สวัสดีค่ะ
"พี่หยอดวัดยาง" กลับมาอีกครั้ง คราวนี้จะพาขับรถไปท่องเที่ยว "Nikko" กันค่ะ
จริงๆแล้วทริปนี้พี่หยอดเดินทางไปตั้งแต่ช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมาค่ะ บรรยากาศก็จะแห้งๆแล้งๆหน่อยนะ
เป็นช่วงที่ซากุระยังไม่มาและใบไม้ก็ไม่เปลี่ยนสี... แต่สวยงามเช่นกันค่ะ
กระทู้นี้ พี่หยอด เลยได้รวบรวมพิกัด attraction ต่างใน Nikko มาให้ค่ะ เป็นพิกัดที่พี่หยอดได้ไปมาในช่วงระยะเวลาเพียง 1 วันเท่านั้น
ตามไปเที่ยวด้วยกันนะคะ
ก่อนอื่นขอฝากแฟนเพจเล็กๆของ “พี่หยอดวัดยาง” ไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ มีรีวิวอื่นๆให้ได้อ่านกันอีกเพียบเลย
จิ้มเข้าไปตามกันที่ Facebook Fanpage
“เที่ยวรัวรัว” https://www.facebook.com/travelruarua/
เที่ยวแบบ slow life ในหนึ่งวัน พี่หยอดจะพาขับรถเล่นแบบ day-trip ไปที่เมืองมรดกโลก Nikko จังหวัด Tochigi ค่ะ
จาก Tokyo ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งค่ะ ขับสบายๆขึ้น expressway ยาวไป 🚙
กว่าจะถึง Nikko ก็ประมาณ 11 โมงเห็นจะได้ สำหรับที่หมายของวันเบาๆ วันนี้คือการไปชมดินแดนที่เรียกได้ว่ามีความสวยงามขั้นมรดกโลก มีศาลเจ้าที่โด่งดังและธรรมชาติที่สวยงาม
ตลอดทั้งวัน พี่หยอดสังเกตเห็นนักท่องเที่ยวที่มาเยือน Nikko จะเป็นชาวตะวันตกซะส่วนใหญ่ค่ะ ซึ่งรู้สึกแปลกตานิดหน่อย เพราะปกติแล้วเอาจริงๆ จะแทบไม่ค่อยเห็นชาวตะวันตกซักเท่าไหร่... แสดงว่าเมืองนี้เต็มไปด้วยสเน่ห์จริงๆ มีทั้งแบบมากับทัวร์เป็นคณะใหญ่ และมาเที่ยวด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้นขอบอกก่อนเลยค่ะว่า Nikko คนเยอะนะคะ เป็น tourist attraction ที่แท้ทรู !
สำหรับ Landmark หลักของ Nikko ที่เมื่อมาแล้วต้องห้ามพลาดเลยก็มีอยู่หลายจุดค่ะ การท่องเที่ยวใน Nikko แบ่งได้เป็น 2 โซน คือ
1. โซนมรดกโลก ศาลเจ้าต่างๆ 👹
2. โซนธรรมชาติ น้ำตก ภูเขา ทะเลสาบ 🌳
ซึ่งวันนี้พี่หยอดก็พยายามเก็บไปเรื่อยๆ เอาที่ไหวชิวๆ เดินเอื่อยๆ เหนื่อยก็พัก มาดูกันค่ะว่ามีจุดไหนน่าสนใจบ้างค่ะ
————————-
▶️ โซนมรดกโลก (เขตซันไน (Sannai))
📍
ศาลเจ้านิกโกะโทโชกุ (Nikko Toshogu)
ศาลเจ้าที่สวยงามอลังการถูกขึ้นชื่อว่าเป็น UNESCO World Heritage Site🏅ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1617 เพื่อเป็นสุสานที่อุทิศให้แก่ โชกุนโทะคุงะวะ ศาลเจ้าแห่งนี้มีพื้นที่ใหญ่โตมากๆๆๆๆ ค่ะ ตั้งอยู่ในเขต Nikko National Park พี่หยอดใช้เวลาเดินเอื่อยเชื่อยอยู่ในพื้นที่นี้เกือบ 2 ชั่วโมงค่ะ เพราะที่นี่บอกเลยว่าว้าว!! ทุกจุด ด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงาม สิ่งปลูกสร้างส่วนใหญ่สร้างจากไม้ และภาพแกะสลักต่างๆ ที่ตกแต่งอยู่ตามแนวกำแพง ประกอบกับป่าต้นไม้สูงใหญ่ที่โอบล้อมศาลเจ้าไว้ ทำให้ร่มรื่นและเย็นสบายมากค่ะ
