ข้อสังเกต และความเป็นไปได้ของฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึง

กระทู้สนทนา

วิทยาศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ภาวะโลกร้อน พยากรณ์อากาศ ภูมิอากาศ

อัพเดทคาดการณ์ฤดูหนาว 02/66
กระทู้ก่อนหน้าตามลิงก์ด้านล่าง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

วงการขาเชียร์อากาศหนาวร้อนรุ่มกันไปตามๆกัน เมื่อกรมอุตุฯก็ถึงกับประกาศเอาเลยว่าปีนี้น่าจะหนาวน้อยกว่าปกติเป็นที่แน่ชัด! เห็นหลายท่านมาตั้งกระทู้เกี่ยวกับการมาถึงช้าของลมหนาว และฝนที่ยังคงตกกันอยู่ทั่วปัจจุบันนี้ (5 พ.ย.) ร่องความกดอากาศต่ำ กับทั้งมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังไม่มีวี่แววลดกำลังลงเสียที ผลของเอลนีโญดูเหมือนจะทำให้หนาวน้อยกว่าในรอบหลายปีที่ผ่านมาเสียแล้ว กรมอุตุฯเลยฟันธงไปแล้วว่าหน้าหนาวปีนี้จะยาวแค่ 1 เดือน ???

จะเป็นอย่างนั้นจแน่ๆน่ะหรือ ?

ที่มาตั้งกระทู้นี้ไม่ได้มาเพื่อที่จะค้านกับที่กรมอุตุฯคาดการณ์ และแทงสวนว่าจะหนาว แต่หลังจากได้พยายามติดตามลักษณะอากาศอย่างใกล้ชิดมาตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา กลับทำให้ผม"สังหรณ์ใจ"ได้ว่าปีนี้อากาศหน้าหนาวน่าจะเป็นปีที่"แปลก" และคาดการณ์ยากอีกปี หลายท่านอาจเริ่มมีคำถามในหัวว่า เอ ไอ้สังหรณ์ที่ว่านี่มันโมเมฟังดูไม่เป็นเหตุเป็นผลเท่าไหร่เลยนี่หว่า มีอะไรเชิงประจักษ์มายืนยันมากกว่าแค่คำว่า "สังหรณ์"ได้ไหม ? หรือดีไม่ดีทำไมต้องสังหรณ์ด้วยฟะ แทงกั๊กอย่างงี้ก็ไม่ได้ตอบข้อสงสัยอะไรเพิ่มเลยนี่หว่า
ก็ต้องยอมรับแต่โดยดีครับว่า จนถึงวันนี้ยังไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยันให้เชื่อมั่นว่าจะสามารถคาดการณ์อากาศหนาวปีนี้ได้ถูกต้อง ด้วยเหตุนี้ถึงได้ตั้งชื่อกระทู้ว่า "เป็นเพียงข้อสังเกตที่น่าสนใจเท่านั้น" อย่างไรก็ตามด้วยเหตุผลที่กำลังจะนำเสนอต่อไปนี้ ก็ทำให้รู้สึกได้ว่า ไม่ว่าใครหรือสิ่งใดก็ตามที่พยายามคาดการณ์ลักษณะอากาศหนาวในปีนี้ ก็น่าจะให้ความเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ได้ราวๆ"ลางสังหรณ์คร่าวๆ"ไม่ต่างกับผมเช่นกัน

ผมจะโน้มน้าวท่านผู้อ่านให้รู้สึก และเห็นตามอย่างนั้นได้หรือไม่ ก็ได้โปรดอ่านเนื้อหาดังต่อไปนี้ และพิจารณาเองได้เลยครับ

