ทุ่งแสลงหลวง...ในวันที่ลืมพกดวงไปดูนก

"อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง" เป็นหนึ่งเป้าหมายในการดูนกที่ผมตั้งใจว่าจะไปให้ได้มาหลายครั้งแล้ว....แต่ผ่านมาหลายปีก็ยังหาโอกาสไม่ได้สักที
บ่อยครั้งที่ขับรถเฉี่ยวปากทางเข้าอุทยานฯแห่งนี้เพื่อผ่านไป "อุทยานแห่งชาติภูสวนทราย"
บ่อยครั้งก็เลยไป "อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า" หรือ "อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว"
วันนี้ได้โอกาสไปเที่ยว ไปกางเต๊นท์นอนเล่น และไปหานกถ่ายที่นี่กันสักทีละครับ


เช้ามืดของวันที่ 21 ตุลาคม (พศ.2566) เป็นฤกษ์งามยามดีที่ตั้งใจไว้
....เราออกเดินทางกันตั้งแต่ก่อนตี 2.....โดยตั้งใจไปให้ถึงจุดหมายในช่วงเช้าตรู่


ถึงแม้สัปดาห์นี้เป็นวันหยุดต่อเนื่อง แต่การจราจรตลอดเส้นทางจากบ้านที่อำเภอธัญบุรีในช่วงเช้ามืดไปจนถึงหน้าด่านอุทยานฯในวันนั้นก็ยังไม่หนาแน่นอะไรนัก


ขับรถกันไปเรื่อยๆ ใช้เวลาบนถนนไปราวๆ 5 ชั่วโมง เราก็มาหยุดยืนอยู่หน้าด่านเก็บค่าผ่านประตูของ "อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง" แล้ว


จ่ายค่าผ่านประตูเรียบร้อย เดินทางต่อไปข้างในกันเลย....ไปจับจองสถานที่สำหรับพักผ่อนในคืนนี้กันก่อน เดี๋ยวค่อยไปหาดูนกกัน


ขับรถวนไปวนมาอยู่พักนึง เราก็เลือกได้ทำเลดีๆสำหรับกางเต๊นท์นอนในคืนนี้แล้ว


กว่าจะช่วยกันกางเต๊นท์ กางทาร์ปกันแดดเสร็จเรียบร้อยก็ปาเข้าไปเกือบ 10 โมงเช้า.....เสร็จแล้วก็ได้เวลาไปเดินดูนกกันซะที


รอบๆลานกางเต๊นท์ของอุทยานฯแห่งนี้มีลักษณะเป็นป่าสนที่ทอดขนานไปกับแนวทุ่งหญ้า
นกตัวแรกของวันนี้คืออีกา....นี่น่าจะเป็นนกที่เจอเยอะและเจอได้บ่อยที่สุดในทริปนี้แล้วละครับ


บรรยากาศช่วงรอยต่อของปลายฝน-ต้นหนาวแบบนี้ ลมเย็นๆที่พัดผ่านทุ่งหญ้า-ป่าสน สร้างบรรยากาศสดชื่นได้ดีเยี่ยมจริงๆ


นกอพยพขาประจำอย่างนกกระเบื้องผา (Blue Rockthrush) มักจะมาพร้อมกับลมหนาว ตอนนี้เริ่มมาประจำการตามหลังคาบ้านพักของอุทยานฯกันแล้ว


วันที่ผมไปเที่ยวที่ทุ่งแสลงหลวงตรงกับวันหยุดยาว 3 วัน...พอสายๆ นักท่องเที่ยวก็เริ่มเข้ามาจับจองสถานที่กางเต็นท์กันมากขึ้นเรื่อยๆ 
ดงสนที่อยู่บริเวณลานกางเต็นท์ก็เริ่มไม่เงียบสงบละครับ...นกก็จะเงียบไปสักหน่อย เลยต้องหนีไปแอบหานกดูแถวๆหลังห้องน้ำ


โชคดีที่ไปเจอต้นดาหลาสีขาวที่ดอกกำลังเริ่มโรย แต่คิดว่าน่าจะพอมีน้ำหวานเหลือให้นกเข้ามาดื่มกินได้บ้าง
ตัดสินใจยืนดูอยู่ห่างๆพักนึงก็มีนกปลีกล้วยเล็กแวะเวียนมาใช้บริการ เลยตัดสินใจนั่งเฝ้าดูอีกราว 2 ชั่วโมง...ซึ่งก็มีแค่เจ้าตัวนี้ตัวเดียวที่วนเวียนเข้าออกให้เก็บภาพอยู่ 3-4 รอบ


ระหว่างชมภาพนกปลีกล้วยเล็ก เราไปทำความรู้จัก "ทุ่งแสลงหลวง" กันสักเล็กน้อยนะครับ


"อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง" ได้รับการประกาศให้เป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อวันที่ 27พฤษภาคม พศ. 2518 
ที่นี่เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศไทยเลยนะครับ โดยมีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 789,000 ไร่ อยู่ในเขตของแนวเทือกเขาเพชรบูรณ์ 

เขตพื้นที่ของอุทยานฯครอบคลุม 2 จังหวัด โดยส่วนหนึ่งอยู่ในเขต อ.วังทอง อ.นครไทย อ.เนินมะปราง ของจังหวัดพิษณุโลก และอีกส่วนหนึ่งอยู่ใน อ.เขาค้อ อ.วังโป่ง ของจังหวัดเพชรบูรณ์ 


