ตอนที่ 8 ตะลุยยโสธร
วันถัดมาผมเตรียมตัวเรียบร้อยแล้วพร้อมเดินทางไปเผชิญชะตากรรมในที่แห่งใหม่ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ผมไม่เคยรู้จักมาก่อน หลังจากที่ได้ล่ำลาสาวคนรักและเพื่อนร่วมงานแล้ว พี่ทศพรก็มาพอดีเหมือนเช่นเคยเสียงมาก่อนตัวทุกครั้ง
“เฮ้ย!..ไอ้เสือน้อยเตรียมพร้อมเดินทางยังวะ” พี่ทศทักทาย
“พร้อมแล้วครับพี่เดินทางได้เลยครับ” ผมบอกพร้อมกับขนสัมภาระขึ้นรถไปด้วย ก่อนออกเดินทางผมหันไปมองแฟนสาวอีกครั้งแล้วยิ้มให้ เธอดูเศร้าๆผมเลยยกมือขึ้นแล้วส่งสัญลักษณ์ให้เธอ หมายความว่า “รักเธอนะเด็กโง่” ผมยิ้มให้ปุ๊ยิ้มตอบแล้วผมก็ขึ้นรถของพี่ทศเพื่อเดินทางไปสู่จังหวัดยโสธร ยโสธรกับกาฬสินธุ์เป็นจังหวัดที่เขตติดต่อกันระยะทางระหว่างตัวจังหวัดประมาณ 100 กิโลเมตรเห็นจะได้ ใช้เวลาเดินทางราวๆ 2 ชั่วโมง ระหว่างการเดินทางผมกับพี่ทศก็คุยกันมาเกือบตลอดทางโดยมากก็เป็นเรื่องงานว่าจะวางแผนจะเปิดตลาดยังไงดีเพราะเจ้าถิ่นอย่างเก๋าๆทั้งนั้น CP BATAGO CALLGILL แหลมทอง กรุงเทพอาหารสัตว์ ฯลฯ แต่ละเบอร์โคตรเก๋าและโหดสุดๆในทางการตลาดทั้งนั้น ผมปรึกษาพี่ทศ
“พี่มีแนวคิดยังไงบ้างวะพี่” พี่ทศนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็พูดขึ้นว่า
“ถ้าจะให้ไปแย่งลูกค้าของเขาละก็หมดสิทธิ์ กูก็ยังคิดไม่ออกอยู่ดีว่ะ”
“ในเมื่อแย่งไม่ได้ก็สร้างใหม่ซะเลยซิพี่” ผมบอกไปพี่ทศหันมามองหน้าผม
“หมายความว่าไงวะ” พี่ทศสงสัย
“รายของเอเย่นต์ก็อย่าไปยุ่งกับเขาเราแย่งลูกค้าของเขาไม่ได้อยู่แล้ว พวกเรามุ่งที่ชาวบ้านรายย่อยดีกว่าพวกนี้เขาไม่ผูกมัดกับเอเย่นต์นักหรอก ถ้าเรารวบรวมได้รายละ 5 ตัว 10 ตัว 20 ตัว รวบรวมได้เยอะๆก็ได้เป็นร้อยอาจเป็นพันเลยก็ได้นะพี่ แต่ต้องเหนื่อยกันหน่อยนะต้องออกส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์เพื่อรวบรวมข้อมูลสัตว์และสร้างสมาชิกของเราขึ้นมาเองพี่เอาเปล่าละ” ผมอธิบาย
“น่าสนใจหวะแน่ใจนะว่าจะทำได้” พี่ทศยังสงสัย
“ไม่ลองก็ไม่รู้ว่ะพี่แล้วไหนล่ะผู้ช่วยของผมหนะ ไอ้ตัวนี่แหล่ะตัวคำตอบเพราะมันเป็นคนในพื้นที่” ผมบอก
“ไอ้เสือน้อยนี่มันหลุดโลกโคตรพิศดาลจริงๆเลยหวะถึงว่าท่านหญิงถึงตกหลุมรัก” พี่ทศแซว
“อ้าวๆพี่อย่าเล่นของสูงซิพี่เรียกว่าพึงพอใจในความคิดแปลกประหลาดของผมก็พอ...คนที่ตกหลุมรักผมนะยอมให้ปุ๊เมียผมคนเดียวก็พอแล้ว” ผมตอบ
“ว่ายังไงนะกับปุ๊?..” “เข้าใจไม่ผิดหรอกพี่ 2 คืนติดเลยสว่างคาตา คิดแล้วก็ใจหายวะพี่ไม่รู้อีกเมื่อไหร่จะได้กลับไปร้องเพลงกันอีก ไอ้เจ็คเฒ่ามันก็จ้องจะงาบอยู่นี่ขนาดผมกับปุ๊บอกต่อหน้ามันเลยนะว่าเราเป็นแฟนกันแล้วปีหน้าเราจะแต่งงานกันพอมันรู้โกธรหน้าแดงออกไปเลย เจ้าประคูณขอให้ท่านหญิงคุ้มครองให้ปุ๊รอดปลอดภัยจากไอ้เจ็คเฒ่านั่นด้วยเถิด” ผมภาวนา
