เด็กเทพวัดไผ่ตัน The Hero From Phaitan Temple ตอนที่ 10


ตอนที่  10  แผนตะลุยคำเขื่อนแก้ว

                วันนี้ผมตื่นสาย  ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาเมื่อมีเสียงใครบางคนตะโกนเรียกชื่อผม  
                “คุณหนึ่ง...คุณหนึ่งครับตื่นหรือยังนี่ผมบุญถมนะ  เปิดประตูให้ผมด้วยครับ”  ผมงัวเงียตื่นขึ้นมาแล้วก็พิจารณาอยู่สักพักหนึ่ง  เสียงใครมาเรียกวะหันมองนาฬิกา  อ้าว!..ยิ้มแล้วแปดโมงครึ่งแล้วหรือวะนี่...เฮ้ย!..เสียงบุญถมเรียกนี่หว่าผมต้องรีบลุกไปเปิดประตูเลยให้ไว  รีบลุกจากที่นอนลงไปเปิดประตูบ้าน  
                “แฮ่ๆๆ...ขอโทษทีพี่ผมหลับเพลินไปหน่อยเข้ามาก่อนพี่เดี๋ยวผมขอไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนนะ”  แล้วผมก็เข้าไปทำภารกิจส่วนตัวเสร็จกิจเรียบร้อยออกมาด้านนอกแล้วก็เห็นอะไรบางอย่าง  บุญถมกำลังทำความสะอาดพื้นห้องโถงด้านล่างโดยไม้กวาดเก่าๆเน่าๆหนึ่งอันไม่รู้ไปเอามาจากไหนผมเลยทักขึ้นว่า  
                “พี่ถมไปเอาไม้กวาดเก่าๆนั่นมาจากไหนพอก่อนเถอะพี่  รอพี่ทศก่อนเดี๋ยวก็มา  แล้วเราค่อยไปซื้อเอาใหม่เราต้องหาของใช้ในสำนักงานอีกเยอะ  มานั่งก่อนเถอะพี่ถม”  แล้วบุญถมตอบมา 
                “อ๋อ!..บังเอิญผมเดินไปด้านหลังบ้านเห็นไม้กวาดอันนี้มันวางอยู่ก็เลยเอามากวาดไปพลางๆก่อนนะครับ”  
                “มานั่งก่อนพี่คุยกันหน่อย...พี่ถมบ้านพี่อยู่ไกลไหม”  ผมถามหลังจากหาที่นั่งกันได้แล้ว  
                “อยู่ห่างจากที่นี่ประมาณ 10 กิโลเมตรเดินทางไป-กลับสะดวกอย่างวันนี้ผมเดินทางมาที่ทำงานใช้เวลาประมาณ 20 นาทีเองขับแบบสบายๆ”  บุญถมตอบ 
                “ผมขออนุญาตถามเรื่องส่วนตัวได้ไหม?..ถ้าไม่สะดวกจะตอบก็ไม่เป็นไรครับไม่ว่ากัน” ผมถามเพราะอยากรู้  
                “คุณหนึ่งอยากรู้อะไรถามมาเลยผมไม่มีเรื่องที่ต้องปิดบังอะไรกันอยู่แล้ว” บุญถมตอบ 
                “พี่ถมแต่งงานมีครอบครัวหรือยัง”  ผมถามต่อ 
                “แต่งแล้วครับตอนนี้ลูกของผมได้ 3 ขวบกว่าแล้ว” บุญถมตอบ 
                “แสดงว่าแต่งงานกันตอนยังเรียนอยู่ล่ะซินะ...ผ่านมากี่ปีแล้วครับ”  ผมถามต่อ 
