ทำงานหาเงินแต่ไม่ได้ใช้

สวัสดีค่ะ เราพึ่งเคยตั้งกระทู้เป็นครั้งแรก และเลือกที่จะสมัครเข้ามาเพื่อระบายความในใจ เพราะไม่สามารถพูดหรือเล่าให้ใครฟังได้เลย หากแท็กผิดห้องต้องขออภัยด้วยนะคะ

เริ่มจากเรากับแฟนทำงานหาเงินด้วยกัน เก็บเงินร่วมกันจึงตัดสินใจเปิดบัญชีเอาไว้เป็นเงินกองกลางเพื่อใช้ในยามฉุกเฉิน ซึ่งแน่นอนว่าเงินกองกลางที่ว่านั้น หากจะนำมาใช้จ่ายต้องมีการปรึกษาแฟนด้วย แต่ปัญหาของเราเริ่มหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ ตอนโควิดระบาด ในระหว่าง 3 ปีที่ประเทศมีการปิดการเข้า-ออก ทำให้เศรษฐกิจแย่ ครอบครัวทางเราก็แย่ตามลงไปด้วย แม่เราเริ่มมีการขอยืมเงินส่วนต่างนอกเหนือจากที่ให้ในแต่ละเดือน เป็นจำนวน 10,000 บาท ให้แกทุกเดือน 6,000 บาท เท่ากับว่าเดือนนั้นให้แก 16,000 บาท (เงินเดือนเราจะใช้เงินตัวเองให้แม่ ส่วนที่แกขอต่างหากเราจะให้เงินในกองกลาง) ซึ่งในตอนนั้นเราก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะเข้าใจว่าแม่น่าจะไม่พอใช้จริงๆ เพราะพ่อก็ตกงาน คนในบ้านก็ต้องกินต้องใช้ น้องก็ยังต้องเรียนหนังสือ บ้านก็ต้องเช่า ที่สำคัญคือ ลูกเราก็ฝากแม่เลี้ยงด้วย หลังจากนั้นไม่กี่เดือน แม่เริ่มมีการทักมาขอเงินเพิ่มอีกเป็น 20,000 รวมเงินเดือน เป็น 26,000 บาท เราก็เริ่มมีความรู้สึกเอะใจ และถามแกตรงๆ ว่าแกเอาเงินไปทำอะไร แม่ก็ยังคงให้เหตุผลเดิมว่า หมุนเงินไม่ทัน เพราะแม่หาเงินคนเดียว เราจึงตัดสินใจปรึกษากับแฟนว่าจะยังไงดี ขอยืมเงินกองกลางก่อนได้ไหม แล้วเราจะผ่อนใช้คืนให้ แฟนเราบอกว่าให้แกไปเถอะ นั่นทำให้เรารู้สึกหนักใจและเกรงใจแฟนตัวเองทุกครั้ง เพราะแฟนเราไม่เคยเอาเงินกองกลางไปใช้เลย มีแต่เราตลอด หลังจากโควิดเริ่มซาลง เรามีอาการป่วย ปวดท้องรุนแรง จึงไปหาหมอ ผลปรากฏว่าเป็น ช็อกโกแลตซีสต์ ต้องทำการผ่าตัดมดลูกออก 1 ข้าง เพื่อรักษาร่างกายตัวเอง แน่นอนว่าการผ่าตัดครั้งนี้เราใช้เงินเป็นจำนวนหลักแสน ทำให้เงินเก็บที่มีอยู่แทบหมดบัญชี เราสองคนนั่งให้กำลังใจกันใหม่อีกครั้ง และตั้งเป้าหมายว่าจะเก็บเงินต่อเพื่อสร้างบ้าน แต่เรื่องก็ไม่วาย หลังจากที่ตั้งหน้าตั้งตาเก็บเงินอยู่พักใหญ่ แม่เราวนกลับมาแบบเดิมอีกครั้ง บอกว่าขอยืมเงิน 10,000 บาท หมุนเงินไม่ทัน พ่อพึ่งจะได้งานทำ เราก็โอเค คิดว่าเรื่องคงจบ แต่หลังจากให้เงินล่าสุด 10,000 บาท อีก 3 วันต่อมากลับมีเรื่องที่หนักที่สุดในชีวิตเข้ามาหาเรา แม่เรายอมเปิดปากบอกกับเราว่าแม่เป็นหนี้เขาหลักแสน จะเอาที่ดินไปเข้าแบงค์เพื่อใช้หนี้ ตอนนั้นเราช็อคมากๆ แล้วเผลอพูดกับแม่ไปว่าไม่มีให้แล้วหรอกนะเงินอ่ะ เราขับรถกลับห้องพักแล้วโทรศัพท์ไปบอกเลิกกับแฟนทันที เพราะหนี้ก้อนนี้มันใหญ่มากจริงๆ เราไม่อยากให้ตัวเราเองไปเป็นภาระแฟน ไม่อยากให้แฟนต้องมานั่งรับผิดชอบหนี้ที่ไม่ได้ก่อด้วย เราจึงยื่นข้อเสนอไปว่าเงินเก็บเรายกให้แฟนครึ่งนึง แล้วเราจะได้ไปบอกแม่ว่าเงินเรามีไม่พอแล้ว ด้วยความที่ตอนนั้นเราดาวน์สุดๆ ดิ่งสุดๆ ชีวิตมีแต่เรื่องเงิน ทำงานหาเงินมาแทบตายไม่เคยได้ใช้ซื้อความสุขให้ตัวเองเลย แต่สุดท้ายก็ต้องขอบคุณแฟนที่เตือนสติเรา แฟนบอกว่าเงินก้อนสุดท้ายที่มี เอาช่วยแกไปซ้ะ และถ้าครั้งหน้ามีอีก ให้แกขายที่ดินแปลงนั้นไปเลย จริงๆ เราก็ไม่ได้อยากจะอกตัญญูนะ แต่กลับกลายเป็นว่า เราดันมีความรู้สึกว่าเห็นด้วยกับสิ่งที่แฟนพูดเฉยเลย อาจจะเป็นเพราะว่าเราแค่เหนื่อยใช่มั้ย ทั้งๆ ที่เราเคยพูดกับพ่อและแม่ไปแล้วนะ ว่ามีปัญหาอะไรให้รีบบอก อย่าให้มันถึงที่สุดแล้วค่อยมาบอก สุดท้ายเป็นไง เจ็บทั้งครอบครัว ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ เรารู้สึกไม่โอเคสุดๆ หลังจากที่แม่ได้เงินไปใช้หนี้แล้ว แม่เราพูดมาว่า แม่รู้ว่าลูกเก็บเงินเก่ง! เราแบบเห้ย มันใช่หรอ มันควรพูดแบบนี้หรอ มันควรจะพูดให้กำลังใจกันหรือ ควรจะพูดคำอื่นหรือเปล่า ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา แฟนเราก็เอาคำที่แม่พูดในวันนั้น มาพูดใส่เราจนถึงวันนี้เลย เราได้แต่นั่งคิดทุกวันว่า ถ้าเขาจะเลิกกับเรา เราจะไม่โกรธเลย เรื่องที่เราอยากจะระบายก็มีเท่านี้ ขอบคุณทุกคนที่รับอ่านรับฟังค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่