ช่วงนี้กระแสเขาช้างเผือกมาแรงเหลือเกิน พวกเรา ก็ไม่พลาดที่จะตั้งเป้าพิชิตเขาช้างเผือกสักครั้ง เตรียมการตั้งแต่เปิดใหม่ ๆ ลางานล่วงหน้าเป็นเดือน ๆ พอถึง 7 วันก่อนจะไปจริง ๆ สรุปว่า เต็ม ตามความคาดหมาย แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีอีกเขาใกล้ ๆ กัน แถมยังสูงกว่า ที่สำคัญจองง่ายกว่ามาก เขานั้นก็คือ เขาแห่งความหวัง เอ้ย!! เขาสันหนอกวัวต่างหากหละฮะ ก่อนจะไปต่อ ผมขอชี้แจงก่อนเลยว่า เรื่องรายละเอียด ของอุทยาน การเดินทาง ค่าใช้จ่าย อะไรพวกนั้น ผมจะไม่นำมารีวิวหลอกนะครับ พวกนั้นมีคนทำเยอะแล้ว คิดซะว่าอ่านนิยายอยู่ละกันเนอะ พร้อมแล้วเริ่มกันเลย
25 ม.ค.60 การเดินทางครั้งนี้มีสมาชิกตั้งต้นทั้งหมด 3 คน คือ ผมกับ เพื่อนสนิทอีก 2 คน เรานัดพบกันที่หมอชิตเพื่อจะนั่งรถตู้ไปกาญจนบุรี
การเดินทางเรียบร้อยดี( ช่วงนี้รถตู้ขับช้าลงอย่างเห็นได้ชัด สบายใจผู้โดยสารจริง ๆ ครับ ) ประมาณ 2 ชม .พวกเราก็ถึง ขนส่งกาญจนบุรี เรารีบไปยังวินรถตู้สังขละเพื่อจะต่อรถไปลงที่ "ป้อมปี่" ให้ไว้ที่สุด โชคเข้าข้างเรา รอไม่ถึง 10 นาทีรถก็ออกแถวที่นั่งนังไม่เต็มอีก นั่งสบายเลยหละฮะ
นั่งประมาณ 3 ชม. ก็ถึง โชคดียังคงเป็นของเราบังเอิญรถเจ้าหน้าที่ผ่านมาพอดี โบกสิครับรออะไร เข้ามาถึงก็ต้องจ่ายค่าธรรมเนียม นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังแนะนำ เรื่องการขึ้นเขาในวันพรุ่งนี้ให้เราฟังอีกด้วย
ที่แรกที่พวกเรามุ่งตรงไหนก็คือร้านค้าสวัสดิการณ์ ที่ป้อมปี่จะมีร้านค้าสวัสดิการณ์ ที่เปรียบเสมือน โอเอซิส อยู่ เพราะเป็นแหล่งอาหารของสัตว์กินเนื้ออย่างพวกเราทั้ง 3 คน เมนูอาหารก็จะง่าย ๆ ราคาไม่แพง มีน้ำอัดลมขายแต่ไม่มีขนม เจ้าหน้าที่ใจดีมาก มีกล้วยวางอยู่ที่เค้าเตอร์พอดีพวกเราอยู่ในวัยกำลังโตจึงจะขอซื้อแต่ ก็ได้มาฟรี ๆ ดีใจสุด ๆ ไปเลย
หลังจากกินอิ่ม ก็ถึงเวลานอน !! เอ้ยยังก่อน เราก็ไปหาที่กางเต้นท์ กัน วันนี้เป็นวันพุธ แถมยังเป็นช่วง กลางวัน ทั้งป้อมปี่ จึงมีแต่พวกเรา 3 คน เลือกจุดได้สบาย อยากได้ วิวริมน้ำขนาดไหนก็ได้
หลังจากกางเต้นท์เสร็จ ก็ถึงเวลาพักผ่อน นอนฟังเสียงนกใต้ร่มไม้ ลมเย็น ๆ พัดผ่าน ถือเป็นการพักก่อนเจอศึกหนักในวันพรุ่งนี้ หลังจากนั้นก็ถึงเวลาอาหารเย็น ตอนเที่ยงผมแอบเห็นเมนูต้มยำปลาคัง เย็นนี้จึงลองสั่งมาทาน ดู ถือว่า รสชาติดีทีเดียว ส่วนเมนูอื่น ๆ ก็ใช้ได้ เรียกได้ว่า ใครมาป้อมปี่ฝากท้องกับร้านสวัสดิการณ์เถอะครับไม่ผิดหวัง
ทานข้าวเสร็จ ถึงเวลาพระอาทิตย์กำลังจะตกพอดี ทั้งบึงน้ำเปลี่ยนเป็นสีส้ม ลมพัดเย็นสบาย ภาพที่ปรากฎตรงหน้า เป็นที่น่าจดจำ
นอกจากนี้ยังมีแพริมน้ำ ไว้สำหรับวัยรุ่นที่อยากมากระโดดน้ำ ด้วย แต่พวกเราได้แค่นั่งเล่น นั่งคุย กัน อาจเพราะเกินวัยไปแล้วก็ได้ 55
ไม่นาน ฟ้าก็มึดพวกเราก็กลับไปประจำการณ์ที่เต้น นั่งคุยกันไปสักพักก็เกิดหิวขึ้นมา บวกกับอยากลอง เตาสนามที่พรุ่งนี้ต้องขึ้นไปใช้บนเขา kitchen stadium กลางป่าจึงอุบัติขึ้นก่อนกำหนด
