จขกท.ตั้งใจบันทึกเรื่องราวการเดินทาง เพื่อให้ความทรงจำอันล้ำค่าคงอยู่ตลอดไป
บันทึกการเดินทางหมายเลข 1 : มหัศจรรย์ธรรมชาติ ตระการตามรดกโลก
บันทึกการเดินทางนี้จะพาผู้แสวงหาการเดินทางทุกท่านไปยังดินแดนแห่งธรรมชาติและมรดกโลกแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากมหานครโตเกียว
.
ดินแดนแห่งนี้ มีนามว่า นิกโก (Nikko) ในจังหวัด โทชิงิ (Tochigi)
.
ช่วงเวลาที่จะพาทุกท่านย้อนกลับไป คือ ช่วงระยะเวลาสามวันในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี (วันที่ 31 ตุลาคม ถึง 2 พฤศจิกายน ค.ศ. 2023)
ซึ่งตลอดระยะเวลาสามวัน
มีเรื่องราวที่เกินความคาดหมายเกิดขึ้น ซึ่งก่อให้เกิดประสบการณ์และความทรงจำมากมายตลอดการเดินทาง
แผนการเดินทาง
ครั้งนี้พวกเราเดินทางไปเกือบทั้งครอบครัว (ทั้งหมด 5 คน)
เดินทางด้วยรถยนต์แบบเช่าและขับด้วยตนเอง
ระยะเวลาเดินทางทั้งหมด 6 วัน 5 คืน (นิกโก 3 วัน 2 คืน, คุซัตสึ ออนเซ็น 1 วัน 1 คืน, โตเกียวและเมืองรอบๆ 2 วัน 2 คืน ตามลำดับ)
บทที่ 1 : ปฐมบทแห่งการเดินทาง
31 ต.ค. 2023
ณ สนามบินนานาชาตินาริตะ พวกเรารับรถเช่าและออกเดินทางไปยังนิกโก
ระหว่างการเดินทาง ทุกอย่างดำเนินไปอย่างที่ควรจะเป็น โดยที่ไม่มีใครคาดคิดว่าเรื่องราวที่เกินความคาดหมายจะเกิดขึ้นหลังจากนั้นไม่นาน
เมื่อขับรถมาถึงจุดหมายปลายทางแรก(ศาลเจ้าโทโชกู) สัญญาณเตือนก็เริ่มขึ้น เมื่อเกิดความผิดปกติขึ้นขณะจอดรถ
.
เวลาบ่ายสองโมง
พวกเราจอดรถในที่จอดรถข้างศาลเจ้าโทโชกู เมื่อเจอที่จอดรถ(มีรถจอดขนานอยู่ทั้งสองข้าง) พวกเราก็ทำการจอดรถตามปกติ
ขณะกำลังจอดรถนั่นเอง อยู่ๆรถถอยหลังอย่างไร้การควบคุม ทุกคนต่างพากันคิดว่าจะต้องเกิดอุบัติเหตุขึ้น
.