Highlight ของที่นี่ เช่น :
- Gojunoto หรือ เจดีย์ 5 ชั้นสีแดงสด ความสูง 36 เมตร
- Yomeimon Gate ซุ้มประตูทางเข้าศาลเจ้าที่สวยงามด้วยสีเหลืองทอง เปิดบูรณะไปยาวนานถึง 4 ปีเต็ม เพิ่งจะกลับมาเปิดให้ชมได้เมื่อปี 2017 ที่ผ่านมา
- Karamon Gate ซุ้มกระตูทางเข้าอีกชั้นที่อยู่ติดกับ main hall (ตอนนี้อยู่ระหว่างปรับปรุงบางส่วน)
- รูปปั้นแกะสลักรูปสัตว์ทั้ง 3 จุด คือ Three Monkeys 🙈🙉🙊, Imaginary Elephants 🐘 , และ Sleeping Cat 🐈
สำหรับในส่วนศาลเจ้า Nikko Toshogu Shrine นี้จะเสียค่าเข้าคนละ 1,300 JPY 🎟 นะคะ คุ้มค่ะข้างในสวยมาก
ปล. ใครขับรถมา สามารถขับขึ้นไปจอดใกล้ศาลเจ้าด้านบนเขาได้นะคะ
พิกัด
https://goo.gl/maps/hznCtB9tjDT2
📍
ศาลเจ้าฟูตะระซัง (Nikko Futarasan-Jinja)
เป็นอีกหนึ่งศาลเจ้าที่เชื่อมต่อจากศาลเจ้าโทโชกุค่ะ ถูกสร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้าแห่งภูเขา ว่ากันว่าถูกสร้างมานานกว่า1,200 ปี
ผู้คนมักมาขอพรเรื่องการงาน เพื่อนฝูง และความรัก โดยทางเชื่อมระหว่าง 2 ศาลเจ้านี้เป็นแนวทางเดินที่มีเสาโคมหินเรียงราย
📍
สะพานชินเคียว (Shinkyo Bridge)
สะพานศักดิ์สิทธิ์ สีแดงสดที่เปรียบเสมือนประตูทางเข้าของเขต Sannai เป็นส่วนหนึ่งของ Futarasan-Jinja ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขา
เป็นสะพานข้ามแม่น้ำ Daiya-gawa ที่ใสแจ๋ว มีความเชื่อว่าแม่น้ำนี้เองคือ เส้นแบ่งเขตแดนระหว่างโลกมนุษย์กับแดนศักดิ์สิทธิ์ เป็นจุด landmark ที่นักท่องเที่ยวต้องแวะมาเก็บภาพเป็นที่ระลึกค่ะ แต่หากใครอยากจะเดินข้ามสะพานแห่งนี้ ต้องเสียค่าเข้าคนละ 300 JPY 🎟 นะคะ
ปล. สะพานนี้จะอยู่ริมถนนนะคะ หากขับรถไปเองจะหาที่จอดยากนิดนึง ตรงสะพานจะมีสามแยกเล็กๆ ให้เลี้ยวซ้ายเลยไปจะมีที่จอดตรงร้านสะดวกซื้อด้านขวาค่ะ
พิกัด
https://goo.gl/maps/B5o5o4jLUA62
————————-
▶️ โซนธรรมชาติ 🌳🌿🍂🍁
จากโซนมรดกโลก เราเปลี่ยนแนวไปสัมผัสธรรมชาติกัรบ้างค่ะ โดยรถยนต์ขับรถมุ่งหน้าไปยัง
ทะเลสาบ Chuzenji
ถ้าดูจาก google map จะเห็นว่าเส้นทางนี้ค่อนข้างมีความโหด เพราะเป็นโค้งถนนเลาะภูเขาไปมา คือเราต้องขับรถข้ามเขานั่นแหละค่ะ
ถนนเส้นนี้มีชื่อว่า
“อิโรฮะซากะ” (Irohazaka) ถนนสายโรแมนติก มีความยาว 15.8 กิโลเมตร มีโค้งแบบหักศอกไปมา 48 โค้ง ความพีคของถนนเส้นนี้คือข่วงใบไม้เปลี่ยนสีค่ะ เคยเห็นจากในรูปคือที่สุดเลย... แต่!!! ตอนที่พี่หยอดไปคือ แห้งแล้งมากกกกกกกกกกก (ไว้คงต้องกลับมาใหม่ตอนใบไม้เปลี่ยนสี 🍂)
