กระทู้นี้ผมออกตัวก่อนเลยนะครับว่าจะไม่มุ่งไปที่การวิพากษ์วิจารณ์ตัวนักเตะ เนื่องจากปัญหาเกี่ยวกับนักเตะเราก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่ามีเรื่องอะไรบ้าง ความฟิต การรับรู้สถานการณ์การเล่นเกมรับ (Defensive awareness) การรับมือลูกตั้งเตะ ความแข็งแกร่งของร่างกาย (Strength) ความฟิต (Stamina) ผมจะมุ่งไปที่ทีมงานโค้ชและผู้จัดการครับ โดยเริ่มจากวิธีการเล่นที่แสดงออกในสนามก่อน จากนั้นค่อยมาที่การจัดตัว แล้วปิดด้วยเรื่องโค้ชและผู้จัดการ
.
วิธีการเล่นในสนาม
.
จากที่ได้เข้าไปดูในสนาม สิ่งที่ผมเห็นคือวันนี้ทีมไทยไม่ได้เล่นฟุตบอลเป็นทีม เหมือนเล่นกันเป็นกลุ่ม ๆ กลุ่มละ 3-4 คน เวลาเล่นเกมรุกนี่ก็จะค่อนข้างหนักไปที่การขึ้นเกมฝั่งซ้ายแล้วเจาะ half space ตบเข้ากลาง ฝั่งขวาเหมือนหายไปจากจอเรดาร์ ซึ่งรูปแบบการเข้าทำนี่ก็เดิม ๆ ทำแบบเดิม ๆ ซ้ำๆ วนไปวนมา เหมือนโค้ชไม่ได้วางรูปแบบอะไรไว้นอกจากเจาะ half space แล้วตบเข้ากลาง ลูกที่ได้นี่จะว่ามาจากรูปแบบการเล่นก็ไม่ใช่ มันมาจากความคม (+ โชค) ของสารัชเพียงเท่านั้น ยิ่งตอนท้ายเกมนี้ยิ่งอนาถเข้าไปใหญ่ เห็นชัดเลยว่าโค้ชสั่งให้ออกบอลสั้นในเกมนี้ มีหลายครั้งที่ตัวริมเส้นฝั่งขวายืนว่างอยู่ ธีราทรก็เห็นและทำท่าเหมือนจะวางยาว แต่ก็เปลี่ยนไปแปะสั้น ๆ ช่วงนาที 85 + นี่เล่นออกบอลสั้น ๆ ชัวร์ ๆ อย่างกับทีมนำ เสียงกระตุ้นให้ลุยนี่ระงมไปทั้งสนาม พอต้องบุกลุยก็กลายเป็นสาดยาวแบบไร้รูปแบบ ทั้งที่โค้ชก็ควรมีการวางรูปแบบไว้ล่วงหน้าไม่ใช่หรือ คือไม่ต้องเป๊ะ ๆ ก็ได้ แต่มันต้องพอเห็นเค้าโครงอะไรบ้าง นี่เหมือนอัดตัวเข้าไปในแดนจีนเยอะ ๆ (แดน final third) แล้วให้นักเตะด้นสดเอาเองว่าจะเอาไงต่อ โค้ชมาโน่ก็ได้แต่นั่งยอง ๆ ดุจเบ่งอะไรบางอย่างไปพลาง ดูแล้วรู้สึกอนาถมาก
.
