เด็กเทพวัดไผ่ตัน The Hero From Phaitan Temple ตอนที่ 8


ตอนที่  8  ตะลุยยโสธร

                วันถัดมาผมเตรียมตัวเรียบร้อยแล้วพร้อมเดินทางไปเผชิญชะตากรรมในที่แห่งใหม่ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ผมไม่เคยรู้จักมาก่อน  หลังจากที่ได้ล่ำลาสาวคนรักและเพื่อนร่วมงานแล้ว  พี่ทศพรก็มาพอดีเหมือนเช่นเคยเสียงมาก่อนตัวทุกครั้ง  
                “เฮ้ย!..ไอ้เสือน้อยเตรียมพร้อมเดินทางยังวะ”  พี่ทศทักทาย  
                “พร้อมแล้วครับพี่เดินทางได้เลยครับ”  ผมบอกพร้อมกับขนสัมภาระขึ้นรถไปด้วย  ก่อนออกเดินทางผมหันไปมองแฟนสาวอีกครั้งแล้วยิ้มให้  เธอดูเศร้าๆผมเลยยกมือขึ้นแล้วส่งสัญลักษณ์ให้เธอ  หมายความว่า “รักเธอนะเด็กโง่”  ผมยิ้มให้ปุ๊ยิ้มตอบแล้วผมก็ขึ้นรถของพี่ทศเพื่อเดินทางไปสู่จังหวัดยโสธร  ยโสธรกับกาฬสินธุ์เป็นจังหวัดที่เขตติดต่อกันระยะทางระหว่างตัวจังหวัดประมาณ 100 กิโลเมตรเห็นจะได้  ใช้เวลาเดินทางราวๆ 2 ชั่วโมง  ระหว่างการเดินทางผมกับพี่ทศก็คุยกันมาเกือบตลอดทางโดยมากก็เป็นเรื่องงานว่าจะวางแผนจะเปิดตลาดยังไงดีเพราะเจ้าถิ่นอย่างเก๋าๆทั้งนั้น  CP  BATAGO  CALLGILL  แหลมทอง  กรุงเทพอาหารสัตว์  ฯลฯ  แต่ละเบอร์โคตรเก๋าและโหดสุดๆในทางการตลาดทั้งนั้น  ผมปรึกษาพี่ทศ 
                 “พี่มีแนวคิดยังไงบ้างวะพี่”  พี่ทศนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็พูดขึ้นว่า  
                 “ถ้าจะให้ไปแย่งลูกค้าของเขาละก็หมดสิทธิ์  กูก็ยังคิดไม่ออกอยู่ดีว่ะ”  
                 “ในเมื่อแย่งไม่ได้ก็สร้างใหม่ซะเลยซิพี่”  ผมบอกไปพี่ทศหันมามองหน้าผม  
                 “หมายความว่าไงวะ”  พี่ทศสงสัย   
                 “รายของเอเย่นต์ก็อย่าไปยุ่งกับเขาเราแย่งลูกค้าของเขาไม่ได้อยู่แล้ว    พวกเรามุ่งที่ชาวบ้านรายย่อยดีกว่าพวกนี้เขาไม่ผูกมัดกับเอเย่นต์นักหรอก  ถ้าเรารวบรวมได้รายละ 5 ตัว  10 ตัว 20 ตัว  รวบรวมได้เยอะๆก็ได้เป็นร้อยอาจเป็นพันเลยก็ได้นะพี่  แต่ต้องเหนื่อยกันหน่อยนะต้องออกส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์เพื่อรวบรวมข้อมูลสัตว์และสร้างสมาชิกของเราขึ้นมาเองพี่เอาเปล่าละ” ผมอธิบาย 
                 “น่าสนใจหวะแน่ใจนะว่าจะทำได้” พี่ทศยังสงสัย  
                 “ไม่ลองก็ไม่รู้ว่ะพี่แล้วไหนล่ะผู้ช่วยของผมหนะ  ไอ้ตัวนี่แหล่ะตัวคำตอบเพราะมันเป็นคนในพื้นที่” ผมบอก 
