็นๆสบายๆไป
15.00 น. รถมาปล่อยผมลงที่จุดชมวิวป้อมปี่ เดินต่อเข้าไป 1 กม ก็จะเจอป้อมตรวจเราต้องซื้อตั๋วเข้าอุทยานที่นี่ก่อน หลังจากนั้นก็เข้าไปกางเต็นท์หาทำเลที่ชอบได้เลย ตกเย็นมีร้านข้าว อาหารอร่อย ให้เยอะราคากันเอง ขายที่นั่นเลย ดีมากๆ ต้องไม่ลืมบอกป้าเค้าไว้ว่าขอสั่งข้าวสำหรับขึ้นไปกินที่เขาสันหนอกวัวด้วย ป้าจะทำเป็นห่อให้สำหรับทานเป็นมื้อเที่ยงด้านบน
วันที่ 9 กพ
05.00 น. อาบน้ำครับ เอาให้สะอาดไปเลยเพราะข้างบนไม่มีอะไรเลยนอกจากห้องน้ำหลุม ที่นี่ห้องน้ำดีมากกกกก เป็นอีกที่ๆอยากเข้าไปใช้บริการสุดๆ
07.30 น. ทานข้าวเช้าให้พร้อมที่ร้านป้าร้านเดิม พร้อมรับห่อข้าวมื้อเที่ยง
08.00 น. พร้อมแล้วไปลงทะเบียนครับ จนท จะจัดกลุ่มไว้ให้เพื่อหารเฉลี่ยค่า จนท พาขึ้นและค่ารถที่จะพาไปส่งที่จุดเริ่มต้นเดิน ตอนนั้นผมโชคดีได้เจอกลุ่มน้องที่รู้จักมากัน 6 คน พอดี ก็เลยช่วยหารค่ากลุ่มที่ จนท จัดไว้ให้ แต่ขอตัวไปเดินกับกลุ่มน้องที่รู้จักแทน จนท ก็อนุญาตนะ ไม่ได้ว่าอะไร แต่...! ถ้าอยากไปหารกับกลุ่มที่คนเยอะกว่า (สูงสุดไม่เกิน 7 คน) เพื่อลดค่าใช้จ่าย อันนี้ จนท ไม่อนุญาตนะ เพราะว่าคนในกลุ่มที่เราหนีออกมาจะต้องหารเยอะขึ้นไปอีก ส่วนลูกหาบจ่ายทีหลัง ลูกหาบแบกได้ 30 โลในเรท 1400 บาท แต่ถ้าเกินจะคิดเพิ่มโลละ 46 บาท
10.00 น. เดินทางไปถึง จุดเริ่มต้น ใช้เวลาในการเดินเท้าต่ออีกประมาณ 5-6 ชม.
15.00 น. ถึงลานกางเต็นท์ ตรงนี้ผมแนะนำว่าอย่าไปกางตรงลาน ให้เดินหลบไปโซนป่าข้างล่างหน่อยเพื่อลดแรงปะทะของลม เพราะกลางคืนลมแรงมากๆ ถ้าไม่ปักสมอมีปลิวแน่นอน หรือใครจะไปเลือกกางบริเวณลานระหว่างหนอกเล็กกับหนอกใหญ่ก็ทำได้เหมือนกัน และจากคำบอกเล่าลมก็จะแรงพอๆกัน
17.00 น. คนจะเริ่มขึ้นไปถ่ายรูปกันแล้วที่สันหนอกวัวเล็ก เพื่อรอดูพระอาทิตย์ตก หากใครจะขึ้นไปที่สันหนอกวัวใหญ่เลยก็ได้นะ ไปเองได้เลย เดินง่ายพอสมควร แต่ผมรอไปตอนเช้าแทน ดูเสร็จก็ลงมาทำอาหารกินแล้วก็พักเอาแรงครับ
วันที่ 10 กพ
