JJNY : อิสราเอลลั่นไม่กลับไปยึดกาซา│‘ยอดจองเที่ยวบินทั่วโลก’หดตัวหนัก│ชัชชาติ สกัดรถบรรทุกกลางดึก│สภาผู้บริโภคบุก กสทช.

ไร้ปรานี! อิสราเอลลั่นไม่กลับไปยึดกาซา ย้ำไม่หยุดยิงจนกว่ากำจัดฮามาสได้
https://www.dailynews.co.th/news/2885409/

นายกรัฐมนตรีอิสราเอลยืนยัน ไม่มีการกลับไปยึดครองฉนวนกาซาหลังสงครามยุติ แต่ยังคงเน้นว่า การหยุดยิงเท่ากับเป็นการยอมแพ้ให้กลุ่มฮามาส
 
 
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 10 พ.ย. ว่านายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล กล่าวถึงสงครามกับกลุ่มฮามาส ซึ่งยืดเยื้อตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา ว่ายังไม่สามารถกำหนดระยะเวลาได้ ว่าการสู้รบจะดำเนินต่อไปอีกนานแค่ไหน แต่กองทัพพร้อมต่อสู้จนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย และเน้นย้ำว่า “การหยุดยิง” เท่ากับเป็น “การยอมรับความพ่ายแพ้” ต่อกลุ่มฮามาส

เกี่ยวกับประเด็นที่ว่า อิสราเอลจะเข้าไป “ดูแลความมั่นคงระยะยาว” ในฉนวนกาซา หลังเคยปกครองนานระยะหนึ่ง เมื่อปี 2548 เนทันยาฮู กล่าวว่า ไม่ได้หมายความว่า อิสราเอลจะกลับเข้าไปปกครองฉนวนกาซาอีกครั้ง แต่เป็นการที่อิสราเอล “จะสร้างอนาคตใหม่ให้กับฉนวนกาซา” และยืนยันว่า อิสราเอลไม่เคยต้องการผลักดันชาวปาเลสไตน์ให้ออกจากฉนวนกาซา แต่เป้าหมายสำคัญที่สุดตอนนี้ คือการที่ฉนวนกาซา “ต้องปลอดทหาร ปลอดจากกลุ่มหัวรุนแรง และได้รับการฟื้นฟู
 
ขณะที่สำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ (โอซีเอชเอ) ออกรายงาน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่ 6 ติดต่อกัน ที่อิสราเอลเปิดเส้นทางปลอดภัย หรือระเบียงมนุษยธรรม ให้ประชาชนในภาคเหนือของฉนวนกาซาอพยพลงไปทางใต้นั้น มีการใช้เส้นทางเฉลี่ยวันละราว 50,000 คน
 


‘ยอดจองเที่ยวบินทั่วโลก’ หดตัวหนัก หลังความขัดแย้งตะวันออกกลางปะทุ
https://www.bangkokbiznews.com/finance/investment/1098137

ข้อมูลจาก ForwardKeys บริษัทวิเคราะห์การเดินทาง เผยยอดจองเที่ยวบินเดินทางทั่วโลกฮวบ 5% หลังความขัดแย้งอิสราเอล-ฮามาส ปะทุ
 
สำนักข่าวรอยเตอร์ส (Reuters) รายงานโดยอ้างอิงข้อมูลจาก ForwardKeys บริษัทวิเคราะห์การเดินทาง วันนี้ (10 พ.ย.) ว่ายอดการจองเที่ยวบินระหว่างประเทศทั่วโลกลดลงนับตั้งแต่เริ่มเกิดความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-ฮามาส โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอเมริกา เนื่องจากประชาชนยกเลิกการเดินทางไปยังตะวันออกกลางและบริเวณอื่นทั่วโลก
 
