[CR] ตะลุยไต้หวันแบบฉุกละหุก ตอน 1 : เริ่มหลงรักไต้หวัน (เที่ยวซีเหมินติงและจิ่วเฟิ่น)

ไต้หวัน จากประเทศที่ไม่เคยคิดจะไป ทิ้งให้เป็นตัวเลือกลำดับสุดท้ายเสมอ ผลัดมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งแทบไม่เหลือตัวเลือกประเทศที่จะไปแล้วในเอเชีย จึงย้อนกลับมาดูไต้หวัน และก็ตัดสินใจไป โดยจองตั๋วเครื่องบินก่อนเดินทางแค่ 9 วันเท่านั้น เรียกว่าแทบจะเป็น accidently เลยทีเดียว


เราไปไต้หวันในช่วงกลาง ๆ ค่อนไปทางปลายเดือนตุลาคม ซึ่งพบว่าอากาศไต้หวันเริ่มเย็น ๆ เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านจากฤดูใบไม้ร่วงสู่ฤดูหนาว อากาศไม่ร้อน กำลังเย็นสบาย และไม่ได้หนาวจนทรมาน ซึ่งเราพบว่ามันดีมาก ทำให้สะดวกในการเดินทางท่องเที่ยว เพราะอากาศไม่ร้อน เดินไม่เหนื่อย ในขณะเดียวกัน ก็ไม่หนาวจนทรมานเหมือนประเทศอื่น ๆ ที่เราเคยไปมาในช่วงเวลานี้ ซึ่งทำให้ไม่ต้องพกเสื้อหนาวไปเยอะ ตอนเดินทางท่องเที่ยวหรือเดินเล่นตามสถานที่ต่าง ๆ สามารถแต่งตัวตามสบาย ไม่ต้องใส่เสื้อหนาวก็ได้ และมันมีผลกับการถ่ายรูป รูปถ่ายจะไม่ใช่ใส่เสื้อหนาวตัวเดียวซ้ำ ๆ กันอยู่นั่นแหละ



ลักษณะนิสัยและบุคลิกภาพ : จากที่ได้ไปมาในระยะเวลาสั้น ๆ แต่พอจะสัมผัสได้ถึงนิสัยใจคอและบุคลิกภาพโดยทั่ว ๆ ไปของคนไต้หวัน โดยเฉพาะไทเปแล้วนั้น ก็จะพบว่าคนไต้หวันนั้นต่างจากคนจีนแผ่นดินใหญ่อยู่พอสมควร หนึ่งคือมีความเป็นระเบียบวินัยสูงกว่ามาก สูงจนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นลักษณะของผู้คนในประเทศที่เจริญแล้ว สองคือความมีมารยาทในการอยู่ร่วมกันในสังคม สามคือความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และมีน้ำใจ สามข้อนี้แสดงให้เห็นเด่นชัดมาก ถามว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ในเมื่อคนไต้หวันแท้จริงแล้วนั้นก็คือคนจีนที่อพยพมาจากแผ่นดินใหญ่นั่นเอง ซึ่งก็สามารถตอบได้โดยเหตุผลสองข้อ เหตุผลข้อแรกคือ ประสบการณ์ในการเชื่อมต่อกับสังคมอื่นของคนไต้หวัน คือได้เปิดหูเปิดตารับรู้กับสิ่งต่างๆ ที่เป็นสากลมากกว่าคนจีนแผ่นดินใหญ่ และได้รับเอาสิ่งดี ๆ เหล่านี้เข้ามา เหตุผลข้อที่สองซึ่งผมคิดว่าเป็นเหตุผลที่สำคัญมาก ก็คือลักษณะของประเทศไต้หวันที่มีลักษณะเป็นเกาะ คนที่อยู่บนเกาะนั้นเมื่ออยู่นาน ๆ เข้าก็จะพัฒนาบุคลิกภาพอย่างหนึ่งขึ้นมา คือการหลีกเลี่ยงการปะทะ การประนีประนอม การอยู่อย่างสงบและสันติไม่อยากมีปัญหากับใคร ซึ่งจะทำให้เป็นคนนิ่ง ๆ ค่อนข้างจะเก็บความรู้สึก พยายามหลีกเลี่ยงการทะเลาะและปัญหารุนแรง และทำให้เป็นคนนุ่มนวลละเมียดละไมขึ้น ไม่โฉ่งฉ่างก้าวร้าว เอะอะมะเทิ่ง ซึ่งเป็นเพราะลักษณะภูมิประเทศที่เป็นเกาะนั้น เมื่อทะเลาะเบาะแว้งมีเรื่องมีราวกัน มันยากที่จะหลีกหนีกันไปได้ เนื่องจากรอบด้านเป็นทะเล ยกตัวอย่างเช่น ญี่ปุ่น, อังกฤษ ซึ่งผู้คนมีลักษณะเช่นนี้เหมือนกัน คนไต้หวันนั้นถึงจะเป็นคนจีนที่อพยพเข้ามา แต่ส่วนใหญ่ก็อพยพเข้ามานานหลายร้อยปี จึงทำให้มีช่วงเวลายาวนานพอที่จะพัฒนาบุคลิกพิเศษพวกนึ้ขึ้นมา เราจึงรู้สึกแปลกใจที่เมือไปไต้หวันที่หน้าตาผู้คนเป็นจีน แต่นิสัยแตกต่างจากคนจีนโดยสิ้นเชิง



