วิเคราะห์ MV 'Chill Kill' Red Velvet
เมื่อสาวๆทั้งห้าคนถูกจับตัวมากักขังให้อยู่แต่ในห้องใต้ดิน โดยชายคนหนึ่งที่บังคับให้พวกเธอให้เชื่อฟังเขา
พวกเธอไม่สามารถแต่งตัวตามใจได้ เพราะชายคนนั้นต้องการให้พวกเธอใส่แต่เสื้อผ้าที่ทำจากไหมพรมจืดชืดให้เหมือนๆกัน
จนวันหนึ่งที่ชายคนนั้นไม่อยู่บ้าน พวกเธอจึงแอบจัดงานวันเกิดให้ 'เยริ' เพื่อนที่ถูกจับมาด้วยกัน แต่ทันใดนั้นชายคนนั้นก็กลับมา
พวกเธอพยายามเงียบเสียงให้มากที่สุด เพราะถ้าเขารู้เรื่องเข้า เขาจะต้องลงไม้ลงมือกับพวกเธออีกแน่
ชายคนนั้นเรียกหาพวกเธอด้วยความโกรธ เขาปิดประตูเสียงดังจนบ้านสั้นไหว(มีฉากที่บ้านสั้น) พวกเธอเริ่มหน้าเสีย
เวนดี้ลองไปส่องดูที่ช่องประตูเธอตัดสินใจจะเป็นคนออกไปเจอกับเขาเอง เยริเป็นห่วงจึงเดินเข้าไปห้าม แต่เวนดี้ก็แตะมือเยริเบาๆ
เหมือนบอกว่า 'ฉันไม่เป็นไร' ก่อนจะออกไปเธอยังหันบอกบอกเพื่อนๆว่าให้ทุกคนเงียบเอาไว้
พวกเธอแอบฟังเสียงอยู่ข้างหลังประตู แต่ผ่านไปนานเวนดี้ก็ไม่กลับลงมา พวกเธอทั้ง 4 คนจึงตัดสินใจที่จะขึ้นไปดู
แต่กลับพบเศษแจกันที่แตกกระจาย เวนดี้ยืนนิ่ง ในมือของเธอถือเศษแจกันที่เปื้อนเลือด ซึลกิเดินไปหาเธอแต่ก็เหยียบเลือด
ของใครบางคน แล้วจอยที่เดินไปเจอศพของชายคนนั้นเธอก็กรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ เวนดี้ได้ยินก็หันกลับมามองด้วย
ใบหน้าที่เปื้อนเลือด
พวกเธอช่วยกันทำลายหลักฐานการฆาตกรรมในครั้งนี้ โดยการเก็บศพไปฝังลงดินและซ้อนพรมที่เปื้อนเลือดไว้ใต้พื้นบ้าน
จอยกับซึลกิช่วย กันเช็ดพื้นที่เปื้อนเลือดซึ่งจอยก็รู้สึกแย่เอามากๆที่พวกเธอฆ่าคน เยริเองก็นั่งเป็นเพื่อนกับเวนดี้ที่กำลังเสียใจ
เมื่อเวลาผ่านไปพวกเธอก็ขึ้นมาใช้ชีวิตกันด้านบน ไม่มีใครใส่เสื้อไหมพรมอีกแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นพวกเธอก็ไม่กล้าออกไปจากที่นี้
ในขณะที่ซึลกินั่งคิดไม่ตกอยู่ที่ห้องนั่งเล่น เธอก็จอยเห็นแอบเอาเศษแจกันที่เปื้อนเลือดออกมา ซึลกิรู้ได้ทันที่ว่าจอยจะต้องเอามันไป
มอบตัวแน่ๆเธอเลยรีบวิ่งไปห้ามเอาไว้
ส่วนเวนดี้ก็เริ่มหลอนและรู้สึกผิดจากการที่เธอฆ่าคนคนนึง ถึงคนคนนั้นจะเป็นคนที่จับพวกเธอมาก็ตาม เยริที่อายุน้อยที่สุดยิ่งอาการหนัก
เธอไม่ยอมออกมาจากห้องใต้ดินอีกเลย จนพี่ใหญ่อย่างไอรีนต้องคอยเอาน้ำและอาหารมาให้แต่เธอก็ไม่ยอมกิน เธอรู้สึกเหมือนจะเป็นบ้าเมื่อ
ไอรีนพยายามให้เธอขึ้นไปด้านบน แต่ไอรีนก็กอดเธอเอาไว้
บางคนก็ถูกยึดอิสระภาพโดนบังคับให้อยู่ที่แห่งนี้ บางคนก็กลัวความผิดจนไม่กล้าจะก้าวเดินต่อไป แต่เมื่อพวกเธอ