                 “ไอ้เสือน้อยนี่มันหลุดโลกโคตรพิศดาลจริงๆเลยหวะถึงว่าท่านหญิงถึงตกหลุมรัก”  พี่ทศแซว 
                 “อ้าวๆพี่อย่าเล่นของสูงซิพี่เรียกว่าพึงพอใจในความคิดแปลกประหลาดของผมก็พอ...คนที่ตกหลุมรักผมนะยอมให้ปุ๊เมียผมคนเดียวก็พอแล้ว” ผมตอบ 
                 “ว่ายังไงนะกับปุ๊?..”  “เข้าใจไม่ผิดหรอกพี่ 2 คืนติดเลยสว่างคาตา  คิดแล้วก็ใจหายวะพี่ไม่รู้อีกเมื่อไหร่จะได้กลับไปร้องเพลงกันอีก  ไอ้เจ็คเฒ่ามันก็จ้องจะงาบอยู่นี่ขนาดผมกับปุ๊บอกต่อหน้ามันเลยนะว่าเราเป็นแฟนกันแล้วปีหน้าเราจะแต่งงานกันพอมันรู้โกธรหน้าแดงออกไปเลย  เจ้าประคูณขอให้ท่านหญิงคุ้มครองให้ปุ๊รอดปลอดภัยจากไอ้เจ็คเฒ่านั่นด้วยเถิด”  ผมภาวนา 
                “เฮ้อ!..ไอ้เสือน้อยเอ๊ย...กูละเห็นใจความรักของพวกจริงๆเลยวะ” พี่ทศส่ายหน้า 
                “มันต้องวัดใจกันวะพี่ระหว่างผมกับท่านหญิง  ผมสัญญากับท่านว่าผมจะเปิดสาขาบริษัทฯ  ในจังหวัดยโสธรให้จงได้โดยแลกกับความปลอดภัยของปุ๊จากเงื้อมือของไอ้เจ็คเฒ่านั่นหนะไม่รู้สัญญามันจะเป็นไปตามนั้นหรือเปล่า”  ผมพูดให้พี่ทศฟัง  “นี่มันบ้าโคตรๆเลยวะไอ้เสือที่กล้าไปสัญญากับท่านประธานแบบนั้นหนะ...แต่ถูกใจกูยิ้มเลยโว้ย!!!...ฮ้าๆๆๆ”  พี่ทศหัวเราะชอบใจแล้วก็บอกว่า  
                “ เฮ้ย...ไอ้เสือน้อยเดี๋ยวก็จะถึงยโสธรแล้วกูนัดไอ้บุญถม  ผู้ช่วยของที่หน้าศาลากลางนะป่านนี้มันคงมารอแล้วล่ะเดี๋ยวเราแวะไปรับมันก่อนแล้วค่อยออกสำรวจพื้นที่กันนะ” พี่ทศบอก 
                “แล้วแต่พี่ครับว่าไงว่าตามกัน”  แล้วรถของพี่ทศก็มาจอดที่หน้าศาลากลางจังหวัดยโสธรเวลาประมาณ 11.00 น. แล้วก็มีผู้ชายคนหนึ่งรูปร่างสันทัดผิวคล้ำตามสไตล์คนภาคอีสานเดินเข้ามาหา  พี่ทศกับผมก็ลงจากรถแล้วเข้าไปทักทายตามมารยาท  ชายคนนั้นก็คือบุญถมนั่นเอง  หลังจากทำความรู้จักกันพอสมควรแล้วพี่ทศจึงชวนพวกเราไปทานข้าวกลางวัน  ระหว่างทานข้าวกลางวันผมกับบุญถมก็ได้พูดคุยทำความรู้จักกันให้มากขึ้นเพราะจะเราต้องทำงานร่วมกัน  ผมได้ข้อมูลของบุญถมมาค่อนข้างละเอียดพอสมควร  บุญถมเรียนจบปวส.สาขาเกษตร  สัตวบาล  จากวิทยาลัยการอาชีพยโสธร  หลังจากเรียนจบก็ออกมาช่วยทางบ้านทำการเกษตร  พึ่งได้เข้าทำงานบริษัทอาหารสัตว์ไทยฯเป็นที่แรก  ซึ่งผมเองก็เหมือนกันเล่าประสบการณ์การทำงานให้บุญถมได้ฟังเช่นกัน  ในเมื่อได้รู้จักกันดีแล้วพี่ทศจึงชวนออกสำรวจพื้นที่ในตัวเมืองยโสธรเพื่อหาที่พื้นที่เช่าเป็นสำนักงานสาขาแห่งใหม่แต่ก็ต้องคว้าน้ำเหลวเพราะตึกเช่าแต่ละที่โคตรแพงบรรลัยเลย 3,000 – 4,000 บาท/เดือนขึ้นไปพี่ทศถึงกับส่ายหัว  