05.30 น. ออกไปลองถ่ายดาวตามแอพดูดาวที่บอกว่าดวงจันทร์จะตกลับขอบฟ้า แต่ผิดคาดครับ สว่างทั้งฟ้า ก็เลยถ่ายดวงจันทร์แทนไปเลย แล้วก็เดินขึ้นไปสันหนอกวัวใหญ่เพื่อรอดูพระอาทิตย์ขึ้นแทน
08.30 น. เราพร้อมลงครับ มื้อเช้าทานแค่ ซีเล็กทูน่า 2 กระป๋อง และขนมปังสองแผ่นก็เอาอยู่นะ
12.00 น. ลงมาถึงข้างล่างพอดี จริงๆถ้าเดินไวหน่อยอาจลงถึง 11 โมงเช้าได้เลย ตรงนี้จะมีรถ จนท คอยรับกลับไปป้อมปี่ เราจะรอกลับพร้อมกลุ่มหรือจะขอกลับแยกก็ได้เหมือนกัน เรากลับมาถึงจุดลงทะเบียนประมาณ 12.45 น. มีสองวิธีถ้าจะกลับไปที่ บขส กาญ
1. อาบน้ำที่ป้อมปี่ ทานข้าวเที่ยง แล้วออกมารอรถบัสปรับอากาศของ สังขละบุรี-กาญฯ ตรงป้ายทางเข้าป้อมปี่
2. หาติดรถนักเดินทางท่านอื่นไปลงที่น้ำตกเกริงกระเวีย อาบน้ำที่นั่นได้แต่ห้องอาบมีห้องเดียว น้ำตกสวยนะ แต่ถ้าคิดว่าไม่ทันบ่าย 2 ให้แพลนมารอบหน้าแทน ทำธุระเสร็จแล้วเก็บของแล้วเดินเลยออกไปอีกนิดนะครับ จะมีคิวรถตู้อยู่ จะกลับพร้อมรถตู้ก็ได้ หรือจะกลับพร้อมรถบัสสังขละบุรีก็ได้ เน้นว่าถ้าอยากกลับรถบัส ควรไปรอรถก่อน 14.00 น. ถ้าตกรอบนี้อาจจะต้องรอนานเลย
14.00 น. ผมนั่งรถปรับอากาศจากน้ำตกเกริงกระเวีย เข้าสู่ บขส กาญฯ
18.00 น. รถมาจอดที่ บขส. เราก็ลงไปซื้อตั๋วรถตู้ มินิบัส กลับหมอชิตรอบ 19.40 (รถออกก่อนเวลาด้วย) เป็นอันจบทริปครับ
[ค่าใช้จ่ายตลอดทริป]
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเสบียงที่เตรียมขึ้นไปนะครับ อีกอย่างรอบนี้น้องๆในกลุ่มที่ไปด้วยกันไม่ให้ผมหารค่าลูกหาบด้วย ก็เลยสรุปค่าใช้ตจ่ายอยู่ที่ 1628 บาท สำหรับ 3 วัน 2 คืน ของทริปนี้ครับ ปล.ค่าขึ้นเขาที่หารกับกลุ่มที่ถูกจัดไว้ให้อยู่ที่ 420 บาทครับ
หลังจากตรงนี้จะพาชมบรรยากาศการเดินเขาสันหนอกวัวที่สูงจากระดับน้ำทะเล 1767 เมตร ระยะกระจัด 9 กม ระยะทางเดินจริงเกือบๆ 12 กม
คำบรรยายอยู่ก่อนภาพนะ
บรรยากาศพระอาทิตย์ตกที่ป้อมปี่ในวันแรกของทริป
แสงค่อนข้างฟุ้งเพราะตอนที่ไปเหมือนจะเป็นฝุ่น ไม่ใช่หมอกครับ
จุดชมพระอาทิตย์ตกครับ คนมารอดูเยอะเลย
