คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
เงินได้ 1,400,000 เงินบ้านเหลือ 2ล้าน
-ถ้าซื้อลดหย่อนภาษี
ลดหย่อนส่วนตัว=60,000
RMF+PVD+RMF =500,000 (SSF(15%)+RMF(30%)+PVD(15%) รวมกันลดหย่อนได้ไม่เกิน 500,000 บาท ประกันชีวิตแบบบำนาญ รวมอยู่ใน RMF)
ลดหย่อนบ้าน=100,000 (จ่ายดอกเบี้ยบ้าน 132,840.39)
สรุปจ่ายภาษีรายได้เพิ่ม= 26,900
-ไม่ซื้ออะไรเลย โปะบ้านอย่างเดียว เดือนละ 80,000
ลดหย่อนส่วนตัว= 60,000
ลดหย่อนดอกเบี้ยบ้าน= 35,995.89 (จ่ายดอกเบี้ยบ้าน 35,995.89)
สรุปจ่ายภาษีรายได้เพิ่ม= 113,800
ส่วนต่างภาษี2024 คือ 113,800-26,900=86,900
ส่วนต่างดอกเบี้ยบ้านปี 2024คือ 132,840.39-35,995.89= 96,844
สรุป ถ้าเอาแค่ condition ที่บอกมา โปะบ้านดีกว่า
แต่ถ้าให้แนะนำ คือ retention/refinace ทุก3ปี ให้ดอกไม่เกิน 4%ถ้าดอกเบี้ยเชิงนโยบายไม่ทะลุไปมากกว่านี้ แล้วดูว่าเงินก้อนที่จะโปะบ้านต่อปีเราหากำไรได้มากกว่าดอก ที่ต้องผ่อนบ้านมั้ย ถ้าหาได้มากกว่า ไม่โปะก็ได้หรือจะโปะเพื่อความสบายใจ ก็แล้วแต่ครับ
-ถ้าซื้อลดหย่อนภาษี
ลดหย่อนส่วนตัว=60,000
RMF+PVD+RMF =500,000 (SSF(15%)+RMF(30%)+PVD(15%) รวมกันลดหย่อนได้ไม่เกิน 500,000 บาท ประกันชีวิตแบบบำนาญ รวมอยู่ใน RMF)
ลดหย่อนบ้าน=100,000 (จ่ายดอกเบี้ยบ้าน 132,840.39)
สรุปจ่ายภาษีรายได้เพิ่ม= 26,900
-ไม่ซื้ออะไรเลย โปะบ้านอย่างเดียว เดือนละ 80,000
ลดหย่อนส่วนตัว= 60,000
ลดหย่อนดอกเบี้ยบ้าน= 35,995.89 (จ่ายดอกเบี้ยบ้าน 35,995.89)
สรุปจ่ายภาษีรายได้เพิ่ม= 113,800
ส่วนต่างภาษี2024 คือ 113,800-26,900=86,900
ส่วนต่างดอกเบี้ยบ้านปี 2024คือ 132,840.39-35,995.89= 96,844
สรุป ถ้าเอาแค่ condition ที่บอกมา โปะบ้านดีกว่า
แต่ถ้าให้แนะนำ คือ retention/refinace ทุก3ปี ให้ดอกไม่เกิน 4%ถ้าดอกเบี้ยเชิงนโยบายไม่ทะลุไปมากกว่านี้ แล้วดูว่าเงินก้อนที่จะโปะบ้านต่อปีเราหากำไรได้มากกว่าดอก ที่ต้องผ่อนบ้านมั้ย ถ้าหาได้มากกว่า ไม่โปะก็ได้หรือจะโปะเพื่อความสบายใจ ก็แล้วแต่ครับ
แสดงความคิดเห็น
ผมคำนวณแบบนี้ถูกไหมครับ ระหว่างซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีกับโปะบ้าน แล้วเพื่อนๆจะเลือกแบบไหนกัน
ยังไม่รวมตัวแปรอื่นๆที่อาจเปลี่ยนแปลงได้นะครับ เช่น การปรับเงินเดือน หรือโบนัส (ที่อาจไม่มีเลย)
1. เงินได้หลักหักลดหย่อนอื่นๆ (ยังไม่รวมการซื้อกองทุนเลยสักบาท): 1,400,000 บาท - ฐานภาษี: 25%
2. ยอดหนี้บ้านคงเหลือ: 2,000,000 บาท
3. ดอกเบี้ยบ้าน (สมมติไม่รีไฟแนนซ์ ไม่รีเทนชั่นเลยเลย): 7% ต่อปี
4. ยอดชำระสินเชื่อบ้านขั้นต่ำ: 24,000 ต่อเดือน
5. เงินเหลือต่อเดือนหลักหักค่าใช้จ่ายประจำและอื่นๆ (กิน น้ำ ไฟ เน็ต โทรศัพท์ ค่าเช่าคอนโด ฯลฯ): 56,000 บาท
6. เงินที่ต้องหักจาก ข้อ 5. มาซื้อกองทุนลดหย่อนภาษี: 41,700 บาท ต่อเดือน (จะได้ 500,000 บาทต่อปี)
----- แบบแรก โปะบ้านแบบเต็มแม็กซ์ ไม่ซื้อกองทุนเลย -----
โปะบ้านแบบเต็มแม็กซ์ ไม่ซื้อกองทุนเลย จะใช้เงิน: 80,000 บาท ต่อเดือน (56,000+24,000)
ดอกเบี้ยบ้านรวมที่จ่ายไปตอนปิดยอดจะประมาณ: 175,000 บาท
ใช้เวลาผ่อนบ้าน: 28 งวด
ภาษีประจำปีที่ต้องจ่าย: 214,000 บาท
----- แบบที่สอง ซื้อกองทุนเต็มแม็กซ์ แล้วเงินที่เหลือเอาไปโปะบ้านเพิ่ม -----
ซื้อกองทุนแบบเต็มแม็กซ์แล้วที่เหลือมาโปะบ้าน จะใช้เงิน: 80,000 บาทเช่นกัน
มาจาก 41,700+24,000+14300 โดยที่ 14,300 คือเงินเหลือจากส่วนของ 56,000 ในข้อ 5. ครับ
ดอกเบี้ยบ้านรวมที่จ่ายไปตอนปิดยอดจะประมาณ: 400,000 บาท
ใช้เวลาผ่อนบ้าน: 60 งวด
ภาษีประจำปีที่ต้องจ่าย: 94,000 บาท
ส่วนต่างภาษีต่อปีระหว่างแบบแรกกับแบบที่สอง: 120,000 บาท
ส่วนต่างระยะเวลาผ่อนระหว่างแบบแรกกับแบบที่สอง: 32 เดือน
ส่วนต่างดอกเบี้ยบ้านที่ต้องจ่ายระหว่างแบบแรกกับแบบที่สอง: 225,000 บาท
ตรงนี้ภาษีที่ได้คืนมา รวมถึงโบนัสประจำปี ก็จะเอาไปโปะบ้านอยู่ดีครับ
ผมไม่แน่ใจว่าคำนวณถูกไหม แล้วเพื่อนๆจะเลือกแบบไหนกันครับ
ขอบคุณครับ