JJNY : หญิงอิหร่านเริ่มอดอาหารประท้วงในคุก│ปธน.สีพบนายกฯแดนจิงโจ้│‘ชัยธวัช’ลั่น มีแค่ข้อกล่าวหา│ส่งออก 9 เดือนติดลบ 3.8%

หญิงอิหร่านเจ้าของโนเบลสันติภาพ เริ่มอดอาหารประท้วงในคุก
https://www.dailynews.co.th/news/2875854/

นางนาร์เกส โมฮัมมาดี นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิสตรีชาวอิหร่าน ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ประจำปี 2566 เริ่มอดอาหารในเรือนจำที่เธอถูกคุมขัง เพื่อประท้วงข้อจำกัดด้านการรักษาพยาบาลสำหรับเธอ และนักโทษคนอื่น ๆ รวมถึงการบังคับให้ผู้หญิงชาวอิหร่านสวมฮิญาบในประเทศ
 
 
สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน เมื่อวันที่ 7 พ.ย. ว่า โมฮัมมาดี วัย 51 ปี ซึ่งปัจจุบันถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำอีวิน ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ เมื่อเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา “สำหรับการต่อสู้กับการกดขี่ที่มีต่อผู้หญิงในอิหร่าน และการต่อสู้เพื่อส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพให้กับทุกภาคส่วน

“ในวันนี้ นาร์เกส โมฮัมมาดี แจ้งกับทางครอบครัวผ่านข้อความจากเรือนจำอีวิน ว่า เธอเริ่มอดอาหารประท้วงเมื่อหลายชั่วโมงก่อน ซึ่งเรามีความกังวลเกี่ยวกับสภาพร่างกายและสุขภาพของเธอ” ครอบครัวของโมฮัมมาดี กล่าวในแถลงการณ์
 
แม้ครอบครัวระบุว่า โมฮัมมาดี มีความจำเป็น “เร่งด่วน” ในการรักษาตัวนอกเรือนจำ แต่เจ้าหน้าที่เรือนจำปฏิเสธที่จะย้ายเธอ ซึ่งมีอาการป่วยจากโรคที่เกี่ยวกับหัวใจและปอด ไปยังโรงพยาบาลนอกเรือนจำอีวิน เพื่อเข้ารับการรักษา

นาร์เกสอดอาหารประท้วงในวันนี้ เพื่อประท้วง 2 สิ่ง นั่นคือ นโยบายของอิหร่าน ในการชะลอและละเลยการรักษาพยาบาลให้กับผู้ต้องขังที่ป่วย และนโยบาย ‘การบังคับสวมอิญาบ’ สำหรับผู้หญิงชาวอิหร่าน” แถลงการณ์ของครอบครัวโมฮัมมาดี ระบุเพิ่มเติม “ทางการอิหร่านต้องรับผิดชอบต่อทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับนาร์เกสผู้เป็นที่รักของเรา และมันผ่านมานาน 1 สัปดาห์แล้ว ที่พวกเขาปฏิเสธที่จะให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์ตามที่เธอต้องการ
 
อนึ่ง โมฮัมมาดีถูกจับกุมครั้งแรกเมื่อ 22 ปีก่อน ซึ่งเธอใช้เวลาส่วนใหญ่ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา รณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชนในอิหร่าน ทั้งในและนอกเรือนจำ.
 
เครดิตภาพ : AFP



ปธน.สีพบนายกฯแดนจิงโจ้ที่ปักกิ่ง ลั่นพร้อมเป็นพันธมิตรที่ไว้ใจได้
https://www.matichon.co.th/foreign/news_4270822

