คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
ไม่คุ้มเลยซักนิดครับ คิดตามนะ
1. คุณจ่ายเงินเท่ากัน เทียบระหว่าง Mazda 2 กับคู่เทียบรุ่นอื่นๆ คุณคิดว่า มันจะช่วยประหยัดเงินค่าน้ำมันได้
2. แต่...คุณต้องแลกกับ เนื้อที่ภายในห้องโดยสารที่คับแคบ อึดอัด นั่งได้แค่ผู้โดยสารขนาดกลางแค่ 4 คน แถว 2 มีคนที่ 3 มานั่งตรงกลาง ก็อึดอัดแล้ว
3. ค่าเข้าศูนย์ ชั่วโมงค่าแรงช่าง 700 บ/ชม. ในขณะที่ To, Hon แค่ 550 บาท ส่วน Suzuki ถูกสุด แค่ 400 ปลายๆ ไม่เกิน 500 ยังไม่นับเรื่องค่าอะไหล่ที่โดยเฉลี่ย อะไหล่ Mazda ศูนย์ราคาแพงกว่าเค้าเพื่อน
4. รถระดับ ECOCAR เหมือนกัน อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันแต่ละรุ่น มันมีความต่างกันก็จริง แต่มันต่างน้อยมากครับ เหมือนว่า กม.ละ 2 บาท กับ 2.25 บาท ต่างกันแค่ 25 สตางค์ต่อ กม. เออ .. ถ้าเอาไปเปรียบเทียบกับรถขนาดใหญ่ เครื่อง 1600 1800 2500 ฯลฯ อย่างนี้ถึงจะเห็นชัด
5. ผมขอแนะนำนะว่า ถ้าคุณจะเลือกรถรุ่นนี้ เพราะไปคำนึงถึง "ความประหยัดเงินตอนเติมน้ำมัน" เป็นหลัก ผมขอเสนอให้คุณไปพิจารณารถอีกรุ่นนึงแทนครับ นั่นคือ Suzuki Ciaz เพราะ
- ECOCAR เหมือนกัน มันอาจจะกินกว่า Mazda 2 นิดหน่อย แต่แค่นิดเดียว ไม่เกิน 10%
- แต่ขนาดรถภายใน มันกว้างขวางมาก คนละเรื่องกับ Mazda 2 เลย .. ผมไม่บรรยายนะ คุณไปดูให้เห็นกับตาตัวเองเลย
- ค่าอะไหล่ตอนเข้าศูนย์ ค่าแรงช่างเวลาเข้าศูนย์ ถูกที่สุดในบรรดารถเก๋งญี่ปุ่นครับ
- ราคามือสอง (ตอนซื้อ) รุ่นนี้ ถูกผิดคาด เหลือเชื่อ คนละเรื่องกับ Swift เลย Swift นี่อย่างแพง คนขายได้เปรียบ คนซื้อเสียเปรียบ
- Ciaz รุ่นปัจจุบัน ไม่ว่าจะป้ายแดงหรือมือสอง ที่ผลิต-ขายในไทยมา ก็มีอยู่รุ่นตัวถังเดียว กับไมเนอร์เชนจ์ 1 รอบ มันไม่มีข่าวเสียหายอะไรเลยครับ ทั้งเครื่อง เกียร์ ช่วงล่าง เบรค ฯลฯ ถ้าจะมีก็มีเฉพาะเป็นคันๆ ไป ซึ่งมาถึงวันนี้ รถแต่ละคันถ้าเข้าศูนย์เช็คระยะครบถ้วน 3 ปี/แสนโลแรกตามวารันตีเค้า น่าจะได้รับการแก้ไขกันหมดแล้ว ไม่เหลือมาถึงมือคุณ ถ้าจะมี ก็พวกอะไหล่ที่เริ่มชำรุดตามอายุ/การใช้งาน เพราะอายุรถมันก็ 5-7 ปีแล้ว
ลองพิจารณาดูครับ
1. คุณจ่ายเงินเท่ากัน เทียบระหว่าง Mazda 2 กับคู่เทียบรุ่นอื่นๆ คุณคิดว่า มันจะช่วยประหยัดเงินค่าน้ำมันได้
2. แต่...คุณต้องแลกกับ เนื้อที่ภายในห้องโดยสารที่คับแคบ อึดอัด นั่งได้แค่ผู้โดยสารขนาดกลางแค่ 4 คน แถว 2 มีคนที่ 3 มานั่งตรงกลาง ก็อึดอัดแล้ว