                “ตอนแฟนผมท้องก็ใกล้จะเรียนจบแล้ว  พอแฟนผมเรียนจบแล้วก็กลับไปคลอดลูกที่บ้าน  แต่ผมก็เอาญาติผู้ใหญ่ทางฝั่งของผมไปขอขมาแล้วก็จัดพิธีแต่งงานกันเลยแบบบ้านๆก็มีสินสอดทองมั่นไปให้ทางฝ่ายเจ้าสาวพอเป็นพิธีมีการล้มหมูเลี้ยงแขกที่มาร่วมงานก็เป็นที่สนุกสนานกันตามสมควรล่ะครับ   หลังจากนั้นผมก็ย้ายไปอยู่บ้านของแฟน...ดูแลแฟนจนลูกผมเกิด...ส่วนผมก็กลับมาเรียนต่อจนจบปวส.การเกษตรสาขาสัตวบาลแต่ก็ยังอยู่อาศัยที่บ้านแฟนมาโดยตลอดเพื่อช่วยกันดูแลลูก...มันก็เป็นประมาณนี้แหล่ะครับคุณหนึ่ง” บุญถมเล่ายาว 
                “แล้วพี่ถมเข้ามาทำงานในบริษัทฯแห่งนี้ได้ยังไงล่ะครับ” ผมถามต่อ 
                “ก็เห็นเขาประกาศรับสมัครแบบทั่วไปก็ลองไปสมัครดู...โชคดีที่ได้ทำงานที่นี่”  บุญถมตอบแล้วเล่าต่อ  
                “หลังจากได้งานแล้วเขาให้ผมไปฝึกงานที่อุบลราชธานีประมาณ 1 เดือน  แล้วเขาก็ให้มาที่ยโสธรเพื่อเป็นผู้ช่วยในการเปิดสาขาแห่งนี้จนมาพบคุณทศพรกันคุณหนึ่งที่นี่แหล่ะครับ...คุณหนึ่งมีอะไรจะถามผมอีกไหม” บุญถมบอก 
                “ตอนนี้คงยังไม่มีอะไรครับ..เดี๋ยวถ้านึกออกอาจจะมีคำถามต่อ” ผมพูด 
                “ถ้าไม่มีแล้วผมขออนุญาตถามคุณหนึ่งบ้างได้ไหมครับถ้าไม่สะดวกที่จะตอบก็ไม่เป็นไรครับ”  บุญถมบอก 
                “อ๋อ...เชิญถามได้เลยครับถ้าตอบได้ผมจะตอบ”  บุญถมเริ่มตั้งคำถาม  
                “คุณหนึ่งเข้ามาทำงานที่นี่ได้ยังไงครับ”  
                “คือเมื่อประมาณ 1 ปีที่แล้วตอนใกล้จะเรียนจบ  ทางบริษัทฯเขาส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปที่สถานศึกษาของผม  โรงเรียนสัตวแพทย์กรมปศุสัตว์  ที่บางเขนแจ้งว่า บริษัท อาหารสัตว์ไทยฯมีแผนการที่จะรับพนักงานใหม่จากคนที่กำลังจะเรียนจบเป็นจำนวนมาก  ในตำแหน่งสัตวบาลส่งเสริมการตลาด  ผมก็ลองสมัครไปแต่ผมไม่ได้คาดหวังอะไรมาหรอก  แล้วหลังจากผมเรียนจบผมก็ออกตระเวนหางานไปทั่วตามหน้าหนังสือพิมพ์บ้าง  ตามใบประกาศบ้างก็หาไปเรื่อยๆช่วงนั้นผมอาศัยอยู่ที่วัดไผ่ตัน สะพายควาย  กรุงเทพฯ  สบายมากเรื่องที่พักก็ไม่ต้องเช่า  กินข้าวก้นบาตร  ตื่นแต่เช้ามืดประมาณตี 4-5 เตรียมเครื่องอัฐบริขารเพื่อให้หลวงพ่อออกบิณฑบาต  เราในฐานะลูกศิษย์ก็ติดตามพระบิณฑบาตเพื่อเก็บรวบรวมสิ่งของที่โยมเขาใส่บาตรมาแยกออกมาใส่ในถังที่เตรียมไปพอถึงจุดหมายก็เดินกลับวัด  จัดของเสร็จเรียบร้อยก็เตรียมสำรับเพื่อให้หลวงพ่อได้ฉันท์เช้า  หลวงพ่อฉันท์เสร็จเราก็กินต่อ  กินเสร็จแล้วก็ล้างทำความสะอาดภาชนะที่หลวงพ่อฉันท์และของพวกเรา  จากนั้นก็แยกย้ายกันไปทำงานส่วนตัว   ตอนแรกผมได้งานที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งทำงานในแผนก