ได้อยู่รวมกันอีกครั้งมันก็ย้อนให้นึกถึงก่อนหน้านี้ ที่พวกเธอผ่านความทุกข์และสุขมาด้วยกัน ซึ่งมันก็ไม่ต่างจากอะไรในตอนนี้เลย
แค่ความทุกข์ที่ว่าเปลี่ยนจากทุกข์ที่โดนคนื่นกระทำ เป็นทุกข์ที่พวกเธอเลือกเอง ตอนนั้น พวกเธอจึงตัดสินใจที่จะก้าวเดินต่อไปด้วยกัน
หญิงสาวทั้ง 5 ออกเดินทางไปหาน้ำมันกลับมา พวกเธอตัดสินใจเผาบ้านหลังนั้นซะ ก่อนจะหนี้กันออกมา ในวันที่ 13 พฤศจิกายน
ถึงพวกเธอจะทำการเผาหลักฐานที่พวกเธอได้ฆ่าชายคนนั้นไป แต่ในใจพวกเธอก็ยอมรับแล้วว่าพวกเธอได้ฆ่าคนลงไป ความจริงนี้ยังไงก็
ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง (เหมือนกับเลือดที่ติดตามเสื้อผ้าของพวกเธอ)
พวกเธอวิ่งออกมาด้วยความดีใจที่ได้รับอิสระภาพ แต่เมื่อบ้านหลังนั้นเผาไหม้จนมีคนพบเห็น พวกเธอก็โดนตำรวจไล่ตาม
พวกเธอพยายามหนี้แต่สุดท้ายก็หนี้ไม่พ้น ทั้ง 5 คนจับมือกัน ไม่ว่าตำรวจจะจับพวกเธอในข้อหาวางเพลิงหรือฆาตกรรมนั้นก็ไม่เป็นไร
ขอแค่ให้พวกเธอได้เป็นตัวของตัวเองก็พอ
จบ
เราว่าเป็นเพลงที่มีความหมายแฝงที่ดีมาก เป็นเพลงทีjเหมือนตัวเองในอนาคตพูดกับตัวเองในอดีต ให้เรายอมรับความผิดพลาด
ที่ตัวเองเป็น ยอมรับความอ่อนแอ ยอมรับความพ่ายแพ้ ความไม่สมบูรณ์แบบที่ตัวเองมี
เป็นเพลงที่บอกให้ตัวเองเลิกกลัวที่จะลงมือทำ จงเชื่อมั่นเอาไว้ว่าจะทำได้ เพราะฉันในอนาคตเป็นคนบอกไงว่าเธอจะทำได้
บางคนไม่ยอมลงมือทำ เพราะคิดว่าจะต้องผิดพลาดแน่ ต้องทำไม่ได้แน่
เพราะงั้นเลิกคิดซะว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นยังไง
แล้วลงมือทำซะ
เพราะเรามันเก่งอยู่แล้ว Chill Kill ไปเลย!
วิเคราะห์ MV 'Chill Kill' Red Velvet
พวกเธอไม่สามารถแต่งตัวตามใจได้ เพราะชายคนนั้นต้องการให้พวกเธอใส่แต่เสื้อผ้าที่ทำจากไหมพรมจืดชืดให้เหมือนๆกัน
จนวันหนึ่งที่ชายคนนั้นไม่อยู่บ้าน พวกเธอจึงแอบจัดงานวันเกิดให้ 'เยริ' เพื่อนที่ถูกจับมาด้วยกัน แต่ทันใดนั้นชายคนนั้นก็กลับมา
พวกเธอพยายามเงียบเสียงให้มากที่สุด เพราะถ้าเขารู้เรื่องเข้า เขาจะต้องลงไม้ลงมือกับพวกเธออีกแน่
ชายคนนั้นเรียกหาพวกเธอด้วยความโกรธ เขาปิดประตูเสียงดังจนบ้านสั้นไหว(มีฉากที่บ้านสั้น) พวกเธอเริ่มหน้าเสีย
เวนดี้ลองไปส่องดูที่ช่องประตูเธอตัดสินใจจะเป็นคนออกไปเจอกับเขาเอง เยริเป็นห่วงจึงเดินเข้าไปห้าม แต่เวนดี้ก็แตะมือเยริเบาๆ
เหมือนบอกว่า 'ฉันไม่เป็นไร' ก่อนจะออกไปเธอยังหันบอกบอกเพื่อนๆว่าให้ทุกคนเงียบเอาไว้
พวกเธอแอบฟังเสียงอยู่ข้างหลังประตู แต่ผ่านไปนานเวนดี้ก็ไม่กลับลงมา พวกเธอทั้ง 4 คนจึงตัดสินใจที่จะขึ้นไปดู