ยิ่งเกมรับนี่ไปกันใหญ่ พูดได้ว่าน่าเกลียดมาก ซึ่งผมคิดว่าจะไปโทษนักเตะว่าพวกคุณมันห่วยคงไม่ยุติธรรม ในยุคราเยวัชเราก็ได้เห็นกันไปแล้วว่านักเตะไทยสามารถเล่นเกมรับได้ (ถึงจะไม่เนี้ยบ แต่ก็พอเห็นโครงและแน่นพอควรกับศักยภาพที่มี ตรงนี้ต้องบอกก่อนว่าไม่ได้อวยราเยวัช แต่ฟุตบอลมันมีฐานมาจากเกมรับ ถ้าเกมรับไม่เป็นงานมันก็ไปที่เกมรุกลำบาก) แต่อันนี้ระบบเกมรับมันแทบไม่มี ถ้าเปรียบเทียบกับตอนเล่นเกมรุก 11 คนในสนามยังพอมีความสอดประสาน (Coherent) กันอยู่บ้าง เกมรับนี่เละเลย จากสายตาผม เมื่อตัวบนเสียบอล ชุด 4-5 ตัวบนจะช็อตทันที แล้ว 5 ตัวล่าง (บางครั้งก็เหลือ 3) ที่เล่นเกมรับก็พยายามป้องกันแบบไร้รูปแบบ เหมือนแต่ละคนไม่ทราบว่าตนเองควรจะต้องอยู่ในตำแหน่งไหน มีใครมาซ้อนหรือไม่ จากที่ดูตัวมาโน่ แกก็ไม่ได้ออกอาการโวยวายทำนองว่า เฮ้ย กลับมาช่วยเล่นเกมรับสิ ผมเลยสันนิษฐานว่าเป็นแทคติกโค้ชที่ไม่ต้องการใช้จำนวนผู้เล่นลงไปรับมากนัก เพราะต้องการรีบแย่งบอลกลับไปบุกต่อ ฟุตบอลเป็นกีฬาทีมที่ต้องเล่นให้สอดประสานกันทั้ง 11 คน เมื่อคุณไม่ได้เล่นเกมรับกันทั้งทีมอย่างเป็นทีม แม้จีนจะยิงเข้ากรอบเพียง 2 ครั้ง ก็เข้าทั้ง 2 รอบ เพราะแทบจะโดนยิงจ่อ ๆ เรื่องลูกตั้งเตะก็ค่อนข้างสับสน มองไม่เห็นรูปแบบ แล้วเวลาเสียบอลก็ทะลุกลางปล้องตลอดสืบเนื่องมาจากการจัดตัวซึ่งจะกล่าวต่อไป
.
การทำการบ้านและการจัดตัว
.
ก่อนแข่งก็พอจะมีข่าวออกมาว่า จีนอุ่นเครื่องโดยเล่นเกมรับรอสวนเป็นหลัก เตรียมการมาเพื่อรับมือกับไทยโดยเฉพาะ เขาอยากให้ไทยครองบอลใส่ เพราะเขาก็พอรู้ว่าไทยภายใต้โค้ชมาโน่ก็ไม่ได้มีรูปแบบการเล่นต่อบอลอะไรที่เป็นกิจลักษณะ ก็แค่ต่อบอลบุกเข้าไปโดยไร้ความแน่นอน เล่นรับรอโต้นี่เหมาะสมมากในการรับมือ แทนที่โค้ชมาโน่จะทำการบ้าน แก้แบบวิธีการเล่น หรือเล่นในแบบที่จีนไม่ได้เตรียมตัวมารับมือ ดันเล่นแบบที่เขาคิดไว้เป๊ะ ๆ โถ่เอ้ยยยย โอเคมันคงไม่ถึงขั้นต้องเปลี่ยนสไตล์แบบพลิกหน้ามือ แค่ทำให้แทคติกของจีนมันอ่อนประสิทธิภาพลงก็ยังดี คือผมไม่รู้หรอกว่าต้องทำยังไง ผมไม่ได้มีอาชีพโค้ช แต่มาโน่เป็นโค้ชก็ควรจะทราบและทำมัน ในสายตาผมจากอัฒจันทร์ ผมไม่เห็นความพยายามจะลดประสิทธิภาพของจีนเลย เห็นแต่ฉันจะเล่นแบบนี้ ฉันไม่สนหรอกว่าจีนวางแผนอะไรมา ที่ผมคิดออกคือถ้าจะเล่นครองบอลพอเสียก็ต้องตัดเกมสวนของจีน คนที่ทำหน้าที่นี้ในผัง 4-2-3-1 วันนี้ก็ต้องเป็นคู่กลาง ซึ่งคนที่คุณเอาลงคือปกเกล้ากับสารัช ไม่ใช่ว่าสองคนนี้ไม่เก่ง แต่สองคนนี้ไม่มีคุณสมบัติของกลางตัดเกม กลางตัดเกมที่คุณมีคือกฤษดา คุณก็จับไปเล่นกองหลัง ทั้งที่เขาก็ไม่ได้สูง จีนโยนมาก็ทำไรไม่ได้มาก เสียของจัด ๆ
.