เมนูของพวกเราเน้น ทำง่าย แต่ แฝงไปด้วยความโมเดิ้น 55+ คืนนี้เรากินสปาเก็ตตี้กันเป็นของว่างฮะ ง่าย ๆ เอาลงไปต้มทั้งซอง แล้วฉีกเอามารวมกัน เสร็จ รสชาติดีทีเดียว ถือว่าเป็นการทดสอบก่อนใช้งานจริงที่โอเคเลย
ท้องอิ่มก็ถึงเวลานอน น้องหมาเจ้าถิ่น วิ่งวนรอบเต้นท์ทั้งคืนเลย สงใสจะตกใจเสียงกรนของเพื่อนผม
[CR] เข้าช้างเผือกเต็มไม่ต้องกลัว สันหนอกวัวยังว่าง(ภาค เดินขึ้นเขา)
25 ม.ค.60 การเดินทางครั้งนี้มีสมาชิกตั้งต้นทั้งหมด 3 คน คือ ผมกับ เพื่อนสนิทอีก 2 คน เรานัดพบกันที่หมอชิตเพื่อจะนั่งรถตู้ไปกาญจนบุรี
การเดินทางเรียบร้อยดี( ช่วงนี้รถตู้ขับช้าลงอย่างเห็นได้ชัด สบายใจผู้โดยสารจริง ๆ ครับ ) ประมาณ 2 ชม .พวกเราก็ถึง ขนส่งกาญจนบุรี เรารีบไปยังวินรถตู้สังขละเพื่อจะต่อรถไปลงที่ "ป้อมปี่" ให้ไว้ที่สุด โชคเข้าข้างเรา รอไม่ถึง 10 นาทีรถก็ออกแถวที่นั่งนังไม่เต็มอีก นั่งสบายเลยหละฮะ
นั่งประมาณ 3 ชม. ก็ถึง โชคดียังคงเป็นของเราบังเอิญรถเจ้าหน้าที่ผ่านมาพอดี โบกสิครับรออะไร เข้ามาถึงก็ต้องจ่ายค่าธรรมเนียม นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังแนะนำ เรื่องการขึ้นเขาในวันพรุ่งนี้ให้เราฟังอีกด้วย
ที่แรกที่พวกเรามุ่งตรงไหนก็คือร้านค้าสวัสดิการณ์ ที่ป้อมปี่จะมีร้านค้าสวัสดิการณ์ ที่เปรียบเสมือน โอเอซิส อยู่ เพราะเป็นแหล่งอาหารของสัตว์กินเนื้ออย่างพวกเราทั้ง 3 คน เมนูอาหารก็จะง่าย ๆ ราคาไม่แพง มีน้ำอัดลมขายแต่ไม่มีขนม เจ้าหน้าที่ใจดีมาก มีกล้วยวางอยู่ที่เค้าเตอร์พอดีพวกเราอยู่ในวัยกำลังโตจึงจะขอซื้อแต่ ก็ได้มาฟรี ๆ ดีใจสุด ๆ ไปเลย
หลังจากกินอิ่ม ก็ถึงเวลานอน !! เอ้ยยังก่อน เราก็ไปหาที่กางเต้นท์ กัน วันนี้เป็นวันพุธ แถมยังเป็นช่วง กลางวัน ทั้งป้อมปี่ จึงมีแต่พวกเรา 3 คน เลือกจุดได้สบาย อยากได้ วิวริมน้ำขนาดไหนก็ได้
หลังจากกางเต้นท์เสร็จ ก็ถึงเวลาพักผ่อน นอนฟังเสียงนกใต้ร่มไม้ ลมเย็น ๆ พัดผ่าน ถือเป็นการพักก่อนเจอศึกหนักในวันพรุ่งนี้ หลังจากนั้นก็ถึงเวลาอาหารเย็น ตอนเที่ยงผมแอบเห็นเมนูต้มยำปลาคัง เย็นนี้จึงลองสั่งมาทาน ดู ถือว่า รสชาติดีทีเดียว ส่วนเมนูอื่น ๆ ก็ใช้ได้ เรียกได้ว่า ใครมาป้อมปี่ฝากท้องกับร้านสวัสดิการณ์เถอะครับไม่ผิดหวัง
ทานข้าวเสร็จ ถึงเวลาพระอาทิตย์กำลังจะตกพอดี ทั้งบึงน้ำเปลี่ยนเป็นสีส้ม ลมพัดเย็นสบาย ภาพที่ปรากฎตรงหน้า เป็นที่น่าจดจำ
นอกจากนี้ยังมีแพริมน้ำ ไว้สำหรับวัยรุ่นที่อยากมากระโดดน้ำ ด้วย แต่พวกเราได้แค่นั่งเล่น นั่งคุย กัน อาจเพราะเกินวัยไปแล้วก็ได้ 55
ไม่นาน ฟ้าก็มึดพวกเราก็กลับไปประจำการณ์ที่เต้น นั่งคุยกันไปสักพักก็เกิดหิวขึ้นมา บวกกับอยากลอง เตาสนามที่พรุ่งนี้ต้องขึ้นไปใช้บนเขา kitchen stadium กลางป่าจึงอุบัติขึ้นก่อนกำหนด
เมนูของพวกเราเน้น ทำง่าย แต่ แฝงไปด้วยความโมเดิ้น 55+ คืนนี้เรากินสปาเก็ตตี้กันเป็นของว่างฮะ ง่าย ๆ เอาลงไปต้มทั้งซอง แล้วฉีกเอามารวมกัน เสร็จ รสชาติดีทีเดียว ถือว่าเป็นการทดสอบก่อนใช้งานจริงที่โอเคเลย
ท้องอิ่มก็ถึงเวลานอน น้องหมาเจ้าถิ่น วิ่งวนรอบเต้นท์ทั้งคืนเลย สงใสจะตกใจเสียงกรนของเพื่อนผม
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น