“เฮ้อ!..ไอ้เสือน้อยเอ๊ย...กูละเห็นใจความรักของพวกจริงๆเลยวะ” พี่ทศส่ายหน้า
“มันต้องวัดใจกันวะพี่ระหว่างผมกับท่านหญิง ผมสัญญากับท่านว่าผมจะเปิดสาขาบริษัทฯ ในจังหวัดยโสธรให้จงได้โดยแลกกับความปลอดภัยของปุ๊จากเงื้อมือของไอ้เจ็คเฒ่านั่นหนะไม่รู้สัญญามันจะเป็นไปตามนั้นหรือเปล่า” ผมพูดให้พี่ทศฟัง “นี่มันบ้าโคตรๆเลยวะไอ้เสือที่กล้าไปสัญญากับท่านประธานแบบนั้นหนะ...แต่ถูกใจกู
เลยโว้ย!!!...ฮ้าๆๆๆ” พี่ทศหัวเราะชอบใจแล้วก็บอกว่า
“ เฮ้ย...ไอ้เสือน้อยเดี๋ยวก็จะถึงยโสธรแล้วกูนัดไอ้บุญถม ผู้ช่วยของที่หน้าศาลากลางนะป่านนี้มันคงมารอแล้วล่ะเดี๋ยวเราแวะไปรับมันก่อนแล้วค่อยออกสำรวจพื้นที่กันนะ” พี่ทศบอก
“แล้วแต่พี่ครับว่าไงว่าตามกัน” แล้วรถของพี่ทศก็มาจอดที่หน้าศาลากลางจังหวัดยโสธรเวลาประมาณ 11.00 น. แล้วก็มีผู้ชายคนหนึ่งรูปร่างสันทัดผิวคล้ำตามสไตล์คนภาคอีสานเดินเข้ามาหา พี่ทศกับผมก็ลงจากรถแล้วเข้าไปทักทายตามมารยาท ชายคนนั้นก็คือบุญถมนั่นเอง หลังจากทำความรู้จักกันพอสมควรแล้วพี่ทศจึงชวนพวกเราไปทานข้าวกลางวัน ระหว่างทานข้าวกลางวันผมกับบุญถมก็ได้พูดคุยทำความรู้จักกันให้มากขึ้นเพราะจะเราต้องทำงานร่วมกัน ผมได้ข้อมูลของบุญถมมาค่อนข้างละเอียดพอสมควร บุญถมเรียนจบปวส.สาขาเกษตร สัตวบาล จากวิทยาลัยการอาชีพยโสธร หลังจากเรียนจบก็ออกมาช่วยทางบ้านทำการเกษตร พึ่งได้เข้าทำงานบริษัทอาหารสัตว์ไทยฯเป็นที่แรก ซึ่งผมเองก็เหมือนกันเล่าประสบการณ์การทำงานให้บุญถมได้ฟังเช่นกัน ในเมื่อได้รู้จักกันดีแล้วพี่ทศจึงชวนออกสำรวจพื้นที่ในตัวเมืองยโสธรเพื่อหาที่พื้นที่เช่าเป็นสำนักงานสาขาแห่งใหม่แต่ก็ต้องคว้าน้ำเหลวเพราะตึกเช่าแต่ละที่โคตรแพงบรรลัยเลย 3,000 – 4,000 บาท/เดือนขึ้นไปพี่ทศถึงกับส่ายหัว
“แม่เจ้าเอ๊ย...เมืองเล็กๆอย่างนี้ทำไมค่าเช่ามันแพงนักวะ ราคานี้บริษัทฯไม่ OK แน่ๆ พี่ทศหันมามองหน้าผมแล้วถามว่า
“ไอ้หนึ่งมีความเห็นว่ายังไงบ้างวะ” ผมยังไม่ทันตอบคำถามของพี่ทศจู่ๆบุญถมก็พูดออกมาว่า
“ลูกพี่ครับผมขอเสนอความเห็นหน่อยนะครับ...ในเมื่อในตัวเมืองหาที่เช่าตึกไม่ได้ทำไมไม่ลองไปหาดูตามอำเภอข้างเคียงละครับอย่างเช่นที่ อำเภอคำเขื่อนแก้วบ้านของผมเอง อยู่ห่างจากตัวจังหวัดแค่ 30 กิโลเมตรเอง ที่นั่นถึงจะเป็นอำเภอเล็กๆก็จริง แต่มีถนนสายหลักไปถึงอุบลเลยนะครับ ผมคิดว่าเราน่าจะลองไปสำรวจดูนะครับเดี๋ยวผมพาไปเอง” ผมกับพี่ทศหันมามองหน้ากันแบบเซอร์ไพรส์แล้วพี่ทศก็สรุปว่า
“ถ้าอย่างนั้นเอาตามที่บุญถมแนะนำก็แล้วกัน...ไอ้หนึ่งว่าไง” พี่ทศหันมาถาม
“ก็แล้วแต่พี่ผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” ผมตอบ