ว่ากันว่าที่มาของชื่อ "อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง" มาจากชื่อของพันธุ์ไม้ชนิดหนึ่งที่มีอยู่ในพื้นที่ป่าแห่งนี้ คือ "ต้นแสลงใจ" ซึ่งมีขึ้นอยู่เป็นจำนวนมากในบริเวณรอบๆทุ่ง
จุดที่ผมมาพักนอนและดูนกในทริปนี้คือฝั่งด้าน ต.หนองแม่นา ซึ่งมีหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ สล.8 (หนองแม่นา) เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ และที่นี่อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ด้านจังหวัดพิษณุโลกประมาณ 60 กิโลเมตร


สถานที่ท่องเที่ยวหลักๆของฝั่งหนองแม่นานี่ก็มีหลายแห่ง อาทิเช่น ทุ่งนางพญาเมืองเลน จุดชมวิวศาลาดุสิตา หรือแก่งวังน้ำเย็น เป็นต้น
....ใครสนใจก็ลองไปค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมซึ่งมีการรีวิวกันเอาไว้เยอะแยะมาก


บรรยากาศการเดินดูนกของผมในช่วงบ่ายวันนั้นไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นเลย
นกที่พบเจอก็เป็นนกธรรมดาที่พบเจอกันได้ทั่วไป แต่ขอบอกว่าบรรยากาศในอุทยานในวันนั้นทั้งวันดีมากๆ


ใช้เวลาเดินเล่นดูนกไปเรื่อยเปื่อยจนเกือบ 4 โมงเย็น ก็เก็บอุปกรณ์มานั่งชมวิวหน้าเต็นท์ซึมซับธรรมชาติที่เตรียมผลัดเปลี่ยนเข้าสู่ฤดูหนาว


ในค่ำคืนนั้นน้ำค้างลงหนักมาก...พอมุดเข้าเต็นท์ หัวถึงหมอนไม่นานก็หลับสนิท และหลับสบายทั้งคืนจริงๆครับ
ตื่นเช้ามา พอรูดซิปเต๊นท์ออก เจออากาศยามเช้าที่เต็มไปด้วยหมอกขาวๆ ก็คิดในใจละว่าเช้านี้คงไม่มีดวงได้ถ่ายนกอีกละ!!!


เสียงนกไต่ไม้หน้าผากกำมะหยี่ที่หากินอยู่บนต้นสนในระยะไม่ไกลดังมาให้ตื่นเต้น ผมสามารถมองหาตัวเค้าด้วยตาเปล่าได้ง่ายๆ 
แต่ในสภาพที่หมอกลงจัดแบบนี้ถ้าให้ถ่ายภาพนี่เลิกคิดได้เลยครับ


ถึงมองเห็นอุปสรรคลอยอ้อยอิ่งอยู่เบื้องหน้า ผมก็ตัดสินใจลุกออกจากเต๊นท์ไปล้างหน้าล้างตา
ต้มกาแฟดื่มรองท้องสักแก้ว เสร็จแล้วก้าวเท้าออกเดิน....แบกอุปกรณ์ไปหาเก็บภาพนกกันต่อดีกว่าครับ


เกือบ 8 โมงเช้า พระอาทิตย์จึงเริ่มทำงาน ไอหมอกก็ค่อยๆจางหายไป (พร้อมกับเวฟนกหลายๆชนิดที่หายตามกันไป 555) 
นกที่พบเห็นก็หากินกันอยู่แต่บนยอดสนสูงลิบทั้งนั้นครับ


แม้จะมีนกชนิดอิ่นให้ดูไม่มาก แต่ด้วยอากาศเย็นสบายในกลางดงสนแบบนี้ การเดินแบกกล้องและเลนส์พร้อมขาตั้งอันใหญ่เดินหานกถ่ายสำหรับผมยังคงเป็นไปด้วยความกระฉับกระเฉง


สายๆหน่อย พอแดดเริ่มแรงก็แอบไปนั่งเมียงมองเฝ้าดอกดาหลาหลังห้องน้ำอีกสักรอบ
แต่นกที่เข้ามากินอาหารเช้าในวันนั้นก็ยังคงเป็นนกตัวเดิม หน้าตาเดิมๆ


แถวหลังห้องน้ำยังมีต้นไม้ชนิดหนึ่งออกลูกมาสีสวยแปลกๆ ไม่แน่ใจว่าชื่อต้นอะไรเหมือนกัน....นกปรอดโอ่งเมืองเหนือแวะเวียนมาหาลูกไม้ชนิดนี้กินกันเป็นระยะๆ


ว่ากันว่าการถ่ายภาพนก สิ่งสำคัญที่ต้องพกไปให้เยอะมากๆคือ "ดวง"
หากเทียบกับทุกทริปที่ออกไปถ่ายภาพนก ต้องบอกเลยว่าทริปนี้ได้เจอนกน้อยมาก...นั่นคงเพราะผมพกดวงไปด้วยน้อยไปหน่อย


แต่ถ้าถามถึงความสุขในวันพักผ่อนกับครอบครัว ผมว่าคุ้มค่ากับการเดินทางไป-กลับราว 700 โลอยู่นะครับ


กระทู้นี้เป็นบทบันทึกบทแรกสำหรับการไปดูนกที่ "ทุ่งแสลงหลวง" ของผม.....แต่เชื่อเถอะครับว่านี่จะไม่ใช่ครั้งเดียวสำหรับที่นี่


แล้วพบกันอีกทีเมื่อผมได้ออกไปถ่ายนกนะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่