สำหรับที่หมายใน “โซนธรรมชาติ” ของพี่หยอด ตามนี้เลยค่ะ
📍
จุดชมวิว Akechidaira หรือกระเช้า Akechidaira Ropeway 🚠
จุดนี้ตั้งอยู่ระหว่างทางของถนนสายโรแมนติกค่ะ ไฮไลต์ของการขึ้นกระเช้านี้คือการชมวิวน้ำตก Kegon, ภูเขา Nantaisan และทะเลสาบ Chuzenji จากมุมสูงแบบ bird eye view ! (และก็จะได้เห็นวิวถนนที่โค้งไปมาด้วยค่ะ)
ค่าบริการไป-กลับ 730 JPY/คน 🎟
ปล. ครั้งนี้พี่หยอดตัดสินใจไม่ขึ้นกระเช้าค่ะ เพราะวิวทิวทัศน์ช่วงนี้ไม่สวยงามเหมือนตอนใบไม้เปลี่ยนสี มองวิวบนเขามีแต่ต้นไม้แห้งค่ะ 555
พิกัด :
https://goo.gl/maps/epczFjRjqaE2
📍
ทะเลสาบชูเซ็นจิโกะ (Lake Chuzenji,中禅寺湖)
ตั้งอยู่ภายในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ Nikko เช่นกัน มีความยาวโดยรอบทะเลสาบประมาณ 25 กิโลเมตร มองไปสุดลูกหูลูกตาสวยงามมากค่ะ ⛅️
บริเวณริมถนนต้นทะเลสาบจะมีเสาโทริอิยักษ์ตั้งอยู่ ชื่อว่า Aka Torii เป็นสัญลักษณ์บอกว่าถึงแล้วนะ !
ช่วงที่พี่หยอดไป รอบๆ ทะเลสาบบรรยากาศอาจจะเหงาๆ หน่อยค่ะ อาจจะยังไม่ถึงเวลาช่วง high season แต่ส่วนตัวแล้วพี่หยอดชอบนะ ผู้คนไม่พลุกพล่านวุ่นวาย ได้เดินเล่นรับลมหนาวชิวๆ มองท้องฟ้าสะท้อนกับพื้นน้ำสีฟ้าสด ให้ความรู้สึกสงบมากๆ
(ถ้ามาช่วงบ่ายจะถ่ายรูปแล้วย้อนแสงหน่อยนะคะ 📷)
พิกัด :
https://goo.gl/maps/jiCyRgv1fRp
📍
น้ำตกเคะงน (Kegon Falls,華厳滝)
เป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงที่สุดในบรรดาน้ำตกทั้ง 48 แห่งใน Nikko และถูกจัดอันดับให้ติด 1 ใน 3 น้ำตกที่สวยงามที่สุดของญี่ปุ่นด้วยค่ะ
โดยน้ำตกแห่งนี้ ไหลมากจากสายน้ำจาก Lake Chuzenji ไหลลงมาจากหน้าผาหินสูงกว่า 97 เมตร 💦
ถ้าเราขึ้นกระเช้า Akechidaira ก็จะเห็นวิวจากด้านบน แต่ถ้าเรามาที่ Kegon Falls Elevator นี้ เราจะได้เห็นน้ำตกแบบชัดๆจากมุมล่างเลยค่ะ
โดยต้องซื้อบัตรราคา 550 JPY/คน 🎟 เพื่อลงลิฟท์ความลึก 100 เมตร ใช้เวลา 1 นาที เพื่อลงไปยัง observatory desk ค่ะ
จากจุดด้านล่างเราสามารถมองเห็นความยิ่งใหญ่ของ Kegon Falls ได้อย่างชัดเจน ยิ่งถ้าเป็นช่วงน้ำเยอะๆ หน่อยคงจะดีงามกว่านี้มากมาย
(ช่วงนี้น้ำน้อยค่ะ อาจจะไม่อลังการมากนัก)
อ่อ... และหลังจากชมน้ำตกแล้วก่อนกลับ อย่าลืมชิมปลาย่างเกลือของดีของ Nikko ด้วยนะคะ มีขายอยู่ที่ร้านอาหารด้านหน้าทางลงไปน้ำตกนี่เลยค่ะ
มีปลา 3 ชนิดให้เลือก คือ Ayu , Iwana และ Yamame 🐟 ราคาตัวละ 600 JPY เสียบไม่ย่างทานได้ทั้งตัวหัวจรดหางเลยค่ะ !!!