Packing ก็ทำไปเรื่อยๆพอมีรายได้พอใช้พอกิน  แต่เหมือนสวรรค์มาโปรดผม  แล้ววันหนึ่งมีเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของห้างมาตามหาผมให้ไปรับโทรศัพท์สายด่วน  ผมแปลกใจมากเพราะเบอร์โทรนี้ผมไม่ได้บอกใครนอกจากหลวงพ่อองค์เดียว  ผมตกใจมากกลัวจะเกิดอะไรขึ้นกับหลวงพ่อ   พอรับโทรศัพท์เป็นเสียงของหลวงพ่อท่านเอง  ท่านบอกผมว่าบริษัท  อาหารสัตว์ไทย  (มหาชน)  จำกัด  เรียกตัวผมเข้าทำงานโดยให้ไปรายงานตัวที่มหาวิทยาลัยขอนแข่นในอีก 2 วันข้างหน้า  หลวงพ่อท่านเป็นห่วงกลัวผมจะพลาดโอกาสจึงรีบโทรมาบอกโดยบอกให้ผมตัดสินใจให้ดีเพราะมันเป็นสายงานวิชาชีพที่เรียนมาและเป็นอนาคตของผมเอง  นั่นแหละครับสาเหตุที่ผมต้องบุกเดี่ยวมาภาคอีสานซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลยแม้แต่น้อย  ทั้งอาหารการกิน  ภาษาพูดหรือแม้นแต่นิสัยใจคน”  ผมเล่ายาวบ้าง  
                “แล้วเป็นยังไงบ้างครับ”  บุญถมถามต่อ 
                “ไมน่าเชื่อเลยเหมือนลำพูนบ้านเกิดผมเลย...จริงๆ”  แล้วเราก็หัวเราะสนุกสนาน 
                “คุณหนึ่งเห็นว่าสาวอีสานงามบ่” บุญถมถามต่อ 
                “งามคักๆโดยเฉพาะพนักงานบัญชีสาขายางตลาดงามอีหลี”  ผมลองตอบเป็นภาษาอีสานดูบ้างออกจะเพี้ยนๆไปหน่อยแต่ก็คล้ายๆกับภาษาเหนือบ้านผม  
                “บ่แม่นเป๋นแฟนกั๋นแล้วบ่”  บุญถมแซว   “บ่ครับเป๋นเมียแล้วครับ...แค่ยังบ่ได้แต่งงานกัน...ปีหน้าถึงจะแต่งครับ  ท่านประธานบริษัทฯท่านรับปากกับผมว่าถ้าผมสามารถนำสาขายโสธรมาเป็นของกำนัลให้แก่ท่านได้ท่านจะเป็นเจ้าภาพจัดงานแต่งงานให้ผม” ผมตอบ  
                “ผมว่านะท่านหญิงประธานบริษัทฯคงปลื้มคุณมากแน่นอน” บุญถมพูด 
                “เดี๋ยวผมขออนุญาตไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ”   
                “ตามสบายครับพี่”  หลังจากนั้นไม่นานพี่ทศพรก็เข้ามาจอดรถที่หน้าสำนักงาน 
                “เฮ้ย...ตื่นกันยังวะ..”  ตามธรรมชาติเสียงมาก่อนตัว  
                “เรียบร้อยแล้วครับพี่...รอพี่คนเดียวนะแหละ”   ผมตอบ 
                “เออ...ขอโทษกูด้วยตื่นสายไปหน่อย  วันนี้เรามีคิวอะไรบ้างวะ” พี่ทศถาม 
