วันนี้จะพาไปเที่ยวไต้หวันกันต่อนะครับ
ก่อนอื่นขอสรุปก่อน ว่าทริปไต้หวันคราวนี้โปรแกรมเราเป็นดังนี้
Day 1 ถึงไทเป เดินเล่นย่าน Ximenting แล้วไปตลาดกลางคืนซื่อหลิน
Day 2 ไปจิ่วเฟิ่น นอนค้าง 1 คืน
Day 3 กลับจากจิ่วเฟิ่น ไปตึก 101 ไทเป แล้วไปกินเบียร์ร้าน Ximen Beer Bar แถวซีเหมินติง
Day 4 ไปพิพิธภัณฑ์กู้กง แล้วไปตลาดกลางคืนแถววัดหลงซาน
Day 5 ไปวัดหลงซาน , ไป Bopiliao Historic Block, แล้วไป Wulai นอนค้าง 1 คืน
Day 6 กลับจาก Wulai ไปย่าน Guangqian Road, Xuchang Street ซึ่งอยู่ด้านทิศใต้ของ Taipei Main Station
แล้วไปกิน Hopot ร้าน Rododo Taipei Zhongshan North
Day 7 ไป Taroko National Park กลับมาแล้วไปตลาดกลางคืน NingXia
Day 8 เดินทางกลับ Bangkok
ก็ผ่านไปครึ่งทางครับ เข้าวันที่ 5 แล้ว คือวันที่ 22 Oct 2023 วันนี้ตื่นสายหน่อย เพราะเมื่อคืนที่ผ่านมา เดินอย่างทรหดเหลือเกิน เล่นเอาขาระบมกันไปทั้ง 2 คน วันนี้เลยตื่น 10.00 เก็บข้าวของอาบน้ำ ได้เวลา check out ออกจากโรงแรม 11.00 พอดี โรงแรมที่ไต้หวันจะเหมือนกันหมดทุกโรงแรม คือเช็คอิน 16.00 เช็คเอ้าท์ 11.00 ของวันรุ่งขึ้น
อยู่ไต้หวันมา 4 วันจะเริ่มจะเคยชินกับเมืองแล้ว ทั้งอาหารการกิน อุปนิสัยผู้คน การคมนาคม ขึ้นลงต่อรถไฟใต้ดิน MRT ซื้อของตามร้านค้า สั่งอาหาร เมืองต่าง ๆ นั้นถ้าเราอยู่มาสักพักแล้วก็จะเริ่มเข้าใจถึงอิริยาบถของเมือง มันจะเปลี่ยนแปลงเคลื่อนไหวต่างกัน ไทเปนั้นถึงจะเป็นเมืองใหญ่ แต่บุคลิกอิริยาบถนั้นจะดูสบาย ไม่ลุกลี้ลุกลนวุ่นวายมากดังเช่นเมืองอื่น ๆ เรียกว่าอยู่เที่ยวแล้วมันชิลล์ดีนะครับ มีเสน่ห์หลายอย่างที่จับต้องได้ เรียนรู้ง่าย เข้าใจไม่ยาก ยิ่งอยู่นานก็ยิ่งมีความสุข เมืองเช่นนี้แหละครับที่ควรค่าแก่การมาเยือน
จากโรงแรม เดินไปเที่ยวย่านอนุรักษ์ Bopiliao Hitoric Block หรือ ย่านเมืองเก่าปัวผีเหลียว
ย่านประวัติศาสตร์ปัวผีเหลียว (Bopiliao Historical Block, 剝皮寮歷史街區) เป็นถนนสายสั้นๆที่เต็มไปด้วยอาคารอิฐแดงเก่าแก่คล้ายกับโกดังเก็บของในยุคศตวรรษที่ 18-19 ที่ได้รับการอนุรักษ์เอาไว้อย่างดี มีการรีโนเวทและเปลี่ยนให้เป็นย่านท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โดยมีการสอดแทรกงานศิลปะลงไปด้วย จนกลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวฮิปๆของเมืองไทเป มีอาคารและร้านค้าเก่าแก่แบบดั้งเดิม ย้อนไปตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฉิง(Qing dynasty, 1683 – 1895) ไปจนถึงอาคารและร้านค้าที่สร้างในยุคที่ตกอยู่ภายในอาณานิคมของจักรวรรดิญี่ปุ่น(1895–1945) ตั้งอยู่ใกล้กับวัดหลงซาน(Lonhshan Temple) ที่เป็นวัดชื่อดังที่สุดแห่งหนึ่งของไทเป