“ถ้าอย่างนั้นวันนี้เราพอแค่นี้ก่อนก็แล้วกันนะนี่ก็บ่ายมากแล้วเอาไว้พรุ่งนี้เราค่อยออกสำรวจพื้นที่อำเภอคำเขื่อนแก้วก็แล้วกัน” พี่ทศสรุป เสร็จแล้วพี่ทศก็พาบุญถมมาส่งที่หน้าศาลากลางโดยบุญถมขออนุญาตกลับบ้านก่อนแต่ก่อนจากกันพี่ทศไม่ลืมที่จะนัดแนะกับบุญถมในจุดนัดพบกันในวันพรุ่งนี้ แล้วพี่ทศก็พาผมมาเปิดเข้าพักโรงแรมแห่งหนึ่งในตัวเมืองยโสธรหลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วเราก็ชวนกันลงมานั่งกินเหล้ากันที่คาเฟ่ของโรงแรมดื่มกินกันอย่างสนุกสนานไปตามประสา มีสาระบ้างไร้สาระบ้างตามแบบฉบับขี้เมามืออาชีพ แต่สิ่งที่ผมลืมไม่ได้คือต้องโทรหาสุดที่รัก ผมบอกพี่ทศ
“พี่ผมขออนุญาตไปโทรศัพท์หาเมียแป๊บหนึ่งนะครับพี่”
“ไอ้หอกหักเอ๊ย...พูดได้เต็มปากเลยนะ...เออตามสบาย” พี่ทศออกแนวล้อเลียน แต่ก็ช่าง
โทรหาเมียกูดีกว่า ผมเดินไปที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะ ยกหู หยอดเหรียญ กดเบอร์ แล้วเสียงปลายสายก็ตอบกลับมา
“สวัสดีคะ บริษัท อาหารสัตว์ไทยฯ สาขายางตลาดคะ”
“สวัสดีครับขอเรียนสายกับ Mrs. เจนจิรา เปาชัย ครับ” ผมหยอก
“หนึ่ง...พูดอะไรนี่ Mrs. อะไรกัน” ปุ๊ทำเสียงเขินๆ
“อ้าว...แล้วไม่จริงเหรอคุณเป็นภรรยาของผมแล้วนะถึงยังจะไม่เป็นทางการก็เถอะแต่ก็ถือว่าคุณเป็นภรรยาของผมแล้วใช่ไหมจ้ะทูนหัว...อิๆๆๆ” ผมหยอกต่อ
“จอมเจ้าเล่ห์” น้ำเสียงค้อน
“แล้วยอมรับไหมละครับ Mrs. เจนจิรา เปาชัย” ผมได้ใจหยอกเมียนี่มันสนุกจริงๆหวะ
“รับก็ได้“ เสียงเขินๆ
“มันต้องแบบนี้ซิจ้ะที่รัก คิดถึงคุณจังเลยอกแทบแตกตาย” ผมอ้อน
“ไม่ตายไปซะเลยละ” ปุ๊หยอกกลับบ้าง
“โห...ใจร้ายนะเรานี่” ผมอ้อนต่อ “ล้อเล่นคะ...ปุ๊ก็คิดถึงคุณค่ะเป็นห่วงเรื่องการเดินทางด้วย แล้วเป็นยังไงบ้างคะ พักที่ไหน กินข้าวกินปลารึยัง” ปุ๊ถามอย่างเป็นห่วง ผมตอบ
“วันนี้พักที่โรงแรมกับพี่ทศครับ ตระเวนหาที่เช่าสำนักงานใหม่ยังไม่ได้เลย เมืองก็ไม่ได้ใหญ่มากแต่ทำไมค่าเช่ามันแพงเหลือเกิน พรุ่งนี้กะว่าจะลองไปหาแถวนอกเมืองดูพอดีบุญถมที่จะมาเป็นผู้ช่วยของผมเขาแนะนำมาอาจเข้าท่าก็ได้...แล้วคุณละมีข่าวดีจากท่านหญิงบ้างหรือเปล่า” ผมถาม
“ฮ้าๆๆๆ...นึกว่าจะไม่ถามซะแล้ว...ข่าวดีมากๆเลยคะท่านหญิงมีคำสั่งให้ปุ๊ไปเป็นผู้ช่วยเลขาฯของท่านที่สำนักงานใหญ่...ปุ๊ดีใจมากเลยท่านบอกว่าปุ๊จะไป-กลับหรือจะพักอยู่ที่นั่นก็ได้ตามแต่สะดวกแถมยังบอกว่าโทรศัพท์ใช้ได้ตลอดเวลาแต่อย่าใช้พร่ำเพร่อ ปุ๊จะใช้พร่ำเพร่อได้ยังไงปุ๊ก็แค่รอให้หนึ่งโทรมาหาเท่านั้นแหล่ะ ทีนี้เราก็ติดต่อกันได้สะดวกแล้วนะคะคุณ” ปุ๊พูดแบบดีใจมากๆ
“เป็นข่าวดีจริงๆเลยที่รักผมโล่งใจอย่างมากเลยที่ท่านหญิงรักษาสัญญา แล้วท่านจะให้คุณเข้าไปทำงานเมื่อไหร่ละ” ผมถาม