                “แม่เจ้าเอ๊ย...เมืองเล็กๆอย่างนี้ทำไมค่าเช่ามันแพงนักวะ  ราคานี้บริษัทฯไม่ OK แน่ๆ  พี่ทศหันมามองหน้าผมแล้วถามว่า  
                “ไอ้หนึ่งมีความเห็นว่ายังไงบ้างวะ”  ผมยังไม่ทันตอบคำถามของพี่ทศจู่ๆบุญถมก็พูดออกมาว่า 
                “ลูกพี่ครับผมขอเสนอความเห็นหน่อยนะครับ...ในเมื่อในตัวเมืองหาที่เช่าตึกไม่ได้ทำไมไม่ลองไปหาดูตามอำเภอข้างเคียงละครับอย่างเช่นที่  อำเภอคำเขื่อนแก้วบ้านของผมเอง  อยู่ห่างจากตัวจังหวัดแค่ 30 กิโลเมตรเอง  ที่นั่นถึงจะเป็นอำเภอเล็กๆก็จริง  แต่มีถนนสายหลักไปถึงอุบลเลยนะครับ  ผมคิดว่าเราน่าจะลองไปสำรวจดูนะครับเดี๋ยวผมพาไปเอง”  ผมกับพี่ทศหันมามองหน้ากันแบบเซอร์ไพรส์แล้วพี่ทศก็สรุปว่า  
                “ถ้าอย่างนั้นเอาตามที่บุญถมแนะนำก็แล้วกัน...ไอ้หนึ่งว่าไง” พี่ทศหันมาถาม 
                “ก็แล้วแต่พี่ผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” ผมตอบ 
                “ถ้าอย่างนั้นวันนี้เราพอแค่นี้ก่อนก็แล้วกันนะนี่ก็บ่ายมากแล้วเอาไว้พรุ่งนี้เราค่อยออกสำรวจพื้นที่อำเภอคำเขื่อนแก้วก็แล้วกัน”   พี่ทศสรุป  เสร็จแล้วพี่ทศก็พาบุญถมมาส่งที่หน้าศาลากลางโดยบุญถมขออนุญาตกลับบ้านก่อนแต่ก่อนจากกันพี่ทศไม่ลืมที่จะนัดแนะกับบุญถมในจุดนัดพบกันในวันพรุ่งนี้  แล้วพี่ทศก็พาผมมาเปิดเข้าพักโรงแรมแห่งหนึ่งในตัวเมืองยโสธรหลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วเราก็ชวนกันลงมานั่งกินเหล้ากันที่คาเฟ่ของโรงแรมดื่มกินกันอย่างสนุกสนานไปตามประสา  มีสาระบ้างไร้สาระบ้างตามแบบฉบับขี้เมามืออาชีพ  แต่สิ่งที่ผมลืมไม่ได้คือต้องโทรหาสุดที่รัก  ผมบอกพี่ทศ 
                 “พี่ผมขออนุญาตไปโทรศัพท์หาเมียแป๊บหนึ่งนะครับพี่”  
                 “ไอ้หอกหักเอ๊ย...พูดได้เต็มปากเลยนะ...เออตามสบาย”  พี่ทศออกแนวล้อเลียน  แต่ก็ช่างยิ้มโทรหาเมียกูดีกว่า  ผมเดินไปที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะ  ยกหู  หยอดเหรียญ  กดเบอร์  แล้วเสียงปลายสายก็ตอบกลับมา  
                 “สวัสดีคะ บริษัท อาหารสัตว์ไทยฯ  สาขายางตลาดคะ”  
                 “สวัสดีครับขอเรียนสายกับ Mrs. เจนจิรา  เปาชัย  ครับ”  ผมหยอก  