อีกอย่างหนึ่งคือ ใครก็รู้ว่าจีนมีแนวคิดในการคัดเลือกนักกีฬาฟุตบอลจากรูปร่าง ส่วนมากก็จะสูง 175 ขึ้นไป และยังรูปร่างกำยำมีความแข็งแกร่ง ความคล่องตัวก็อยู่ในระดับปานกลางถึงดี ดูก็รู้ว่าเกมนี้จะต้องเป็นเกมที่ใช้พละกำลังทางกายภาพสูง กองกลางที่โค้ชมาโน่ทั้งปกเกล้าและสารัช ไม่มีใครที่เหมาะกับเกมที่ต้องใช้ร่างกายหนัก คนที่เหมาะคือกฤษดา ซึ่งโค้ชมาโน่ดันจับไปเล่นหลัง แล้วเอากองหลังอาชีพนั่งสำรอง บอลจีนเลยทะลุถึงปากประตูทุกครั้งที่ไทยเสียบอล ไม่น่าเชื่อว่าโค้ชมืออาชีพอย่างมาโน่จะมาพลาดในเรื่องแบบนี้ จัดตัว แผน รูปแบบการเล่นเหมือนไม่เคยศึกษาเลยว่าจีนจะทำอะไร มีแต่ว่าฉันรู้อะไรและฉันจะเล่นในสิ่งที่ฉันรู้เท่านั้น ถ้าคุณจะอ้างว่าจะให้กฤษดาออกบอลจากแนวหลัง คุณก็เล่นระบบอื่น อาจให้กฤษดาเล่นกลางรับเมื่อทีมเสียบอลเป็นต้นไป เมื่อทีมครองบอลคุณก็ถอยกฤษดาลงมาระหว่างคู่เซนเตอร์เป็นหลังสามก็ได้ คือมันมีวิธีแก้ที่โค้ชระดับอาชีพเขาทำกันได้ แต่คุณก็ดันทุรังทำเช่นนั้น ผมไม่เข้าใจ
.
โค้ชและผู้จัดการ
.
จากที่ผมกล่าวมา ผมสรุปสั้น ๆ ว่าเกมนี้ในสายตาผมจากอัฒจันทร์ เราไม่ได้แพ้เนื่องจากสู้ไม่ได้ด้วยคุณภาพนักเตะที่ห่างชั้น แต่เราแพ้เพราะการจัดตัวและแทคติกที่ไม่เหมาะสมของโค้ช มันก็เป็นไปได้ว่าหากวันนี้ไทยเลือกใช้แทคติกที่ถูกต้องแล้วเราจะแพ้ ถ้าจะแพ้แบบนั้นก็จะเป็นการแพ้ที่คนส่วนใหญ่ไม่ได้ว่าอะไร คือนักเตะไทยอาจจะไม่ได้เก่งกว่านักเตะจีน อาจด้อยกว่าด้วยซ้ำ แต่มันก็ไม่ได้ห่างมากมายนัก มันสามารถใช้แทคติกที่ถูกต้องในการทำให้นักเตะไทยที่ศักยภาพอาจด้อยกว่าเอาชนะจีนได้ อย่างไรก็ดี ผมไม่เห็นว่ามาโน่จะมีแทคติกที่เสริมศักยภาพนักเตะไทยได้ คือวันนี้มาโน่ได้แต่นั่งยอง ๆ คิดอะไรไปเรื่อย ๆ ซึ่งผมคาดว่าแกคิดอะไรไม่ออก ตอนเดินมาขอบคุณแฟน ๆ หน้าแกก็บอกบุญไม่รับ คิดว่าแกก็รู้แหละว่าความพ่ายแพ้นี้มันเกิดขึ้นเพราะตัวแกนั่นแหละ ถ้าแพ้เพราะเขาดีกว่าจริง ๆ นักเตะพยายามเล่นตามแผนที่ถูกวางมาอย่างถูกต้องแล้วสายตาของโค้ชมันต้องเปี่ยมด้วยความภูมิใจในตัวลูกทีม ไม่ใช่สายตาอันหม่นหมองอย่างในวันนี้
.