พิกัด :
https://goo.gl/maps/jhGnQezrXqp
และนี่ก็คือ 1 วันใน Nikko ค่ะ ใช้เวลาเริ่มต้นการเดินทางโดยการขับรถจากโตเกียวประมาณ 08.30 น. ชิวๆ เที่ยวไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายขับรถกลับมาถึงโตเกียวเวลาประมาณ 20.00 น.
เป็น day-trip ที่ประทับใจมากค่ะ ได้สัมผัสทั้งศิลปวัฒนธรรม ความศักดิ์สิทธิ์ ของเขตศาลเจ้าโบราณมรดกโลก และยังได้ชมความสวยงามของธรรมชาติแบบใกล้ชิด Nikko คือสเน่ห์ของญี่ปุ่นจริงๆ ค่ะ
“Nikko is Nippon”
ปล. การมาเที่ยว Nikko ในช่วงนี้ (ต้นเดือนเมษายน) อย่าคาดหวังว่าจะเจอซากุระบานซักต้นเลยนะคะ ตลอดเส้นทางที่ขับรถผ่านนั้นมีแต่ต้นไม้ที่แห้งแล้ง มีแต่กิ่งที่ใบไม่ร่วงหมด (ยกเว้นโซนศาลเจ้าที่มีต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น) แดดแรง แต่มีลมเย็นสบายค่ะ
ขอบคุณสำหรับการติดตาม
อ่านรีวิวอื่นๆ เข้าไปดูกันได้ที่
"เที่ยวรัวรัว" https://www.facebook.com/travelruarua/
[CR] เที่ยวรัวรัว : One day in Nikko หนึ่งวันของฉันในนิกโก
จริงๆแล้วทริปนี้พี่หยอดเดินทางไปตั้งแต่ช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมาค่ะ บรรยากาศก็จะแห้งๆแล้งๆหน่อยนะ
เป็นช่วงที่ซากุระยังไม่มาและใบไม้ก็ไม่เปลี่ยนสี... แต่สวยงามเช่นกันค่ะ
กระทู้นี้ พี่หยอด เลยได้รวบรวมพิกัด attraction ต่างใน Nikko มาให้ค่ะ เป็นพิกัดที่พี่หยอดได้ไปมาในช่วงระยะเวลาเพียง 1 วันเท่านั้น
ตามไปเที่ยวด้วยกันนะคะ
ก่อนอื่นขอฝากแฟนเพจเล็กๆของ “พี่หยอดวัดยาง” ไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ มีรีวิวอื่นๆให้ได้อ่านกันอีกเพียบเลย
จิ้มเข้าไปตามกันที่ Facebook Fanpage “เที่ยวรัวรัว” https://www.facebook.com/travelruarua/
เที่ยวแบบ slow life ในหนึ่งวัน พี่หยอดจะพาขับรถเล่นแบบ day-trip ไปที่เมืองมรดกโลก Nikko จังหวัด Tochigi ค่ะ
จาก Tokyo ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งค่ะ ขับสบายๆขึ้น expressway ยาวไป 🚙
กว่าจะถึง Nikko ก็ประมาณ 11 โมงเห็นจะได้ สำหรับที่หมายของวันเบาๆ วันนี้คือการไปชมดินแดนที่เรียกได้ว่ามีความสวยงามขั้นมรดกโลก มีศาลเจ้าที่โด่งดังและธรรมชาติที่สวยงาม
ตลอดทั้งวัน พี่หยอดสังเกตเห็นนักท่องเที่ยวที่มาเยือน Nikko จะเป็นชาวตะวันตกซะส่วนใหญ่ค่ะ ซึ่งรู้สึกแปลกตานิดหน่อย เพราะปกติแล้วเอาจริงๆ จะแทบไม่ค่อยเห็นชาวตะวันตกซักเท่าไหร่... แสดงว่าเมืองนี้เต็มไปด้วยสเน่ห์จริงๆ มีทั้งแบบมากับทัวร์เป็นคณะใหญ่ และมาเที่ยวด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้นขอบอกก่อนเลยค่ะว่า Nikko คนเยอะนะคะ เป็น tourist attraction ที่แท้ทรู !