โดยความต้องการการเดินทางทั่วโลกลดลงนับตั้งแต่มีการสังหารผู้คนไป 1,400 คนทางตอนใต้ของอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค. และอิสราเอลตอบโต้ด้วยการโจมตีทางอากาศและภาคพื้นดินต่อฉนวนกาซา ซึ่งทางการปาเลสไตน์กล่าวว่าได้สังหารผู้คนไปแล้วกว่า 10,000 คน
 
สงครามครั้งนี้เป็นโศกนาฏกรรมที่สร้างความหายนะและสะเทือนใจอย่างมากซึ่งเราทุกคนเห็นอยู่บนหน้าจอทีวีทุกวัน” โอลิเวียร์ ปอนติ (Olivier Ponti) รองประธานฝ่ายข้อมูลเชิงลึกของ ForwardKeys กล่าวในแถลงการณ์
 
พร้อมเสริมว่า “นั่นอาจทำให้หลายคนยุติการเดินทางไปยังภูมิภาคนี้ และก็ทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในการเดินทางไปที่อื่นลดลงเช่นกัน
 
นอกจากนี้ประชาชนในตะวันออกกลางก็เดินทางน้อยลงเช่นกัน โดยตั๋วเครื่องบินระหว่างประเทศที่ออกในภูมิภาคนี้ลดลง 9% ในช่วงเวลาเดียวกัน และการจองเที่ยวบินระหว่างประเทศเพื่อเดินทางไปยังภูมิภาคนี้ลดลง 26% ในช่วงสามสัปดาห์หลังการโจมตี
 
ขณะที่ยอดจองเที่ยวบินระหว่างประเทศลดลง 5% โดยเฉลี่ยในภูมิภาคต่างๆ ส่งผลต่อการฟื้นตัวของการเดินทางระหว่างประเทศทั่วโลกจากการแพร่ระบาด
โดยยอดการจองหนึ่งวันก่อนการโจมตีดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าการเดินทางทางอากาศทั่วโลกในไตรมาสสุดท้ายของปีจะฟื้นตัว 95% ของระดับปี 2019 แต่ ณ ปลายเดือนต.ค.แนวโน้มกลับลดลงเหลือ 88% ปอนติกล่าว

อ้างอิง
 
Reuters



ชัชชาติ ชนหมัด กรมทางหลวง สกัดรถบรรทุกกลางดึก เจอเต็มๆ น้ำหนักเกิน 2 คันรวด
https://www.matichon.co.th/local/news_4276019

ชัชชาติ ชนหมัด กรมทางหลวง สกัดรถบรรทุกกลางดึก เจอเต็มๆ น้ำหนักเกิน 2 คันรวด
 
เมื่อเวลา 00.10 น. วันที่ 10 พฤศจิกายน นายอุทัย ยอดสวัสดิ์ วิศวการโยธาชำนาญการพิเศษ สำนักงานก่อสร้างและบูรณะ สำนักการโยธา  กรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่กรมทางหลวง ร่วมกันตรวจสอบรถบรรทุกน้ำหนักเกินที่บริเวณถนนเทพรักษ์ แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม.
 
โดยพบรถบรรทุก 10 ล้อ จำนวน 2 คัน ลักษณะต้องสงสัยบรรทุกน้ำหนักเกิน โดยคันแรกเป็นรถบรรทุกสิบล้อ ยี่ห้อ ฮีโน สีขาว หมายเลขทะเบียน 84- 2615 สมุทรปราการ มีนายประพันธ์ อายุ 56 ปีเป็นคนขับ และคันที่ 2 รถบรรทุก ฮีโน สีขาว หมายเลขทะเบียน 84-2613 สมุทรปราการ มีนายสังวาลย์ อายุ 59 ปี เป็นคนขับ
 
จากการตรวจชั่งน้ำหนักพบว่ารถทั้ง 2 คันบรรทุกดินน้ำหนักเกิน โดยคันแรกพบน้ำหนัก 34 ตันและคันที่ 2 น้ำหนัก 28 ตัน จึงนำรถบรรทุกทั้ง 2 คัน ส่งพนักงานสอบสวน สน.บางเขน
 