“เริ่มวันพรุ่งนี้เลยค่ะคนที่จะมาทำหน้าแทนปุ๊เขาก็มารับงานวันนี้แล้วถ่ายทอดงานกันเสร็จเรียบร้อยแล้วด้วย...อิๆๆๆ” ปุ๊บอกแบบอารมณ์ดี
“โอ้...แม่เจ้าภรรยาของเราจะได้เป็นผู้ช่วยเลขาท่านประธานบริษัทฯแล้วหรือนี่ ส่วนเราก็ยังเป็นหมอต๊อกต๋อยอย่างเดิม ฝากบอกท่านหญิงด้วยนะว่าผมขอขอบพระคุณท่านมากที่ช่วยดูความปลอดภัยให้คุณ ส่วนผมรักษาสัญญาผมจะเปิดสาขาบริษัทฯ ในจังหวัดยโสธรให้จงได้ ถ้าผมล้มเหลวล่ะก็เอาผมไปประหารชีวิตได้เลย” ผมพูดอย่างท้าทาย
“หนึ่งนี่นะ...ชอบพูดจาอะไรก็ไม่รู้ไม่น่าฟังเลยประหารชีวิตอะไรกันพูดจาเลอะเทอะไม่เอานะทีหลังห้ามพูดแบบนี้อีกมันไม่เป็นมงคลรู้ไหมปุ๊เป็นเมียคุณนะหัดเชื่อฟังเมียบ้างสิ” ปุ๊ตัดพ้อ
“จ้ะ..ที่รักผัวกลัวแล้วจ๊ะเมียจ๋า ผมรู้ว่าคุณปลอดภัยจากไอ้เจ็คเฒ่าหัวงูผมก็ดีใจมากแล้ว แต่คุณเชื่อเถอะคนอย่างไอ้เจ็คเฒ่ามันไม่ยอมเสียเลี่ยมง่ายๆหรอกมันจัดการกับคุณไม่ได้มันก็ต้องหันมาเล่นงานผมแน่ๆ แต่ผมไม่กลัวมันหรอกคนสติหลุดโลกอย่างผมน่ะขนาดท่านหญิงประธานบริษัทฯยังยอมเลยนับประสาอะไรกับไอ้เจ็คหนวดจิ๋มขอมาแบบตรงๆเถอะอย่าใช้วิธีแบบหมาลอบกัดก็แล้วกัน...เออ!...คุณเก็บของที่ทำงานหมดรึยังตอนนี้ยังสว่างอยู่นะ ผมว่าคุณรีบกลับบ้านไปนอนกับแม่ดีกว่า อย่านอนที่สำนักงานเลยนะผมไม่ไว้ใจไอ้เจ็คเฒ่ามัน...มันอาจมากวนใจคุณในช่วงที่ผมไม่อยู่ก็ได้เชื่อผมนะ พรุ่งนี้ก็เข้าไปที่สำนักงานท่านหญิงเพื่อรับงานใหม่เลยแล้วก็ทำให้เต็มที่เลยนะอย่าให้เสียชื่อ Mrs. เจนจิรา เปาชัย ล่ะ แล้วอย่าลืมเรียนท่านหญิงนะว่าผมจะเอายโสธรมาเป็นของกำนัลให้ท่านด้วยความเป็นคนที่สติหลุดโลกคิดไม่เหมือนคนอื่นอย่างผมนี่แหล่ะ...เออ..ว่าแต่พรุ่งนี้ผมต้องโทรเบอร์ใหม่ใช่ไหมจ้ะที่รัก” ผมสาธยายซะยาวเลย
“ใช่คะ...ปุ๊เก็บของหมดแล้วก็กะว่าจะไปนอนที่บ้านเหมือนกันแต่ก็รอโทรศัพท์จากคุณนี่แหล่ะ..ที่รักขาต่อไปอย่าพูดอะไรแบบที่ไม่เป็นมงคลอีกนะปุ๊ได้ยินแล้วใจคอไม่ดีเลยค่ะเราเป็นผัวเมียกันแล้วนะมีอะไรเราก็ต้องช่วยเหลือกันอยู่แล้วไม่ใช่หรือคะ...ปุ๊รักหนึ่งนะและจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงด้วย” ปุ๊พูด
“ครับที่รักผมก็รักคุณมากที่สุดเพื่อปกป้องคุณแล้วผมยอมทำทุกอย่างจะให้บุกน้ำลุยไฟผมยอมทุกอย่างขอแค่ให้คุณปลอดภัยผมพอใจแล้ว...แค่นี้ก่อนนะครับทิ้งให้พี่ทศนั่งกินเหล้าอยู่คนเดียวเกรงใจพี่เค้าหนะ...พรุ่งนี้ผมจะโทรไปหาใหม่นะครับหลับฝันดีนะครับ...รักปุ๊นะราตรีสวัสดิ์ครับทูนหัว” ผมบอกลา
“ค่ะ...อย่าดื่มเยอะนะแล้วก็เตรียมตัวพักผ่อนได้แล้วพรุ่งนี้ต้องทำงานอีกถ้าไม่รักไม่ห่วงไม่พูดแบบนี้หรอกรู้ไหมคะคุณสามี...ราตรีสวัสดิ์เช่นกันค่ะ” วางสายไปแล้วเมียเรานี่น่ารักที่สุดในโลกเลย เดี๋ยวไปนั่งกินเหล้ากับพี่ทศต่อดีกว่า...มีความสุขจริงโว้ย!..ไอ้เด็กวัดไผ่ตัน