แต่ราวปาฏิหาริย์ที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือทรัพย์สินเสียหายจากเหตุการณ์นั้นเลย
พวกเราทุกคนเริ่มสงสัยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ค่าจอดรถ 700 JPY/วัน ที่จอดรถอยู่หน้าศาลเจ้าฟูตะระซัง ห่างจากศาลเจ้าโทโชกูประมาณ 300 เมตร
หลังจากการจอดรถผ่านไปได้ด้วยดี พวกเราเดินเท้าไปยังศาลเจ้า
บรรยากาศตอนนั้น อากาศเย็นสบาย สดชื่น ร่มรื่นและบริสุทธิ์
เมื่อรวมกับแสงแดดอ่อนๆที่สาดส่องลงมา ทำให้รู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก
ประตูทางเข้าศาลเจ้า
เมื่อผ่านประตูแรกเข้ามา
ด้านซ้ายมือมีอาคารไม้ที่ถูกตกแต่งด้วยรูปสลักลิงทั้งหมดแปดตัวที่เลียนแบบการดำเนินชีวิตตลอดช่วงอายุขัยของมนุษย์
โดยมีรูปสลักลิงสามตัว (Sansaru) เป็นส่วนประกอบ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ในภาษาญี่ปุ่น การอ่านออกเสียงคำว่า "ลิง (Saru)" จะคล้ายกับคำว่า "ไม่ (Zaru)"
จากท่าทางของลิงทั้งสามตัว จขกท.เข้าใจว่า "ไม่ฟัง ไม่พูด ไม่มอง ในสิ่งชั่วร้าย ความชั่วร้ายก็จะไม่มาถึงตัว"
อาคารด้านขวามือถูกตกแต่งด้วยรูปสลักสัตว์ในจินตนาการ (คล้ายช้าง)
ถัดมาเป็นเสาโทริอิ ก่อนจะถึงประตูโยเมมง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้หน้าเสาโทริอิ มี Power spot ซ่อนอยู่ (เป็นพื้นหินที่อยู่กึ่งกลางของพื้นที่สี่เหลี่ยมจัตุรัสหน้าเสาโทริอิ)
สิ่งที่จะพลาดไม่ได้เมื่อมาสำรวจศาลเจ้าโทโชกู คือ ประตูโยเมมง (Yomeimon)
รูปสลักโชกุนโทกูงาวะ อิเอยาซุ
ประตูโยเมมงมีจุดที่ถูกตั้งใจทำให้ไม่สมบูรณ์แบบซ่อนอยู่ นั่นคือ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เสาในรูปข้างล่างด้านซ้ายมือ ซึ่งมีลวดลายที่แต่งต่างไปจากบรรดาเสาต้นอื่นๆ เพราะเชื่อว่า ความสมบูรณ์แบบเกิดขึ้นโดยพระเจ้าเท่านั้น
เมื่อผ่านประตูโยเมมงไปจะเป็นลานกว้าง
ด้านหน้า คือ ประตูทางเข้าห้องโถงหลัก
ด้านซ้ายมือ คือ อาคารเก็บเกี้ยวที่ใช้ประกอบพิธีสำคัญต่างๆ
ส่วนด้านขวามือจะพบรูปสลักแมวนอนตกแต่งอยู่ที่คานประตูทางเข้าสุสานของโชกุนโทกูงาวะ อิเอยาซุ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้จขกท.เข้าใจว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งความเงียบสงบและสันติสุข
เดินขึ้นบันไดไปสักพักใหญ่จะพบหลุมฝังศพโชกุนโทกูงาวะ อิเอยาซุ
หลังสำรวจศาลเจ้าประมาณสองชั่วโมงครึ่ง พวกเราออกเดินทางไปที่พักโดยมองหาร้านอาหารไปด้วย
สุดท้ายพวกเราตัดสินใจไปจอดรถในที่จอดรถข้างสถานีรถไฟ Tobu Nikko
.
แต่ก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่ได้คาดฝันขึ้นอีกครั้ง นั้นคือ ล้อรถถอยหลังไปเกยกับที่กั้นล้อ
ตอนนั้นทุกคนตระหนักได้ถึงความผิดปกติ จึงทำการหาสาเหตุ
.
จนได้ข้อสรุป คือ
ปัญหาเกิดจากหลายปัจจัยที่ส่งเสริมกัน นั้นคือ
1.ประเภทและรุ่นของรถ :
ประเภทและรุ่นของรถไม่เหมาะกับผู้ขับ เนื่องจากผู้ขับไม่มีประสบการณ์ขับรถยนต์ประเภทและรุ่นที่เช่ามา จึงไม่ถนัดและไม่มั่นใจในการขับ
ผู้ขับเป็นผู้ชำนาญในการขับรถด้วยประสบการณ์ขับรถมากกว่า 30 ปี
2.ความพร้อมของผู้ขับ :
ความอ่อนล้าจากการเดินทาง เนื่องจากขับรถหลังบินตรงจากไทย และขับรถไกลเป็นระยะทางหลายร้อยกิโลเมตร ทำให้เกิดความอ่อนล้าสะสม
3.สภาพของเส้นทาง :
นิกโกในฤดูใบไม้เปลี่ยนสีขึ้นชื่อทั้งในหมู่ชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติ จึงทำให้การจราจรติดขัด
นอกจากนี้ยังมีโค้งและทางลาดชัดมากมาย เนื่องจากสภาพภูมิประเทศเป็นภูเขา
.