ดังที่เคยเขียนไว้ในกระทู้ก่อนหน้า ปีนี้เป็นที่อุณหภูมิผิวน้ำทะเลทั้งโลกร้อนมากอย่างผิดปกติเป็นที่สุด จากกราฟบนจะเห็นได้ว่ามันร้อนขึ้นมามากกว่าปีที่แล้ว (ซึ่งปีที่แล้วก็มากกว่าค่าเฉลี่ยไปถึง 2SD เข้าไปแล้ว) ถึงอีก 2 SD ! และมันน่าสนใจตรงที่ว่าช่วงที่ร้อนขึ้นมาจนทำสถิตินั้นใช้เวลาเพียงแค่ราว 3 สัปดาห์ (เดือนมีนาคม) เท่านั้น! ซึ่งตามทฤษฏีเรือนกระจกแบบปรกติไม่สามารถอธิบายเหตุการณ์นี้ได้เลย เนื่องจากปริมาณความร้อนมหาศาลขนาดนี้ไม่มีทางเกิดจากการที่ก๊าซเรือนกระจกจู่ๆเกิดกักเก็บความร้อนได้อย่างผิดปกติขึ้นมาดื้อๆ ทำให้อากาศร้อน แล้วอากาศร้อนไปอุ่นทะเลอีกที อุณกภูมิอากาศโลกเราต้องร้อนกว่านี้มหาศาลไปก่อนหน้าเดือนมีนาคมไปแล้ว ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้น (อย่าลืมว่าน้ำมีความจุความร้อนที่มากกว่าอากาศมหาศาล การจะทำให้ร้อนขึ้น 1 องศา กับอากาศ 1 องศาใช้พลังงานมากกว่ากันราว 4.3 เท่า) สิ่งที่เกิดขึ้นนอกจากจะหักล้างนัยสำคัญของก๊าซเรือนกระจกต่อความร้อนในปีนี้อย่างหมดจดแล้ว ยังได้มอบข้อสันนิษฐานใหม่เพียงอย่างเดียวที่พอจะตอบได้ว่าทำไมน้ำปีนี้ถึงร้อนขึ้นมาได้มากกว่าเดิม

พลังงานความร้อนที่เพิ่มขึ้นมานั้นสามารถมาจากแหล่งพลังงานที่สะสมอยู่ในตัวมหาสมุทรเองเท่านั้น และมีกระบวนการถ่ายเทพลังงานความร้อนในรูปแบบที่ปัจจุบันมนุษย์ยังไม่มีความเข้าใจเลยแม้แต่เสี้ยวเดียวด้วยซ้ำ !!!

หรืออีกนัยคือ ปริศนาทั้งหมดเกี่ยวกับภูมิอากาศโลกกำลังฝังตัวอยู่ใต้ทะเลลึกอันมืดมิด มากกว่าที่จะล่องลอยอยู่ในชั้นบรรยากาศนั่นเอง

อุณหภูมิทั้งโลกปีนี้ที่พุ่งสูงปรี๊ดเป็นประวัติการณ์ กราฟบนอาจจะดูไม่ชัด แต่อุณหภูมิเริ่มมาพุ่งจริงๆก็เดือนกรกฏาคมโน่นเลย หรือก็คืออุณหภูมิอากาศตามหลังอุณหภูมิน้ำประมาณ 3-4 เดือนได้

จากหลักฐานความร้อนที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลของทะเลทำให้ เมื่อมาตรวจสอบปริมาณ CO2 ในปีนี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่กลายเป็นว่า CO2 ต่างหากที่ตามอุณหภูมิผิวน้ำทะเล ไม่ใช่เพราะ CO2 เพิ่ม แล้วอุณหภูมิผิวน้ำทะเล และอุณหภูมิอากาศโลกเลยสูงตาม

ภาพบนจะเห็นได้ชัดว่า CO2 เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลังเดือนเมษายนเป็นต้นไป (CO2 ตามทะเล 1 เดือน)

มาดูน้ำทะเลท้องถื่นกันบ้าง

ขณะนี้บริเวณตอนใต้ของเกาะญี่ปุ่นกำลังเย็นตัวลงเรื่อยๆตลอดเดือนที่ผ่านมา แต่โดยรวมก็ยังถือว่าร้อนกว่าปกติโดยทั่วกัน หลังจากนี้ช่วงกลางฤดูหนาวจะเป็นอย่างไรยังตอบไม่ได้แน่ชัด ???

แล้วทั้งหมดนี้บอกถึงอะไรถึงอากาศหนาวที่กำลังจะมาถึง ?