มาย่านนี้แล้ว นอกจากจะได้ชมอาคารเก่าแก่ในแต่ละยุคสมัยของไต้หวันแล้ว จะได้เห็นภาพของพัฒนาการของเมืองไทเปที่เปลี่ยนแปลงไปในยุคศตวรรษที่ 18-19 ด้วย โดยจะมีศูนย์การเรียนรู้วัฒนธรรมไทเป (Heritage Culture Education Center of Taipei) ที่เป็นพิพิธภัณท์ที่จัดแสดงภาพเรื่องราววิถีชีวิตในสมัยก่อนของคนในย่านนี้ เช่นพ่อค้าแม่ค้าต่างๆ รถสามล้อถีบ โมเดลตัวอาคารต่างๆ ไปจนถึงระบบการศึกษา และการแพทย์ โดยใช้การผสมผสานระหว่างตัวการ์ตูน สิ่งของโบราณ โมเดล และระบบอินเตอร์แอคทีพในการนำเสนอ ทำให้มีความน่าสนใจ ดูง่ายและได้ความรู้ดี จัดแสดงอยู่ภายในอาคารสไตล์อิฐแดงเก่าแก่ตั้งอยู่ที่หัวมุมถนน Guangzhou Street ตัดกับ Kunming Street
ขอบคุณข้อมูลจาก ย่านเมืองเก่าปัวผีเหลียว talontiew.com
จากย่านอนุรักษ์ปัวผีเหลียว เดินไปอีกนิดเดียวก็จะถึงวัดหลงซานครับ วัดหลงซาน คือ วัดศักดิ์สิทธิ์ที่มีชื่อเสียงมากในไทเป เชื่อว่าหากใครได้มาไหว้ผู้เฒ่าจันทราเพื่อขอเนื้อคู่ ก็จะสมหวังในความรักตามที่โชคชะตาลิขิตไว้
วัดหลงซาน หรือวัดเหมิงเจี่ยหลงชาน เป็นวัดมหายานที่มีอายุเก่าแก่เกือบ 300 ปี ตั้งอยู่ในเขตว่านหัว กรุงไทเปของไต้หวัน สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1738 ในสมัยราชวงศ์ชิง โดยกลุ่มชาวจีนอพยพที่ต้องการสร้างสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ไว้สำหรับไหว้สักการะเจ้าแม่กวนอิมและม่าจ้อโป๋ ซึ่งเชื่อว่าเป็นเทพเจ้าแห่งท้องทะเลที่ช่วยปกปักรักษาให้รอดพ้นจากอันตราย เนื่องจากชาวไต้หวันนับถือศาสนาที่หลากหลาย ส่วนมากจะเป็นศาสนาท้องถิ่นตามความเชื่อของแต่ละบุคคล ทำให้วัดหลงซานมีพระพุทธรูปและรูปเคารพเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์หลายองค์ จนกลายเป็นศาสนสถานที่มีลักษณะแบบศาลเจ้าไต้หวัน ประชาชนนิยมเดินทางมาไหว้ขอพรเรื่องต่างๆ กับเทพเจ้าที่เชื่อว่าโดดเด่นในเรื่องนั้นๆ เช่น ขอพรเรื่องการงาน การเรียน ครอบครัว สุขภาพ ความร่ำรวย ความอุดมสมบูรณ์ ขอบุตร และขอเนื้อคู่ เป็นต้น พร้อมกับเช่าเครื่องรางนำโชคแห่งวัดหลงซานกลับไปบูชา
ขอบคุณข้อมูลจาก
https://www.thairath.co.th/