เด็กเทพวัดไผ่ตัน The Hero From Phaitan Temple ตอนที่ 8
“เฮ้ย!..ไอ้เสือน้อยเตรียมพร้อมเดินทางยังวะ” พี่ทศทักทาย
“พร้อมแล้วครับพี่เดินทางได้เลยครับ” ผมบอกพร้อมกับขนสัมภาระขึ้นรถไปด้วย ก่อนออกเดินทางผมหันไปมองแฟนสาวอีกครั้งแล้วยิ้มให้ เธอดูเศร้าๆผมเลยยกมือขึ้นแล้วส่งสัญลักษณ์ให้เธอ หมายความว่า “รักเธอนะเด็กโง่” ผมยิ้มให้ปุ๊ยิ้มตอบแล้วผมก็ขึ้นรถของพี่ทศเพื่อเดินทางไปสู่จังหวัดยโสธร ยโสธรกับกาฬสินธุ์เป็นจังหวัดที่เขตติดต่อกันระยะทางระหว่างตัวจังหวัดประมาณ 100 กิโลเมตรเห็นจะได้ ใช้เวลาเดินทางราวๆ 2 ชั่วโมง ระหว่างการเดินทางผมกับพี่ทศก็คุยกันมาเกือบตลอดทางโดยมากก็เป็นเรื่องงานว่าจะวางแผนจะเปิดตลาดยังไงดีเพราะเจ้าถิ่นอย่างเก๋าๆทั้งนั้น CP BATAGO CALLGILL แหลมทอง กรุงเทพอาหารสัตว์ ฯลฯ แต่ละเบอร์โคตรเก๋าและโหดสุดๆในทางการตลาดทั้งนั้น ผมปรึกษาพี่ทศ
“พี่มีแนวคิดยังไงบ้างวะพี่” พี่ทศนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็พูดขึ้นว่า
“ถ้าจะให้ไปแย่งลูกค้าของเขาละก็หมดสิทธิ์ กูก็ยังคิดไม่ออกอยู่ดีว่ะ”
“ในเมื่อแย่งไม่ได้ก็สร้างใหม่ซะเลยซิพี่” ผมบอกไปพี่ทศหันมามองหน้าผม
“หมายความว่าไงวะ” พี่ทศสงสัย
“รายของเอเย่นต์ก็อย่าไปยุ่งกับเขาเราแย่งลูกค้าของเขาไม่ได้อยู่แล้ว พวกเรามุ่งที่ชาวบ้านรายย่อยดีกว่าพวกนี้เขาไม่ผูกมัดกับเอเย่นต์นักหรอก ถ้าเรารวบรวมได้รายละ 5 ตัว 10 ตัว 20 ตัว รวบรวมได้เยอะๆก็ได้เป็นร้อยอาจเป็นพันเลยก็ได้นะพี่ แต่ต้องเหนื่อยกันหน่อยนะต้องออกส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์เพื่อรวบรวมข้อมูลสัตว์และสร้างสมาชิกของเราขึ้นมาเองพี่เอาเปล่าละ” ผมอธิบาย
“น่าสนใจหวะแน่ใจนะว่าจะทำได้” พี่ทศยังสงสัย
“ไม่ลองก็ไม่รู้ว่ะพี่แล้วไหนล่ะผู้ช่วยของผมหนะ ไอ้ตัวนี่แหล่ะตัวคำตอบเพราะมันเป็นคนในพื้นที่” ผมบอก
“ไอ้เสือน้อยนี่มันหลุดโลกโคตรพิศดาลจริงๆเลยหวะถึงว่าท่านหญิงถึงตกหลุมรัก” พี่ทศแซว
“อ้าวๆพี่อย่าเล่นของสูงซิพี่เรียกว่าพึงพอใจในความคิดแปลกประหลาดของผมก็พอ...คนที่ตกหลุมรักผมนะยอมให้ปุ๊เมียผมคนเดียวก็พอแล้ว” ผมตอบ
“ว่ายังไงนะกับปุ๊?..” “เข้าใจไม่ผิดหรอกพี่ 2 คืนติดเลยสว่างคาตา คิดแล้วก็ใจหายวะพี่ไม่รู้อีกเมื่อไหร่จะได้กลับไปร้องเพลงกันอีก ไอ้เจ็คเฒ่ามันก็จ้องจะงาบอยู่นี่ขนาดผมกับปุ๊บอกต่อหน้ามันเลยนะว่าเราเป็นแฟนกันแล้วปีหน้าเราจะแต่งงานกันพอมันรู้โกธรหน้าแดงออกไปเลย เจ้าประคูณขอให้ท่านหญิงคุ้มครองให้ปุ๊รอดปลอดภัยจากไอ้เจ็คเฒ่านั่นด้วยเถิด” ผมภาวนา