ด้วยสภาพท้องทะเลที่ค่อนข้างร้อนกว่าปกติ และเป็นรูปแบบบริเวณที่ไม่มีปีไหนเหมือน จึงทำให้ลักษณะของลม รวมไปถึงกระแสลมกรด(ซึ่งก็จะไปเกี่ยวข้องกับการคาดการณ์ร่องอากาศ และลิ่มอากาศ) ในปีนี้ก็ต่างจากปีเอลนีโญ หรือปีอื่นๆเช่นกัน

จากที่ตามมา ลมกรดกึ่งเขตร้อนแถวอินเดียกำลังค่อนข้างอ่อน และไม่ค่อยต่อเนื่อง(บริเวณที่ตีกรอบสีเหลือง) แถมยังอยู่ในละติจูดที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี ในขณะเดียวกันที่บริเวณกรอบแดงแถวทะเลสาบแคสเปียน ลมกรดขั้วโลกก็กำลังอ่อนเช่นกัน แถมทำลักษณะเป็นรูปเกือกม้าอยู่แถวๆนี้เกือบตลอด

ด้วยลักษณะแบบนี้แถวตะวันออกกลางฤดูใบไม้ร่วงปีนี้จึงร้อนกว่าปกติค่อนข้างตลอด และความกดอากาศต่ำค่อนข้างจะประจำอยู่บริเวณดังกล่าว กลับกันเพราะต้องรักษาสมดุลแรง และโมเมนตัมของลมกรดกึ่งเขตร้อน จึงทำให้มีความกดอากาศสูงที่ประจำอยู่บริเวณหิมาลัยอยู่ตลอดจนถึงตอนนี้

แล้วจะเป็นอย่างไรต่อ ?

หากลมกรดในปีนี้ยังมีลักษณะแบบนี้อยู่จะหมายความว่า ลิ่มอากาศจะเกิดขึ้นบริเวณเทือกเขาอูราลไปจนถึงกลางรัสเซีย ส่งผลให้ความกดอากาศสูงพร้อมที่จะสะสมตัวเรื่อยๆ และรวมไปถึงว่าด้วยความที่หิมาลัยเป็นบริเวณความกดอากาศสูงประจำอยู่อย่างงั้น นำไปสู่ความเป็นไปได้ที่ว่า

ลมหนาวปีนี้จะสามารถมาแรง และต่อกันเรื่อยๆ ??? (ค่าความกดอากาศสูงกว่าปกติ และมากันถี่)

อย่างไรก็ดี ด้วยความที่ทะเลในแปซิฟิกปัจจุบันยังคงร้อนอยู่ หากว่ายังเป็นตามนี้ลมหนาวก็ยังไม่สามารถทำให้อากาศเย็นลงได้มากนักเพราะน่าจะมีลมร้อนมาตัด แต่ในทางกลับกัน สภาพทะเลที่ร้อนย่อมหมายถึงโอกาสเกิดพายุที่มากขึ้น หากมีพายุเกิดแถวฟิลิปินส์จริง โอกาสหนาวปีนี้ก็จะกลายเป็นมากขึ้นมาเสียดื้อๆเลย !

หรือ ปีนี้จะเป็นปีที่หนาวกว่าปกติ ???

ตอนนี้จุดเปราะบางของฤดูหนาวท่าประหลาดอย่างปีนี้อยู่กันที่ 2 ส่วนคือ

1.ความร้อนของทะเลแปซิฟิกตะวันตก ถ้าทะเลยังร้อนอยู่อย่างงี้ต้องภาวนาให้เกิดพายุเพื่อให้บังลมร้อน แต่ถ้าไม่มีพายุก็ต้องภาวนาให้กระบวนการทั้งลมหนาวเป่าผิวทะเลให้เย็นลง หรือไม่ก็ขอให้มีการถ่ายเทความร้อนใต้มหาสมุทรบางรูปแบบทำให้ทะเลเย็นลงกว่านี้ จนลมร้อนแปซิฟิกไม่พัดเข้าหาประเทศไทยตรงๆ

