Day 1
เริ่มต้นเลย เราไปเวียดนามโดยสายการบิน Vietnam Airlines ขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิ → ลงที่สนามบินท่าอากาศยานนานาชาติเตินเซินเญิ้ต ใช้เวลานั่งเครื่องประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที
ทริปนี้เป็นทริปที่เราต้องเดินทางไปทำงานที่ประเทศเวียดนาม ค่าใช้จ่ายบางส่วนจึงเป็นค่าใช้จ่ายของบริษัท
♥ ก่อนไป ซิมซื้อที่ shop AIS, 399 บาท (บริษัทจ่าย)
♥ ค่าใช้จ่ายค่าในการเดินทางไป - กลับ 6,000 บาท/คน (บริษัทจ่าย)
Bangkok (BKK) → Ho Chi Minh (SGN)
Ho Chi Minh (SGN) → Bangkok (BKK)
ลงจากเครื่องก็เดินทางไปต่อแถวเพื่อเข้า ตม. เจ้าหน้าที่ไม่ได้ถามอะไรเลย
พอผ่าน ตม. มาได้ ก็เดินทางออกไปรับกระเป๋าเพื่อเดินทางเข้าเมือง เพื่อไปแลกเงิน
♥ ทริปนี้เราแลกเงินไป 6,000 บาท (ประมาณ 4,043,435.78 VND)
หลังจากแลกเงินเสร็จ เราเดินทางไปที่จังหวัดจังหวัดบิ่ญเซือง (Bình Dương)
แน่นอนว่าจังหวัดนี้ไม่ค่อยมีคนไปเที่ยวสักเท่าไหร่ แต่อย่างที่เราบอกไปข้างต้นว่า เรามาทำงาน + เที่ยว เลยต้องไปพักที่ที่ใกล้กับที่ทำงาน การเดินทางจากที่แลกเงินมาที่จังหวัดบิ่ญเซืองไม่ไกลมาก ประมาณ 30 กว่ากิโลเมตร แต่เนื่องด้วยกฎหมายที่ประเทศเวียดนามค่อนข้างเคร่งครัด ขับได้ความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม. เลยใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม. กว่าจะถึงที่พัก
เราเข้าพักที่โรงแรม
C-Sky View (เป็นอพาร์ทเม้นท์ ไม่ใช่โรงแรม ไม่มีค้างรายวัน)
มื้อแรกที่กินคือ ชาบู ร้านที่เราไปชื่อ
“Nhà hàng Chu Suki” เป็นร้านที่ขายชาบู มีน้ำซุปให้เลือกได้ 2 แบบ เนื้อมีให้เลือกทั้งเนื้อวัวและเนื้อหมู ความอร่อยของร้านนี้ให้ 10/10 เลย (มื้อนี้รุ่นพี่เลี้ยง)
หลังจากกินชาบูเสร็จก็เดินทางไปแถวถนนคนเดิน เพื่อไปกินไอศกรีมโยเกิร์ต ร้านเป็นตึกแถวนั่งชิว ๆ ริมถนน ร้านค้าที่มีที่นั่งริมถนนจะหันหน้าออกจากร้านหมดทุกร้านเลย เหมือนให้ลูกค้านั่งมองถนน มองบรรยากาศ (มื้อนี้รุ่นพี่เลี้ยง)
พอกินโยเกิร์ตเสร็จเราทางไปที่ Supermarket ชื่อ
"Co.op Mart" เหมือน Lotus กับ Big C บ้านเราเลย ไปซื้อขนมสักพักก็เดินกลับที่พัก
Day 2
เช้ามาเพื่อนก็พาไปกินก๋วยเตี๋ยวร้านแถว ๆ ที่พัก ชื่อร้าน
“Bún bò Hai Đông” รสชาติดีนะ พนักงานร้านนี้สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ เลยพอที่จะแนะนำเมนูได้บ้าง อีกอย่างที่ดีของร้านนี้คือ น้ำเต้าหู้ฟรีสำหรับผู้หญิง
♥ ราคาอาหารร้าน Bún bò Hai Đông อยู่ที่ 60-150 บาท แล้วแต่เมนู (45,000 VND – 95,000 VND)
หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จก็เดินไปร้านกาแฟชื่อ
“handle coffee” เป็นร้านกาแฟเล็ก ๆ ที่ตกแต่งสไตล์ธรรมชาติ ที่นั่งเยอะมาก
กินกาแฟเสร็จเราเดินทางไปทำงาน กินข้าวกลางวันที่
Lotteria Việt Nam ลักษณะคล้าย chester grill มีไก่ + ข้าว + เครื่องดื่ม แต่ก็มีเมนูอื่น ๆ ด้วยนะ
พอเลิกงานก็ไปกินเฝอ แน่นอนว่ามาเวียดนามก็ต้องกินเฝอสิ เพื่อนแนะนำอีกว่าร้านนี้อร่อยและได้เยอะด้วย ร้านชื่อ
“Phở Bát Đá Song Tâm” เราจำไม่ได้แล้วว่าร้านนี้มีเนื้ออะไรบ้าง แต่ที่แน่ ๆ คือไม่มีเนื้อหมูและไก่ กินอาหารเย็นเสร็จแล้วก็เดินทางกลับที่พัก
Day 3
อาหารเช้าวันนี้เพื่อนแนะนำร้าน
“Quán ăn Quý Dậu” เมนูส่วนมากก็จะเป็นไก่กับปลา มีทั้งข้าวแล้วก็ก๋วยเตี๋ยว เราลองกินก๋วยเตี๋ยวไปอร่อยดีนะ มองไปเห็นที่กำแพงติดเมนูน้ำติดอยู่ เท่าที่จำได้ก็จะมีเมนูน้ำแตงโมและน้ำเสาวรส เราเป็นคนนึงที่ชอบกินเสาวรสมากเลยลองสั่งมา 1 แก้ว สรุป อร่อยมาก เนื้อเสาวรสเยอะหลอดแทบดูดไม่ขึ้น กินเสร็จก็เดินทางไปทำงาน
♥ เมนูที่เรากินประมาณ 60 บาท (40,000 VND) | ราคาน้ำเสาวรสจำไม่ได้แล้ววว
เลิกงานวันนี้ไปกินข้าวกับลูกค้า ร้านชื่อ
“3KU QUÁN” เมนูที่สั่งมาจะเป็นเหมือนหม้อไฟ เนื่องจากโดนเบียร์ไป 2 แก้วสมองก็จอดเลยค่ะ (มื้อนี้บริษัทจ่าย)
Day 4
เช้าวันนี้เริ่มต้นด้วยการกินก๋วยเตี๋ยวร้านเดิมแถว ๆ ที่พัก ร้าน
Bún bò Hai Đông กินเสร็จก็เดินทางไปทำงานต่อ
เมนูกลางวันของวันนี้หัวหน้าพามากินร้านชื่อ
“MẪN MẪN QUÁN” อาหารอร่อย น่าจะเป็นร้านที่ถูกปากคนไทย ปล. เราหิวมากเลยไม่ได้ถ่ายรูปไว้เลย กินเสร็จก็ไปทำงานต่อ
หลังจากเลิกงานก็ขับรถผ่านร้าน
“Phố Nướng Tokyo Chánh Nghĩa” ก็เลยเกิดอยากกินอะไรปิ้ง ๆ ย่าง ๆ ขึ้นมาทันที ร้านนี้อยู่ตรงหัวมุมของถนน ป้ายใหญ่เห็นชัดมาก ร้านค่อนข้างใหญ่ พนักงานก็บริการทั่วถึง
กินอาหารเย็นเกิดอยากเดินย่อยอาหารสักหน่อย เดินไปเรื่อย ๆ (แต่ก็ไกลอยู่) ไปเจอร้านขายเสื้อผ้าผู้หญิง
“PuTa Boutique” เข้าไปลองเสื้อผ้า 5-6 ชุดได้ แต่เนื่องจากไซส์ค่อนข้างใหญ่กว่าผู้หญิงไซส์จิ๋วอย่างเรา พนักงานก็พยายามที่จะหาชุดที่เราใส่ได้มาให้ จากความพยายามของพนักงานที่พยายามหาชุดมาให้เรา ก็จัดมา 1 ชุด
♥ ราคาประมาณ 520,000 VND ได้ส่วนลดไปสรุปเหลือราคาที่ 350,000 VND โดยประมาณ
Day 5
วันนี้เป็นวันหยุด ไม่ต้องทำงาน เลยวางแผนกันว่าจะเข้าไปเที่ยวโฮจิมินห์ เช้ามาเลยไปนั่งกินกาแฟที่ร้าน
“Intenso Coffee”
หลังจากกินกาแฟเสร็จก็ไปอาหารเช้าที่
“Bánh canh cua 270” เป็นเหมือนก๋วยเตี๋ยวผสมราดหน้า เพราะน้ำจะไม่เหลวมาก ร้านนี้รสชาติจัดจ้านมาก โดยรวมคืออร่อยยย
หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จก็ไปรวมตัวกันที่ Café ใต้ที่พัก ชื่อ
“Sky Coffee” แวะกินน้ำลิ้นจี่ให้ชื่นใจก็เดินทางไปโฮจิมินห์
วันนี้เราเดินมาที่ Landmark 81 ที่โฮจิมินห์ มาถึงก็มากิน
Haidilao สาขานี้บริการดีทุกอย่างเลย มีของให้ทานเล่นระหว่างรอคิว พอกินเสร็จแล้วก็ยังมีขนมให้ติดไม้ติดมือกลับ รวมถึง service หน้าร้าน คือ เราสามารถหยิบไอศกรีมกินฟรีได้เลย มีทั้งแบบโคนและแบบแท่ง
ออกเดินทางจาก Landmark 81 ไปร้านกาแฟ (อีกแล้ว) ชื่อร้าน
“Cộng Cà Phê” ร้านตกแต่งสไตล์ทหาร มีหลายชั้น แต่ต้องสั่งเครื่องดื่มหรืออาหารก่อนถึงจะไปหาที่นั่งได้
Highlight ของร้านนี้ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวคือ อยู่ใกล้
โบสถ์ทันดิ่นห์ (Nhà Thờ Tân Định) หรือที่เราเรียกกันว่าโบสถ์สีชมพู เราสามารถขึ้นไปชั้น 3 ของร้านกาแฟเพื่อถ่ายรูปโบสถ์ได้
หากอยากถ่ายให้ใกล้ชิดกับโบสถ์ก็สามารถลงไปถ่ายรูปที่ถนนหน้าโบสถ์ได้ แต่ต้องระวังเรื่องการจราจรด้วยเพราะประเทศเวียดนามรถมอเตอร์ไซค์เยอะมาก
หลังจากนั้นเราก็เดินทางไปไปรษณีย์กลางเมืองไซ่ง่อน
“Sai Gon Central Post Office” ช่วงที่เราไปเหมือนจะมีกิจกรรมอะไรสักอย่าง คนเยอะเป็นพิเศษ
เราอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน เพราะไม่มีที่จอดรถ จึงขับรถเลยไปหน่อยได้เจอซอย ๆ
Ho Chi Minh City Book Street หรือ
Đường sách Thành phố Hồ Chí Minh
จึงแวะเข้าไปเดิน หนังสือส่วนใหญ่ก็จะเป็นเชิงนิยายและมีร้านขาย gift shop ปะปนอยู่บ้าง
หลังจากเดินที่ซอยหนังสือเสร็จก็ขับรถเล่นเทียบกับแม่น้ำ Sai Gon ก็ไปเจอกับสวนสาธารณะ
"Công viên hầm thủ thiêm bờ kè" จึงแวะเล่นเครื่องออกกำลังกายสักพักก็เดินทางไปถ่ายรูปริมแม่น้ำ Sai Gon
หลังจากได้รูปถ่ายมามากมายแล้วก็ได้เวลาเริ่มหาข้าวเย็นกิน เราเดินทางไปกินร้านหอยชื่อ
ร้านจุดจิด เมนูที่นั่นจะสัก 99% ก็คือหอย แต่มีเมนูให้เลือกหลากหลายเลยนะ เป็นร้านค่อนข้างดังเลยทีเดียว เราต้องต่อคิวประมาณ 10 นาทีนิด ๆ พร้อมกับสั่งอาหารไว้รอ พอถึงเวลาพนักงานก็มาเรียกเข้าร้าน เราไม่ได้รูปอาหารเลย เพราะแบตโทรศัพท์จะหมด
กินข้าวเย็นเสร็จก็ว่าจะไปถ่ายรูปที่ตึก
Arabica Ho Chi Minh City ชื่อ
The Cafe Apartments แต่เนื่องจากวันนั้นเป็นวันเสาร์ คนเยอะมาก จึงทำให้ไม่มีที่จอดรถ ความฝันเลยล่มสลาย เพื่อนจึงแนะนำให้ไป
“Bui Vien Walking Street (Phố đi bộ Bùi Viện)”
เราเดินในซอยไป 1 รอบและเดินกลับ หลังจากนั้นก็กลับที่พัก
เดี๋ยวมาต่อ Ep. 2 นะคะ ♥
[CR] รีวิว เที่ยว + ทำงานที่เวียดนาม จังหวัดจังหวัดบิ่ญเซือง (Bình Dương)