“เฮ้อ!..ไอ้เสือน้อยเอ๊ย...กูละเห็นใจความรักของพวกจริงๆเลยวะ” พี่ทศส่ายหน้า
“มันต้องวัดใจกันวะพี่ระหว่างผมกับท่านหญิง ผมสัญญากับท่านว่าผมจะเปิดสาขาบริษัทฯ ในจังหวัดยโสธรให้จงได้โดยแลกกับความปลอดภัยของปุ๊จากเงื้อมือของไอ้เจ็คเฒ่านั่นหนะไม่รู้สัญญามันจะเป็นไปตามนั้นหรือเปล่า” ผมพูดให้พี่ทศฟัง “นี่มันบ้าโคตรๆเลยวะไอ้เสือที่กล้าไปสัญญากับท่านประธานแบบนั้นหนะ...แต่ถูกใจกูเลยโว้ย!!!...ฮ้าๆๆๆ” พี่ทศหัวเราะชอบใจแล้วก็บอกว่า
“ เฮ้ย...ไอ้เสือน้อยเดี๋ยวก็จะถึงยโสธรแล้วกูนัดไอ้บุญถม ผู้ช่วยของที่หน้าศาลากลางนะป่านนี้มันคงมารอแล้วล่ะเดี๋ยวเราแวะไปรับมันก่อนแล้วค่อยออกสำรวจพื้นที่กันนะ” พี่ทศบอก
“แล้วแต่พี่ครับว่าไงว่าตามกัน” แล้วรถของพี่ทศก็มาจอดที่หน้าศาลากลางจังหวัดยโสธรเวลาประมาณ 11.00 น. แล้วก็มีผู้ชายคนหนึ่งรูปร่างสันทัดผิวคล้ำตามสไตล์คนภาคอีสานเดินเข้ามาหา พี่ทศกับผมก็ลงจากรถแล้วเข้าไปทักทายตามมารยาท ชายคนนั้นก็คือบุญถมนั่นเอง หลังจากทำความรู้จักกันพอสมควรแล้วพี่ทศจึงชวนพวกเราไปทานข้าวกลางวัน ระหว่างทานข้าวกลางวันผมกับบุญถมก็ได้พูดคุยทำความรู้จักกันให้มากขึ้นเพราะจะเราต้องทำงานร่วมกัน ผมได้ข้อมูลของบุญถมมาค่อนข้างละเอียดพอสมควร บุญถมเรียนจบปวส.สาขาเกษตร สัตวบาล จากวิทยาลัยการอาชีพยโสธร หลังจากเรียนจบก็ออกมาช่วยทางบ้านทำการเกษตร พึ่งได้เข้าทำงานบริษัทอาหารสัตว์ไทยฯเป็นที่แรก ซึ่งผมเองก็เหมือนกันเล่าประสบการณ์การทำงานให้บุญถมได้ฟังเช่นกัน ในเมื่อได้รู้จักกันดีแล้วพี่ทศจึงชวนออกสำรวจพื้นที่ในตัวเมืองยโสธรเพื่อหาที่พื้นที่เช่าเป็นสำนักงานสาขาแห่งใหม่แต่ก็ต้องคว้าน้ำเหลวเพราะตึกเช่าแต่ละที่โคตรแพงบรรลัยเลย 3,000 – 4,000 บาท/เดือนขึ้นไปพี่ทศถึงกับส่ายหัว
“แม่เจ้าเอ๊ย...เมืองเล็กๆอย่างนี้ทำไมค่าเช่ามันแพงนักวะ ราคานี้บริษัทฯไม่ OK แน่ๆ พี่ทศหันมามองหน้าผมแล้วถามว่า
“ไอ้หนึ่งมีความเห็นว่ายังไงบ้างวะ” ผมยังไม่ทันตอบคำถามของพี่ทศจู่ๆบุญถมก็พูดออกมาว่า
“ลูกพี่ครับผมขอเสนอความเห็นหน่อยนะครับ...ในเมื่อในตัวเมืองหาที่เช่าตึกไม่ได้ทำไมไม่ลองไปหาดูตามอำเภอข้างเคียงละครับอย่างเช่นที่ อำเภอคำเขื่อนแก้วบ้านของผมเอง อยู่ห่างจากตัวจังหวัดแค่ 30 กิโลเมตรเอง ที่นั่นถึงจะเป็นอำเภอเล็กๆก็จริง แต่มีถนนสายหลักไปถึงอุบลเลยนะครับ ผมคิดว่าเราน่าจะลองไปสำรวจดูนะครับเดี๋ยวผมพาไปเอง” ผมกับพี่ทศหันมามองหน้ากันแบบเซอร์ไพรส์แล้วพี่ทศก็สรุปว่า
“ถ้าอย่างนั้นเอาตามที่บุญถมแนะนำก็แล้วกัน...ไอ้หนึ่งว่าไง” พี่ทศหันมาถาม
“ก็แล้วแต่พี่ผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” ผมตอบ