ดังนั้น จากประสบการณ์ในครั้งนี้ได้มอบบทเรียน ว่า
ก่อนจะเช่ารถขับ ควรประเมินปัจจัยต่างๆ ทั้ง 3 ข้อดังกล่าวให้ดีเสียก่อน
.
หลังจากนั้นพวกเราก็สามารถนำรถกลับไปจอดยังที่พักได้อย่างปลอดภัย
ไม่ควรให้คนอื่นขับรถเช่านอกจากคนที่แจ้งกับบริษัทเช่ารถยนต์ เพราะอาจนำมาซึ่งปัญหาภายหลังได้
พวกเราจึงตัดสินใจ นำรถเช่าไปคืนบริษัท แต่เรื่องที่ไม่คาดคิดเรื่องใหม่กลับเกิดขึ้น
.
นั่นคือ พวกเราไม่สามารถคืนรถเช่าได้
เนื่องจากตามข้อตกลง ผู้เช่าจะสามารถคืนรถได้ก็ต่อเมื่อบริษัทรับทราบและยินยอม
ในคืนนั้น พวกเราจึง เขียนอีเมลไปยังบริษัทรถเช่า, ศึกษาการเดินทางโดยขนส่งสาธารณะภายในนิกโก และการเดินทางกลับโตเกียวจากนิกโกโดยรถไฟ, ยกเลิกที่พักที่คุซัตสึ ออนเซ็น และหาที่พักในโตเกียวแทน
.
คืนนั้นพวกเราลงเอยด้วยกินอาหารที่ขายในเซเว่น
บทที่ 2 : ฟ้าหลังฝน ย่อมงดงามและสดใส
1 พ.ย. 2023
ณ นิกโก เช้าวันใหม่มาพร้อมกับโอกาสเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
.
พวกเราเริ่มต้นโดยนำรถเช่าไปจอดไว้ที่สำนักงานบริษัทรถเช่าข้างสถานีรถไฟ Tobu Nikko (เพื่อทำเรื่องคืนรถในช่วงเย็น)
แต่ที่จอดรถเต็มจึงต้องย้ายไปจอดที่จอดรถข้างสถานีรถไฟ JR Nikko แทน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ค่าจอดรถ 200 JPY/ชม. แต่ตอนชำระเงินกลับเสียแค่ 500 JPY หลังจอดนานประมาณ 7 ชม.
.
ประมาณ สิบโมง
พวกเราซื้อ Tobu Bus Pass ประเภท Chuzenji Onsen Free Pass ที่สถานีรถไฟ Tobu Nikko และขึ้นรถบัสหน้าสถานีเพื่อไปยัง Akechidaira Robeway
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้Chuzenji Onsen Free Pass ราคา 2,300 JPY ใช้ขึ้นรถบัสในนิกโกได้ไม่จำกัด ภายในระยะเวลา 2 วัน
และเมื่อแสดงพาสกับร้านค้าที่ร่วมรายการจะได้รับส่วนลดพิเศษอีกด้วย
ถนนไปจุดชมวิวโค้งและชันมาก ที่จอดรถมีจำนวนจำกัดทำให้รถส่วนตัวติดยาวเป็นแถว
จขกท.คิดว่าตัดสินใจถูกแล้วที่เดินทางโดยรถบัส
.
