ขอเล่ายาวหน่อยนะคะ
เรารู้สึกว่า หลายๆครั้ง เรามักจะเป็นเงาของพี่สาวเราเสมอเลยค่ะ
เราเริ่มมีความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจมาตั้งแต่ช่วงมัธยมแล้วค่ะ
เขาส่งเราไปเรียนต่างประเทศตอน ม.1 เราเรียนก่อนเกณฑ์ ตอนนั้นอายุยังไม่ถึง 12 ปี เลยค่ะ ซึ่งพี่เราไปตอน ม.3 ตอนอายุ 15 ปีพี่เรียนตามเกณฑ์ (อยู่คนละโรงกันค่ะ) ด้วยตอนนั้น เรายังเด็ก และคิดอะไรไม่เก่ง เราพยามที่จะเรียน ที่จะทำความเข้าใจกับเนื้อหา ซึ่งทุนเดิม เราไม่ได้เป็นคนเก่ง แม้ว่าตอน ป.6 เราจะสอบได้ที่ 1 ก็ตาม เพราะเราจบจาก รร ชนบททั่วไปในต่างจังหวัด ช่วง ม.1-2 เราติดเพื่อนมาก (คนไทยด้วยกัน) พากันไปสร้างปัญหา จนต้องถูกพักการเรียน (แต่เราไม่โดน) มีโกงข้อสอบบ้างไรบ้าง จนสุดท้าย เราขอที่บ้านลาออก ขอย้ายไปที่อื่น เพราะไม่ไหวกับตัวเองแล้วด้วยเหมือนกัน ในขณะที่พี่เรา ไปเรียนแล้วเก่งขึ้นทุกๆเทอม แต่เราดันเป็นเด็กไม่เอาไหนเพิ่มขึ้นทุกวัน
เรากับพี่ต่างกันค่ะ พี่เราเด็กเรียนมากๆ ซึ่งเราเป็นเด็กโลกสวย วาดภาพ อ่านการ์ตูน แต่งนิยาย บลาๆ
พอเราย้ายมา รร ใหม่ ซึ่งเป็น รร ที่พี่เราย้ายมาก่อนเรา 1 ปี หลังจากนั้น เราดันกลายเป็นเด็กสาวที่ถูกเปรียบเทียบเลยค่ะ ด้วยความที่เรายังติดเล่น ยังคงไม่มีความพยายามเท่าที่ควร + ตอน ม.1 ม.2 เราเล่นสะส่วนใหญ่ ทำให้เราเหมือนจะต้องนับ 1 ใหม่ พอเรียนไปเรียนมา เราตรัสรู้ได้ว่า เราเก่งในด้านคณิตศาสตร์ และภาษาอยู่บ้างนิดๆ และเป็นเหมือนท็อปๆ คณิตของห้องในตอนนั้นด้วย
ต่อมาพี่เราเรียนจบ ได้เกรด ดีเยี่ยม จนเป็นที่เลื่องลือว่า เป็นเด็กไทยที่สามารถทำออกมาได้ดี
เราเลือกเรียนคนละสายกับพี่ค่ะ ตอนม.ปลาย และ เราก็ได้ลำดับ กลางๆของห้อง แม้จะไม่เก่งมาก แต่ก็โดนครูเอาผลงานเราไปโชว์ ไปชม อยู่บ้างในบางวิชา
แต่ ทุกครั้งที่ได้กลับบ้าน เรามักจะโดนพ่อ พูดจาทำร้ายจิตใจ หลายๆครั้ง ยิ่งช่วงปิดเทอม เราเหมือนคนบ้าเลยค่ะ โดนต่อว่าทุกวัน จนอยากตายเลย ครั้งนึง เราขอไปค่าย ซึ่งเราเป็น 1 ในเด็กไทยไม่กี่คนที่ถูกชวน เขาก็ไม่ให้ไป ครั้งนั้นเราโกรธมาก เสียใจมาก จนเราแก้ตัวในครั้งที่ 2 โดยการไม่กลับบ้านละหนีไปค่าย ทำบ่อยมากหลังๆมาเขาปล่อยจนกลายเป็นเด็กกิจกรรมเด่นคนนึง
พอเราขึ้นมหาลัย ตอนแรก กะจะเรียนต่อนอก แต่ด้วยความที่อยากกลับมาเรียนไทย (คิดถูกมากเพราะหลังจากนั้นปีนึงโควิด ทุกคนโดนกลับมาหมด)