สำหรับ Landmark หลักของ Nikko ที่เมื่อมาแล้วต้องห้ามพลาดเลยก็มีอยู่หลายจุดค่ะ การท่องเที่ยวใน Nikko แบ่งได้เป็น 2 โซน คือ
1. โซนมรดกโลก ศาลเจ้าต่างๆ 👹
2. โซนธรรมชาติ น้ำตก ภูเขา ทะเลสาบ 🌳
ซึ่งวันนี้พี่หยอดก็พยายามเก็บไปเรื่อยๆ เอาที่ไหวชิวๆ เดินเอื่อยๆ เหนื่อยก็พัก มาดูกันค่ะว่ามีจุดไหนน่าสนใจบ้างค่ะ
————————-
▶️ โซนมรดกโลก (เขตซันไน (Sannai))
📍ศาลเจ้านิกโกะโทโชกุ (Nikko Toshogu)
ศาลเจ้าที่สวยงามอลังการถูกขึ้นชื่อว่าเป็น UNESCO World Heritage Site🏅ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1617 เพื่อเป็นสุสานที่อุทิศให้แก่ โชกุนโทะคุงะวะ ศาลเจ้าแห่งนี้มีพื้นที่ใหญ่โตมากๆๆๆๆ ค่ะ ตั้งอยู่ในเขต Nikko National Park พี่หยอดใช้เวลาเดินเอื่อยเชื่อยอยู่ในพื้นที่นี้เกือบ 2 ชั่วโมงค่ะ เพราะที่นี่บอกเลยว่าว้าว!! ทุกจุด ด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงาม สิ่งปลูกสร้างส่วนใหญ่สร้างจากไม้ และภาพแกะสลักต่างๆ ที่ตกแต่งอยู่ตามแนวกำแพง ประกอบกับป่าต้นไม้สูงใหญ่ที่โอบล้อมศาลเจ้าไว้ ทำให้ร่มรื่นและเย็นสบายมากค่ะ
Highlight ของที่นี่ เช่น :
- Gojunoto หรือ เจดีย์ 5 ชั้นสีแดงสด ความสูง 36 เมตร
- Yomeimon Gate ซุ้มประตูทางเข้าศาลเจ้าที่สวยงามด้วยสีเหลืองทอง เปิดบูรณะไปยาวนานถึง 4 ปีเต็ม เพิ่งจะกลับมาเปิดให้ชมได้เมื่อปี 2017 ที่ผ่านมา
- Karamon Gate ซุ้มกระตูทางเข้าอีกชั้นที่อยู่ติดกับ main hall (ตอนนี้อยู่ระหว่างปรับปรุงบางส่วน)
- รูปปั้นแกะสลักรูปสัตว์ทั้ง 3 จุด คือ Three Monkeys 🙈🙉🙊, Imaginary Elephants 🐘 , และ Sleeping Cat 🐈
สำหรับในส่วนศาลเจ้า Nikko Toshogu Shrine นี้จะเสียค่าเข้าคนละ 1,300 JPY 🎟 นะคะ คุ้มค่ะข้างในสวยมาก
ปล. ใครขับรถมา สามารถขับขึ้นไปจอดใกล้ศาลเจ้าด้านบนเขาได้นะคะ
พิกัด https://goo.gl/maps/hznCtB9tjDT2
📍ศาลเจ้าฟูตะระซัง (Nikko Futarasan-Jinja)
เป็นอีกหนึ่งศาลเจ้าที่เชื่อมต่อจากศาลเจ้าโทโชกุค่ะ ถูกสร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้าแห่งภูเขา ว่ากันว่าถูกสร้างมานานกว่า1,200 ปี
ผู้คนมักมาขอพรเรื่องการงาน เพื่อนฝูง และความรัก โดยทางเชื่อมระหว่าง 2 ศาลเจ้านี้เป็นแนวทางเดินที่มีเสาโคมหินเรียงราย
📍 สะพานชินเคียว (Shinkyo Bridge)
