สันหนอกวัวเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดกาญจนบุรี มีระดับความสูงที่ 1,767 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ถึงแม้จะมีความสูงระดับนี้ แต่เราใช้เวลาตัดสินใจก่อนจะเดินทางกันแค่ 2 วันเท่านั้น เรียกได้ว่าพอโทรจองปุ๊ปก็จัดกระเป๋าไปปั๊ป และต้องบอกก่อนเลยว่านี้เป็นการเดินป่าแบบระยะไกลครั้งแรกของเรา แอบบอกไว้ก่อนว่าบนยอดสันหนอกวัว เจอทั้งช้างเผือกทั้งดาวตก อากาศก็เลขตัวเดียว ทริปนี้จะเป็นยังไงจะเหนื่อยจะทรหดจะหนาวจะสวยงามแค่ไหนตามมาอ่านพร้อมกันได้เลย
(รายละเอียดการจองและค่าใช้จ่ายจะอยู่ด้านล่างสุดของโพสนี้)
.
.
.
(Day 1) เราออกเดินทางจากกทม.มุ่งหน้าสู่จ.กาญจนบุรี แวะเที่ยวกันเล็กน้อยที่ “น้ำตกผาตาด”
น้ำตกผาตาดเกิดจากลำห้วยเล็กๆ บริเวณเทือกเขากะลาไหลลงมารวมเป็นห้วยกุยมั่งและไหลมาเป็นน้ำตกผาตาด
น้ำตกผาตาดขึ้นชื่อว่าเป็นน้ำตกที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดกาญจนบุรี
ไฮไลท์ของน้ำตกแห่งนี้อยู่ที่ชั้นที่ 3 จะเป็นสายน้ำไหลลดหลั่นซ้อนกันลงมา มีหน้ากว้างกว่า 10 เมตรอลังการสวยงามมาก
Location น้ำตกผาตาด
จากนั้นเราก็มุ่งหน้าสู่ “ป้อมปี่” ซึ่งจะเป็นที่พักของเราในคืนแรกก่อนจะขึ้นสันหนอกวัว นอกจากจะเป็นที่พักของเราแล้ว ป้อมปี่ยังเป็นจุดลงทะเบียนสำหรับผู้ที่จะขึ้นสันหนอกวัวอีกด้วย
เมื่อมาถึงป้อมปี่แล้วสำหรับคนที่ไม่ได้เอาเต็นท์มาเองอย่างเรา ที่ป้อมปี่ก็มีบริการให้เช่าเต็นท์หลังละ 100 บาท เช่าเต็นท์แล้วเราสามารถเลือกหาที่กางเต็นท์ได้เลยว่าจะเอามุมไหน เราเลือกทำเลติดริมน้ำกันไปเลย บอกเลยว่ามุมนี้จ่ายค่าเต็นท์แค่ 100 บาท แต่วิวนี้หลักล้านกันเลยทีเดียว
ป้อมปี่ ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในภาคตะวันตก
ได้ยินมานานเรื่องพระอาทิตย์ตกที่ป้อมปี่ พอได้
ได้มาเห็นแล้ว สวยงามสมคำร่ำลือจริงๆ
ยิ่งตกเย็นอากาศก็ยิ่งหนาว บรรยากาศดีมาก
แสงสุดท้ายของวัน ณ ป้อมปี่
ส่องๆหาดาว
กำลังจะไปทานข้าวที่ร้านอาหารภายในป้อมปี่ เจอเครื่องบิน บินผ่านพอดี เลยขอแชะสักรูปสองรูปก่อนจะไปทานข้าวและอาบน้ำนอน เตรียมพร้อมขึ้น