เท่าที่ผมสังเกตุ การออกแบบจัดวางผังของวัดนั้น มีลักษณะที่ดีมาก ๆ คืออยู่ใจกลางกรุงไทเป เป็นชัยภูมิที่ดี ด้านหน้าของวัดหันไปสู่ที่โล่งกว้าง ด้านซ้ายเป็นน้ำตก ด้านขวาเป็นสระปลามังกร ด้านหลังก็พิงกับตึกสูงใหญ่ประหนึ่งภูผา ถูกต้องครบถ้วนตามหลักของสถานที่ตั้งที่ยอดเยี่ยม แม้อาณาบริเวณของวัดจะไม่กว้างขวางมาก แต่เข้ามาแล้วให้ความรู้สึกเสมือนเปลี่ยนผ่านจากอีกโลกหนึ่งสู่อีกโลก มีความรู้สึกสงบและเลื่อมใสศรัทธา เข้ามาแล้วจะทราบเลยว่านี่แหละคือศูนย์กลางของไต้หวันอย่างแท้จริง ใครมาไทเป ผมไม่อยากให้พลาดการมาเข้ามาเยี่ยมชมวัดหลงซานนะครับ ถึงแม้ไม่ได้คิดจะขอพรอะไรเป็นพิเศษ แต่ก็ควรมาสักการะบูชา เหมือนได้มาคาราวะกับเทพเจ้าประจำถิ่นของอาณาเขตแห่งประเทศนั้น เป็นสิริมงคลกับชีวิตยิ่งนักครับ เช่นเดียวกับเมืองอื่น ๆ ที่จะมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้เป็นศูนย์กลางแห่งโลกและวิญญาณประจำเมือง คนโบราณได้สร้างขึ้นมาพร้อม ๆ กับการเกิดของเมือง เป็นศูนย์รวมแห่งจิตใจและศรัทธาที่สะสมมาหลายชั่วอายุ ดังนันจึงมีลักษณะพิเศษอันเป็นอุดมคติซึ่งถึงแม้จะเข้าใจยากแต่ก็ Existing ในทางจิตวิญญาณ เป็นสะพานเชื่อมโลกจริงกับโลกที่เราไม่อาจหยั่งรู้ (ไปสู่การที่สามารถรู้ได้) เป็นสิ่งที่เชื่อมเรากับบรรพบุรุษนานหลายชั่วอายุขัย ดังเช่นที่กรุงเทพมีวัดพระแก้วและวัดสุทัศน์ ย่างกุ้งมีมหาเจดีย์ชเวดากอง ลาซามีวัดโจคัง และกาฐมาณฑุมีจตุรัสหนุมานดูร์บาร์
[CR] ตะลุยไต้หวันแบบฉุกละหุก ตอน 2 : เที่ยว Wulai และ Taroko
ก่อนอื่นขอสรุปก่อน ว่าทริปไต้หวันคราวนี้โปรแกรมเราเป็นดังนี้
Day 1 ถึงไทเป เดินเล่นย่าน Ximenting แล้วไปตลาดกลางคืนซื่อหลิน
Day 2 ไปจิ่วเฟิ่น นอนค้าง 1 คืน
Day 3 กลับจากจิ่วเฟิ่น ไปตึก 101 ไทเป แล้วไปกินเบียร์ร้าน Ximen Beer Bar แถวซีเหมินติง
Day 4 ไปพิพิธภัณฑ์กู้กง แล้วไปตลาดกลางคืนแถววัดหลงซาน
Day 5 ไปวัดหลงซาน , ไป Bopiliao Historic Block, แล้วไป Wulai นอนค้าง 1 คืน
Day 6 กลับจาก Wulai ไปย่าน Guangqian Road, Xuchang Street ซึ่งอยู่ด้านทิศใต้ของ Taipei Main Station
แล้วไปกิน Hopot ร้าน Rododo Taipei Zhongshan North
Day 7 ไป Taroko National Park กลับมาแล้วไปตลาดกลางคืน NingXia
Day 8 เดินทางกลับ Bangkok
ก็ผ่านไปครึ่งทางครับ เข้าวันที่ 5 แล้ว คือวันที่ 22 Oct 2023 วันนี้ตื่นสายหน่อย เพราะเมื่อคืนที่ผ่านมา เดินอย่างทรหดเหลือเกิน เล่นเอาขาระบมกันไปทั้ง 2 คน วันนี้เลยตื่น 10.00 เก็บข้าวของอาบน้ำ ได้เวลา check out ออกจากโรงแรม 11.00 พอดี โรงแรมที่ไต้หวันจะเหมือนกันหมดทุกโรงแรม คือเช็คอิน 16.00 เช็คเอ้าท์ 11.00 ของวันรุ่งขึ้น