                “ก็นิทรรศการละลายทรัพย์ไงครับลูกพี่...พี่วันนี้เราต้องออกไปซื้อขางเข้าสำนักงานกันนะครับแล้วต้องมาช่วยกันทำความสะอาดและช่วยกันจัดเข้าของให้เข้าที่  เช่น  ชุดโต๊ะทำงาน 2 ชุด   โต๊ะอเนกประสงค์  1  ตัว  เก้าอี้พลาสติก 5 ตัว  ชุดรับแขก 1 ชุด  พ้อมกับเครื่องครัวครบชุด  และอาจจะมีของจิปาถะบางอย่างอีกก็ได้นะครับพี่...อาจจะเหนื่อยบ้างนะครับขอให้ทุกคนอดทนเพื่อความสำเร็จของพวกเรา”  เมื่อทุกคนพร้อมแล้วพวกเราก็ออกไปหาซื้อของตามที่เราวางแผนกันเอา  เมื่อได้ของครบแล้วก็มาช่วยกันจัดสำนักงานแห่งใหม่จนเป็นรูปเป็นร่างว่าเป็นสำนักงาน  ทุกคนเหนื่อยกันจริงๆ  ผมจึงผมขึ้นว่า  
                “วันนี้เราพอแค่นี้กันก่อนไหมครับเราเหนื่อยกันแล้ว    BLACK   รออยู่ พี่บุญถมจัดมา  น้ำแข็ง โซดา น้ำมา  ส่วนพี่ทศผมว่าพี่ก็เหนื่อยมากแล้วนะน่าจะกลับไปพักผ่อนได้แล้วกระมังครับพี่”  ผมแซวเล่น  
                “เออหวะ...กูคงเหนื่อยแล้วจริงๆด้วยถ้าอย่างนั้นกูเอา BLACK กลับไปกินแก้เหนื่อยก็แล้วกัน” พี่ทศแกล้ง  
                “พี่บุญถม...ปิดประตูเร็วๆล็อคกุญแจด้วย”  ผมตะโกน  
                “อ้าว...คุณหนึ่งล็อคประตูแล้วคุณทศจะออกไปยังไงล่ะครับ”  บุญถมพาซึ่อ 
                “คนออกไปได้แต่ BLACK ห้ามออก”  แล้วเราสามคนก็หัวเราะกันเป็นที่ขบขัน  แล้วพวกเราก็ช่วยกันจัดสำนักงานแห่งใหม่จนเสร็จเรียบร้อย  
                “บุญถมครับจัดมาเลย กล้องพร้อมนะครับ...54321...Action”  ผมพูดก่อน  
                “ของกราบเรียนเชิญท่านพี่ทศพร  ผู้จัดการเขตภาคตะวันออเกเฉียงเหนือตอนกลางเป็นประธานในพิธีเปิดบริษัท อาหารสัตว์ไทย  มหาชน  จำกัด  สาขา  อำเภอคำเขื่อนแก้ว  จังหวัดยโสธร  นะบัดนี้ขอเรียนเชิญครับท่าน”  
                “สวัสดีครับกระผม  นายทศพร  ตำแหน่งผู้จัดการเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง  วันนี้กระผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างสูงที่ได้มาเป็นประธานกล่าวเปิดขาสาแห่งนี้  โดยได้รับความร่วมจากพนักงานส่งเสริมการตลาดจำนวน 2 ท่าน  ท่านแรกคือนายณพฉัตร  ท่านที่ 2 คือนายบุญถม  ท่านทั้ง 2 นี้จะเป็นแกนหลักในการวางแผนการทำงานโดยจะมีผมคอยเป็นพี่เลี้ยงในการปฏิบัติงานครับ  พวกเราขอให้คำมั่นสัญญาว่าจะทำงานให้ดีที่สุดเพื่อบริษัท อาหารสัตว์ไทย  (มหาชน)  จำกัด  ของเราครับ”  จบแล้ว  
                “พี่ทศโคตรเจ๋งเลยหวะ  เทปนี้ต้องเอาให้ท่านหญิงดูเป็นคนแรกนะพี่  คนอื่นเอาไว้ทีหลัง  พี่ว่าไง”  ผมถาม  
                “ตามนั้นเลยไอ้น้อง”  พี่ทศพูดตอบ   
