เปิดไทม์ไลน์ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ประกาศขึ้นเป็นของขวัญปีใหม่ให้แรงงานทั่วประเทศ ยังไม่ถึงวันละ 400 บาท หวั่นกระทบเภาพรวมศรษฐกิจ
วันที่ 6 พฤศจิกายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำรอบใหมว่า กระทรวงแรงงานจะมีการประกาศในเดือนธันวาคม 2566 นี้ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับแรงงานทั่วประเทศไทย สำหรับอัตราขึ้นค่าแรงจะไม่เท่ากัน
ทั่วประเทศ และคงไม่ถึงวันละ 400 บาท ตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เคยประกาศไว้
ฟังความคิดเห็น นายจ้าง-ลูกจ้าง หวั่นเลิกจ้างเพื่อลดต้นทุน
นายพิพัฒน์กล่าวว่า การคำนวณค่าแรงอัตราใหม่ มีการนำเงินเฟ้อและอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจมาประกอบกัน พร้อมทั้งการเดินสายรับฟังความคิดเห็นของนายจ้าง และลูกจ้าง ซึ่งการปรับขึ้นค่าจ้างรอบนี้แต่ละจังหวัดจะปรับขึ้นไม่เท่ากัน โดยปรับสูงสุดคือหลักสิบ
“การปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำรอบนี้ แม้จะไม่เพิ่มถึงวันละ 400 บาท แต่ก็เป็นขวัญกำลังใจให้กับผู้ใช้แรงงาน ขณะเดียวกันยังช่วยให้นายจ้าง
ไม่ได้รับผลกระทบหนักมาก โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่มีจำนวนมากในประเทศไทย
และหากปรับขึ้นมากสูงถึงวันละ 400 บาท จะกระทบต่อการเลิกจ้างเพื่อลดต้นทุนของสถานประกอบการ อย่างไรก็ตาม
การปรับขึ้นค่าจ้างงวดต่อไปช่วงสิ้นปี 2567 อาจจะมีโอกาสเห็นค่าจ้าง 400 บาทได้ แต่ก็เป็นการขึ้นเพียงบางจังหวัดเท่านั้น”
นายพิพัฒน์กล่าวต่อว่า ได้สั่งการสำนักงานแรงงานจังหวัดทุกจังหวัด ให้ลงพื้นที่สำรวจข้อมูลการจ้างงานในกิจการต่าง ๆ
ทั้งขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ และประชุมทบทวนความเหมาะสมของอัตราค่าจ้างขั้นต่ำแต่ละจังหวัดที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน โดยแต่ละจังหวัดจะพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำให้เสร็จภายในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2566
ก่อนส่งผลประชุมมายังคณะกรรมการค่าจ้าง หรือไตรภาคี ที่จะมีตัวแทนนายจ้าง ลูกจ้าง และรัฐบาล เพื่อสรุปข้อมูลอีกครั้งภายในปลายเดือนพฤศจิกายน 2566 เพื่อให้ได้ตัวเลขที่แท้จริงและเป็นธรรม และจะพิจารณาร่วมกันช่วงต้นเดือนธันวาคม 2566 ก่อนพิจารณาเห็นชอบ
อัตราค่าจ้างรอบใหม่ เสนอต่อที่ประชุม ครม. และประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป
“หากย้อนไปในปี 2565 กระทรวงแรงงานมีการลงพื้นที่สำรวจข้อมูลลูกจ้างในหลายจังหวัดพบว่า มีมากถึง 31 จังหวัด