อยู่ไต้หวันมา 4 วันจะเริ่มจะเคยชินกับเมืองแล้ว ทั้งอาหารการกิน อุปนิสัยผู้คน การคมนาคม ขึ้นลงต่อรถไฟใต้ดิน MRT ซื้อของตามร้านค้า สั่งอาหาร เมืองต่าง ๆ นั้นถ้าเราอยู่มาสักพักแล้วก็จะเริ่มเข้าใจถึงอิริยาบถของเมือง มันจะเปลี่ยนแปลงเคลื่อนไหวต่างกัน ไทเปนั้นถึงจะเป็นเมืองใหญ่ แต่บุคลิกอิริยาบถนั้นจะดูสบาย ไม่ลุกลี้ลุกลนวุ่นวายมากดังเช่นเมืองอื่น ๆ เรียกว่าอยู่เที่ยวแล้วมันชิลล์ดีนะครับ มีเสน่ห์หลายอย่างที่จับต้องได้ เรียนรู้ง่าย เข้าใจไม่ยาก ยิ่งอยู่นานก็ยิ่งมีความสุข เมืองเช่นนี้แหละครับที่ควรค่าแก่การมาเยือน
จากโรงแรม เดินไปเที่ยวย่านอนุรักษ์ Bopiliao Hitoric Block หรือ ย่านเมืองเก่าปัวผีเหลียว
ย่านประวัติศาสตร์ปัวผีเหลียว (Bopiliao Historical Block, 剝皮寮歷史街區) เป็นถนนสายสั้นๆที่เต็มไปด้วยอาคารอิฐแดงเก่าแก่คล้ายกับโกดังเก็บของในยุคศตวรรษที่ 18-19 ที่ได้รับการอนุรักษ์เอาไว้อย่างดี มีการรีโนเวทและเปลี่ยนให้เป็นย่านท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โดยมีการสอดแทรกงานศิลปะลงไปด้วย จนกลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวฮิปๆของเมืองไทเป มีอาคารและร้านค้าเก่าแก่แบบดั้งเดิม ย้อนไปตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฉิง(Qing dynasty, 1683 – 1895) ไปจนถึงอาคารและร้านค้าที่สร้างในยุคที่ตกอยู่ภายในอาณานิคมของจักรวรรดิญี่ปุ่น(1895–1945) ตั้งอยู่ใกล้กับวัดหลงซาน(Lonhshan Temple) ที่เป็นวัดชื่อดังที่สุดแห่งหนึ่งของไทเป
มาย่านนี้แล้ว นอกจากจะได้ชมอาคารเก่าแก่ในแต่ละยุคสมัยของไต้หวันแล้ว จะได้เห็นภาพของพัฒนาการของเมืองไทเปที่เปลี่ยนแปลงไปในยุคศตวรรษที่ 18-19 ด้วย โดยจะมีศูนย์การเรียนรู้วัฒนธรรมไทเป (Heritage Culture Education Center of Taipei) ที่เป็นพิพิธภัณท์ที่จัดแสดงภาพเรื่องราววิถีชีวิตในสมัยก่อนของคนในย่านนี้ เช่นพ่อค้าแม่ค้าต่างๆ รถสามล้อถีบ โมเดลตัวอาคารต่างๆ ไปจนถึงระบบการศึกษา และการแพทย์ โดยใช้การผสมผสานระหว่างตัวการ์ตูน สิ่งของโบราณ โมเดล และระบบอินเตอร์แอคทีพในการนำเสนอ ทำให้มีความน่าสนใจ ดูง่ายและได้ความรู้ดี จัดแสดงอยู่ภายในอาคารสไตล์อิฐแดงเก่าแก่ตั้งอยู่ที่หัวมุมถนน Guangzhou Street ตัดกับ Kunming Street
ขอบคุณข้อมูลจาก ย่านเมืองเก่าปัวผีเหลียว talontiew.com
จากย่านอนุรักษ์ปัวผีเหลียว เดินไปอีกนิดเดียวก็จะถึงวัดหลงซานครับ วัดหลงซาน คือ วัดศักดิ์สิทธิ์ที่มีชื่อเสียงมากในไทเป เชื่อว่าหากใครได้มาไหว้ผู้เฒ่าจันทราเพื่อขอเนื้อคู่ ก็จะสมหวังในความรักตามที่โชคชะตาลิขิตไว้