“ถ้าอย่างนั้นวันนี้เราพอแค่นี้ก่อนก็แล้วกันนะนี่ก็บ่ายมากแล้วเอาไว้พรุ่งนี้เราค่อยออกสำรวจพื้นที่อำเภอคำเขื่อนแก้วก็แล้วกัน” พี่ทศสรุป เสร็จแล้วพี่ทศก็พาบุญถมมาส่งที่หน้าศาลากลางโดยบุญถมขออนุญาตกลับบ้านก่อนแต่ก่อนจากกันพี่ทศไม่ลืมที่จะนัดแนะกับบุญถมในจุดนัดพบกันในวันพรุ่งนี้ แล้วพี่ทศก็พาผมมาเปิดเข้าพักโรงแรมแห่งหนึ่งในตัวเมืองยโสธรหลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วเราก็ชวนกันลงมานั่งกินเหล้ากันที่คาเฟ่ของโรงแรมดื่มกินกันอย่างสนุกสนานไปตามประสา มีสาระบ้างไร้สาระบ้างตามแบบฉบับขี้เมามืออาชีพ แต่สิ่งที่ผมลืมไม่ได้คือต้องโทรหาสุดที่รัก ผมบอกพี่ทศ
“พี่ผมขออนุญาตไปโทรศัพท์หาเมียแป๊บหนึ่งนะครับพี่”
“ไอ้หอกหักเอ๊ย...พูดได้เต็มปากเลยนะ...เออตามสบาย” พี่ทศออกแนวล้อเลียน แต่ก็ช่างโทรหาเมียกูดีกว่า ผมเดินไปที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะ ยกหู หยอดเหรียญ กดเบอร์ แล้วเสียงปลายสายก็ตอบกลับมา
“สวัสดีคะ บริษัท อาหารสัตว์ไทยฯ สาขายางตลาดคะ”
“สวัสดีครับขอเรียนสายกับ Mrs. เจนจิรา เปาชัย ครับ” ผมหยอก
“หนึ่ง...พูดอะไรนี่ Mrs. อะไรกัน” ปุ๊ทำเสียงเขินๆ
“อ้าว...แล้วไม่จริงเหรอคุณเป็นภรรยาของผมแล้วนะถึงยังจะไม่เป็นทางการก็เถอะแต่ก็ถือว่าคุณเป็นภรรยาของผมแล้วใช่ไหมจ้ะทูนหัว...อิๆๆๆ” ผมหยอกต่อ
“จอมเจ้าเล่ห์” น้ำเสียงค้อน
“แล้วยอมรับไหมละครับ Mrs. เจนจิรา เปาชัย” ผมได้ใจหยอกเมียนี่มันสนุกจริงๆหวะ
“รับก็ได้“ เสียงเขินๆ
“มันต้องแบบนี้ซิจ้ะที่รัก คิดถึงคุณจังเลยอกแทบแตกตาย” ผมอ้อน
“ไม่ตายไปซะเลยละ” ปุ๊หยอกกลับบ้าง
“โห...ใจร้ายนะเรานี่” ผมอ้อนต่อ “ล้อเล่นคะ...ปุ๊ก็คิดถึงคุณค่ะเป็นห่วงเรื่องการเดินทางด้วย แล้วเป็นยังไงบ้างคะ พักที่ไหน กินข้าวกินปลารึยัง” ปุ๊ถามอย่างเป็นห่วง ผมตอบ
“วันนี้พักที่โรงแรมกับพี่ทศครับ ตระเวนหาที่เช่าสำนักงานใหม่ยังไม่ได้เลย เมืองก็ไม่ได้ใหญ่มากแต่ทำไมค่าเช่ามันแพงเหลือเกิน พรุ่งนี้กะว่าจะลองไปหาแถวนอกเมืองดูพอดีบุญถมที่จะมาเป็นผู้ช่วยของผมเขาแนะนำมาอาจเข้าท่าก็ได้...แล้วคุณละมีข่าวดีจากท่านหญิงบ้างหรือเปล่า” ผมถาม
“ฮ้าๆๆๆ...นึกว่าจะไม่ถามซะแล้ว...ข่าวดีมากๆเลยคะท่านหญิงมีคำสั่งให้ปุ๊ไปเป็นผู้ช่วยเลขาฯของท่านที่สำนักงานใหญ่...ปุ๊ดีใจมากเลยท่านบอกว่าปุ๊จะไป-กลับหรือจะพักอยู่ที่นั่นก็ได้ตามแต่สะดวกแถมยังบอกว่าโทรศัพท์ใช้ได้ตลอดเวลาแต่อย่าใช้พร่ำเพร่อ ปุ๊จะใช้พร่ำเพร่อได้ยังไงปุ๊ก็แค่รอให้หนึ่งโทรมาหาเท่านั้นแหล่ะ ทีนี้เราก็ติดต่อกันได้สะดวกแล้วนะคะคุณ” ปุ๊พูดแบบดีใจมากๆ
“เป็นข่าวดีจริงๆเลยที่รักผมโล่งใจอย่างมากเลยที่ท่านหญิงรักษาสัญญา แล้วท่านจะให้คุณเข้าไปทำงานเมื่อไหร่ละ” ผมถาม
“เริ่มวันพรุ่งนี้เลยค่ะคนที่จะมาทำหน้าแทนปุ๊เขาก็มารับงานวันนี้แล้วถ่ายทอดงานกันเสร็จเรียบร้อยแล้วด้วย...อิๆๆๆ” ปุ๊บอกแบบอารมณ์ดี