สองคนใต้ร่มคันใหญ่นั่นคือชาวต่างชาติด้วยนะ เที่ยวเก่งง
หากคุณอยากนอนเต็นท์และแพในเวลาเดียวกัน สามารถทำแบบนี้ก็ได้นะ แต่ควรมาเร็วๆไม่งั้นไม่ทัน
มุมนี้ก็อยู่ข้างๆจุดชมวิวเมื่อกี้เลย
เดินเล่นๆ เดินมาเจอสะพานแขวน
เช้าช่วงตี 5 ก่อนออกมาอาบน้ำก็มาเจอดวงจันทร์ฉายแสงชมพูม่วงใส่ท้องฟ้าอยู่
ใช้เลนส์ 16-55 F2.8 ถ่ายแล้วครอปเอาครับ
อันนี้เดิน ss กับ iso ขึ้นนิดหน่อย ม่วงอมชมพูมากเลย นี่ไม่ได้แต่งสีเลยนะ
วันที่สอง จุดเริ่มต้นของการเดินทางเพื่อพิชิตยอดสันหนอกวัวมาถึงแล้ว
ทางเดินมองง่ายนะ เดินไม่ยากเลย
ค่อยๆไป เหนื่อยก็พัก เดี๋ยวก็ถึง
ชอบตรงที่ไม่ว่าข้างนอกจะร้อนแค่ไหน ข้างล่างก็ยังร่มใต้เงาไม้ใหญ่
แรกๆมาก็ยังดูดี ถึงจุดพัก 2 อย่างรวดเร็ว
แต่อยู่ตรงนี้ได้ไม่นานครับ ผึ้งเยอะมาก ไม่ต่อยนะถ้าเราไม่ไปปัดมันแรง แต่น่ารำคาญมากๆ
เนี่ย ตอมได้ตอมดี นี่เป้นะไม่ใช่ขนมหวาน
จุดพักที่ 5 พักทานมื้อเที่ยงกันก่อน ที่เห็นรูปถึงจุดห้าเร็วไม่ใช่อะไร ระหว่างทางไม่อยากหยิบกล้องแล้ว เริ่มเหนื่อยเพราะผมแบกขึ้นไปก็ประมาณ 16 โลเลย
จะไม่ให้ร่มได้ไง ต้นไม้ใบไม้เยอะมากๆ
แบบนี้เรียกยอดอ่อนไหม
ขึ้นมาถึงด้านบนแล้ว เดินอีกนิดก็จะถึงแล้วล่ะ
นั่นไงลานกางเต็นท์ ตอนนี้คือกำลังเดินไปชมวิวที่สันหนอกวัวเล็ก
แชะภาพกับธงชาติไทยหน่อยนะ
สวยมาก มองจากรูปตอนแรกนึกว่าม่อนจอง ที่เห็นสูงสุดตรงนั้นล่ะคือสันหนอกวัวใหญ่
สวัสดีน้องหนอกวัวใหญ่
ปักธงว่าปีนี้เรามาพิชิตได้อีกยอดแล้วนะ
ลองถ่ายดาวทั้งๆที่ฟ้าสว่างครับ หาช้างไม่เจอเลยทีเดียว
หม้อสนาม นึกถึงตอนเข้าเรียน รด
แสงแรกของวันที่สามกำลังไต่เส้นขอบฟ้าขึ้นมา
กับภาพภูเขาที่เรียงรายกันเป็นชั้นสูงต่ำสลับกันไป
มองเห็นยอดของเขาเรด้าห์ของทหารที่เอาไว้ตรวจจับเครื่องบินในโซนน่านฟ้าไทยแห่งนี้
ตรงโน้นคือสันหนอกเล็ก
จริงจังมากกับการโพสต์ท่าถ่ายรูป ฮ่าๆๆ
จะเก็บเอาจันทร์มาใส่ใจ~
The Gang
และผมเอง
ลาแล้วนะ เขาสันหนอกวัว ไว้มีทริปหน้าอีกจะมาแชร์ประสบการณ์นะครับ
ติดตามเพิ่มเติมได้ทาง IG: w.whereIhavebeen