วัดหลงซาน หรือวัดเหมิงเจี่ยหลงชาน เป็นวัดมหายานที่มีอายุเก่าแก่เกือบ 300 ปี ตั้งอยู่ในเขตว่านหัว กรุงไทเปของไต้หวัน สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1738 ในสมัยราชวงศ์ชิง โดยกลุ่มชาวจีนอพยพที่ต้องการสร้างสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ไว้สำหรับไหว้สักการะเจ้าแม่กวนอิมและม่าจ้อโป๋ ซึ่งเชื่อว่าเป็นเทพเจ้าแห่งท้องทะเลที่ช่วยปกปักรักษาให้รอดพ้นจากอันตราย เนื่องจากชาวไต้หวันนับถือศาสนาที่หลากหลาย ส่วนมากจะเป็นศาสนาท้องถิ่นตามความเชื่อของแต่ละบุคคล ทำให้วัดหลงซานมีพระพุทธรูปและรูปเคารพเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์หลายองค์ จนกลายเป็นศาสนสถานที่มีลักษณะแบบศาลเจ้าไต้หวัน ประชาชนนิยมเดินทางมาไหว้ขอพรเรื่องต่างๆ กับเทพเจ้าที่เชื่อว่าโดดเด่นในเรื่องนั้นๆ เช่น ขอพรเรื่องการงาน การเรียน ครอบครัว สุขภาพ ความร่ำรวย ความอุดมสมบูรณ์ ขอบุตร และขอเนื้อคู่ เป็นต้น พร้อมกับเช่าเครื่องรางนำโชคแห่งวัดหลงซานกลับไปบูชา
ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.thairath.co.th/
เท่าที่ผมสังเกตุ การออกแบบจัดวางผังของวัดนั้น มีลักษณะที่ดีมาก ๆ คืออยู่ใจกลางกรุงไทเป เป็นชัยภูมิที่ดี ด้านหน้าของวัดหันไปสู่ที่โล่งกว้าง ด้านซ้ายเป็นน้ำตก ด้านขวาเป็นสระปลามังกร ด้านหลังก็พิงกับตึกสูงใหญ่ประหนึ่งภูผา ถูกต้องครบถ้วนตามหลักของสถานที่ตั้งที่ยอดเยี่ยม แม้อาณาบริเวณของวัดจะไม่กว้างขวางมาก แต่เข้ามาแล้วให้ความรู้สึกเสมือนเปลี่ยนผ่านจากอีกโลกหนึ่งสู่อีกโลก มีความรู้สึกสงบและเลื่อมใสศรัทธา เข้ามาแล้วจะทราบเลยว่านี่แหละคือศูนย์กลางของไต้หวันอย่างแท้จริง ใครมาไทเป ผมไม่อยากให้พลาดการมาเข้ามาเยี่ยมชมวัดหลงซานนะครับ ถึงแม้ไม่ได้คิดจะขอพรอะไรเป็นพิเศษ แต่ก็ควรมาสักการะบูชา เหมือนได้มาคาราวะกับเทพเจ้าประจำถิ่นของอาณาเขตแห่งประเทศนั้น เป็นสิริมงคลกับชีวิตยิ่งนักครับ เช่นเดียวกับเมืองอื่น ๆ ที่จะมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้เป็นศูนย์กลางแห่งโลกและวิญญาณประจำเมือง คนโบราณได้สร้างขึ้นมาพร้อม ๆ กับการเกิดของเมือง เป็นศูนย์รวมแห่งจิตใจและศรัทธาที่สะสมมาหลายชั่วอายุ ดังนันจึงมีลักษณะพิเศษอันเป็นอุดมคติซึ่งถึงแม้จะเข้าใจยากแต่ก็ Existing ในทางจิตวิญญาณ เป็นสะพานเชื่อมโลกจริงกับโลกที่เราไม่อาจหยั่งรู้ (ไปสู่การที่สามารถรู้ได้) เป็นสิ่งที่เชื่อมเรากับบรรพบุรุษนานหลายชั่วอายุขัย ดังเช่นที่กรุงเทพมีวัดพระแก้วและวัดสุทัศน์ ย่างกุ้งมีมหาเจดีย์ชเวดากอง ลาซามีวัดโจคัง และกาฐมาณฑุมีจตุรัสหนุมานดูร์บาร์
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้