สันหนอกวัวในวันพรุ่งนี้
สำหรับคนที่นอนเต็นท์และไม่ได้เตรียมอาหารมาทานอย่างเรา ภายในป้อมปี่มีร้านอาหารให้บริการ และทางป้อมปี่ยังมีห้องอาบน้ำแยกชายหญิงไว้ให้ เรื่องของการชาร์จแบตสามารถาชาร์จได้บริเวณร้านอาหารตลอดทั้งคืน หรือใครที่ไม่สะดวกนอนเต็นท์ที่ป้อมปี่ก็มีบ้านพักราคาถูกไว้บริการอีกด้วย
Location : ป้อมปี่
(Day 2)
วันที่ 2 วันที่เราจะต้องเดินขึ้นสันหนอกวัวกับระยะทางกว่า 9 กิโลเมตร (แต่จริงๆพี่เจ้าหน้าที่บอกว่า 12 กิโล) แค่ได้ยินยังไม่ทันจะเดินก็เหนื่อยแล้ว ก่อนอื่นเราควรรับประทานอาหารเช้าก่อนจะเดินขึ้นให้พร้อมและเตรียมอาหารน้ำดื่มที่จะรับประทานด้านบนสันหนอกวัวไปให้เพียงพออุปกรณ์แคมปิ้งอุปกรณ์ทำอาหารต่างๆต้องพร้อม เมื่อเตรียมของ ทำธุระส่วนตัวกันเสร็จแล้วก็ถึงเวลาลงทะเบียนขึ้นสันหนอกวัว จะมีเจ้าหน้าที่ประจำ ณ จุดลงทะเบียนขึ้นสันหนอกวัว บริเวณลานจอดรถป้อมปี่
เจ้าหน้าที่จะจัดแจงแบ่งกรุ๊ปให้ ในกรณีที่เราจองมาไม่เต็มกรุ๊ป อย่างของเราจองมาแค่ 3 คน ก็ต้องไปจอยกรุ๊ปกับกลุ่มอื่น แต่ละกรุ๊ปจะไม่เกิน 7 คน ต่อเจ้าหน้าที่ 1 คน เมื่อรวมกรุ๊ปกันสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่จะแจ้งว่าใครจะเป็นคนนำทางของเรา ลูกหาบคือใคร(ลูกหาบจะจ้างหรือไม่จ้างก็ได้) และรถที่จะไปส่งยังจุดเริ่มเดินคือคันไหน
เมื่อเราได้เจอทั้งเพื่อนร่วมกรุ๊ป ไกด์ ลูกหาบ และคนขับรถแล้ว ก็ถึงเวลาขึ้นรถไปยังจุดเริ่มเดินบริเวณเขาเรดาร์ ซึ่งถือเป็นการเริ่มผจญภัยของเราในวันนี้ ถึงแม้กายจะไม่ค่อยพร้อมแค่ใจเราพร้อม สู้ไม่ถอยยังไงต้องไปให้ถึงยอดสันหนอกวัวให้ได้
การเดินขึ้นสันหนอกวันระยะทางจนถึงจุดตั้งแคมป์ 9 กิโล ใช้เวลาเดินประมาณ 6-7 ชั่วโมง ถามว่าชันไหมตอบเลยว่า มาก! ถามว่าเหนื่อยไหมตอบเลยว่า โคตรเหนื่อย ยิ่งเดินยิ่งชัน แต่ถ้าเหนื่อยเราก็แค่พักไปเรื่อยๆและจะมีจุดพักทุกๆ1กิโลเมตร เดินไปพักไปเดี๋ยวก็ถึง
เดินไปสักพักก็จะเริ่มเห็นวิวด้านล่างกันบ้างแล้ว พอเห็นวิวก็ทำให้พอมีแรงฮึดปีนกันต่อไป
มันจะชันแล้วก็เหนื่อยมากๆช่วง เนินหมาถอยนี้แหละ พอปีนขึ้นเนินหมาถอยขึ้นมาจนสุดแล้วเจ้าหน้าที่จะให้เราพักทานอาหารกลางวันกันก่อน ทำให้เราได้พักกันสักแปปหลังจากสู้กับเจ้าหมาถอยมาเล่นเอาหมดแรงเลยสภาพเป็นอย่างที่เห็น