เอาละคะ จุดเปรียบเที่ยบเรากับพี่ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ พี่กับเรา เรียนคนละสาย พี่เรียนคณะมนุษย์ศาสตร์ เราเรียนครูภาษา ตอนแรกเรากะจะเอาภาษาที่ตนจบมา แต่แม่บอก รู้อยู่แล้วเรียนทำไม เลยเลือกอีกภาษานึง ที่เราถนัดรองลงมา แต่ดันกลายเป็นภาษาที่พี่เราชำนาน
พี่เราจบมา ก็หางานไม่ค่อยได้ เพราะสายงานที่จบมันกว้างเกิน + กับช่วงโควิด พี่เราว่างงาน เกือบปี เลยตัดสินใจ ไปเป็นครูเอกชน หลังจากนั้นเราก็เรียนจบมา แต่ก็ดันไม่เก่งในการสื่อสารภาษานั้น แล้วพ่อก็ดูถูกเรามากๆ แบบจบมาได้ไง พูดไม่ได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เราจบมาเกรดเฉลี่ย 3.46 แต่พี่เราจบเกรียตนิยม หลังจากจบมาเดือนกว่าๆ นึง เราหางานได้เลย แต่ก็ไม่วาย โดนถามว่า จะเรียนต่อโทตอนไหน เพราะพี่เราพึ่งจบโทไป
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ถามเฉยๆนะ แต่ไม่ได้ส่งเงินให้ ตอน ป.ตรีก็ด้วย เรากู้ กยศ เรียน เขาช่วยออกค่าครองชีพให้ เพราะพี่เรามันได้ทุน เขาเลยน่าจะเอาให้เสมอกันว่า ไม่ส่งพี่เราก็ไม่ส่งเราเหมือนกัน
พอกลับมาอยู่บ้าน เรากลายเป็นลูกสาวที่ถูกชังไปเลยมั้งคะ เพราะเขาต่อว่าแต่เรา โมโหแต่เรา ในขณะที่พี่ เขาบ่นแต่ไม่เยอะ
ขนาดเราปวดท้อง ปจด เลยขอนอน เขาพูดว่า ‘นอนแล้วมันจะหายหรอ ลุกขึ้นมาจัดบ้านถูบ้านบ้าง สุดท้ายก็ปวดท้องเหมือนกัน’ ในขณะที่พี่เราปวดท้อง เขาบอกว่า ‘ให้พี่มันนอน มันปวดท้องเม็น’ 🥹
ต่อมา เรารับงานนอก(ทำพอร์ดเด็ก) ตอนเราทำงาน เขามาว่าเราหลายอย่าง ว่าไม่ดูเวลาบ้าง ไม่ออกไปช่วยบ้างวันหยุดทั้งที ในขณะที่พี่เรารับทำงานนอกเหมือนกัน จัดเล่มวิจัย เขาไม่ไปยุ่งกับพี่เราเลย ไม่เข้าไปบ่นเลย เราน้อยใจมากเลยค่ะ
-พ่อเขาคงไม่ชอบเรา เวลาเขาโมโห เขามักจะใช้กำลังในบ้างครั้ง ล่าสุด เราแค่จะออกไปถ่ายรูป ก่อนวันรับปริญญากับน้า เขาโมโหใหญ่เลย ว่ายังไม่ทันรับ จะไปถ่ายทำไม แถมยังขว้างแก้วใส่เราอีกดีที่ไม่แตกเข้าตา ล่าสุดโมโหเราที่เราเผลอหลับ แล้วออกไปช่วยหน้าร้านช้า เขาโมโหจนแทบจะขว้างถังน้ำใส่เรา ละก็กระบอกน้ำร้อนใส่ เพราะเขาคิดว่าเราไม่ออกไปเพราะพี่ไม่อยู่บ้าน คือ เขาคิดเองเออเองว่าเราเกี่ยงงาน พอคิดแล้วมาลงกับเราอะคะ ไม่ฟังอะไรเลย เราไม่พูดอะไร แต่เศร้าใจมาก