ที่แสดงเจตจำนงต่อกระทรวงแรงงานว่าไม่ขอขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ และปี 2564 พบว่า มี 44 จังหวัดที่แจ้งว่าไม่ขอขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ
เพราะส่วนใหญ่เกรงว่าจะมีความเสี่ยงตกงานในภายหลัง รวมทั้งไม่อยากย้ายไปทำงานในพื้นที่อื่น ซึ่งจะมีต้นทุนสูงกว่า
ทั้งค่าเดินทาง และค่าเช่าบ้านด้วย”
อย่างไรก็ตามในความคืบหน้าล่าสุดของการพิจารณาปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ ประจำปี 2566 นั้น กระทรวงแรงงานได้ประชุม
เพื่อทบทวนความเหมาะสมของอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ แต่ละจังหวัดที่ใช้อยู่ในปัจจุบันแล้ว โดยแต่ละจังหวัดจะพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ
ให้เสร็จภายในวันที่ 17 พฤศจิกายนนี้ ก่อนส่งผลประชุมมายังคณะกรรมการค่าจ้างเพื่อพิจารณาในช่วงต้นเดือนธันวาคมนี้
ย้อนรอยปรับค่าจ้าง
ค่าจ้างขั้นต่ำมีการปรับเพิ่มล่าสุด มีผลบังคับใช้ 1 ตุลาคม 2565 โดยการปรับขึ้นแบ่งเป็น 9 อัตรา ได้แก่
1) ค่าจ้าง 354 บาท มี 3 จังหวัด คือ ชลบุรี ระยอง และภูเก็ต
2) ค่าจ้าง 353 บาท มี 6 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี นครปฐม ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร
3) ค่าจ้าง 345 บาท มี 1 จังหวัด คือ ฉะเชิงเทรา
4) ค่าจ้าง 343 บาท มี 1 จังหวัด คือ พระนครศรีอยุธยา
5) ค่าจ้าง 340 บาท มี 14 จังหวัด คือ ปราจีนบุรี หนองคาย อุบลราชธานี พังงา กระบี่ ตราด ขอนแก่น เชียงใหม่ สุพรรณบุรี
สงขลา สุราษฎร์ธานี นครราชสีมา ลพบุรี และสระบุรี
6) ค่าจ้าง 338 บาท มี 6 จังหวัด คือ มุกดาหาร กาฬสินธุ์ สกลนคร สมุทรสงคราม จันทบุรี และนครนายก
7) ค่าจ้าง 335 บาท มี 19 จังหวัด คือ เพชรบูรณ์ กาญจนบุรี บึงกาฬ ชัยนาท นครพนม พะเยา สุรินทร์ ยโสธร ร้อยเอ็ด เลย พัทลุง
อุตรดิตถ์ นครสวรรค์ ประจวบคีรีขันธ์ พิษณุโลก อ่างทอง สระแก้ว บุรีรัมย์ และเพชรบุรี
8) ค่าจ้าง 332 บาท มี 22 จังหวัด คือ อำนาจเจริญ แม่ฮ่องสอน เชียงราย ตรัง ศรีสะเกษ หนองบัวลำภู อุทัยธานี ลำปาง ลำพูน
ชุมพร มหาสารคาม สิงห์บุรี สตูล แพร่ สุโขทัย กำแพงเพชร ราชบุรี ตาก นครศรีธรรมราช ชัยภูมิ ระนอง และพิจิตร
9) ค่าจ้าง 328 บาท มี 5 จังหวัด คือ ยะลา ปัตตานี นราธิวาส น่าน และอุดรธานี
และย้อนไปก่อนหน้านั้น การปรับค่าจ้างขั้นต่ำในประเทศไทยเกิดขึ้นเมื่อ 1 มกราคม 2563 อัตราค่าจ้างขั้นต่ำได้ถูกแบ่งออกเป็น 10 ราคา
ตามเขตพื้นที่ คือ 313 บาท, 315 บาท, 320 บาท, 323 บาท, 324 บาท, 325 บาท, 330 บาท, 331 บาท, 335 บาท และ 336 บาท
ขอบคุณข้อมูลจาก
https://www.prachachat.net/csr-hr/news-1430936
เปิดไทม์ไลน์ขึ้นค่าแรงปี’67 ปรับเพิ่มหลักสิบ สิ้นปีมีปรับอีกอาจเกิน 400 บาท