ว่ากันตามตรง มาโน่ไม่ได้มีความสามารถมากพอที่จะเป็นโค้ชที่ทำให้ทีมไทยเล่น “เป็นเกม” กับทีมที่สูสีหรือเหนือกว่าเลย ซิโก้ยังทำให้เห็นว่านักเตะไทยทั้ง 11 คนสามารถเล่นได้แบบมี Coherent มากกว่ามาโน่เสียอีก ยิ่งกว่านั้นถ้าถามว่าสไตล์มาโน่คืออะไร ผมตอบไม่ได้ เหมือนให้บุก แต่ก็ไม่รู้บุกยังไง รู้แต่ให้บุกเข้าไป ซิโก้มีบอล tik tok ราเยวัชมีบอลรถบัส นิชิโนะมีบอลระบบแบบญี่ปุ่น (ที่สุดท้ายก็เรียกได้ว่าสิ่งนี้ล้มเหลว) มาโน่เมื่อนึกถึงกลับนึกไม่ออกว่าสไตล์แกคืออะไร ผมคิดว่าถ้าเขา ที่เป็นฝรั่งต่างชาติ ทำได้แค่นี้ (ลาออกรับผิดชอบความสามารถตนเองไหมครับ?) ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับโค้ชไทย โค้ชไทยบางคนยังมีศักยภาพมากกว่า ถ้าคนต่างชาติทำได้ไม่ดีไปกว่าคนไทย แค่ทำให้ 11 คนเล่นอย่างสอดประสานกันบ้างยังทำไม่ได้ มันก็ไม่มีเหตุผลที่จะจ้างคนต่างชาติให้เงินไหลออกนอกประเทศ สมาคมหรือมาดามก็ดี หากต้องการประหยัดเงินก็จ้างโค้ชไทยเถอะ ให้โอกาสคนในชาติ ถ้าจะเอาผลงานวนแค่อาเซียน
.
ส่วนมาดาม ผมเบื่อเต็มทีกับการบอกว่าเราทำเต็มที่แล้ว นัดหน้าว่ากันใหม่ ขอโทษที่ทำให้ผิดหวัง บลา ๆๆๆ คือก็ต้องยอมรับว่าการที่มาดามมาทำทีมชาติเนี่ย แกก็ไม่ได้ทำให้ฟรี ๆ ไม่มีใครทำอะไรให้ฟรี ๆ อยู่แล้ว แกก็ต้องได้รับประโยชน์ (อาจเป็นเงินหรือไม่ก็ได้) จากการนี้ ก็อยากให้แกช่วยพิจารณาว่า “ทำเต็มที่แล้ว” ของแกเนี่ยคืออะไร มาดามได้คิดถึงประโยชน์สูงสุดทางภาววิสัยแล้วหรือยัง เช่นกรณี อิชิอิ ใครก็รู้ว่าดีกว่ามาโน่ที่ก็เห็นกันอยู่ การตัดสินใจที่ดีที่สุดเพื่อทีมคือเปลี่ยนโค้ช สุดท้ายก็ไม่เปลี่ยนเพราะปัจจัยส่วนตัว (aka ครอบครัว) การตัดสินใจเพื่อสิ่งที่ดีที่สุดขององค์กรมันมักขัดใจเราเสมอ เราอาจรักลูกน้องคนหนึ่งเพราะนิสัยดี แต่เขาไม่เก่ง ถ้าเราอยากให้องค์กรเติบโต เราก็ต้องให้เขาออก แล้วหาคนที่เก่งกว่ามาแทน ซึ่งนี่คือการตัดสินใจที่ยาก แต่ถ้ายังทำสิ่งนี้ไม่ได้ ผมว่าทำเต็มที่มันก็แค่พูดไปงั้น
.
ฝากถึงผู้รับผิดชอบ (รอบที่เท่าไหร่ไม่รู้)
.
ทุกคนทราบดีว่าบอลไทยก็ไม่ได้เก่งอะไร ความสามารถก็กลาง ๆ ค่อนท้ายของโลก แต่มันก็ไม่ได้ถึงขนาดจะเล่นเป็นเกม เป็นรูปแบบไม่ได้ ไม่ใช่จะไม่สามารถพลิกชนะทีมที่เหนือกว่าได้เลย ยุคนิชิโนะก็ทำให้เราเห็นแล้วว่านักเตะไทยมีศักยภาพที่ดีพอเมื่ออยู่ในแทคติกที่ถูกต้องในการเอาชนะทีมยูเออีที่เหนือกว่าไทย คนไทยควรมีความสุขจากการดูฟุตบอลไทยเจริญก้าวหน้าบ้าง ไม่ใช่ย่ำอยู่กับที่ไปเรื่อย ๆ แบบนี้ ผู้บริหารและผู้จัดการทีมควรเห็นใจคนไทยบ้าง คิดและทำอะไรให้มันได้เรื่องได้ราวเสียที อย่าให้ฟุตบอลไทยเป็นเพียงภาพสะท้อนของการเมืองไทยเลยครับ
วันนี้แพ้ก็เพราะความผิดพลาดระดับสมัครเล่นอย่างไม่น่าเชื่อของโค้ช สับแทคติกจากสายตาบนอัฒจันทร์
.