เสน่ห์อีกอย่างของไต้หวัน ก็คือถึงแม้ลักษณะนิสัยของคนไต้หวันจะมีลักษณะเฉพาะตัว แต่ก็มีวัฒนธรรมที่มีความเป็นจีน คือยังไม่ทิ้งรากเหง้าดั้งเดิมของตัวเองที่ฝังอยู่ใน DNA นับพันปี เราจึงได้พบกับอัตลักษณ์จีนหลายอย่างในคนไต้หวัน เช่นประเพณี วัฒนธรรม ภาษา อาหารการกิน นิสัยใจคอลึก ๆ บางอย่าง ประเพณีเทศกาล ศิลปะและศาสนา การไปเที่ยวไต้หวันเราจึงได้เจอลักษณะที่เป็น conflict กันในตัวตนคนไต้หวันเอง คือ conflict กันระหว่างลักษณะนิสัยของผู้คนที่ไม่ใช่จีนกับประเพณีวัฒนธรรมที่ยังเป็นจีน ซึ่ง conflict อันนี้แหละคือเสน่ห์ของไต้หวัน

ลักษณะพิเศษหรือ feeling อีกอย่างของไต้หวัน คือความที่ผู้คนมีลักษณะง่าย ๆ สบาย ๆ ชิลล์ ๆ ไม่เร่งรีบ มีวิถีชีวิตดูไม่ได้มีความทุกข์ร้อนอันใด ซึ่งสิ่งนี้จะแสดงออกได้ชัดเจนจนรู้สึกได้ในบริบทต่าง ๆ ทั้งการเคลื่อนไหวผู้คน กิจกรรมในชุมชน ลักษณะของการทำมาหากิน แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ได้จริงจังในการประกอบสัมมาอาชีพนะ เขาก็จริงจัง ซึ่ง feeling แบบนี้ต้องคนที่เดินทางผ่านมาโชกโชนจริงๆ แล้วเท่านั้นจึงจะเข้าใจ เพราะจะต้องเกิดจากการเปรียบเทียบ มันจะเป็นอะไรที่คล้าย ๆ กับยุโรปบางประเทศ เช่น สวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรีย ซึ่งเรารู้สึกว่าทำไมเขาชิลล์กันจัง นั่นก็เป็นเพราะว่าคุณภาพชีวิตของคนสูงจนทำให้เขาไม่อนาทรร้อนใจใด ๆ สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข เพราะไม่ต้องปากกัดตีนถีบจนเกินไป คือไทเปอาจจะไม่ถึงขั้นยุโรปประเทศเกรดเอ แต่ก็ใกล้เคียงพอสมควร



