น้องหมาจากไป ทำใจไม่ได้เลย ตอนนี้เราดิ่งมากรู้สึกเหมือนช่วยเหลือไม่ทัน

ขอเกริ่นก่อนว่า 
น้องหมาเราอายุ 12 ปี มองไม่เห็นมาตั้งแต่ 6 ขวบ (ไม่ใช่แก่นะ แต่เพราะอุบัติเหตุอื่น) 
แต่พี่ใช้ชีวิตอยู่ได้ปกติ กินเก่งมาก (ตัวโต หนัก 27-30 กิโลกรัม)
เราขอเรียกน้องหมาเราว่า “พี่” นะ
พี่อาศัยอยู่ที่บ้าน ตจว. กับทางครอบครัวเรา (เราไปๆ มาๆ บ้าน กับ กทม.)  
สมัยหนุ่มๆ ซนมากๆ ค่ะ เรียกว่า ผ่านความตายมาหลายรอบมาก 
เรารัก ดูแลใส่ใจ ให้ทุกอย่างที่ทำให้พี่มีความสุขมาโดยตลอด
เรากลายเป็นโลกทั้งใบของพี่ เราสัมผัสได้ถึงความรักที่พี่มีให้ 
และได้สัญญากับตัวเองว่า “จะดูแลพี่ให้ดีที่สุด” 

เมื่อวันที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา 
พี่จากไป ตอนเวลา 8.35 น. 
โดยที่ครั้งแรกเราเองไม่ทราบสาเหตุเลยว่าเพราะอะไร 

จนเราได้มีโอกาสมาย้อนดูกล้องวงจร พบว่า
คืน 25 ตุลาคม ช่วงเวลา 02.00-05.45 พี่ไม่ยอมนอน 
หมอบนอน และก็ลุกอยู่แบบนั้น และลุกออกไปเดินที่สนาม
แต่เวลา 05.53 เราเห็นพี่พยายามพาตัวเองกลับไปที่นอน เดินวนอยู่สักพัก พอถึงจุดนอนทิ้งตัวลง เหมือนเป็นลมปุบไป
วินาทีนั้นที่เราเห็นผ่านกล้อง เราใจสลายมากๆๆๆๆๆๆ 

เช้ามาแม่ตื่นมาเจอช่วง 06.30 เห็นว่า พี่หายใจไม่สะดวก หายใจทางปาก 
แม่รีบโทรมาบอกเรา (เราอยู่ กทม.) ระหว่างนั้นเปิดคอลกับที่บ้านตลอดกว่า 2 ชม.  ลูบหน้าลูบตา พี่ก็ยังขยุบขยิบรับรู้ พยายามสู้ แต่ข้างในไม่ไหว 
เมื่อดูอาการ ยิ่งแย่ เลยได้คุยกับพี่ทางโทรศัพท์ว่า ถ้าไม่ไหว พี่ไม่ต้องทน ไม่ต้องรอเรานะ หลับให้สบาย ไว้เราจะไปกอด และบอกรักพี่ให้พี่รับรู้… 
 
… พี่ก็ยังไม่ยอม ยังคงรอ… จนทางออกสุดท้าย ได้ให้น้องชายเอาเสื้อเราไปให้ อย่างน้อยยังได้กลิ่นจากเสื้อบ้าง จะได้รู้สึกว่า เราไม่ได้ทิ้งไปไหน… สักพักไม่นาน พี่ก็กลับมาหายใจทางจมูกได้ และครึ่งชม. ต่อมา พี่ก็ค่อยๆ หลับลึกไป… และจากเราไป 

อาจจะมีคนสงสัยว่า ทำไมไม่พาพี่ไปหาหมอ...
ความที่บ้านเราบ้านนอกมากๆ หมอที่ใกล้ที่สุด ก็ต้องเดินทางไป 30-40 นาที และคือยังไม่เปิด และถึงแม้ไป อปก. ก็ไม่ครบครันเลย 
และหมอประจำคือต้องขับรถไป 2 ชม. บวกกับเราประเมินสภาพร่างกายพี่ตอนนั้นไม่ได้ ว่าถ้าเดินทางจะยิ่งทรุดไหม เพราะพี่แพนิคมาก ความที่พี่มองไม่เห็น

เราเลยตัดสินใจว่า ไม่อยากให้พี่ไปทรมานอีก ถ้าหมดอายุพี่ ขอให้พี่หลับให้สบายที่บ้านตรงนี้จะดีกว่า...

กว่าเราจะเดินทางไปกอดร่างพี่ เราถึงบ้านตอน 18.00 น. 
ไม่ทันได้กอดพี่ตอนพี่มีลมหายใจสุดท้าย 

เลยเราให้เรา  move on ไม่ได้  เรารู้สึกยังดูแลได้ไม่ดี 
ภาพที่พี่นอนไม่ได้ในคืนนั้น วนเวียนในหัวเรา 
จริงๆ เราเห็นกล้องตอน ตี 2 นะ แต่ดูแค่ 2-3 นาที ดูๆ ยังปกติ ถ้าเราจับความผิดปกติได้ในตอนนั้น อาจให้ทางบ้านช่วยเหลือทันได้ 

แต่นี่... เรากลับไม่มีโอากาสได้รู้ได้เห็นอาการอะไรเลย จนทางบ้านช่วยเหลือไม่ทัน (มาเห็นทีก็สายไปแล้ว)
เราคิดเสมอว่า ถ้าเราทันได้ช่วย พี่อาจไม่จากไปแบบนี้
สร้างความทรมานในหัวใจให้เรามากเหลือเกิน
ตอนนี้เรากินไม่ได้ นอนไม่หลับ  นอนผวาทุกคืนตั้งแต่พี่จากไป
มันดิ่งเหลือเกิน... 

เราควรทำใจอย่างไรดี เราควรก้าวข้ามผ่านเรื่องนี้อย่างไรดี
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่