วิธีการเล่นในสนาม
.
จากที่ได้เข้าไปดูในสนาม สิ่งที่ผมเห็นคือวันนี้ทีมไทยไม่ได้เล่นฟุตบอลเป็นทีม เหมือนเล่นกันเป็นกลุ่ม ๆ กลุ่มละ 3-4 คน เวลาเล่นเกมรุกนี่ก็จะค่อนข้างหนักไปที่การขึ้นเกมฝั่งซ้ายแล้วเจาะ half space ตบเข้ากลาง ฝั่งขวาเหมือนหายไปจากจอเรดาร์ ซึ่งรูปแบบการเข้าทำนี่ก็เดิม ๆ ทำแบบเดิม ๆ ซ้ำๆ วนไปวนมา เหมือนโค้ชไม่ได้วางรูปแบบอะไรไว้นอกจากเจาะ half space แล้วตบเข้ากลาง ลูกที่ได้นี่จะว่ามาจากรูปแบบการเล่นก็ไม่ใช่ มันมาจากความคม (+ โชค) ของสารัชเพียงเท่านั้น ยิ่งตอนท้ายเกมนี้ยิ่งอนาถเข้าไปใหญ่ เห็นชัดเลยว่าโค้ชสั่งให้ออกบอลสั้นในเกมนี้ มีหลายครั้งที่ตัวริมเส้นฝั่งขวายืนว่างอยู่ ธีราทรก็เห็นและทำท่าเหมือนจะวางยาว แต่ก็เปลี่ยนไปแปะสั้น ๆ ช่วงนาที 85 + นี่เล่นออกบอลสั้น ๆ ชัวร์ ๆ อย่างกับทีมนำ เสียงกระตุ้นให้ลุยนี่ระงมไปทั้งสนาม พอต้องบุกลุยก็กลายเป็นสาดยาวแบบไร้รูปแบบ ทั้งที่โค้ชก็ควรมีการวางรูปแบบไว้ล่วงหน้าไม่ใช่หรือ คือไม่ต้องเป๊ะ ๆ ก็ได้ แต่มันต้องพอเห็นเค้าโครงอะไรบ้าง นี่เหมือนอัดตัวเข้าไปในแดนจีนเยอะ ๆ (แดน final third) แล้วให้นักเตะด้นสดเอาเองว่าจะเอาไงต่อ โค้ชมาโน่ก็ได้แต่นั่งยอง ๆ ดุจเบ่งอะไรบางอย่างไปพลาง ดูแล้วรู้สึกอนาถมาก
.