- เราเคยไปวาดรูปแข่งขันได้รางวัลมานะคะ เขาก็ไม่พูดอะไรเพราะน่าจะไม่ได้ดีเด่นอะไรมาก ไม่เหมือนพี่เราที่เก่งกว่าไงคะ ได้โอกาสได้ไปแลกเปลี่ยนต่างประเทศบ้างไรบ้างอยู่บ่อยๆ
- เราไม่ได้อิจฉาพี่หรอกค่ะ เพราะมันคอยช่วยเราเสมอ เป็นที่ปรึกษาและคอยเตือนเราอยู่ตลอด
แต่เราไม่เข้าใจ ทำไมเราถึงรู้สึกว่าไม่เคยทำให้เขารู้สึกภูมิใจเลย หรือเขาดูไม่ภูมิใจในตัวเราเลย
- เราสอบใบประกอบ รอบเดียวผ่าน 4 วิชา เขาก็เฉยๆ
- เขาไม่กล้าให้เราขับรถยนต์ เราเลยพิสูจน์ให้เขาเห็นว่า เราทำได้ โดยการไปสอบใบขับขี่แล้วได้มา
แต่เขาดันพูดว่า ทำไมพี่ไม่มาทำ มันขับรถคล่องกว่าอีก (พ่อซื้อรถให้พี่ตั้งแต่ได้งานมา1ปี ไม่คล่องก็แปลกละ พอเราจะเอาไปขับก็คิดแล้วคิดอีก )
- หลังๆมา เรากลายเป็นคนคิดมาก คิดจุกจิก คิดตลอดเวลาว่า จะโดนด่าไหม ถ้าไปนั้นไปนู้น จะโดนไหม เวลาเพื่อนร่วมงานชวนไปเที่ยววันหยุด เราคิดหนักมากว่า จะขออนุญาตยังไงดี ทั้งๆที่ตอนนี้อายุ 22 แล้ว ท้อใจมากเลยค่ะ กลายเป็นคนที่ไม่กล้าตัดสินใจอะไรได้เลย ทั้งๆที่พึ่งกลับมาอยู่บ้านได้ไม่ถึงปี แต่จิตเราตกไปมาก
หรือผิดที่เราเป็นลูกคนกลางหรอคะ เลยเอาอารมณ์มาลงที่เรา จริงๆ มันมีหลายเหตุการค่ะ ตั้งแต่เด็กๆแล้ว ทั้งโดนถีบบ้าง โทนเอาถังฟาดหัวบ้าง เราไม่ได้โกรธแล้วค่ะ แต่เราไม่ลืม
พ่อแม่ทำเหมือนว่าเราไม่เคยทำอะไรให้เขาภูมิใจได้เลยค่ะ 🥹
เรารู้สึกว่า หลายๆครั้ง เรามักจะเป็นเงาของพี่สาวเราเสมอเลยค่ะ
เราเริ่มมีความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจมาตั้งแต่ช่วงมัธยมแล้วค่ะ
เขาส่งเราไปเรียนต่างประเทศตอน ม.1 เราเรียนก่อนเกณฑ์ ตอนนั้นอายุยังไม่ถึง 12 ปี เลยค่ะ ซึ่งพี่เราไปตอน ม.3 ตอนอายุ 15 ปีพี่เรียนตามเกณฑ์ (อยู่คนละโรงกันค่ะ) ด้วยตอนนั้น เรายังเด็ก และคิดอะไรไม่เก่ง เราพยามที่จะเรียน ที่จะทำความเข้าใจกับเนื้อหา ซึ่งทุนเดิม เราไม่ได้เป็นคนเก่ง แม้ว่าตอน ป.6 เราจะสอบได้ที่ 1 ก็ตาม เพราะเราจบจาก รร ชนบททั่วไปในต่างจังหวัด ช่วง ม.1-2 เราติดเพื่อนมาก (คนไทยด้วยกัน) พากันไปสร้างปัญหา จนต้องถูกพักการเรียน (แต่เราไม่โดน) มีโกงข้อสอบบ้างไรบ้าง จนสุดท้าย เราขอที่บ้านลาออก ขอย้ายไปที่อื่น เพราะไม่ไหวกับตัวเองแล้วด้วยเหมือนกัน ในขณะที่พี่เรา ไปเรียนแล้วเก่งขึ้นทุกๆเทอม แต่เราดันเป็นเด็กไม่เอาไหนเพิ่มขึ้นทุกวัน