“โอ้...แม่เจ้าภรรยาของเราจะได้เป็นผู้ช่วยเลขาท่านประธานบริษัทฯแล้วหรือนี่ ส่วนเราก็ยังเป็นหมอต๊อกต๋อยอย่างเดิม ฝากบอกท่านหญิงด้วยนะว่าผมขอขอบพระคุณท่านมากที่ช่วยดูความปลอดภัยให้คุณ ส่วนผมรักษาสัญญาผมจะเปิดสาขาบริษัทฯ ในจังหวัดยโสธรให้จงได้ ถ้าผมล้มเหลวล่ะก็เอาผมไปประหารชีวิตได้เลย” ผมพูดอย่างท้าทาย
“หนึ่งนี่นะ...ชอบพูดจาอะไรก็ไม่รู้ไม่น่าฟังเลยประหารชีวิตอะไรกันพูดจาเลอะเทอะไม่เอานะทีหลังห้ามพูดแบบนี้อีกมันไม่เป็นมงคลรู้ไหมปุ๊เป็นเมียคุณนะหัดเชื่อฟังเมียบ้างสิ” ปุ๊ตัดพ้อ
“จ้ะ..ที่รักผัวกลัวแล้วจ๊ะเมียจ๋า ผมรู้ว่าคุณปลอดภัยจากไอ้เจ็คเฒ่าหัวงูผมก็ดีใจมากแล้ว แต่คุณเชื่อเถอะคนอย่างไอ้เจ็คเฒ่ามันไม่ยอมเสียเลี่ยมง่ายๆหรอกมันจัดการกับคุณไม่ได้มันก็ต้องหันมาเล่นงานผมแน่ๆ แต่ผมไม่กลัวมันหรอกคนสติหลุดโลกอย่างผมน่ะขนาดท่านหญิงประธานบริษัทฯยังยอมเลยนับประสาอะไรกับไอ้เจ็คหนวดจิ๋มขอมาแบบตรงๆเถอะอย่าใช้วิธีแบบหมาลอบกัดก็แล้วกัน...เออ!...คุณเก็บของที่ทำงานหมดรึยังตอนนี้ยังสว่างอยู่นะ ผมว่าคุณรีบกลับบ้านไปนอนกับแม่ดีกว่า อย่านอนที่สำนักงานเลยนะผมไม่ไว้ใจไอ้เจ็คเฒ่ามัน...มันอาจมากวนใจคุณในช่วงที่ผมไม่อยู่ก็ได้เชื่อผมนะ พรุ่งนี้ก็เข้าไปที่สำนักงานท่านหญิงเพื่อรับงานใหม่เลยแล้วก็ทำให้เต็มที่เลยนะอย่าให้เสียชื่อ Mrs. เจนจิรา เปาชัย ล่ะ แล้วอย่าลืมเรียนท่านหญิงนะว่าผมจะเอายโสธรมาเป็นของกำนัลให้ท่านด้วยความเป็นคนที่สติหลุดโลกคิดไม่เหมือนคนอื่นอย่างผมนี่แหล่ะ...เออ..ว่าแต่พรุ่งนี้ผมต้องโทรเบอร์ใหม่ใช่ไหมจ้ะที่รัก” ผมสาธยายซะยาวเลย
“ใช่คะ...ปุ๊เก็บของหมดแล้วก็กะว่าจะไปนอนที่บ้านเหมือนกันแต่ก็รอโทรศัพท์จากคุณนี่แหล่ะ..ที่รักขาต่อไปอย่าพูดอะไรแบบที่ไม่เป็นมงคลอีกนะปุ๊ได้ยินแล้วใจคอไม่ดีเลยค่ะเราเป็นผัวเมียกันแล้วนะมีอะไรเราก็ต้องช่วยเหลือกันอยู่แล้วไม่ใช่หรือคะ...ปุ๊รักหนึ่งนะและจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงด้วย” ปุ๊พูด
“ครับที่รักผมก็รักคุณมากที่สุดเพื่อปกป้องคุณแล้วผมยอมทำทุกอย่างจะให้บุกน้ำลุยไฟผมยอมทุกอย่างขอแค่ให้คุณปลอดภัยผมพอใจแล้ว...แค่นี้ก่อนนะครับทิ้งให้พี่ทศนั่งกินเหล้าอยู่คนเดียวเกรงใจพี่เค้าหนะ...พรุ่งนี้ผมจะโทรไปหาใหม่นะครับหลับฝันดีนะครับ...รักปุ๊นะราตรีสวัสดิ์ครับทูนหัว” ผมบอกลา
“ค่ะ...อย่าดื่มเยอะนะแล้วก็เตรียมตัวพักผ่อนได้แล้วพรุ่งนี้ต้องทำงานอีกถ้าไม่รักไม่ห่วงไม่พูดแบบนี้หรอกรู้ไหมคะคุณสามี...ราตรีสวัสดิ์เช่นกันค่ะ” วางสายไปแล้วเมียเรานี่น่ารักที่สุดในโลกเลย เดี๋ยวไปนั่งกินเหล้ากับพี่ทศต่อดีกว่า...มีความสุขจริงโว้ย!..ไอ้เด็กวัดไผ่ตัน