ยิ่งเกมรับนี่ไปกันใหญ่ พูดได้ว่าน่าเกลียดมาก ซึ่งผมคิดว่าจะไปโทษนักเตะว่าพวกคุณมันห่วยคงไม่ยุติธรรม ในยุคราเยวัชเราก็ได้เห็นกันไปแล้วว่านักเตะไทยสามารถเล่นเกมรับได้ (ถึงจะไม่เนี้ยบ แต่ก็พอเห็นโครงและแน่นพอควรกับศักยภาพที่มี ตรงนี้ต้องบอกก่อนว่าไม่ได้อวยราเยวัช แต่ฟุตบอลมันมีฐานมาจากเกมรับ ถ้าเกมรับไม่เป็นงานมันก็ไปที่เกมรุกลำบาก) แต่อันนี้ระบบเกมรับมันแทบไม่มี ถ้าเปรียบเทียบกับตอนเล่นเกมรุก 11 คนในสนามยังพอมีความสอดประสาน (Coherent) กันอยู่บ้าง เกมรับนี่เละเลย จากสายตาผม เมื่อตัวบนเสียบอล ชุด 4-5 ตัวบนจะช็อตทันที แล้ว 5 ตัวล่าง (บางครั้งก็เหลือ 3) ที่เล่นเกมรับก็พยายามป้องกันแบบไร้รูปแบบ เหมือนแต่ละคนไม่ทราบว่าตนเองควรจะต้องอยู่ในตำแหน่งไหน มีใครมาซ้อนหรือไม่ จากที่ดูตัวมาโน่ แกก็ไม่ได้ออกอาการโวยวายทำนองว่า เฮ้ย กลับมาช่วยเล่นเกมรับสิ ผมเลยสันนิษฐานว่าเป็นแทคติกโค้ชที่ไม่ต้องการใช้จำนวนผู้เล่นลงไปรับมากนัก เพราะต้องการรีบแย่งบอลกลับไปบุกต่อ ฟุตบอลเป็นกีฬาทีมที่ต้องเล่นให้สอดประสานกันทั้ง 11 คน เมื่อคุณไม่ได้เล่นเกมรับกันทั้งทีมอย่างเป็นทีม แม้จีนจะยิงเข้ากรอบเพียง 2 ครั้ง ก็เข้าทั้ง 2 รอบ เพราะแทบจะโดนยิงจ่อ ๆ เรื่องลูกตั้งเตะก็ค่อนข้างสับสน มองไม่เห็นรูปแบบ แล้วเวลาเสียบอลก็ทะลุกลางปล้องตลอดสืบเนื่องมาจากการจัดตัวซึ่งจะกล่าวต่อไป
.
การทำการบ้านและการจัดตัว
.
ก่อนแข่งก็พอจะมีข่าวออกมาว่า จีนอุ่นเครื่องโดยเล่นเกมรับรอสวนเป็นหลัก เตรียมการมาเพื่อรับมือกับไทยโดยเฉพาะ เขาอยากให้ไทยครองบอลใส่ เพราะเขาก็พอรู้ว่าไทยภายใต้โค้ชมาโน่ก็ไม่ได้มีรูปแบบการเล่นต่อบอลอะไรที่เป็นกิจลักษณะ ก็แค่ต่อบอลบุกเข้าไปโดยไร้ความแน่นอน เล่นรับรอโต้นี่เหมาะสมมากในการรับมือ แทนที่โค้ชมาโน่จะทำการบ้าน แก้แบบวิธีการเล่น หรือเล่นในแบบที่จีนไม่ได้เตรียมตัวมารับมือ ดันเล่นแบบที่เขาคิดไว้เป๊ะ ๆ โถ่เอ้ยยยย โอเคมันคงไม่ถึงขั้นต้องเปลี่ยนสไตล์แบบพลิกหน้ามือ แค่ทำให้แทคติกของจีนมันอ่อนประสิทธิภาพลงก็ยังดี คือผมไม่รู้หรอกว่าต้องทำยังไง ผมไม่ได้มีอาชีพโค้ช แต่มาโน่เป็นโค้ชก็ควรจะทราบและทำมัน ในสายตาผมจากอัฒจันทร์ ผมไม่เห็นความพยายามจะลดประสิทธิภาพของจีนเลย เห็นแต่ฉันจะเล่นแบบนี้ ฉันไม่สนหรอกว่าจีนวางแผนอะไรมา ที่ผมคิดออกคือถ้าจะเล่นครองบอลพอเสียก็ต้องตัดเกมสวนของจีน คนที่ทำหน้าที่นี้ในผัง 4-2-3-1 วันนี้ก็ต้องเป็นคู่กลาง ซึ่งคนที่คุณเอาลงคือปกเกล้ากับสารัช ไม่ใช่ว่าสองคนนี้ไม่เก่ง แต่สองคนนี้ไม่มีคุณสมบัติของกลางตัดเกม กลางตัดเกมที่คุณมีคือกฤษดา คุณก็จับไปเล่นกองหลัง ทั้งที่เขาก็ไม่ได้สูง จีนโยนมาก็ทำไรไม่ได้มาก เสียของจัด ๆ
.