ไต้หวันมีการบริหารจัดการการท่องเที่ยวได้ดีพอสมควร ด้วยความที่ infrastructure ดีอยู่แล้วทั้งรถไฟใต้ดิน (MRT) รถเมล์ รถไฟระหว่างเมืองทั้ง Hight Sped และ Super High Speed ซึ่งเชื่อมต่อถึงกันหมด และการจัดการ Ticket และ payment แบบบัตรเดียวจบ (Easy Card) ก็ทำได้ดียอดเยี่ยม ทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางสะดวก การเดินทางจากสถานที่ท่องเที่ยวจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึง ทำได้ง่ายและสะดวก เทียบเท่าเมืองใหญ่ๆ ของโลก เช่น โตเกียว ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และเมืองต่างๆ ในยุโรป

ถึงแม้สถานที่ท่องเที่ยวจะไม่ว้าวเข้าขั้น 5A เหมือนจีน ญี่ปุ่น เพราะไต้หวันขาดความลึกในเรื่องวัฒนธรรมทางด้านจิตวิญญาณของศาสนาใหญ่ ๆ เช่น พุทธ ลัทธิขงจื๊อ เต๋าและความซับซ้อนทางจารีตวัฒนธรรมการปกครองในระดับสูง ที่สั่งสมมานานนับหลายพันปี เช่น จีนและญี่ปุ่น ซึ่งจะแสดงให้เห็นในสถาปัตยกรรมเก่า ๆ ที่อลังการ เช่น วัด วัง ปราสาท ศาลเจ้า (ไม่รวมวัฒนธรรมชนเผ่าที่อยู่มาดั้งเดิม) แต่สถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งก็มีเสน่ห์แบบจับต้องได้ โดยมีการผสมผสานกันระหว่างความงดงามแห่งธรรมชาติและวัฒนธรรมที่คนจีนผู้อพยพเป็นผู้นำเข้ามา ทำให้สามารถเที่ยวได้อย่างรู้สึกดี มีความสุข เช่น จิ่วเฟิ่น อู่ไหล ตลาดกลางคืนและย่านต่าง ๆ ในไทเป ซึ่งทุกแห่งไม่ผิดหวังที่จะเดินทางไปเยือน



สิ่งที่จะละเว้นไม่กล่าวถึงไม่ได้เลยก็คือ วัฒนธรรมการกินของคนไต้หวัน คือจะกินดึกกินดื่น enjoy กับการกิน เดินกินกันได้สบายใจ สาเหตุนี้จึงทำให้มีตลาดอาหารกลางคืนอยู่มากมาย ไทเปน่าจะเป็นเมืองที่มีตลาดกลางคืนทั้งเล็กและใหญ่มากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ที่สำคัญปิดดึกมาก เที่ยงคืนตีหนึ่งยังเปิดตลาดกันคึกคัก ประเทศที่กินกันดึกดื่นขนาดนี้ ก็เห็นจะมีแต่ฮ่องกงกับพี่ไทยนั่นแล 

ไต้หวันเป็นประเทศที่มีค่าครองชีพไม่แพง โดยถ้าเอาประเทศไทยเป็นตัวตั้งแล้ว ค่าครองชีพจะใกล้เคียงกันมาก โดยจะสูงกว่าไทยประมาณ 15-20% ซึ่งถือว่าไม่มาก ค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวจึงถูกกว่าประเทศอื่นเช่นญี่ปุ่นมาก ๆ แต่ได้คุณภาพบริการใกล้เคียงกัน และค่าเข้าชมสถานที่สำคัญ ก็ถูกมาก ๆ (แต่ยังคงแพงกว่าจีน ในบางกรณี เช่น โรงแรม)