ปธน.สีพบนายกฯแดนจิงโจ้ที่ปักกิ่ง ลั่นพร้อมเป็นพันธมิตรที่ไว้ใจได้
 
สำนักข่าวเอเอฟพีและบีบีซีรายงานว่า นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนได้พบกับนายแอนโทนี อัลบาเนซี นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียที่มหาศาลาประชาชน  กรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของประเทศจีน เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน โดยผู้นำจีนได้กล่าวว่าทั้งสองประเทศสามารถเป็น “พันธมิตรที่ไว้ใจได้” พร้อมกับให้คำมั่นว่าจะทำงานร่วมกับออสเตรเลียในทุกด้านตั้งแต่ความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
 
จีนถือเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย แต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศย่ำแย่ลงในปี 2020 หลังจากที่รัฐบาลออสเตรเลียฝ่ายอนุรักษนิยมในขณะนั้นได้ห้ามไม่ให้หัวเหว่ย บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีนพัฒนาเครือข่าย 5 จี พร้อมกับเรียกร้องให้มีการสอบสวนต้นตอของไวรัสโควิด-19 ที่มีการพบครั้งแรกในประเทศจีน ทำให้ฝ่ายจีนไม่พอใจจนออกมาเก็บภาษีนำเข้าสูงต่อสินค้าโภคภัณฑ์หลายอย่างของออสเตรเลีย ตั้งแต่ถ่านหินไปจนถึงไวน์
 
อย่างไรก็ดี จีนได้ยกเลิกข้อจำกัดของสินค้าออสเตรเลียหลายอย่างนับตั้งแต่ที่นายอัลบาเนซีขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีออสเตรเลียเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว ในการพบกันครั้งนี้ประธานาธิบดีสีของจีนกล่าวว่า จีนและออสเตรเลียไม่มีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ขั้นพื้นฐานและสามารถเป็นพันธมิตรที่น่าไว้ใจและประสบความสำเร็จร่วมกัน พร้อมกับบอกว่าทั้งสองประเทศกำลังอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้องของการพัฒนาความสัมพันธ์ให้ดีขึ้น
 
ขณะที่นายอัลบาเนซี ซึ่งเป็นผู้นำออสเตรเลียคนแรกที่เดินทางเยือนประเทศจีนในรอบกว่า 7 ปี ได้กล่าวชื่นชมความก้าวหน้าในความสัมพันธ์ที่เป็นบวกอย่างมาก และนับตั้งแต่ที่ผู้นำทั้งสองพบกันที่ประเทศอินโดนีเซียเมื่อปีที่แล้ว การค้ามีความไหลลื่นมากขึ้นเพื่อประโยชน์ของทั้งสองประเทศ “เราสามารถใช้โอกาสในวันนี้เพื่อดูว่าเราจะสามารถขยายความร่วมมือระหว่างประเทศของเราทั้งสองได้อย่างไรบ้าง” อัลบาเนซีกล่าว
 


‘ชัยธวัช’ ลั่นหลักฐานปมบ่อขยะมีแค่ข้อกล่าวหา ยันไม่เปิดชื่อ 22 ส.ส. อุ้ม ‘ปูอัด’ หวั่นเป็นประเด็นโจมตีภายใน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4270903

‘ชัยธวัช’ ป้อง ‘เบญจา’ ยันไม่เอี่ยวปมบ่อขยะ บอก ‘แจ้ วุฒิพงศ์’ เปิดหลักฐานมามีแค่ข้อกล่าวหา บอกต่อให้มีจริงก็ไม่ได้ลบล้างข้อหาคุกคามทางเพศได้ ยันไม่เปิดชื่อ 22 ส.ส. อุ้ม ‘ปูอัด’ หวั่นเป็นประเด็นโจมตีภายใน ยืดอกผมสั่งปรามเอง ลั่น ถ้ามีคนนอกจริงอาจจะผิดยิ่งกว่าเดิมได้
 
เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน ที่โรงแรมอักษร อ.แกลง จ.ระยอง ภายหลัง นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีการตั้งข้อสงสัยว่าถึงแม้ น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและกรรมการบริหารพรรค ไม่ได้มีโหวต แต่อาจจะมีการล็อบบี้ให้โหวตขับ นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา ส.ส.ปราจีนบุรี อดีตพรรค ก.ก. ออกจากพรรค ว่า น.ส.เบญจาไม่ได้มีส่วนในเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว การแต่งตั้งผู้ที่ถูกกล่าวหาว่ารับผลประโยชน์ในฐานะผู้ช่วย ส.ส. ของน.ส.เบญจานั้น ไม่ได้เกิดขึ้นจากความสัมพันธ์ส่วนบุคคล โดยน.ส.เบญจา ตั้งผู้ช่วย ส.ส. คนดังกล่าวขึ้น เพราะพรรคเสนอชื่อ เนื่องจากเห็นว่าเป็นคณะทำงานในจ.ปราจีนบุรี แต่เมื่อเข้าสู่กระบวนการสอบสวน น.ส.เบญจาได้นำรายชื่อออกจากการเป็นผู้ช่วย ส.ส.แล้ว เพื่อไม่ให้เกิดการอคติในการตรวจสอบ เกี่ยวกับการรับผลประโยชน์ทับซ้อนใดๆ ในการพิจารณาสอบสวนเรื่องนี้

ส่วนจะมีการแจ้งความดำเนินคดีกลับกับนายวุฒิพงศ์หรือไม่นั้น นายชัยธวัชกล่าวว่า ในส่วนที่พรรคต้องทำคือการสอบสวนว่ามีการรับผลประโยชน์จริงหรือไม่ หากมีข้อเท็จจริงที่เชื่อมโยงกับน.ส.เบญจา แน่นอนว่าต้องมีการตรวจสอบ
 
ต้องเรียนอย่างนี้นะครับ ข้อเท็จจริงที่ ส.ส. ปราจีนบุรี นำมากล่าวหา ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับคุณเบญจาเลย เป็นเพียงการกล่าวหาว่าบุคคลที่เป็นทีมงานของพรรคในจังหวัดปราจีนบุรี มีพฤติการณ์ที่เชื่อได้ว่ารับผลประโยชน์จากบ่อขยะ ซึ่งในข้อเท็จจริงทั้งหมด ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับคุณเบญจาเลย เพียงแต่มีการกล่าวหาว่าเพราะบุคคลท่านนี้เป็นผู้ช่วย ส.ส. ของคุณเบญจา ก็เลยเป็นเหตุที่มีแรงจูงใจในการขับเขาออกจากพรรค” นายชัยธวัชกล่าว
 
นายชัยธวัชกล่าวว่า ทั้ง 2 กรณี จะต้องพิจารณาแยกกัน เรื่องคุกคามทางเพศก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เรื่องทุจริตบ่อขยะก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง หากบุคคลที่ถูกกล่าวหารับผลประโยชน์จากบ่อขยะจริง ก็ไม่สามารถลบข้อครหาเรื่องคุกคามทางเพศหายไป
 
เมื่อถามว่ากรรมาธิการการ (กมธ.) อุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร จะรับลูกเชิญนายวุฒิพงศ์ เข้าไปให้ข้อมูล นายชัยธวัชกล่าวว่า ก็ดีเลย ตนก็อยากให้จริงจัง เพราะเครือข่ายผลประโยชน์ในการหากินกับบ่อขยะ รวมถึงขยะในอุตสาหกรรม มลพิษต่างๆ ในพื้นที่ภาคตะวันออก เกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลและนักการเมืองบ้านใหญ่เต็มไปหมด ตนยินดีด้วยซ้ำ หากทาง กมธ. มาช่วยสอบสวน แล้วคนของพรรค ก.ก. ผิดจริง ตนยิ่งขอบคุณ และอย่าหยุดแค่นั้น ต้องสอบไปดูว่านักการเมืองบ้านใหญ่ มีใครที่เกี่ยวข้องกับบริษัทพวกนี้ และเป็นเหตุผลสำคัญที่ประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ชาวปราจีนบุรีเขต 2 เลือกคนของพรรค ก.ก.
 