อีกอย่างหนึ่งคือ ใครก็รู้ว่าจีนมีแนวคิดในการคัดเลือกนักกีฬาฟุตบอลจากรูปร่าง ส่วนมากก็จะสูง 175 ขึ้นไป และยังรูปร่างกำยำมีความแข็งแกร่ง ความคล่องตัวก็อยู่ในระดับปานกลางถึงดี ดูก็รู้ว่าเกมนี้จะต้องเป็นเกมที่ใช้พละกำลังทางกายภาพสูง กองกลางที่โค้ชมาโน่ทั้งปกเกล้าและสารัช ไม่มีใครที่เหมาะกับเกมที่ต้องใช้ร่างกายหนัก คนที่เหมาะคือกฤษดา ซึ่งโค้ชมาโน่ดันจับไปเล่นหลัง แล้วเอากองหลังอาชีพนั่งสำรอง บอลจีนเลยทะลุถึงปากประตูทุกครั้งที่ไทยเสียบอล ไม่น่าเชื่อว่าโค้ชมืออาชีพอย่างมาโน่จะมาพลาดในเรื่องแบบนี้ จัดตัว แผน รูปแบบการเล่นเหมือนไม่เคยศึกษาเลยว่าจีนจะทำอะไร มีแต่ว่าฉันรู้อะไรและฉันจะเล่นในสิ่งที่ฉันรู้เท่านั้น ถ้าคุณจะอ้างว่าจะให้กฤษดาออกบอลจากแนวหลัง คุณก็เล่นระบบอื่น อาจให้กฤษดาเล่นกลางรับเมื่อทีมเสียบอลเป็นต้นไป เมื่อทีมครองบอลคุณก็ถอยกฤษดาลงมาระหว่างคู่เซนเตอร์เป็นหลังสามก็ได้ คือมันมีวิธีแก้ที่โค้ชระดับอาชีพเขาทำกันได้ แต่คุณก็ดันทุรังทำเช่นนั้น ผมไม่เข้าใจ
.
โค้ชและผู้จัดการ
.
จากที่ผมกล่าวมา ผมสรุปสั้น ๆ ว่าเกมนี้ในสายตาผมจากอัฒจันทร์ เราไม่ได้แพ้เนื่องจากสู้ไม่ได้ด้วยคุณภาพนักเตะที่ห่างชั้น แต่เราแพ้เพราะการจัดตัวและแทคติกที่ไม่เหมาะสมของโค้ช มันก็เป็นไปได้ว่าหากวันนี้ไทยเลือกใช้แทคติกที่ถูกต้องแล้วเราจะแพ้ ถ้าจะแพ้แบบนั้นก็จะเป็นการแพ้ที่คนส่วนใหญ่ไม่ได้ว่าอะไร คือนักเตะไทยอาจจะไม่ได้เก่งกว่านักเตะจีน อาจด้อยกว่าด้วยซ้ำ แต่มันก็ไม่ได้ห่างมากมายนัก มันสามารถใช้แทคติกที่ถูกต้องในการทำให้นักเตะไทยที่ศักยภาพอาจด้อยกว่าเอาชนะจีนได้ อย่างไรก็ดี ผมไม่เห็นว่ามาโน่จะมีแทคติกที่เสริมศักยภาพนักเตะไทยได้ คือวันนี้มาโน่ได้แต่นั่งยอง ๆ คิดอะไรไปเรื่อย ๆ ซึ่งผมคาดว่าแกคิดอะไรไม่ออก ตอนเดินมาขอบคุณแฟน ๆ หน้าแกก็บอกบุญไม่รับ คิดว่าแกก็รู้แหละว่าความพ่ายแพ้นี้มันเกิดขึ้นเพราะตัวแกนั่นแหละ ถ้าแพ้เพราะเขาดีกว่าจริง ๆ นักเตะพยายามเล่นตามแผนที่ถูกวางมาอย่างถูกต้องแล้วสายตาของโค้ชมันต้องเปี่ยมด้วยความภูมิใจในตัวลูกทีม ไม่ใช่สายตาอันหม่นหมองอย่างในวันนี้
.