สิ่งของในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติไต้หวัน (กู้กง) ยิ่งใหญ่อลังการ เป็นที่สุดของที่สุด เป็นศูนย์รวมแห่งของล้ำค่า เป็นเพชรเม็ดงามแห่งวัฒนธรรมจีนซึ่งต้องมาดูให้ได้สักครั้ง โดยผมแนะนำว่าถ้าไปดูพระราชวังต้องห้ามที่ปักกิ่งแล้ว ก็ต้องมาดูที่ไทเปนี้ และเอาสองภาพมาประกบร่างกัน คือสถานที่ของพระราชวังต้องห้าม + สิ่งของในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติไต้หวัน ก็จะได้ภาพประกอบที่สมบูรณ์แห่งวัฒนธรรมอันยาวนานของจีนในมโนสำนึก ยกตัวอย่างสมบัติอันล้ำค่า ซึ่งถึงแม้จะไปดูสิ่งนี้เพียงสิ่งเดียว ก็คุ้มค่ากับค่าตั๋วถูกแสนถูกเพียง 350 TWD แล้ว นั่นก็คือ “หม้อต้มของเหมากง” เป็นหม้อต้มทองแดงที่มีอายุเกือบสามพันปีในสมัยราชวงศ์โจวตะวันตก หรือยุคก่อนจิ๋นซี เป็นหม้อต้มที่เหมากงทำขึ้นในวาระที่กษัตริย์โจวเซวียนหวังของราชวงศ์โจวตะวันตกมอบหมายให้เหมากงซึ่งเป็นลุงช่วยบริหารราชการแผ่นดิน เหมากงประทับใจและซาบซึ้งในบุญคุณของหลานซึ่งเป็นกษัตริย์มาก จึงทำหม้อต้มนี้ขึ้นมา และที่พื้นผิวของหม้อต้มนั้นได้จารจารึกอักษรจีนโบราณขนาดความยาวกว่า 500 ตัวอักษร ในเนื้อความบรรยายถึงความมีอยู่จริงของราชวงศ์โจวตะวันตก (Existing) นับเป็นของโบราณอายุกว่าสามพันปีที่ยืนหยัดท้าทายกาลเวลามาได้จนถึงยุคปัจจุบัน และที่สำคัญมีอักษรจารึกอยู่ครบถ้วน ทำให้เราได้ทราบถึงชีวิต ราชการงานแผ่นดิน ความยิ่งใหญ่ของราชวงศ์จีนโบราณว่ามีอยู่จริงไม่ได้เป็นเรื่องเพ้อฝันเลื่อนลอยแต่อย่างใด เมื่อไปยืนอยู่หน้าหม้อต้มนี้อย่างใกล้ชิด เสมือนได้ย้อนทางย้อนเวลากลับไปในยุคโบราณที่จีนยังแบ่งกันเป็นหลายชนเผ่า และก่อนที่จักรพรรดิจิ๋นซีอันยิ่งใหญ่จะรวมแผ่นดินได้ อันแสดงให้เห็นว่าจีนโบราณนั้นมีอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่มานานแล้ว และวัฒนธรรมลุ่มแม่น้ำฮวงโหเป็นวัฒนธรรมที่สำคัญของโลก ร่วมสมัยเดียวกันกับโรมัน กรีก หรืออียิปต์



จากการผสมผสานกันทุกข้อที่กล่าวมา คือนิสัยใจคนผู้คน วัฒนธรรม สถานที่ท่องเที่ยว ความสะดวกในการเดินทาง เข้าถึง วัฒนธรรมอาหาร ทำให้โดยภาพรวมแล้วไต้หวันจึงเป็นอีกประเทศหนึ่งที่น่าเที่ยวมาก ๆ ผมเองเมื่อไปถึงแล้วก็มีความประทับใจ และลบล้างความเชื่อทั้งหมดทั้งมวลว่าไต้หวันเป็นประเทศที่ไม่น่าเที่ยว

ทั้งนี้การเดินทางทั้งหมดทั้งมวลในโลกหล้า ก็เพื่อจะทำความเข้าใจสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ และมาสรุปเป็น lesson and learn ให้กับผู้เดินทาง มันคือการเข้าใจในเชิงเปรียบเทียบวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของผู้คนแห่งโลกที่แตกต่างกัน ซึ่งไม่อาจรู้ได้ด้วยการดูทีวีหรือท่องอินเตอร์เน็ต
ชื่อสินค้า:   ไต้หวัน
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่