แต่กลับพบเศษแจกันที่แตกกระจาย เวนดี้ยืนนิ่ง ในมือของเธอถือเศษแจกันที่เปื้อนเลือด ซึลกิเดินไปหาเธอแต่ก็เหยียบเลือด
ของใครบางคน แล้วจอยที่เดินไปเจอศพของชายคนนั้นเธอก็กรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ เวนดี้ได้ยินก็หันกลับมามองด้วย
ใบหน้าที่เปื้อนเลือด
พวกเธอช่วยกันทำลายหลักฐานการฆาตกรรมในครั้งนี้ โดยการเก็บศพไปฝังลงดินและซ้อนพรมที่เปื้อนเลือดไว้ใต้พื้นบ้าน
จอยกับซึลกิช่วย กันเช็ดพื้นที่เปื้อนเลือดซึ่งจอยก็รู้สึกแย่เอามากๆที่พวกเธอฆ่าคน เยริเองก็นั่งเป็นเพื่อนกับเวนดี้ที่กำลังเสียใจ
เมื่อเวลาผ่านไปพวกเธอก็ขึ้นมาใช้ชีวิตกันด้านบน ไม่มีใครใส่เสื้อไหมพรมอีกแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นพวกเธอก็ไม่กล้าออกไปจากที่นี้
ในขณะที่ซึลกินั่งคิดไม่ตกอยู่ที่ห้องนั่งเล่น เธอก็จอยเห็นแอบเอาเศษแจกันที่เปื้อนเลือดออกมา ซึลกิรู้ได้ทันที่ว่าจอยจะต้องเอามันไป
มอบตัวแน่ๆเธอเลยรีบวิ่งไปห้ามเอาไว้
ส่วนเวนดี้ก็เริ่มหลอนและรู้สึกผิดจากการที่เธอฆ่าคนคนนึง ถึงคนคนนั้นจะเป็นคนที่จับพวกเธอมาก็ตาม เยริที่อายุน้อยที่สุดยิ่งอาการหนัก
เธอไม่ยอมออกมาจากห้องใต้ดินอีกเลย จนพี่ใหญ่อย่างไอรีนต้องคอยเอาน้ำและอาหารมาให้แต่เธอก็ไม่ยอมกิน เธอรู้สึกเหมือนจะเป็นบ้าเมื่อ
ไอรีนพยายามให้เธอขึ้นไปด้านบน แต่ไอรีนก็กอดเธอเอาไว้
บางคนก็ถูกยึดอิสระภาพโดนบังคับให้อยู่ที่แห่งนี้ บางคนก็กลัวความผิดจนไม่กล้าจะก้าวเดินต่อไป แต่เมื่อพวกเธอ
ได้อยู่รวมกันอีกครั้งมันก็ย้อนให้นึกถึงก่อนหน้านี้ ที่พวกเธอผ่านความทุกข์และสุขมาด้วยกัน ซึ่งมันก็ไม่ต่างจากอะไรในตอนนี้เลย
แค่ความทุกข์ที่ว่าเปลี่ยนจากทุกข์ที่โดนคนื่นกระทำ เป็นทุกข์ที่พวกเธอเลือกเอง ตอนนั้น พวกเธอจึงตัดสินใจที่จะก้าวเดินต่อไปด้วยกัน
หญิงสาวทั้ง 5 ออกเดินทางไปหาน้ำมันกลับมา พวกเธอตัดสินใจเผาบ้านหลังนั้นซะ ก่อนจะหนี้กันออกมา ในวันที่ 13 พฤศจิกายน
ถึงพวกเธอจะทำการเผาหลักฐานที่พวกเธอได้ฆ่าชายคนนั้นไป แต่ในใจพวกเธอก็ยอมรับแล้วว่าพวกเธอได้ฆ่าคนลงไป ความจริงนี้ยังไงก็
ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง (เหมือนกับเลือดที่ติดตามเสื้อผ้าของพวกเธอ)
พวกเธอวิ่งออกมาด้วยความดีใจที่ได้รับอิสระภาพ แต่เมื่อบ้านหลังนั้นเผาไหม้จนมีคนพบเห็น พวกเธอก็โดนตำรวจไล่ตาม
พวกเธอพยายามหนี้แต่สุดท้ายก็หนี้ไม่พ้น ทั้ง 5 คนจับมือกัน ไม่ว่าตำรวจจะจับพวกเธอในข้อหาวางเพลิงหรือฆาตกรรมนั้นก็ไม่เป็นไร
ขอแค่ให้พวกเธอได้เป็นตัวของตัวเองก็พอ