สะพานศักดิ์สิทธิ์ สีแดงสดที่เปรียบเสมือนประตูทางเข้าของเขต Sannai เป็นส่วนหนึ่งของ Futarasan-Jinja ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขา
เป็นสะพานข้ามแม่น้ำ Daiya-gawa ที่ใสแจ๋ว มีความเชื่อว่าแม่น้ำนี้เองคือ เส้นแบ่งเขตแดนระหว่างโลกมนุษย์กับแดนศักดิ์สิทธิ์ เป็นจุด landmark ที่นักท่องเที่ยวต้องแวะมาเก็บภาพเป็นที่ระลึกค่ะ แต่หากใครอยากจะเดินข้ามสะพานแห่งนี้ ต้องเสียค่าเข้าคนละ 300 JPY 🎟 นะคะ
ปล. สะพานนี้จะอยู่ริมถนนนะคะ หากขับรถไปเองจะหาที่จอดยากนิดนึง ตรงสะพานจะมีสามแยกเล็กๆ ให้เลี้ยวซ้ายเลยไปจะมีที่จอดตรงร้านสะดวกซื้อด้านขวาค่ะ
พิกัด https://goo.gl/maps/B5o5o4jLUA62
————————-
▶️ โซนธรรมชาติ 🌳🌿🍂🍁
จากโซนมรดกโลก เราเปลี่ยนแนวไปสัมผัสธรรมชาติกัรบ้างค่ะ โดยรถยนต์ขับรถมุ่งหน้าไปยังทะเลสาบ Chuzenji
ถ้าดูจาก google map จะเห็นว่าเส้นทางนี้ค่อนข้างมีความโหด เพราะเป็นโค้งถนนเลาะภูเขาไปมา คือเราต้องขับรถข้ามเขานั่นแหละค่ะ
ถนนเส้นนี้มีชื่อว่า “อิโรฮะซากะ” (Irohazaka) ถนนสายโรแมนติก มีความยาว 15.8 กิโลเมตร มีโค้งแบบหักศอกไปมา 48 โค้ง ความพีคของถนนเส้นนี้คือข่วงใบไม้เปลี่ยนสีค่ะ เคยเห็นจากในรูปคือที่สุดเลย... แต่!!! ตอนที่พี่หยอดไปคือ แห้งแล้งมากกกกกกกกกกก (ไว้คงต้องกลับมาใหม่ตอนใบไม้เปลี่ยนสี 🍂)
สำหรับที่หมายใน “โซนธรรมชาติ” ของพี่หยอด ตามนี้เลยค่ะ
📍 จุดชมวิว Akechidaira หรือกระเช้า Akechidaira Ropeway 🚠
จุดนี้ตั้งอยู่ระหว่างทางของถนนสายโรแมนติกค่ะ ไฮไลต์ของการขึ้นกระเช้านี้คือการชมวิวน้ำตก Kegon, ภูเขา Nantaisan และทะเลสาบ Chuzenji จากมุมสูงแบบ bird eye view ! (และก็จะได้เห็นวิวถนนที่โค้งไปมาด้วยค่ะ)
ค่าบริการไป-กลับ 730 JPY/คน 🎟
ปล. ครั้งนี้พี่หยอดตัดสินใจไม่ขึ้นกระเช้าค่ะ เพราะวิวทิวทัศน์ช่วงนี้ไม่สวยงามเหมือนตอนใบไม้เปลี่ยนสี มองวิวบนเขามีแต่ต้นไม้แห้งค่ะ 555
พิกัด : https://goo.gl/maps/epczFjRjqaE2
📍ทะเลสาบชูเซ็นจิโกะ (Lake Chuzenji,中禅寺湖)
ตั้งอยู่ภายในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ Nikko เช่นกัน มีความยาวโดยรอบทะเลสาบประมาณ 25 กิโลเมตร มองไปสุดลูกหูลูกตาสวยงามมากค่ะ ⛅️
บริเวณริมถนนต้นทะเลสาบจะมีเสาโทริอิยักษ์ตั้งอยู่ ชื่อว่า Aka Torii เป็นสัญลักษณ์บอกว่าถึงแล้วนะ !
