🔎 กรณีศึกษา : ปรากฏการณ์ “พรหมลิขิต” ซอฟต์พาวเวอร์ ทำท่องเที่ยวอยุธยาคึกคัก



เรียกได้ว่าชั่วโมงนี้ คงไม่มีใครไม่พูดถึง
ละครเรื่อง “พรหมลิขิต”
ซึ่งเป็นภาคต่อมาจากละครบุพเพสันนิวาส 
แน่นอนว่าเนื้อเรื่องเป็นละครอิงประวัติศาสตร์
ที่เกิดขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา ช่วงของ
รัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
เรื่อยไปจนรัชสมัยสมเด็จพระที่นั่งท้ายสระ

สำหรับความนิยมจากคนดูที่มีต่อ “พรหมลิขิต” พบว่ามีกระแสตอบรับที่ดี ดูได้จากตอนแรก
ที่ออนแอร์ทำลายทุกสถิติยอดดูสดออนไลน์ทะลุ 1 ล้านคน ทำเรตติ้งทั่วประเทศ 6.40 หรือจะเป็น EP7 ที่ทำสถิติเรตติ้งทั่วประเทศสูงสุด 7.61 เพียงแค่หนึ่งวันเท่านั้น
หลัง EP6 ทำเรตติ้งไปที่ 7.12
เรียกว่าทำลายสถิติกันวันต่อวันเลยทีเดียว


ปัจจัยที่ทำให้ละครเรื่องนี้ได้รับความนิยม
จากผู้ชมทั่วประเทศ หลัก ๆ เลย
คงหนีไม่พ้น “เนื้อเรื่อง” ที่มีการผสมผสานเรื่องราวของประวัติศาสตร์เข้ากับเรื่องราวของตัวละครที่แสดงให้เห็นวิถีชีวิตของผู้คนในสมัยนั้นที่มีความน่าสนใจ ซึ่งทำให้คนดู
ได้ความรู้ใหม่ ๆ ที่ไม่เคยมีในตำราเรียน 


แน่นอนว่า ภาคการท่องเที่ยวได้รับอานิสงส์
จากเรื่องพรหมลิขิตไปตาม ๆ กัน โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในจังหวัดอยุธยา
ไม่ว่าจะเป็น วัดไชยวัฒนาราม
ที่ผู้คนมีการแต่งชุดไทยเข้าไปถ่ายรูป
ซึ่งตอนนี้มีการเปิดให้เข้าชมตอนกลางคืนด้วย เรียกว่าคึกคักกันเลยทีเดียว



หรือจะเป็น “วัดนางกุย” ที่ก่อนหน้านี้แทบจะ
ไม่ได้อยู่ในจุดหมายการเดินทางมาท่องเที่ยว แต่หลังจากมีตัวละครที่มีชื่อว่า “นางกุย”
อยู่ในละคร พรหมลิขิต
ทำให้วัดดังกล่าวเป็นที่รู้จัก สร้างการรับรู้
แม้ว่าจะมีการสืบค้นข้อมูลออกมาว่า
“นางกุย” กับ “วัดนางกุย” ไม่ได้มีความเกี่ยว
ข้องกันแต่อย่างใด โดย “วัดนางกุย” ถูกสร้างขึ้นใน พ.ศ. 2130 ขณะเดียวกัน “นางกุย” ที่อยู่ในเรื่องพรหมลิขิต อยู่ในรัชสมัยของ
สมเด็จพระที่นั่งท้ายสระ ซึ่งอยู่ในช่วง
พ.ศ. 2251 จะเห็นได้ว่าเป็นคนละปีกัน

นอกจากนี้
ยังมีสถานที่ทางประวัติศาสตร์สำคัญ นอกจากจังหวัดอยุธยา ที่นักท่องเที่ยวมาตามรอย
ทั้งเมืองโบราณ จังหวัดสมุทรปราการ
ที่ใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำ
หรือจะเป็นวังนารายณ์ราชนิเวศน์ จังหวัดลพบุรี ก็มีนักท่องเที่ยวไปเช่นกัน



มาที่ในส่วนของเศรษฐกิจภายในจังหวัดอยุธยา จากนายมานัส ทรัพย์มีชัย
ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
(อ้างอิงจากประชาชาติธุรกิจ) เผยว่า
หลังจากละครพรหมลิขิตออกอากาศไป
และมีการสอบถามช่วงเวลาศุกร์-อาทิตย์
พบว่ามีอัตราการจองห้องพักคิดเป็น 80%
มีนักท่องเที่ยวเฉลี่ย 20,000 คน


สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาอยุธยา นอกจากคนไทยแล้ว ยังมีชาวต่างชาติ
ไม่ว่าจะเป็น จีน เกาหลีใต้ ยุโรป
ค่าใช้จ่ายเฉลี่ย ประมาณ 1,000 บาท/คน
มีเงินสะพัด 200 ล้านบาทต่อเดือน


สิ่งที่เกิดขึ้นเรียกว่า “ซอฟต์พาวเวอร์” เลยก็ว่าได้ โดยเป็นส่วนในเรื่องของวัฒนธรรม
ซึ่งตอนนี้ รัฐบาลมีแผนให้การสนับสนุนอยู่
เพื่อเพิ่มมูลค่าให้สินค้า เพิ่มขีดความสามารถ
ให้กับการแข่งขันระดับโลก
โดยละคร “พรหมลิขิต” สามารถต่อยอด
การท่องเที่ยวได้ในหลายเรื่อง
ทั้งการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว
ซึ่งอยุธยายังมีสถานที่ท่องเที่ยวให้เราค้นหาอีกมากมาย นอกเหนือจากวัดชื่อดังที่เคยไปมา
เช่นเดียวกับเมื่อมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาจำนวนมาก ผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจไม่ว่า
จะเป็น ร้านอาหาร, ร้านขายสินค้า, โรงแรม
ก็ได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้ไปเต็มๆ มีรายได้ คนในจังหวัดมีงานทำ เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยไม่ต้องใช้งบประมาณมากมาย



อีกทั้ง อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นฟันเฟืองสำคัญในการสร้างรายได้ให้กับประเทศไทย โอกาสมาแล้ว…ควรรีบคว้าไว้


Cr. www.smartsme.co.th/content/251456



เพิ่มเติมภาพประกอบ

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่