2. ลักษณะลมกรดต้องคงรูปแบบประหลาดๆ แบบนี้ไปเรื่อยๆจนถึงกลางหน้าหนาวเป็นอย่างน้อย เพราะลมหนาวที่อุณหภูมิต่ำจริงจะมาได้ช่วงกลางหน้าหนาวเท่านั้น ถ้าช่วงกลางหน้าหนาวลมกรดเปลี่ยนรูปแบบ บริเวณความกดอากาศสูงหิมาลัย และการสะสมตัวของความกดอากาศสูงไซบีเรียก็จะเปลี่ยนรูปแบบ

คาดการณ์ลมวนขั้วโลก หรือ Polar vortex ปีนี้ที่มีสิทธิ์แตกออกได้ตั้งแต่กลางธันวาฯ หากลมวนขั้วโลกแตกจริง รูปแบบลมกรดก็จะเปลี่ยนไป การสะสมตัวของความกดอากาศสูงก็จะไม่ใช่อย่างที่เขียนมาข้างต้น จะไปออกหน้าไหนก็ยังไม่มีใครรู้อีก

หลังจากที่เขียนมาอย่างยืดยาว

สรุปเอาความสั้นๆก็คือ ปีนี้มีสิทธิ์ทั้งหนาวมาก และร้อนมากแทบจะพอๆกันเลยทีเดียว (ไม่ว่ามันจะฟังดูประหลาดแค่ไหนก็ตาม)

ถ้าทุกอย่างลงล็อก เราอาจจะได้เห็นลมหนาวที่กระหน่ำมาไม่ขาดสายหนาวยาวๆในรอบหลายปี แต่ถ้าไม่ ด้วยสภาพทะเลที่ร้อนอยู่แล้ว รวมถึงลมกรดที่อ่อนระทวย แม้แต่ภาคเหนือปีนี้ก็มีสิทธิ์ที่จะหาลมหนาวแทบไม่เจอ เพราะลมตะวันตกก็แทบไม่มีมาช่วยให้เย็นลง

อนึ่ง โหมโรงของฤดูหนาวนี้น่าจะกำลังเริ่มครึ่งหลังของเดือนนี้ เพราะความกดอากาศสูงไซบีเรียกำลังเข้าล็อคเริ่มสะสมตัวได้แล้วในอีกสัปดาห์กว่าๆ สืบเนื่องมาจากรูปแบบลมกรดที่เขียนถึงด้านบน กลายเป็นว่าปีนี้ลมหนาวจากคาดว่าไม่น่ามีอะไร กลับกลายเป็นมีให้ลุ้นขึ้นมาดื้อๆเสียแล้ว แถมใส่กันแบบ ALL IN or NOTHING กันเลยทีเดียว และเมื่อระลอกโหมโรงหมด จนถึง กลางเดือนธันวาฯ เข้าสู่ท่อนกลางฤดูหนาวกันจริงๆ ลมหนาวรอบโหมโรงที่แทงไว้ก่อนหน้า จะส่งผลต่อท่อนหลักของลมฤดูหนาวอย่างไร จะแทงได้อื้อเป็นกอบเป็นกำ ทำทุนไว้ให้รอบหลักเล่นสบายๆยังไงก็หนาว หรือเสียหมด เพราะลมขั้วโลกแตกเละรูปแบบอากาศเปลี่ยนไม่ใช่อย่างนี้ จนไม่เหลืออะไรให้ลุ้นต่อรอบหลัก

คงต้องได้แต่ต้องติดตามอากาศหนาวปีนี้ต่อไปอย่างใกล้ชิดครับ

ลิ่มอากาศใหญ่เบ้อเริ่มแถวกลางรัสเซีย ทำให้ความกดอากาศสูงไซบีเรียน่าจะกำลังจะสะสมตัวในเร็ววันนี้ ฉากละครแห่งฤดูหนาวน่าจะกำลังจะเริ่มใน 7 วันถึง 10 วันที่จะถึงนี้ จะส่งผลให้ถึงกับอากาศหนาวเลยหรือไม่ยังเป็นคำถาม แต่อากาศจะเริ่มเย็นลงแน่ๆในครึ่งหลังของเดือนนี้

แก้ไขข้อความเมื่อ