ช่วงที่พี่หยอดไป รอบๆ ทะเลสาบบรรยากาศอาจจะเหงาๆ หน่อยค่ะ อาจจะยังไม่ถึงเวลาช่วง high season แต่ส่วนตัวแล้วพี่หยอดชอบนะ ผู้คนไม่พลุกพล่านวุ่นวาย ได้เดินเล่นรับลมหนาวชิวๆ มองท้องฟ้าสะท้อนกับพื้นน้ำสีฟ้าสด ให้ความรู้สึกสงบมากๆ
(ถ้ามาช่วงบ่ายจะถ่ายรูปแล้วย้อนแสงหน่อยนะคะ 📷)
พิกัด : https://goo.gl/maps/jiCyRgv1fRp
📍น้ำตกเคะงน (Kegon Falls,華厳滝)
เป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงที่สุดในบรรดาน้ำตกทั้ง 48 แห่งใน Nikko และถูกจัดอันดับให้ติด 1 ใน 3 น้ำตกที่สวยงามที่สุดของญี่ปุ่นด้วยค่ะ
โดยน้ำตกแห่งนี้ ไหลมากจากสายน้ำจาก Lake Chuzenji ไหลลงมาจากหน้าผาหินสูงกว่า 97 เมตร 💦
ถ้าเราขึ้นกระเช้า Akechidaira ก็จะเห็นวิวจากด้านบน แต่ถ้าเรามาที่ Kegon Falls Elevator นี้ เราจะได้เห็นน้ำตกแบบชัดๆจากมุมล่างเลยค่ะ
โดยต้องซื้อบัตรราคา 550 JPY/คน 🎟 เพื่อลงลิฟท์ความลึก 100 เมตร ใช้เวลา 1 นาที เพื่อลงไปยัง observatory desk ค่ะ
จากจุดด้านล่างเราสามารถมองเห็นความยิ่งใหญ่ของ Kegon Falls ได้อย่างชัดเจน ยิ่งถ้าเป็นช่วงน้ำเยอะๆ หน่อยคงจะดีงามกว่านี้มากมาย
(ช่วงนี้น้ำน้อยค่ะ อาจจะไม่อลังการมากนัก)
อ่อ... และหลังจากชมน้ำตกแล้วก่อนกลับ อย่าลืมชิมปลาย่างเกลือของดีของ Nikko ด้วยนะคะ มีขายอยู่ที่ร้านอาหารด้านหน้าทางลงไปน้ำตกนี่เลยค่ะ
มีปลา 3 ชนิดให้เลือก คือ Ayu , Iwana และ Yamame 🐟 ราคาตัวละ 600 JPY เสียบไม่ย่างทานได้ทั้งตัวหัวจรดหางเลยค่ะ !!!
พิกัด :https://goo.gl/maps/jhGnQezrXqp
และนี่ก็คือ 1 วันใน Nikko ค่ะ ใช้เวลาเริ่มต้นการเดินทางโดยการขับรถจากโตเกียวประมาณ 08.30 น. ชิวๆ เที่ยวไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายขับรถกลับมาถึงโตเกียวเวลาประมาณ 20.00 น.
เป็น day-trip ที่ประทับใจมากค่ะ ได้สัมผัสทั้งศิลปวัฒนธรรม ความศักดิ์สิทธิ์ ของเขตศาลเจ้าโบราณมรดกโลก และยังได้ชมความสวยงามของธรรมชาติแบบใกล้ชิด Nikko คือสเน่ห์ของญี่ปุ่นจริงๆ ค่ะ
“Nikko is Nippon”
ปล. การมาเที่ยว Nikko ในช่วงนี้ (ต้นเดือนเมษายน) อย่าคาดหวังว่าจะเจอซากุระบานซักต้นเลยนะคะ ตลอดเส้นทางที่ขับรถผ่านนั้นมีแต่ต้นไม้ที่แห้งแล้ง มีแต่กิ่งที่ใบไม่ร่วงหมด (ยกเว้นโซนศาลเจ้าที่มีต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น) แดดแรง แต่มีลมเย็นสบายค่ะ
ขอบคุณสำหรับการติดตาม
อ่านรีวิวอื่นๆ เข้าไปดูกันได้ที่ "เที่ยวรัวรัว" https://www.facebook.com/travelruarua/
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น