เปิดไทม์ไลน์ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ประกาศขึ้นเป็นของขวัญปีใหม่ให้แรงงานทั่วประเทศ ยังไม่ถึงวันละ 400 บาท หวั่นกระทบเภาพรวมศรษฐกิจ
วันที่ 6 พฤศจิกายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำรอบใหมว่า กระทรวงแรงงานจะมีการประกาศในเดือนธันวาคม 2566 นี้ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับแรงงานทั่วประเทศไทย สำหรับอัตราขึ้นค่าแรงจะไม่เท่ากัน
ทั่วประเทศ และคงไม่ถึงวันละ 400 บาท ตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เคยประกาศไว้
ฟังความคิดเห็น นายจ้าง-ลูกจ้าง หวั่นเลิกจ้างเพื่อลดต้นทุน
นายพิพัฒน์กล่าวว่า การคำนวณค่าแรงอัตราใหม่ มีการนำเงินเฟ้อและอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจมาประกอบกัน พร้อมทั้งการเดินสายรับฟังความคิดเห็นของนายจ้าง และลูกจ้าง ซึ่งการปรับขึ้นค่าจ้างรอบนี้แต่ละจังหวัดจะปรับขึ้นไม่เท่ากัน โดยปรับสูงสุดคือหลักสิบ
“การปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำรอบนี้ แม้จะไม่เพิ่มถึงวันละ 400 บาท แต่ก็เป็นขวัญกำลังใจให้กับผู้ใช้แรงงาน ขณะเดียวกันยังช่วยให้นายจ้าง
ไม่ได้รับผลกระทบหนักมาก โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่มีจำนวนมากในประเทศไทย
และหากปรับขึ้นมากสูงถึงวันละ 400 บาท จะกระทบต่อการเลิกจ้างเพื่อลดต้นทุนของสถานประกอบการ อย่างไรก็ตาม
การปรับขึ้นค่าจ้างงวดต่อไปช่วงสิ้นปี 2567 อาจจะมีโอกาสเห็นค่าจ้าง 400 บาทได้ แต่ก็เป็นการขึ้นเพียงบางจังหวัดเท่านั้น”
นายพิพัฒน์กล่าวต่อว่า ได้สั่งการสำนักงานแรงงานจังหวัดทุกจังหวัด ให้ลงพื้นที่สำรวจข้อมูลการจ้างงานในกิจการต่าง ๆ
ทั้งขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ และประชุมทบทวนความเหมาะสมของอัตราค่าจ้างขั้นต่ำแต่ละจังหวัดที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน โดยแต่ละจังหวัดจะพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำให้เสร็จภายในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2566
ก่อนส่งผลประชุมมายังคณะกรรมการค่าจ้าง หรือไตรภาคี ที่จะมีตัวแทนนายจ้าง ลูกจ้าง และรัฐบาล เพื่อสรุปข้อมูลอีกครั้งภายในปลายเดือนพฤศจิกายน 2566 เพื่อให้ได้ตัวเลขที่แท้จริงและเป็นธรรม และจะพิจารณาร่วมกันช่วงต้นเดือนธันวาคม 2566 ก่อนพิจารณาเห็นชอบ
อัตราค่าจ้างรอบใหม่ เสนอต่อที่ประชุม ครม. และประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป
“หากย้อนไปในปี 2565 กระทรวงแรงงานมีการลงพื้นที่สำรวจข้อมูลลูกจ้างในหลายจังหวัดพบว่า มีมากถึง 31 จังหวัด