ผมต้องยอมรับว่าคุณแจ้ เป็น ส.ส.คนหนึ่ง ที่ทำงานเรื่องมลพิษอย่างแข็งขัน แต่เราต้องแยกออกจากกัน แม้คุณแจ้จะต่อสู้อย่างเต็มที่เรื่องสิ่งแวดล้อมให้กับชาวบ้าน มันไม่ได้ไปลบล้างอีกเรื่องหนึ่ง แม้กระทำผิดจะต้องไม่ได้รับโทษ ผมมองว่าต้องแยกออกจากกัน” นายชัยธวัชกล่าว
 
เมื่อถามว่านายวุฒิพงศ์ กล่าวหาว่าพรรค ก.ก. ใช้วิธีพวกลากมากไป จะเกิดเหตุการณ์พวกลากมากไปหรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า ไม่มีอย่างแน่นอน  กรณีของนายวุฒิพงศ์ ส.ส. และกรรมการบริหารพรรค พิจารณาจากข้อเท็จจริงที่เป็นข้อยุติ ซึ่งในการประชุมก่อนหน้านี้ แม้ว่า ส.ส.ในพรรค เห็นว่าทั้ง 2 กรณีมีพฤติกรรมคุกคามทางเพศ และผิดวินัยขั้นร้ายแรงของพรรคจริง เพียงแต่มีการพิจารณาว่าทั้ง 2 เรื่องมีข้อเท็จจริงต่างกันว่า กรณีที่ 1 ชัดเจนว่าเขาใช้สถานะว่าที่ สส. รวมถึง ส.ส. ในเวลาต่อมาในการกระทำผิด จึงเป็นเหตุให้ ส.ส. เห็นว่า ควรจะลงโทษตามสัดส่วนของการกระทำผิด เลยทำให้จำนวน ส.ส.ที่เห็นว่าควรจะขับนายไชยามพวาน น้อยกว่ากรณีของนายวุฒิพงศ์
 
นายชัยธวัชกล่าวต่อว่า ส่วน ส.ส.ที่โหวตอุ้มนายไชยามพวานทั้ง 22 คนนั้น วันนี้ก็มาเข้าร่วมประชุม แต่ประเด็นการพิจารณาในวันนี้ ผิดร้ายแรงจากกรณีที่ขัดต่อกรรมการบริหารพรรคหรือไม่ ขัดต่ออุดมการณ์และทำให้พรรคเสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างร้ายแรงหรือไม่ ซึ่งเป็นการพิจารณาข้อความผิดคนละกรณีกัน ไม่สามารถพิจารณาซ้ำได้ เพราะเราพิจารณาเรื่องนี้ไปแล้ว ดังนั้นทุกคนเห็นว่าการแถลงของนายไชยามพวาน ไม่ได้เป็นไปตามมติของกรรมการบริหารพรรค ส่วนช้าไปหรือไม่ ตนมองว่าไม่ได้ช้าไป บางเรื่องก็ต้องทำตามกระบวนการของข้อบังคับพรรค
 
เมื่อถามว่ามีการเรียกร้องให้เปิด 22 รายชื่อผู้ที่อุ้มนายไชยามพวานนั้น นายชัยธวัชกล่าวว่า เปิดไม่ได้ ตนในฐานะหัวหน้าพรรค ได้เรียกร้องให้มีการลงมติและเปิดอภิปรายถกเถียงอย่างเต็มที่ เพื่อให้ทุกคนไม่ต้องกังวล ตนเป็นคนกำชับเองว่าเมื่อลงมติไปแล้ว สามารถมีความคิดเห็นแตกต่างกันได้ แต่ไม่ลงมติไปแล้ว ต้องไม่โจมตีเพื่อนที่ลงมติแตกต่างจากตนเอง ไม่เช่นนั้นต่อไปในพรรค เวลาที่เปิดให้ทุกคนแสดงความเห็นอย่างเต็มที่ แม้จะเห็นไม่ตรงกัน ก็จะไม่สามารถทำได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่