เมื่อถึงจุดหมาย พวกเราซื้อตั๋วและต่อแถวเพื่อขึ้น Robeway ไปจุดชมวิว Akechidaira Robeway Observation Deck
ภาพทิวเขาสูงที่สัมผัสกับก้อนเมฆและถูกแต่งแต้มด้วยสีสันแห่งฤดูใบไม้เปลี่ยนสีช่วยให้ช่วงเวลาต่อแถวผ่านไปอย่างรวดเร็ว
แนะนำให้พกร่มหรือหมวกไปด้วยเพื่อใช้กันแดด
เมื่อได้เห็นวิวจากบน Ropeway แล้วก็ทำให้ลืมโรคกลัวความสูงไปเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ค่าโดยสาร Robeway ไป-กลับ 1,000 JPY (เมื่อแสดง Tobu Bus Pass ตอนซื้อตั๋ว สามารถซื้อได้ในราคาเพียง 900 JPY)
เมื่อขึ้นถึงจุดชมวิว ขอขอบคุณท้องฟ้า (ที่เปิด) ทำให้มองเห็นทะเลสาบและภูเขาได้จนสุดสายตา
เป็นอีกสถานที่ที่เพิ่มความประทับใจให้กับการเดินทางในครั้งนี้
หลังดื่มด่ำบรรยากาศบนจุดชมวิวอยู่พักใหญ่ ก็ได้เวลาออกเดินทางกันต่อ
โดยจุดหมายถัดไป คือ รอบทะเลสาบ Chuzenji
.
บรรยากาศรอบทะเลสาบล้อมรอบด้วยทิวเขาที่ถูกตกแต่งด้วยสีสันของใบไม้เปลี่ยนสี ประกอบกับสายลมแห่งฤดูใบไม้ร่วง สร้างความประทับใจไม่รู้ลืม
Akechidaira Ropeway และ Chuzenji Lake ตั้งอยู่บนภูเขา ทำให้อากาศเย็นสบายมากกว่าพื้นที่โซนศาลเจ้าและมรดกโลก
ประมาณ ห้าโมงเย็น
พวกเราเดินทางมาถึงยังสำนักงานของบริษัทรถเช่า ที่พวกเราตัดสินใจคืนรถวันนี้ เพราะ พวกเราได้รับอีเมลตอบกลับจากทางบริษัทรถเช่า (ซึ่งประทับใจในการบริการมากเพราะใช้เวลาไม่นานก็ตอบอีกเมลกลับมา) แต่เรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นอีก เมื่อพนักงานสาขานิกโกแจ้งว่าไม่สามารถคืนรถได้ โดยอ้างว่าพนักงานที่สาขาสนามบินนาริตะ (สาขาที่พวกเรารับรถ) ไม่ทราบเรื่อง
.
ในตอนนั้น รู้สึกหงุดหงิด ปน สับสน ทั้งๆที่ได้รับอีเมลตอบกลับจากทางบริษัทรถเช่าแล้ว แต่พนักงานกลับแจ้งว่าไม่ทราบเรื่อง
.
แต่ในช่วงเวลาแห่งความมืดนั้นเอง กลับมีแสงสว่างปรากฏออกมาโดยไม่ได้คาดคิด(เป็นการเดินทางที่มีแต่เรื่องไม่คาดคิด)
ชายชาวญี่ปุ่นวัยกลางคนซึ่งมีภรรยาเป็นคนไทย ได้ให้ความช่วยเหลือพวกเราอย่างมาก (จขกท.กราบขอบคุณ ณ ที่นี้ด้วย)
หมายเหตุ ขออนุญาตไม่เอยนามท่านผู้มีพระคุณชาวญี่ปุ่นท่านนี้นะครับ
ท่านได้ช่วยพูดคุยกับพนักงานที่สาขานิกโกให้ แต่ก็ยังไม่เป็นผล
จนท่านตัดสินใจขับพาพวกเรานั่งรถเปิดประทุนไปยังเมืองข้างๆ (จขกท.ไม่ได้ไปด้วยเนื่องจากอยู่ที่พัก แต่เข้าใจว่าน่าจะเป็นเมืองอุสึโนะมิยะ)
และท่านช่วยติดต่อกับเจ้าหน้าที่สาขาในเมืองให้ เรื่องจึงจบได้ด้วยดี
โดยที่ทางบริษัทได้ส่งอีเมลตอบกลับมาขอโทษ เนื่องจากความเข้าใจผิดที่เกิดขึ้น คาดว่าน่าจะเกิดจากปัญหาการสื่อสารภายในบริษัท
.
หลังจากนั้น ทางโรงแรมที่คุซัตสึ ออนเซ็น ก็ได้ส่งข้อความว่าตอบกลับเรื่องการยกเลิกที่พัก
.