3. ค่าเข้าศูนย์ ชั่วโมงค่าแรงช่าง 700 บ/ชม. ในขณะที่ To, Hon แค่ 550 บาท ส่วน Suzuki ถูกสุด แค่ 400 ปลายๆ ไม่เกิน 500 ยังไม่นับเรื่องค่าอะไหล่ที่โดยเฉลี่ย อะไหล่ Mazda ศูนย์ราคาแพงกว่าเค้าเพื่อน
4. รถระดับ ECOCAR เหมือนกัน อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันแต่ละรุ่น มันมีความต่างกันก็จริง แต่มันต่างน้อยมากครับ เหมือนว่า กม.ละ 2 บาท กับ 2.25 บาท ต่างกันแค่ 25 สตางค์ต่อ กม. เออ .. ถ้าเอาไปเปรียบเทียบกับรถขนาดใหญ่ เครื่อง 1600 1800 2500 ฯลฯ อย่างนี้ถึงจะเห็นชัด
5. ผมขอแนะนำนะว่า ถ้าคุณจะเลือกรถรุ่นนี้ เพราะไปคำนึงถึง "ความประหยัดเงินตอนเติมน้ำมัน" เป็นหลัก ผมขอเสนอให้คุณไปพิจารณารถอีกรุ่นนึงแทนครับ นั่นคือ Suzuki Ciaz เพราะ
- ECOCAR เหมือนกัน มันอาจจะกินกว่า Mazda 2 นิดหน่อย แต่แค่นิดเดียว ไม่เกิน 10%
- แต่ขนาดรถภายใน มันกว้างขวางมาก คนละเรื่องกับ Mazda 2 เลย .. ผมไม่บรรยายนะ คุณไปดูให้เห็นกับตาตัวเองเลย
- ค่าอะไหล่ตอนเข้าศูนย์ ค่าแรงช่างเวลาเข้าศูนย์ ถูกที่สุดในบรรดารถเก๋งญี่ปุ่นครับ
- ราคามือสอง (ตอนซื้อ) รุ่นนี้ ถูกผิดคาด เหลือเชื่อ คนละเรื่องกับ Swift เลย Swift นี่อย่างแพง คนขายได้เปรียบ คนซื้อเสียเปรียบ
- Ciaz รุ่นปัจจุบัน ไม่ว่าจะป้ายแดงหรือมือสอง ที่ผลิต-ขายในไทยมา ก็มีอยู่รุ่นตัวถังเดียว กับไมเนอร์เชนจ์ 1 รอบ มันไม่มีข่าวเสียหายอะไรเลยครับ ทั้งเครื่อง เกียร์ ช่วงล่าง เบรค ฯลฯ ถ้าจะมีก็มีเฉพาะเป็นคันๆ ไป ซึ่งมาถึงวันนี้ รถแต่ละคันถ้าเข้าศูนย์เช็คระยะครบถ้วน 3 ปี/แสนโลแรกตามวารันตีเค้า น่าจะได้รับการแก้ไขกันหมดแล้ว ไม่เหลือมาถึงมือคุณ ถ้าจะมี ก็พวกอะไหล่ที่เริ่มชำรุดตามอายุ/การใช้งาน เพราะอายุรถมันก็ 5-7 ปีแล้ว
ลองพิจารณาดูครับ
แสดงความคิดเห็น
masda 2 1.3 skyactiv 2016-18 มือสอง
จากกลุ่มผู้ใช้ดู ก็พบว่ามีปัญหาอยู่เยอะเหมือนกัน เช่น รถกระตุก ,คาปาซิเตอร์เสียเปลี่ยนแพง ,เกียร์เสีย,แบตฯหมดเร็ว ก็เลยไม่แน่ใจว่า ถ้าผมจะซื้อรถรุ่นนี้มาใช้จะดีไหม หรือว่าใช้รถแบรนด์ตลาดต่อดูจะมีปัญหาน้อยกว่า แต่ก็แลกกับการกินน้ำมันมากกว่าเช่นกัน(วัดจากอัตราการสิ้นเปลืองขับขี่ในเมืองรถติด masda 2 1.3 skyactiv 17-18 km/L)
ปกติเห็นคนใช้รถรุ่นนี้กันเยอะ จึงอยากรู้ว่าเจอปัญหากันบ้างไหม คุ้มกับการที่ประหยัดน้ำมันไหมครับ