เรากับพี่ต่างกันค่ะ พี่เราเด็กเรียนมากๆ ซึ่งเราเป็นเด็กโลกสวย วาดภาพ อ่านการ์ตูน แต่งนิยาย บลาๆ
พอเราย้ายมา รร ใหม่ ซึ่งเป็น รร ที่พี่เราย้ายมาก่อนเรา 1 ปี หลังจากนั้น เราดันกลายเป็นเด็กสาวที่ถูกเปรียบเทียบเลยค่ะ ด้วยความที่เรายังติดเล่น ยังคงไม่มีความพยายามเท่าที่ควร + ตอน ม.1 ม.2 เราเล่นสะส่วนใหญ่ ทำให้เราเหมือนจะต้องนับ 1 ใหม่ พอเรียนไปเรียนมา เราตรัสรู้ได้ว่า เราเก่งในด้านคณิตศาสตร์ และภาษาอยู่บ้างนิดๆ และเป็นเหมือนท็อปๆ คณิตของห้องในตอนนั้นด้วย
ต่อมาพี่เราเรียนจบ ได้เกรด ดีเยี่ยม จนเป็นที่เลื่องลือว่า เป็นเด็กไทยที่สามารถทำออกมาได้ดี
เราเลือกเรียนคนละสายกับพี่ค่ะ ตอนม.ปลาย และ เราก็ได้ลำดับ กลางๆของห้อง แม้จะไม่เก่งมาก แต่ก็โดนครูเอาผลงานเราไปโชว์ ไปชม อยู่บ้างในบางวิชา
แต่ ทุกครั้งที่ได้กลับบ้าน เรามักจะโดนพ่อ พูดจาทำร้ายจิตใจ หลายๆครั้ง ยิ่งช่วงปิดเทอม เราเหมือนคนบ้าเลยค่ะ โดนต่อว่าทุกวัน จนอยากตายเลย ครั้งนึง เราขอไปค่าย ซึ่งเราเป็น 1 ในเด็กไทยไม่กี่คนที่ถูกชวน เขาก็ไม่ให้ไป ครั้งนั้นเราโกรธมาก เสียใจมาก จนเราแก้ตัวในครั้งที่ 2 โดยการไม่กลับบ้านละหนีไปค่าย ทำบ่อยมากหลังๆมาเขาปล่อยจนกลายเป็นเด็กกิจกรรมเด่นคนนึง
พอเราขึ้นมหาลัย ตอนแรก กะจะเรียนต่อนอก แต่ด้วยความที่อยากกลับมาเรียนไทย (คิดถูกมากเพราะหลังจากนั้นปีนึงโควิด ทุกคนโดนกลับมาหมด)
เอาละคะ จุดเปรียบเที่ยบเรากับพี่ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ พี่กับเรา เรียนคนละสาย พี่เรียนคณะมนุษย์ศาสตร์ เราเรียนครูภาษา ตอนแรกเรากะจะเอาภาษาที่ตนจบมา แต่แม่บอก รู้อยู่แล้วเรียนทำไม เลยเลือกอีกภาษานึง ที่เราถนัดรองลงมา แต่ดันกลายเป็นภาษาที่พี่เราชำนาน
พี่เราจบมา ก็หางานไม่ค่อยได้ เพราะสายงานที่จบมันกว้างเกิน + กับช่วงโควิด พี่เราว่างงาน เกือบปี เลยตัดสินใจ ไปเป็นครูเอกชน หลังจากนั้นเราก็เรียนจบมา แต่ก็ดันไม่เก่งในการสื่อสารภาษานั้น แล้วพ่อก็ดูถูกเรามากๆ แบบจบมาได้ไง พูดไม่ได้ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ หลังจากจบมาเดือนกว่าๆ นึง เราหางานได้เลย แต่ก็ไม่วาย โดนถามว่า จะเรียนต่อโทตอนไหน เพราะพี่เราพึ่งจบโทไป [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พอกลับมาอยู่บ้าน เรากลายเป็นลูกสาวที่ถูกชังไปเลยมั้งคะ เพราะเขาต่อว่าแต่เรา โมโหแต่เรา ในขณะที่พี่ เขาบ่นแต่ไม่เยอะ