ปัญหาต่างๆ จบลง เป็นคืนที่นอนหลับได้อย่างสบายใจ
บันทึกการเดินทางหมายเลข 1 : มหัศจรรย์ธรรมชาติ ตระการตามรดกโลก
.
ดินแดนแห่งนี้ มีนามว่า นิกโก (Nikko) ในจังหวัด โทชิงิ (Tochigi)
.
ช่วงเวลาที่จะพาทุกท่านย้อนกลับไป คือ ช่วงระยะเวลาสามวันในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี (วันที่ 31 ตุลาคม ถึง 2 พฤศจิกายน ค.ศ. 2023)
ซึ่งตลอดระยะเวลาสามวัน มีเรื่องราวที่เกินความคาดหมายเกิดขึ้น ซึ่งก่อให้เกิดประสบการณ์และความทรงจำมากมายตลอดการเดินทาง
เดินทางด้วยรถยนต์แบบเช่าและขับด้วยตนเอง
ระยะเวลาเดินทางทั้งหมด 6 วัน 5 คืน (นิกโก 3 วัน 2 คืน, คุซัตสึ ออนเซ็น 1 วัน 1 คืน, โตเกียวและเมืองรอบๆ 2 วัน 2 คืน ตามลำดับ)
ณ สนามบินนานาชาตินาริตะ พวกเรารับรถเช่าและออกเดินทางไปยังนิกโก
ระหว่างการเดินทาง ทุกอย่างดำเนินไปอย่างที่ควรจะเป็น โดยที่ไม่มีใครคาดคิดว่าเรื่องราวที่เกินความคาดหมายจะเกิดขึ้นหลังจากนั้นไม่นาน
เมื่อขับรถมาถึงจุดหมายปลายทางแรก(ศาลเจ้าโทโชกู) สัญญาณเตือนก็เริ่มขึ้น เมื่อเกิดความผิดปกติขึ้นขณะจอดรถ
.
เวลาบ่ายสองโมง
พวกเราจอดรถในที่จอดรถข้างศาลเจ้าโทโชกู เมื่อเจอที่จอดรถ(มีรถจอดขนานอยู่ทั้งสองข้าง) พวกเราก็ทำการจอดรถตามปกติ
ขณะกำลังจอดรถนั่นเอง อยู่ๆรถถอยหลังอย่างไร้การควบคุม ทุกคนต่างพากันคิดว่าจะต้องเกิดอุบัติเหตุขึ้น
.
แต่ราวปาฏิหาริย์ที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือทรัพย์สินเสียหายจากเหตุการณ์นั้นเลย
พวกเราทุกคนเริ่มสงสัยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลังจากการจอดรถผ่านไปได้ด้วยดี พวกเราเดินเท้าไปยังศาลเจ้า
บรรยากาศตอนนั้น อากาศเย็นสบาย สดชื่น ร่มรื่นและบริสุทธิ์
เมื่อรวมกับแสงแดดอ่อนๆที่สาดส่องลงมา ทำให้รู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก
ประตูทางเข้าศาลเจ้า
เมื่อผ่านประตูแรกเข้ามา
ด้านซ้ายมือมีอาคารไม้ที่ถูกตกแต่งด้วยรูปสลักลิงทั้งหมดแปดตัวที่เลียนแบบการดำเนินชีวิตตลอดช่วงอายุขัยของมนุษย์
โดยมีรูปสลักลิงสามตัว (Sansaru) เป็นส่วนประกอบ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อาคารด้านขวามือถูกตกแต่งด้วยรูปสลักสัตว์ในจินตนาการ (คล้ายช้าง)
ส่วนด้านขวามือจะพบรูปสลักแมวนอนตกแต่งอยู่ที่คานประตูทางเข้าสุสานของโชกุนโทกูงาวะ อิเอยาซุ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เดินขึ้นบันไดไปสักพักใหญ่จะพบหลุมฝังศพโชกุนโทกูงาวะ อิเอยาซุ
หลังสำรวจศาลเจ้าประมาณสองชั่วโมงครึ่ง พวกเราออกเดินทางไปที่พักโดยมองหาร้านอาหารไปด้วย
สุดท้ายพวกเราตัดสินใจไปจอดรถในที่จอดรถข้างสถานีรถไฟ Tobu Nikko
.