หลังจากทานข้าวเสร็จแล้วเราก็เริ่มเดินกันต่อถึงแม้ทางจะไม่ค่อยชันมากแล้ว แต่เจ้าหมาถอยก็เล่นเราซะหมดแรงทำให้การเดินที่เหลือยิ่งเหนื่อยเพิ่มขึ้นไปอีก จะมีชันอีกช่วงก็ตอนเนินปราบเซียนแต่จะไม่ชันเท่าหมาถอยแล้ว เราเดินตั้งแต่ช่วง 9 โมงกว่า ถึงจุดตั้งแคมป์ประมาณบ่าย 2 กว่า ใช้เวลาเดินไปประมาณ 5-6 ชั่วโมง
พอมาถึงเจ้าหน้าที่จะช่วยเรากางเต็นท์ส่วนลูกหาบจะไปเอาน้ำจากลำธารมาให้เราได้ใช้กัน เราได้พักกันจนถึง 5 โมงเย็น ก่อนที่เราจะเดินขึ้นไปชมพระอาทิตย์ตกกันบนสันหนอกวัว
จากที่เดินขึ้นมาเหนื่อยๆพอถึงแคมป์ปุ๊ปหายเหนื่อยไปสักพักนึงเลย เพราะอึ้งกับวิวอยู่ วิวบนนี้สุดลูกหูลูกตาจริงๆ
จากจุดตั้งแคมป์ก็สามารถมองเห็นสันหนอกวัวแล้ว
พักกินมันเผา เข้าไปนอนหลบแดดในเต็นท์รอเวลาขึ้นไปดูพระอาทิตย์ตกบนเจ้าวัวตัวพ่อกันดีกว่า
พอ 5 โมง พี่ดาเจ้าหน้าที่นำทางของเรา ก็มาเรียกให้เดินกันต่อเพื่อไปดูพระอาทิตย์ตก พี่ดาแนะนำว่าตอนเย็นให้เดินขึ้นไปบนสันหนอกวัวตัวพ่อก่อนเพราะจะถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกแล้วเห็นสันหนอกวัวตัวลูกด้วย ส่วนตอนเช้าค่อยขึ้นไปบนสันหนอกวัวตัวลูกเพราะแสงพระอาทิตย์จะเข้าทางนั้นทำให้ถ่ายรูปสวย ไม่รอช้าเราก็รีบเตรียมไฟฉาย ไม้ค้ำ เพื่อรีบไปก่อนที่พระอาทิตย์จะตก
ระหว่างทางเดินขึ้นไปก็มีวิวให้ได้แวะถ่ายรูปกันตลอด
เดินขึ้นไปสักพักมองย้อนกกลับมาที่หนอกวัวตัวลูก บอกได้เลยว่าโคตรสวย
บรรยากาศมันได้ ถ่ายแบบฟิลลิ่งเหงาๆกันสักหน่อย
ด้านหลังนั่นคือสันหนอกวัวตัวพ่อ จุดที่เราจะเดินขึ้นไป นั่นเอง
และแล้วเราก็เดินขึ้นมาถึงหนอกวัวตัวพ่อกันแล้วข้างหลังนั่นตัวลูก
สวยมาก
ความรู้สึกตอนนั้นกำลังคิดอยู่ว่า ทำไมวิวบนวัวตัวนี้มันสวยจังวะ
ถ่ายรูปเล่นกันสักพัก พระอาทิตย์ก็เริ่มจะตกดินแล้ว
อากาศตอนนั้นประมาณ 9 องศา ลมก็แรงยิ่งทำให้หนาวขึ้นไปอีก
วิวชวนให้อึ้งอีกแล้ว
[CR] พิชิต "สันหนอกวัว" ยอดเขาที่สูงที่สุดของ จ.กาญจนบุรี
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้