                 “หนึ่ง...พูดอะไรนี่  Mrs. อะไรกัน”   ปุ๊ทำเสียงเขินๆ  
                 “อ้าว...แล้วไม่จริงเหรอคุณเป็นภรรยาของผมแล้วนะถึงยังจะไม่เป็นทางการก็เถอะแต่ก็ถือว่าคุณเป็นภรรยาของผมแล้วใช่ไหมจ้ะทูนหัว...อิๆๆๆ”  ผมหยอกต่อ  
                 “จอมเจ้าเล่ห์”  น้ำเสียงค้อน  
                 “แล้วยอมรับไหมละครับ  Mrs. เจนจิรา  เปาชัย” ผมได้ใจหยอกเมียนี่มันสนุกจริงๆหวะ  
                 “รับก็ได้“  เสียงเขินๆ 
                 “มันต้องแบบนี้ซิจ้ะที่รัก  คิดถึงคุณจังเลยอกแทบแตกตาย”  ผมอ้อน  
                 “ไม่ตายไปซะเลยละ” ปุ๊หยอกกลับบ้าง 
                 “โห...ใจร้ายนะเรานี่”  ผมอ้อนต่อ  “ล้อเล่นคะ...ปุ๊ก็คิดถึงคุณค่ะเป็นห่วงเรื่องการเดินทางด้วย  แล้วเป็นยังไงบ้างคะ  พักที่ไหน  กินข้าวกินปลารึยัง” ปุ๊ถามอย่างเป็นห่วง  ผมตอบ  
                 “วันนี้พักที่โรงแรมกับพี่ทศครับ  ตระเวนหาที่เช่าสำนักงานใหม่ยังไม่ได้เลย  เมืองก็ไม่ได้ใหญ่มากแต่ทำไมค่าเช่ามันแพงเหลือเกิน  พรุ่งนี้กะว่าจะลองไปหาแถวนอกเมืองดูพอดีบุญถมที่จะมาเป็นผู้ช่วยของผมเขาแนะนำมาอาจเข้าท่าก็ได้...แล้วคุณละมีข่าวดีจากท่านหญิงบ้างหรือเปล่า” ผมถาม 
                 “ฮ้าๆๆๆ...นึกว่าจะไม่ถามซะแล้ว...ข่าวดีมากๆเลยคะท่านหญิงมีคำสั่งให้ปุ๊ไปเป็นผู้ช่วยเลขาฯของท่านที่สำนักงานใหญ่...ปุ๊ดีใจมากเลยท่านบอกว่าปุ๊จะไป-กลับหรือจะพักอยู่ที่นั่นก็ได้ตามแต่สะดวกแถมยังบอกว่าโทรศัพท์ใช้ได้ตลอดเวลาแต่อย่าใช้พร่ำเพร่อ  ปุ๊จะใช้พร่ำเพร่อได้ยังไงปุ๊ก็แค่รอให้หนึ่งโทรมาหาเท่านั้นแหล่ะ  ทีนี้เราก็ติดต่อกันได้สะดวกแล้วนะคะคุณ”  ปุ๊พูดแบบดีใจมากๆ 
                 “เป็นข่าวดีจริงๆเลยที่รักผมโล่งใจอย่างมากเลยที่ท่านหญิงรักษาสัญญา  แล้วท่านจะให้คุณเข้าไปทำงานเมื่อไหร่ละ” ผมถาม 
                 “เริ่มวันพรุ่งนี้เลยค่ะคนที่จะมาทำหน้าแทนปุ๊เขาก็มารับงานวันนี้แล้วถ่ายทอดงานกันเสร็จเรียบร้อยแล้วด้วย...อิๆๆๆ”  ปุ๊บอกแบบอารมณ์ดี  
                 “โอ้...แม่เจ้าภรรยาของเราจะได้เป็นผู้ช่วยเลขาท่านประธานบริษัทฯแล้วหรือนี่  ส่วนเราก็ยังเป็นหมอต๊อกต๋อยอย่างเดิม  ฝากบอกท่านหญิงด้วยนะว่าผมขอขอบพระคุณท่านมากที่ช่วยดูความปลอดภัยให้คุณ  ส่วนผมรักษาสัญญาผมจะเปิดสาขาบริษัทฯ  ในจังหวัดยโสธรให้จงได้  ถ้าผมล้มเหลวล่ะก็เอาผมไปประหารชีวิตได้เลย”  ผมพูดอย่างท้าทาย 