แต่ก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่ได้คาดฝันขึ้นอีกครั้ง นั้นคือ ล้อรถถอยหลังไปเกยกับที่กั้นล้อ
ตอนนั้นทุกคนตระหนักได้ถึงความผิดปกติ จึงทำการหาสาเหตุ
.
จนได้ข้อสรุป คือ ปัญหาเกิดจากหลายปัจจัยที่ส่งเสริมกัน นั้นคือ
1.ประเภทและรุ่นของรถ :
ประเภทและรุ่นของรถไม่เหมาะกับผู้ขับ เนื่องจากผู้ขับไม่มีประสบการณ์ขับรถยนต์ประเภทและรุ่นที่เช่ามา จึงไม่ถนัดและไม่มั่นใจในการขับ
ผู้ขับเป็นผู้ชำนาญในการขับรถด้วยประสบการณ์ขับรถมากกว่า 30 ปี
2.ความพร้อมของผู้ขับ :
ความอ่อนล้าจากการเดินทาง เนื่องจากขับรถหลังบินตรงจากไทย และขับรถไกลเป็นระยะทางหลายร้อยกิโลเมตร ทำให้เกิดความอ่อนล้าสะสม
3.สภาพของเส้นทาง :
นิกโกในฤดูใบไม้เปลี่ยนสีขึ้นชื่อทั้งในหมู่ชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติ จึงทำให้การจราจรติดขัด
นอกจากนี้ยังมีโค้งและทางลาดชัดมากมาย เนื่องจากสภาพภูมิประเทศเป็นภูเขา
.
ดังนั้น จากประสบการณ์ในครั้งนี้ได้มอบบทเรียน ว่า ก่อนจะเช่ารถขับ ควรประเมินปัจจัยต่างๆ ทั้ง 3 ข้อดังกล่าวให้ดีเสียก่อน
.
หลังจากนั้นพวกเราก็สามารถนำรถกลับไปจอดยังที่พักได้อย่างปลอดภัย
ไม่ควรให้คนอื่นขับรถเช่านอกจากคนที่แจ้งกับบริษัทเช่ารถยนต์ เพราะอาจนำมาซึ่งปัญหาภายหลังได้
พวกเราจึงตัดสินใจ นำรถเช่าไปคืนบริษัท แต่เรื่องที่ไม่คาดคิดเรื่องใหม่กลับเกิดขึ้น
.
นั่นคือ พวกเราไม่สามารถคืนรถเช่าได้
เนื่องจากตามข้อตกลง ผู้เช่าจะสามารถคืนรถได้ก็ต่อเมื่อบริษัทรับทราบและยินยอม
ในคืนนั้น พวกเราจึง เขียนอีเมลไปยังบริษัทรถเช่า, ศึกษาการเดินทางโดยขนส่งสาธารณะภายในนิกโก และการเดินทางกลับโตเกียวจากนิกโกโดยรถไฟ, ยกเลิกที่พักที่คุซัตสึ ออนเซ็น และหาที่พักในโตเกียวแทน
.
คืนนั้นพวกเราลงเอยด้วยกินอาหารที่ขายในเซเว่น
ณ นิกโก เช้าวันใหม่มาพร้อมกับโอกาสเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
.
พวกเราเริ่มต้นโดยนำรถเช่าไปจอดไว้ที่สำนักงานบริษัทรถเช่าข้างสถานีรถไฟ Tobu Nikko (เพื่อทำเรื่องคืนรถในช่วงเย็น)
แต่ที่จอดรถเต็มจึงต้องย้ายไปจอดที่จอดรถข้างสถานีรถไฟ JR Nikko แทน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
.