ที่แสดงเจตจำนงต่อกระทรวงแรงงานว่าไม่ขอขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ และปี 2564 พบว่า มี 44 จังหวัดที่แจ้งว่าไม่ขอขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ
เพราะส่วนใหญ่เกรงว่าจะมีความเสี่ยงตกงานในภายหลัง รวมทั้งไม่อยากย้ายไปทำงานในพื้นที่อื่น ซึ่งจะมีต้นทุนสูงกว่า
ทั้งค่าเดินทาง และค่าเช่าบ้านด้วย”
อย่างไรก็ตามในความคืบหน้าล่าสุดของการพิจารณาปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ ประจำปี 2566 นั้น กระทรวงแรงงานได้ประชุม
เพื่อทบทวนความเหมาะสมของอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ แต่ละจังหวัดที่ใช้อยู่ในปัจจุบันแล้ว โดยแต่ละจังหวัดจะพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ
ให้เสร็จภายในวันที่ 17 พฤศจิกายนนี้ ก่อนส่งผลประชุมมายังคณะกรรมการค่าจ้างเพื่อพิจารณาในช่วงต้นเดือนธันวาคมนี้
ย้อนรอยปรับค่าจ้าง
ค่าจ้างขั้นต่ำมีการปรับเพิ่มล่าสุด มีผลบังคับใช้ 1 ตุลาคม 2565 โดยการปรับขึ้นแบ่งเป็น 9 อัตรา ได้แก่
1) ค่าจ้าง 354 บาท มี 3 จังหวัด คือ ชลบุรี ระยอง และภูเก็ต
2) ค่าจ้าง 353 บาท มี 6 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี นครปฐม ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร
3) ค่าจ้าง 345 บาท มี 1 จังหวัด คือ ฉะเชิงเทรา
4) ค่าจ้าง 343 บาท มี 1 จังหวัด คือ พระนครศรีอยุธยา
5) ค่าจ้าง 340 บาท มี 14 จังหวัด คือ ปราจีนบุรี หนองคาย อุบลราชธานี พังงา กระบี่ ตราด ขอนแก่น เชียงใหม่ สุพรรณบุรี
สงขลา สุราษฎร์ธานี นครราชสีมา ลพบุรี และสระบุรี
6) ค่าจ้าง 338 บาท มี 6 จังหวัด คือ มุกดาหาร กาฬสินธุ์ สกลนคร สมุทรสงคราม จันทบุรี และนครนายก
7) ค่าจ้าง 335 บาท มี 19 จังหวัด คือ เพชรบูรณ์ กาญจนบุรี บึงกาฬ ชัยนาท นครพนม พะเยา สุรินทร์ ยโสธร ร้อยเอ็ด เลย พัทลุง
อุตรดิตถ์ นครสวรรค์ ประจวบคีรีขันธ์ พิษณุโลก อ่างทอง สระแก้ว บุรีรัมย์ และเพชรบุรี
8) ค่าจ้าง 332 บาท มี 22 จังหวัด คือ อำนาจเจริญ แม่ฮ่องสอน เชียงราย ตรัง ศรีสะเกษ หนองบัวลำภู อุทัยธานี ลำปาง ลำพูน
ชุมพร มหาสารคาม สิงห์บุรี สตูล แพร่ สุโขทัย กำแพงเพชร ราชบุรี ตาก นครศรีธรรมราช ชัยภูมิ ระนอง และพิจิตร
9) ค่าจ้าง 328 บาท มี 5 จังหวัด คือ ยะลา ปัตตานี นราธิวาส น่าน และอุดรธานี
และย้อนไปก่อนหน้านั้น การปรับค่าจ้างขั้นต่ำในประเทศไทยเกิดขึ้นเมื่อ 1 มกราคม 2563 อัตราค่าจ้างขั้นต่ำได้ถูกแบ่งออกเป็น 10 ราคา
ตามเขตพื้นที่ คือ 313 บาท, 315 บาท, 320 บาท, 323 บาท, 324 บาท, 325 บาท, 330 บาท, 331 บาท, 335 บาท และ 336 บาท
ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.prachachat.net/csr-hr/news-1430936