                 “หนึ่งนี่นะ...ชอบพูดจาอะไรก็ไม่รู้ไม่น่าฟังเลยประหารชีวิตอะไรกันพูดจาเลอะเทอะไม่เอานะทีหลังห้ามพูดแบบนี้อีกมันไม่เป็นมงคลรู้ไหมปุ๊เป็นเมียคุณนะหัดเชื่อฟังเมียบ้างสิ”  ปุ๊ตัดพ้อ  
                 “จ้ะ..ที่รักผัวกลัวแล้วจ๊ะเมียจ๋า  ผมรู้ว่าคุณปลอดภัยจากไอ้เจ็คเฒ่าหัวงูผมก็ดีใจมากแล้ว  แต่คุณเชื่อเถอะคนอย่างไอ้เจ็คเฒ่ามันไม่ยอมเสียเลี่ยมง่ายๆหรอกมันจัดการกับคุณไม่ได้มันก็ต้องหันมาเล่นงานผมแน่ๆ  แต่ผมไม่กลัวมันหรอกคนสติหลุดโลกอย่างผมน่ะขนาดท่านหญิงประธานบริษัทฯยังยอมเลยนับประสาอะไรกับไอ้เจ็คหนวดจิ๋มขอมาแบบตรงๆเถอะอย่าใช้วิธีแบบหมาลอบกัดก็แล้วกัน...เออ!...คุณเก็บของที่ทำงานหมดรึยังตอนนี้ยังสว่างอยู่นะ  ผมว่าคุณรีบกลับบ้านไปนอนกับแม่ดีกว่า  อย่านอนที่สำนักงานเลยนะผมไม่ไว้ใจไอ้เจ็คเฒ่ามัน...มันอาจมากวนใจคุณในช่วงที่ผมไม่อยู่ก็ได้เชื่อผมนะ พรุ่งนี้ก็เข้าไปที่สำนักงานท่านหญิงเพื่อรับงานใหม่เลยแล้วก็ทำให้เต็มที่เลยนะอย่าให้เสียชื่อ   Mrs. เจนจิรา  เปาชัย  ล่ะ  แล้วอย่าลืมเรียนท่านหญิงนะว่าผมจะเอายโสธรมาเป็นของกำนัลให้ท่านด้วยความเป็นคนที่สติหลุดโลกคิดไม่เหมือนคนอื่นอย่างผมนี่แหล่ะ...เออ..ว่าแต่พรุ่งนี้ผมต้องโทรเบอร์ใหม่ใช่ไหมจ้ะที่รัก”  ผมสาธยายซะยาวเลย 
                  “ใช่คะ...ปุ๊เก็บของหมดแล้วก็กะว่าจะไปนอนที่บ้านเหมือนกันแต่ก็รอโทรศัพท์จากคุณนี่แหล่ะ..ที่รักขาต่อไปอย่าพูดอะไรแบบที่ไม่เป็นมงคลอีกนะปุ๊ได้ยินแล้วใจคอไม่ดีเลยค่ะเราเป็นผัวเมียกันแล้วนะมีอะไรเราก็ต้องช่วยเหลือกันอยู่แล้วไม่ใช่หรือคะ...ปุ๊รักหนึ่งนะและจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงด้วย”  ปุ๊พูด 
                  “ครับที่รักผมก็รักคุณมากที่สุดเพื่อปกป้องคุณแล้วผมยอมทำทุกอย่างจะให้บุกน้ำลุยไฟผมยอมทุกอย่างขอแค่ให้คุณปลอดภัยผมพอใจแล้ว...แค่นี้ก่อนนะครับทิ้งให้พี่ทศนั่งกินเหล้าอยู่คนเดียวเกรงใจพี่เค้าหนะ...พรุ่งนี้ผมจะโทรไปหาใหม่นะครับหลับฝันดีนะครับ...รักปุ๊นะราตรีสวัสดิ์ครับทูนหัว” ผมบอกลา 
                 “ค่ะ...อย่าดื่มเยอะนะแล้วก็เตรียมตัวพักผ่อนได้แล้วพรุ่งนี้ต้องทำงานอีกถ้าไม่รักไม่ห่วงไม่พูดแบบนี้หรอกรู้ไหมคะคุณสามี...ราตรีสวัสดิ์เช่นกันค่ะ”  วางสายไปแล้วเมียเรานี่น่ารักที่สุดในโลกเลย  เดี๋ยวไปนั่งกินเหล้ากับพี่ทศต่อดีกว่า...มีความสุขจริงโว้ย!..ไอ้เด็กวัดไผ่ตัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่