ประมาณ สิบโมง
พวกเราซื้อ Tobu Bus Pass ประเภท Chuzenji Onsen Free Pass ที่สถานีรถไฟ Tobu Nikko และขึ้นรถบัสหน้าสถานีเพื่อไปยัง Akechidaira Robeway
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ถนนไปจุดชมวิวโค้งและชันมาก ที่จอดรถมีจำนวนจำกัดทำให้รถส่วนตัวติดยาวเป็นแถว
จขกท.คิดว่าตัดสินใจถูกแล้วที่เดินทางโดยรถบัส
.
เมื่อถึงจุดหมาย พวกเราซื้อตั๋วและต่อแถวเพื่อขึ้น Robeway ไปจุดชมวิว Akechidaira Robeway Observation Deck
ภาพทิวเขาสูงที่สัมผัสกับก้อนเมฆและถูกแต่งแต้มด้วยสีสันแห่งฤดูใบไม้เปลี่ยนสีช่วยให้ช่วงเวลาต่อแถวผ่านไปอย่างรวดเร็ว
แนะนำให้พกร่มหรือหมวกไปด้วยเพื่อใช้กันแดด
โดยจุดหมายถัดไป คือ รอบทะเลสาบ Chuzenji
.
บรรยากาศรอบทะเลสาบล้อมรอบด้วยทิวเขาที่ถูกตกแต่งด้วยสีสันของใบไม้เปลี่ยนสี ประกอบกับสายลมแห่งฤดูใบไม้ร่วง สร้างความประทับใจไม่รู้ลืม
พวกเราเดินทางมาถึงยังสำนักงานของบริษัทรถเช่า ที่พวกเราตัดสินใจคืนรถวันนี้ เพราะ พวกเราได้รับอีเมลตอบกลับจากทางบริษัทรถเช่า (ซึ่งประทับใจในการบริการมากเพราะใช้เวลาไม่นานก็ตอบอีกเมลกลับมา) แต่เรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นอีก เมื่อพนักงานสาขานิกโกแจ้งว่าไม่สามารถคืนรถได้ โดยอ้างว่าพนักงานที่สาขาสนามบินนาริตะ (สาขาที่พวกเรารับรถ) ไม่ทราบเรื่อง
.
ในตอนนั้น รู้สึกหงุดหงิด ปน สับสน ทั้งๆที่ได้รับอีเมลตอบกลับจากทางบริษัทรถเช่าแล้ว แต่พนักงานกลับแจ้งว่าไม่ทราบเรื่อง
.
แต่ในช่วงเวลาแห่งความมืดนั้นเอง กลับมีแสงสว่างปรากฏออกมาโดยไม่ได้คาดคิด(เป็นการเดินทางที่มีแต่เรื่องไม่คาดคิด)
ชายชาวญี่ปุ่นวัยกลางคนซึ่งมีภรรยาเป็นคนไทย ได้ให้ความช่วยเหลือพวกเราอย่างมาก (จขกท.กราบขอบคุณ ณ ที่นี้ด้วย)
หมายเหตุ ขออนุญาตไม่เอยนามท่านผู้มีพระคุณชาวญี่ปุ่นท่านนี้นะครับ
ท่านได้ช่วยพูดคุยกับพนักงานที่สาขานิกโกให้ แต่ก็ยังไม่เป็นผล
จนท่านตัดสินใจขับพาพวกเรานั่งรถเปิดประทุนไปยังเมืองข้างๆ (จขกท.ไม่ได้ไปด้วยเนื่องจากอยู่ที่พัก แต่เข้าใจว่าน่าจะเป็นเมืองอุสึโนะมิยะ)
และท่านช่วยติดต่อกับเจ้าหน้าที่สาขาในเมืองให้ เรื่องจึงจบได้ด้วยดี
โดยที่ทางบริษัทได้ส่งอีเมลตอบกลับมาขอโทษ เนื่องจากความเข้าใจผิดที่เกิดขึ้น คาดว่าน่าจะเกิดจากปัญหาการสื่อสารภายในบริษัท
.
หลังจากนั้น ทางโรงแรมที่คุซัตสึ ออนเซ็น ก็ได้ส่งข้อความว่าตอบกลับเรื่องการยกเลิกที่พัก
.
ปัญหาต่างๆ จบลง เป็นคืนที่นอนหลับได้อย่างสบายใจ