                “มันต้องอย่างนี้ซิครับลูกพี่...พี่ทศ  ผมมีอะไรจะเสนอผมไม่อยากให้พี่ปฏิเสธด้วยเกี่ยวกับเรื่องขอติดตั้งโทรศัพท์สำนักงานหนะพี่....มันมีประโยชน์มากๆนะพี่เวลาติดต่อลูกค้า  ติดต่อสำนักงานใหญ่  และอื่นๆ” ผมอ้อนพี่ทศ  
                “แล้วก็ติดต่อกับเมียได้ด้วยใช่ป่าว”  พี่ทศดักตอ 
                “เอาน่าพี่เรื่องเล็กน้อยหวะพี่” ผมอ้อนต่อ  
                “เออ...กูจะลองคุยให้...ได้ไม่ได้กูไม่รับประกันนะโว้ย...” พี่ทศตอบแบบรำคาญ  
                “ต้องได้อยู่แล้วพี่ทศพรซะอย่าง”  ผมอ้อนแล้วก็บอกว่า  
                “พี่ถมเปิดเหล้า  โซดา  น้ำแข็ง  พร้อมกับแกล้มด่วน”  ผมบอก  
                “พร้อมอยู่แล้วครับคุณหนึ่ง” บุญถมตอบรับทันทีแล้วจะรอช้าทำไมล่ะทุกคนประจำที่ที่ชุดรับแขกชุดใหม่  ต่างสนุกสนานเฮฮาตามประสาขี้เมามืออาชีพ   ดื่นกินสักพักผมก็ขออนุญาตพี่ทศออกไปโทรศัพท์  พี่ทศกำชับว่า 
                “บอกปุ๊ด้วยนะให้กระซิบท่านหญิงด้วยนะว่าเราทำสำเร็จไปหนึ่งก้าวแล้วนะ” 
                “จัดเต็มเลยครับพี่....พี่ทศพี่ก็ยังโสดรูปหล่อมาสเข้มอย่างพี่หนะพี่มดต้องชอบแน่ๆเลย  เดี๋ยวผมเป็นพ่อสื่อให้เอาไหมครับลูกพี่...ฮ้าๆๆๆ”  ผมหยอกพี่ทศ  
                “ไอ้เวร  ไอ้เลว  ถ้าได้ก็ดีซิวะ” พี่ทศทำเป็นด่าผมแต่ก็แอบยิ้ม  
                “ไม่ต้องห่วงผมมีผู้ช่วย”  แล้วผมก็เดินไปที่ตลาดเพื่อหาตู้โทรศัพท์  ยกหู หยอดเหรียญ กดเบอร์  เสียงปลายสายตอบมาว่า  
                “สวัสดีค่ะสำนักงานท่านประธานบริษัทฯค่ะจะเรียนสายกับใครค่ะ” 
                “ขอสายปุ๊ครับ”  ผมบอกความประสงค์ 
                “นั่นหนึ่งรึป่าว”  ปลายสายถาม  “ครับผม  ใช่พี่มดหรือเปล่าครับ”  
                “ใช่จ้ะ” พี่มดตอบ 
                “ถ้าตอนนี้ปุ๊ไม่สะดวกจะคุยก็ไม่เป็นไรครับพี่เพียงแต่ผมมีเรื่องสำคัญจะเรียนกับท่านหญิงนะครับ  ไม่ทราบว่าท่านหญิงจะสะดวกมาคุยด้วยตนเอง  หรือจะให้ผมฝากพี่มดไปรายงานให้ครับ”  ผมถาม  
                “ท่านกำลังประชุมอยู่จ้ะ....เอ๊ะ..นั่นไงท่านออกมาแล้วปุ๊ก็มาด้วยเดี๋ยวพี่เรียกให้นะ...ท่านคะมีสายด่วนจากยโสธรคะ” ท่านมารับสาย  
                “นี่ฉันเรียนสายกับใครคะ”  ท่านหญิงพูด  
                “ท่านครับสายไม่ได้เปิดลำโพงใช่ไหมครับ”  
                (มีต่อครับ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่