ขนาดเราปวดท้อง ปจด เลยขอนอน เขาพูดว่า ‘นอนแล้วมันจะหายหรอ ลุกขึ้นมาจัดบ้านถูบ้านบ้าง สุดท้ายก็ปวดท้องเหมือนกัน’ ในขณะที่พี่เราปวดท้อง เขาบอกว่า ‘ให้พี่มันนอน มันปวดท้องเม็น’ 🥹
ต่อมา เรารับงานนอก(ทำพอร์ดเด็ก) ตอนเราทำงาน เขามาว่าเราหลายอย่าง ว่าไม่ดูเวลาบ้าง ไม่ออกไปช่วยบ้างวันหยุดทั้งที ในขณะที่พี่เรารับทำงานนอกเหมือนกัน จัดเล่มวิจัย เขาไม่ไปยุ่งกับพี่เราเลย ไม่เข้าไปบ่นเลย เราน้อยใจมากเลยค่ะ
-พ่อเขาคงไม่ชอบเรา เวลาเขาโมโห เขามักจะใช้กำลังในบ้างครั้ง ล่าสุด เราแค่จะออกไปถ่ายรูป ก่อนวันรับปริญญากับน้า เขาโมโหใหญ่เลย ว่ายังไม่ทันรับ จะไปถ่ายทำไม แถมยังขว้างแก้วใส่เราอีกดีที่ไม่แตกเข้าตา ล่าสุดโมโหเราที่เราเผลอหลับ แล้วออกไปช่วยหน้าร้านช้า เขาโมโหจนแทบจะขว้างถังน้ำใส่เรา ละก็กระบอกน้ำร้อนใส่ เพราะเขาคิดว่าเราไม่ออกไปเพราะพี่ไม่อยู่บ้าน คือ เขาคิดเองเออเองว่าเราเกี่ยงงาน พอคิดแล้วมาลงกับเราอะคะ ไม่ฟังอะไรเลย เราไม่พูดอะไร แต่เศร้าใจมาก
- เราเคยไปวาดรูปแข่งขันได้รางวัลมานะคะ เขาก็ไม่พูดอะไรเพราะน่าจะไม่ได้ดีเด่นอะไรมาก ไม่เหมือนพี่เราที่เก่งกว่าไงคะ ได้โอกาสได้ไปแลกเปลี่ยนต่างประเทศบ้างไรบ้างอยู่บ่อยๆ
- เราไม่ได้อิจฉาพี่หรอกค่ะ เพราะมันคอยช่วยเราเสมอ เป็นที่ปรึกษาและคอยเตือนเราอยู่ตลอด
แต่เราไม่เข้าใจ ทำไมเราถึงรู้สึกว่าไม่เคยทำให้เขารู้สึกภูมิใจเลย หรือเขาดูไม่ภูมิใจในตัวเราเลย
- เราสอบใบประกอบ รอบเดียวผ่าน 4 วิชา เขาก็เฉยๆ
- เขาไม่กล้าให้เราขับรถยนต์ เราเลยพิสูจน์ให้เขาเห็นว่า เราทำได้ โดยการไปสอบใบขับขี่แล้วได้มา
แต่เขาดันพูดว่า ทำไมพี่ไม่มาทำ มันขับรถคล่องกว่าอีก (พ่อซื้อรถให้พี่ตั้งแต่ได้งานมา1ปี ไม่คล่องก็แปลกละ พอเราจะเอาไปขับก็คิดแล้วคิดอีก )
- หลังๆมา เรากลายเป็นคนคิดมาก คิดจุกจิก คิดตลอดเวลาว่า จะโดนด่าไหม ถ้าไปนั้นไปนู้น จะโดนไหม เวลาเพื่อนร่วมงานชวนไปเที่ยววันหยุด เราคิดหนักมากว่า จะขออนุญาตยังไงดี ทั้งๆที่ตอนนี้อายุ 22 แล้ว ท้อใจมากเลยค่ะ กลายเป็นคนที่ไม่กล้าตัดสินใจอะไรได้เลย ทั้งๆที่พึ่งกลับมาอยู่บ้านได้ไม่ถึงปี แต่จิตเราตกไปมาก
หรือผิดที่เราเป็นลูกคนกลางหรอคะ เลยเอาอารมณ์มาลงที่เรา จริงๆ มันมีหลายเหตุการค่ะ ตั้งแต่เด็กๆแล้ว ทั้งโดนถีบบ้าง โทนเอาถังฟาดหัวบ้าง เราไม่ได้โกรธแล้วค่ะ แต่เราไม่ลืม