--- ศาสนาพุทธ แบ่ง การกระของคนตาม การทำดี การทำชั่ว การทำเพื่อความหลุดพ้น | ไม่แยก ตามการนับถือหรือไม่นับถือพุทธ

.

.

.

         
       ... ดูกรพราหมณ์
กรรม ๔ ประการนี้ เรากระทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้วประกาศให้ทราบ
๔ ประการเป็นไฉน 

คือ กรรมดำมีวิบากดำก็มี 

กรรมขาวมีวิบากขาวก็มี

กรรมทั้งดำทั้งขาวมีวิบากทั้งดำทั้งขาวก็มี

 กรรมไม่ดำไม่ขาว มีวิบากไม่ดำไม่ขาว
ย่อมเป็นไปเพื่อความสิ้นกรรมก็มี ฯ

             ดูกรพราหมณ์ ก็กรรมดำมีวิบากดำเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อม
ปรุงแต่งกายสังขาร ... วจีสังขาร ... มโนสังขารอันมีความเบียดเบียน ... เขาอัน
ผัสสะที่มีความเบียดเบียนถูกต้องแล้ว ย่อมได้เสวยเวทนาอันมีความเบียดเบียน
เป็นทุกข์โดยส่วนเดียว เหมือนสัตว์นรก นี้เราเรียกว่ากรรมดำมีวิบากดำ ฯ

             ดูกรพราหมณ์ ก็กรรมขาวมีวิบากขาวเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้
ปรุงแต่งกายสังขาร...วจีสังขาร...มโนสังขาร อันไม่มีความเบียดเบียน...
เขาอันผัสสะที่ไม่มีความเบียดเบียนถูกต้องแล้ว ย่อมได้เสวยเวทนาอันไม่มีความ
เบียดเบียน เป็นสุขโดยส่วนเดียว เหมือนพวกเทพสุภกิณหะ นี้เราเรียกว่า
กรรมขาวมีวิบากขาว ฯ

             ดูกรพราหมณ์ ก็กรรมทั้งดำทั้งขาว มีวิบากทั้งดำทั้งขาวเป็นไฉน บุคคล
บางคนในโลกนี้ ปรุงแต่งกายสังขาร...วจีสังขาร...มโนสังขารอันมีความ
เบียดเบียนบ้าง ไม่มีความเบียดเบียนบ้าง...เขาอันผัสสะอันมีความเบียดเบียน
บ้าง ไม่มีความเบียดเบียนบ้าง ถูกต้องแล้ว ย่อมได้เสวยเวทนาอันมีความ
เบียดเบียนบ้าง ไม่มีความเบียดเบียนบ้าง มีทั้งสุขและทุกข์ระคนกันเหมือน
มนุษย์ เทพบางพวก และวินิปาติกสัตว์บางพวก นี้เราเรียกว่ากรรมทั้งดำทั้งขาว
มีวิบากทั้งดำทั้งขาว ฯ

             ดูกรพราหมณ์ ก็กรรมไม่ดำไม่ขาว มีวิบากไม่ดำไม่ขาว ย่อมเป็นไป
เพื่อความสิ้นกรรม เป็นไฉน เจตนาใดเพื่อละกรรมดำมีวิบากดำในบรรดากรรม
เหล่านั้นก็ดี...นี้เราเรียกว่ากรรมไม่ดำไม่ขาว มีวิบากไม่ดำไม่ขาว ย่อมเป็นไป
เพื่อความสิ้นกรรม ดูกรพราหมณ์ กรรม ๔ ประการนี้แล เราทำให้แจ้งด้วย
ปัญญาอันยิ่งเองแล้วประกาศให้ทราบ ฯ

...

            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็กรรมดำมีวิบากดำเป็นไฉน

บุคคลบางคนในโลกนี้
เป็นผู้ฆ่ามารดา ฆ่าบิดา ฆ่าพระอรหันต์ มีจิตประทุษร้ายต่อพระตถาคต ยังพระ
โลหิตให้ห้อขึ้น ทำลายสงฆ์ให้แตกกัน นี้เราเรียกว่ากรรมดำมีวิบากดำ ฯ

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็กรรมขาวมีวิบากขาวเป็นไฉน

บุคคลบางคนในโลกนี้
เป็นผู้งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ 
จากการลักทรัพย์ 
จากการประพฤติผิดในกาม 
จากการพูดเท็จ 
จากการพูดส่อเสียด 
จากการพูดคำหยาบ 
จากการพูดเพ้อเจ้อ 
ไม่มากไปด้วยความเพ่งเล็ง 
มีจิตไม่พยาบาท 
มีความเห็นชอบ 

นี้เราเรียกว่ากรรมขาว
มีวิบากขาว ฯ

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็กรรมทั้งดำทั้งขาว มีวิบากทั้งดำทั้งขาวเป็นไฉน
บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมปรุงแต่งกายสังขาร อันมีความเบียดเบียนบ้าง ไม่มี
ความเบียดเบียนบ้าง ฯลฯ นี้เราเรียกว่ากรรมทั้งดำทั้งขาว มีวิบากทั้งดำทั้งขาว ฯ

             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็กรรมไม่ดำไม่ขาว มีวิบากไม่ดำไม่ขาว ย่อมเป็นไป
เพื่อความสิ้นกรรมเป็นไฉน 

เจตนาใดเพื่อละกรรมดำอันมีวิบากดำในบรรดากรรม
เหล่านั้นก็ดี ฯลฯ นี้เราเรียกว่ากรรมไม่ดำไม่ขาว มีวิบากไม่ดำไม่ขาว ย่อมเป็น
ไปเพื่อความสิ้นกรรม 

ดูกรภิกษุทั้งหลาย กรรม ๔ ประการนี้แล เรากระทำให้
แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้วประกาศให้ทราบ ฯ

...

                         ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็กรรมไม่ดำไม่ขาว มีวิบากไม่ดำไม่ขาว ย่อมเป็น
ไปเพื่อความสิ้นกรรมเป็นไฉน 

สัมมาทิฐิ ฯลฯ สัมมาสมาธิ นี้เราเรียกว่ากรรม
ไม่ดำไม่ขาว มีวิบากไม่ดำไม่ขาว
ย่อมเป็นไปเพื่อความสิ้นกรรม

ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย กรรม ๔ ประการนี้แล เราทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้วประกาศ
ให้ทราบ ฯ

   ...

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็กรรมไม่ดำไม่ขาว มีวิบากไม่ดำไม่ขาว ย่อมเป็นไป
เพื่อความสิ้นกรรมเป็นไฉน 

สติสัมโพชฌงค์
ธรรมวิจยสัมโพชฌงค์ 
วิริย-*สัมโพชฌงค์ 
ปีติสัมโพชฌงค์ 
ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ 
สมาธิสัมโพชฌงค์
อุเบกขาสัมโพชฌงค์


นี้เราเรียกว่ากรรมไม่ดำไม่ขาว มีวิบากไม่ดำไม่ขาว ย่อม
เป็นไปเพื่อความสิ้นกรรม 

ดูกรภิกษุทั้งหลาย กรรม ๔ ประการนี้แล เราทำ
ให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้วประกาศให้ทราบ ฯ


**********

https://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=21&A=6195&Z=6386

**********

.
.
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่