ว่ากันตามตรง มาโน่ไม่ได้มีความสามารถมากพอที่จะเป็นโค้ชที่ทำให้ทีมไทยเล่น “เป็นเกม” กับทีมที่สูสีหรือเหนือกว่าเลย ซิโก้ยังทำให้เห็นว่านักเตะไทยทั้ง 11 คนสามารถเล่นได้แบบมี Coherent มากกว่ามาโน่เสียอีก ยิ่งกว่านั้นถ้าถามว่าสไตล์มาโน่คืออะไร ผมตอบไม่ได้ เหมือนให้บุก แต่ก็ไม่รู้บุกยังไง รู้แต่ให้บุกเข้าไป ซิโก้มีบอล tik tok ราเยวัชมีบอลรถบัส นิชิโนะมีบอลระบบแบบญี่ปุ่น (ที่สุดท้ายก็เรียกได้ว่าสิ่งนี้ล้มเหลว) มาโน่เมื่อนึกถึงกลับนึกไม่ออกว่าสไตล์แกคืออะไร ผมคิดว่าถ้าเขา ที่เป็นฝรั่งต่างชาติ ทำได้แค่นี้ (ลาออกรับผิดชอบความสามารถตนเองไหมครับ?) ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับโค้ชไทย โค้ชไทยบางคนยังมีศักยภาพมากกว่า ถ้าคนต่างชาติทำได้ไม่ดีไปกว่าคนไทย แค่ทำให้ 11 คนเล่นอย่างสอดประสานกันบ้างยังทำไม่ได้ มันก็ไม่มีเหตุผลที่จะจ้างคนต่างชาติให้เงินไหลออกนอกประเทศ สมาคมหรือมาดามก็ดี หากต้องการประหยัดเงินก็จ้างโค้ชไทยเถอะ ให้โอกาสคนในชาติ ถ้าจะเอาผลงานวนแค่อาเซียน
.
ส่วนมาดาม ผมเบื่อเต็มทีกับการบอกว่าเราทำเต็มที่แล้ว นัดหน้าว่ากันใหม่ ขอโทษที่ทำให้ผิดหวัง บลา ๆๆๆ คือก็ต้องยอมรับว่าการที่มาดามมาทำทีมชาติเนี่ย แกก็ไม่ได้ทำให้ฟรี ๆ ไม่มีใครทำอะไรให้ฟรี ๆ อยู่แล้ว แกก็ต้องได้รับประโยชน์ (อาจเป็นเงินหรือไม่ก็ได้) จากการนี้ ก็อยากให้แกช่วยพิจารณาว่า “ทำเต็มที่แล้ว” ของแกเนี่ยคืออะไร มาดามได้คิดถึงประโยชน์สูงสุดทางภาววิสัยแล้วหรือยัง เช่นกรณี อิชิอิ ใครก็รู้ว่าดีกว่ามาโน่ที่ก็เห็นกันอยู่ การตัดสินใจที่ดีที่สุดเพื่อทีมคือเปลี่ยนโค้ช สุดท้ายก็ไม่เปลี่ยนเพราะปัจจัยส่วนตัว (aka ครอบครัว) การตัดสินใจเพื่อสิ่งที่ดีที่สุดขององค์กรมันมักขัดใจเราเสมอ เราอาจรักลูกน้องคนหนึ่งเพราะนิสัยดี แต่เขาไม่เก่ง ถ้าเราอยากให้องค์กรเติบโต เราก็ต้องให้เขาออก แล้วหาคนที่เก่งกว่ามาแทน ซึ่งนี่คือการตัดสินใจที่ยาก แต่ถ้ายังทำสิ่งนี้ไม่ได้ ผมว่าทำเต็มที่มันก็แค่พูดไปงั้น
.
ฝากถึงผู้รับผิดชอบ (รอบที่เท่าไหร่ไม่รู้)
.
ทุกคนทราบดีว่าบอลไทยก็ไม่ได้เก่งอะไร ความสามารถก็กลาง ๆ ค่อนท้ายของโลก แต่มันก็ไม่ได้ถึงขนาดจะเล่นเป็นเกม เป็นรูปแบบไม่ได้ ไม่ใช่จะไม่สามารถพลิกชนะทีมที่เหนือกว่าได้เลย ยุคนิชิโนะก็ทำให้เราเห็นแล้วว่านักเตะไทยมีศักยภาพที่ดีพอเมื่ออยู่ในแทคติกที่ถูกต้องในการเอาชนะทีมยูเออีที่เหนือกว่าไทย คนไทยควรมีความสุขจากการดูฟุตบอลไทยเจริญก้าวหน้าบ้าง ไม่ใช่ย่ำอยู่กับที่ไปเรื่อย ๆ แบบนี้ ผู้บริหารและผู้จัดการทีมควรเห็นใจคนไทยบ้าง คิดและทำอะไรให้มันได้เรื่องได้ราวเสียที อย่าให้ฟุตบอลไทยเป็นเพียงภาพสะท้อนของการเมืองไทยเลยครับ