เริ่มต้นเลย เราไปเวียดนามโดยสายการบิน Vietnam Airlines ขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิ → ลงที่สนามบินท่าอากาศยานนานาชาติเตินเซินเญิ้ต ใช้เวลานั่งเครื่องประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที
ทริปนี้เป็นทริปที่เราต้องเดินทางไปทำงานที่ประเทศเวียดนาม ค่าใช้จ่ายบางส่วนจึงเป็นค่าใช้จ่ายของบริษัท
♥ ก่อนไป ซิมซื้อที่ shop AIS, 399 บาท (บริษัทจ่าย)
♥ ค่าใช้จ่ายค่าในการเดินทางไป - กลับ 6,000 บาท/คน (บริษัทจ่าย)
Bangkok (BKK) → Ho Chi Minh (SGN)
Ho Chi Minh (SGN) → Bangkok (BKK)
ลงจากเครื่องก็เดินทางไปต่อแถวเพื่อเข้า ตม. เจ้าหน้าที่ไม่ได้ถามอะไรเลย
พอผ่าน ตม. มาได้ ก็เดินทางออกไปรับกระเป๋าเพื่อเดินทางเข้าเมือง เพื่อไปแลกเงิน
♥ ทริปนี้เราแลกเงินไป 6,000 บาท (ประมาณ 4,043,435.78 VND)
หลังจากแลกเงินเสร็จ เราเดินทางไปที่จังหวัดจังหวัดบิ่ญเซือง (Bình Dương)
แน่นอนว่าจังหวัดนี้ไม่ค่อยมีคนไปเที่ยวสักเท่าไหร่ แต่อย่างที่เราบอกไปข้างต้นว่า เรามาทำงาน + เที่ยว เลยต้องไปพักที่ที่ใกล้กับที่ทำงาน การเดินทางจากที่แลกเงินมาที่จังหวัดบิ่ญเซืองไม่ไกลมาก ประมาณ 30 กว่ากิโลเมตร แต่เนื่องด้วยกฎหมายที่ประเทศเวียดนามค่อนข้างเคร่งครัด ขับได้ความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม. เลยใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม. กว่าจะถึงที่พัก
เราเข้าพักที่โรงแรม C-Sky View (เป็นอพาร์ทเม้นท์ ไม่ใช่โรงแรม ไม่มีค้างรายวัน)
มื้อแรกที่กินคือ ชาบู ร้านที่เราไปชื่อ “Nhà hàng Chu Suki” เป็นร้านที่ขายชาบู มีน้ำซุปให้เลือกได้ 2 แบบ เนื้อมีให้เลือกทั้งเนื้อวัวและเนื้อหมู ความอร่อยของร้านนี้ให้ 10/10 เลย (มื้อนี้รุ่นพี่เลี้ยง)
หลังจากกินชาบูเสร็จก็เดินทางไปแถวถนนคนเดิน เพื่อไปกินไอศกรีมโยเกิร์ต ร้านเป็นตึกแถวนั่งชิว ๆ ริมถนน ร้านค้าที่มีที่นั่งริมถนนจะหันหน้าออกจากร้านหมดทุกร้านเลย เหมือนให้ลูกค้านั่งมองถนน มองบรรยากาศ (มื้อนี้รุ่นพี่เลี้ยง)
พอกินโยเกิร์ตเสร็จเราทางไปที่ Supermarket ชื่อ "Co.op Mart" เหมือน Lotus กับ Big C บ้านเราเลย ไปซื้อขนมสักพักก็เดินกลับที่พัก
Day 2
เช้ามาเพื่อนก็พาไปกินก๋วยเตี๋ยวร้านแถว ๆ ที่พัก ชื่อร้าน “Bún bò Hai Đông” รสชาติดีนะ พนักงานร้านนี้สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ เลยพอที่จะแนะนำเมนูได้บ้าง อีกอย่างที่ดีของร้านนี้คือ น้ำเต้าหู้ฟรีสำหรับผู้หญิง
♥ ราคาอาหารร้าน Bún bò Hai Đông อยู่ที่ 60-150 บาท แล้วแต่เมนู (45,000 VND – 95,000 VND)
หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จก็เดินไปร้านกาแฟชื่อ “handle coffee” เป็นร้านกาแฟเล็ก ๆ ที่ตกแต่งสไตล์ธรรมชาติ ที่นั่งเยอะมาก
กินกาแฟเสร็จเราเดินทางไปทำงาน กินข้าวกลางวันที่ Lotteria Việt Nam ลักษณะคล้าย chester grill มีไก่ + ข้าว + เครื่องดื่ม แต่ก็มีเมนูอื่น ๆ ด้วยนะ
พอเลิกงานก็ไปกินเฝอ แน่นอนว่ามาเวียดนามก็ต้องกินเฝอสิ เพื่อนแนะนำอีกว่าร้านนี้อร่อยและได้เยอะด้วย ร้านชื่อ “Phở Bát Đá Song Tâm” เราจำไม่ได้แล้วว่าร้านนี้มีเนื้ออะไรบ้าง แต่ที่แน่ ๆ คือไม่มีเนื้อหมูและไก่ กินอาหารเย็นเสร็จแล้วก็เดินทางกลับที่พัก
Day 3
อาหารเช้าวันนี้เพื่อนแนะนำร้าน “Quán ăn Quý Dậu” เมนูส่วนมากก็จะเป็นไก่กับปลา มีทั้งข้าวแล้วก็ก๋วยเตี๋ยว เราลองกินก๋วยเตี๋ยวไปอร่อยดีนะ มองไปเห็นที่กำแพงติดเมนูน้ำติดอยู่ เท่าที่จำได้ก็จะมีเมนูน้ำแตงโมและน้ำเสาวรส เราเป็นคนนึงที่ชอบกินเสาวรสมากเลยลองสั่งมา 1 แก้ว สรุป อร่อยมาก เนื้อเสาวรสเยอะหลอดแทบดูดไม่ขึ้น กินเสร็จก็เดินทางไปทำงาน
♥ เมนูที่เรากินประมาณ 60 บาท (40,000 VND) | ราคาน้ำเสาวรสจำไม่ได้แล้ววว
เลิกงานวันนี้ไปกินข้าวกับลูกค้า ร้านชื่อ “3KU QUÁN” เมนูที่สั่งมาจะเป็นเหมือนหม้อไฟ เนื่องจากโดนเบียร์ไป 2 แก้วสมองก็จอดเลยค่ะ (มื้อนี้บริษัทจ่าย)
Day 4
เช้าวันนี้เริ่มต้นด้วยการกินก๋วยเตี๋ยวร้านเดิมแถว ๆ ที่พัก ร้าน Bún bò Hai Đông กินเสร็จก็เดินทางไปทำงานต่อ
เมนูกลางวันของวันนี้หัวหน้าพามากินร้านชื่อ “MẪN MẪN QUÁN” อาหารอร่อย น่าจะเป็นร้านที่ถูกปากคนไทย ปล. เราหิวมากเลยไม่ได้ถ่ายรูปไว้เลย กินเสร็จก็ไปทำงานต่อ
หลังจากเลิกงานก็ขับรถผ่านร้าน “Phố Nướng Tokyo Chánh Nghĩa” ก็เลยเกิดอยากกินอะไรปิ้ง ๆ ย่าง ๆ ขึ้นมาทันที ร้านนี้อยู่ตรงหัวมุมของถนน ป้ายใหญ่เห็นชัดมาก ร้านค่อนข้างใหญ่ พนักงานก็บริการทั่วถึง
กินอาหารเย็นเกิดอยากเดินย่อยอาหารสักหน่อย เดินไปเรื่อย ๆ (แต่ก็ไกลอยู่) ไปเจอร้านขายเสื้อผ้าผู้หญิง “PuTa Boutique” เข้าไปลองเสื้อผ้า 5-6 ชุดได้ แต่เนื่องจากไซส์ค่อนข้างใหญ่กว่าผู้หญิงไซส์จิ๋วอย่างเรา พนักงานก็พยายามที่จะหาชุดที่เราใส่ได้มาให้ จากความพยายามของพนักงานที่พยายามหาชุดมาให้เรา ก็จัดมา 1 ชุด
♥ ราคาประมาณ 520,000 VND ได้ส่วนลดไปสรุปเหลือราคาที่ 350,000 VND โดยประมาณ
Day 5
วันนี้เป็นวันหยุด ไม่ต้องทำงาน เลยวางแผนกันว่าจะเข้าไปเที่ยวโฮจิมินห์ เช้ามาเลยไปนั่งกินกาแฟที่ร้าน “Intenso Coffee”
หลังจากกินกาแฟเสร็จก็ไปอาหารเช้าที่ “Bánh canh cua 270” เป็นเหมือนก๋วยเตี๋ยวผสมราดหน้า เพราะน้ำจะไม่เหลวมาก ร้านนี้รสชาติจัดจ้านมาก โดยรวมคืออร่อยยย
หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จก็ไปรวมตัวกันที่ Café ใต้ที่พัก ชื่อ “Sky Coffee” แวะกินน้ำลิ้นจี่ให้ชื่นใจก็เดินทางไปโฮจิมินห์
วันนี้เราเดินมาที่ Landmark 81 ที่โฮจิมินห์ มาถึงก็มากิน Haidilao สาขานี้บริการดีทุกอย่างเลย มีของให้ทานเล่นระหว่างรอคิว พอกินเสร็จแล้วก็ยังมีขนมให้ติดไม้ติดมือกลับ รวมถึง service หน้าร้าน คือ เราสามารถหยิบไอศกรีมกินฟรีได้เลย มีทั้งแบบโคนและแบบแท่ง
ออกเดินทางจาก Landmark 81 ไปร้านกาแฟ (อีกแล้ว) ชื่อร้าน “Cộng Cà Phê” ร้านตกแต่งสไตล์ทหาร มีหลายชั้น แต่ต้องสั่งเครื่องดื่มหรืออาหารก่อนถึงจะไปหาที่นั่งได้
Highlight ของร้านนี้ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวคือ อยู่ใกล้โบสถ์ทันดิ่นห์ (Nhà Thờ Tân Định) หรือที่เราเรียกกันว่าโบสถ์สีชมพู เราสามารถขึ้นไปชั้น 3 ของร้านกาแฟเพื่อถ่ายรูปโบสถ์ได้
หากอยากถ่ายให้ใกล้ชิดกับโบสถ์ก็สามารถลงไปถ่ายรูปที่ถนนหน้าโบสถ์ได้ แต่ต้องระวังเรื่องการจราจรด้วยเพราะประเทศเวียดนามรถมอเตอร์ไซค์เยอะมาก
หลังจากนั้นเราก็เดินทางไปไปรษณีย์กลางเมืองไซ่ง่อน “Sai Gon Central Post Office” ช่วงที่เราไปเหมือนจะมีกิจกรรมอะไรสักอย่าง คนเยอะเป็นพิเศษ
เราอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน เพราะไม่มีที่จอดรถ จึงขับรถเลยไปหน่อยได้เจอซอย ๆ Ho Chi Minh City Book Street หรือ Đường sách Thành phố Hồ Chí Minh
จึงแวะเข้าไปเดิน หนังสือส่วนใหญ่ก็จะเป็นเชิงนิยายและมีร้านขาย gift shop ปะปนอยู่บ้าง
หลังจากเดินที่ซอยหนังสือเสร็จก็ขับรถเล่นเทียบกับแม่น้ำ Sai Gon ก็ไปเจอกับสวนสาธารณะ "Công viên hầm thủ thiêm bờ kè" จึงแวะเล่นเครื่องออกกำลังกายสักพักก็เดินทางไปถ่ายรูปริมแม่น้ำ Sai Gon
หลังจากได้รูปถ่ายมามากมายแล้วก็ได้เวลาเริ่มหาข้าวเย็นกิน เราเดินทางไปกินร้านหอยชื่อร้านจุดจิด เมนูที่นั่นจะสัก 99% ก็คือหอย แต่มีเมนูให้เลือกหลากหลายเลยนะ เป็นร้านค่อนข้างดังเลยทีเดียว เราต้องต่อคิวประมาณ 10 นาทีนิด ๆ พร้อมกับสั่งอาหารไว้รอ พอถึงเวลาพนักงานก็มาเรียกเข้าร้าน เราไม่ได้รูปอาหารเลย เพราะแบตโทรศัพท์จะหมด
กินข้าวเย็นเสร็จก็ว่าจะไปถ่ายรูปที่ตึก Arabica Ho Chi Minh City ชื่อ The Cafe Apartments แต่เนื่องจากวันนั้นเป็นวันเสาร์ คนเยอะมาก จึงทำให้ไม่มีที่จอดรถ ความฝันเลยล่มสลาย เพื่อนจึงแนะนำให้ไป “Bui Vien Walking Street (Phố đi bộ Bùi Viện)”
เราเดินในซอยไป 1 รอบและเดินกลับ หลังจากนั้นก็กลับที่พัก
เดี๋ยวมาต่อ Ep. 2 นะคะ ♥
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้