จากการสอบถามคนขับรถบรรทุก ให้การว่า ได้บรรทุกดินมาจากไซต์งานก่อสร้างใน กทม.เพื่อนำไปถมที่ดินในไซต์งานก่อสร้างย่านปริมณฑล
 
นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่สถานีตำรวจนครบาลบางเขน เขตบางเขน ตรวจสอบรถบรรทุกดินบรรทุกน้ำหนักเกินที่ถูกตรวจจับเป็นครั้งแรก โดยความร่วมมือระหว่างกรุงเทพมหานคร และกรมทางหลวง
นายชัชชาติ เปิดเผยภายหลังการลงพื้นที่ว่า วันนี้เป็นวันแรกที่สนธิกำลังกับกรมทางหลวงในการจับรถบรรทุกที่บรรทุกน้ำหนักเกิน 25 ตัน ทำการตั้งจุดตรวจสอบบริเวณถนนเทพรักษ์ เขตบางเขน โดยเรียกตรวจรถลักษณะต้องสงสัยว่าบรรทุกน้ำหนักเกินและได้ทำการชั่งน้ำหนักพบว่ารถบรรทุก 2 คันที่ได้เรียกตรวจมีน้ำหนัก 34 ตัน และ 28 ตัน ซึ่งเกินกำหนด โดยรถทั้งสองคันบรรทุกดินมาจากไซต์งานก่อสร้างในกทม. เพื่อนำไปถมที่ดินในไซต์งานก่อสร้างย่านปริมณฑล จากนั้นได้นำรถและคนขับมาที่ สน.บางเขนเพื่อดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมาย
 
“สำหรับคนขับรถทางเราก็มีความเห็นใจเพราะคนขับไม่ใช่เจ้าของ เป็นคนหาเช้ากินค่ำทำตามคำสั่งซึ่งเราก็เป็นห่วง แต่ในทางกฎหมายเราก็ต้องดำเนินคดี ถึงแม้จะไม่สามารถเอาผิดไปถึงเจ้าของรถยกเว้นมีความผิดตามพ.ร.บ.ในกรณีอื่น แต่สุดท้ายแล้วเจ้าของรถต้องช่วยกันรับผิดชอบด้วย” นายชัชชาติกล่าว
 
นายชัชชาติ กล่าวอีกว่า รถบรรทุกคันดังกล่าว คิดว่ามาจากไซต์ก่อสร้าง จะไปถมดินด้านนอก คล้ายๆกับที่สุขุมวิท ไม่มีสติ๊กเกอร์ สำหรับสติ๊กเกอร์เราเหมาไม่ได้ว่าเป็นส่วย ตนไม่มีความเห็นตรงนี้ เท่าที่สอบถามไม่เกี่ยวกับกทม. เพราะที่ผ่านมาเราไม่เคยดูเรื่องน้ำหนัก ดูแต่ความสะอาด คนขับก็อยู่ที่พนักงานสอบสวน
 
เราก็สงสารคนขับ เพราะเขาไม่ใช่เจ้าของ เป็นคนหาเช้ากินค่ำ แต่กฎหมายให้เราดำเนินคดี กฎหมายก็ไม่ไปถึงกับเจ้าของรถ นอกจากผิดพ.ร.บ.อื่น ต่อกระบะต่างๆ ฝากบอกคนขับ ความผิดอยู่ที่คุณ ก็ต้องระวังอย่าขับรถน้ำหนักเกิน สงสารเขา ตามหลักก็น่าจะพอรู้ว่าเท่าไหร่ อย่างที่สุขุมวิท คนขับไม่รู้ก็แปลก
 
เราเห็นใจคนขับ แต่กฎหมายก็ต้องทำ เจ้าของรถก็ต้องช่วยกันรับผิดชอบด้วย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่