JJNY : 5in1 ถล่มกาซาไม่หยุด│“อิสราเอล”สั่งอพยพ│ภคมนยันพรรคไม่ป้องคนผิด│โรมเผยฟันวินัย 12 ตร.│เชื่อมั่นอุตฯ ร่วง 3 ด.ติด

อิสราเอลถล่มกาซาไม่หยุด พ่วงเวสต์แบงก์ ดับ 13 สั่งปชช.ทางตอนเหนือ ติดเลบานอนอพยพ
https://www.matichon.co.th/foreign/news_4243143

ภาพถ่ายจากเมืองสเดร็อต ทางตอนใต้ของอิสราเอล เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม แสดงให้เห็นกลุ่มควันมหึมาลอยปกคลุม
เหนือพื้นที่ทางตอนเหนือของฉนวนกาซา หลังจากถูกอิสราเอลถล่มโจมตี (เอเอฟพี)
อิสราเอลถล่มกาซาไม่หยุด พ่วงเวสต์แบงก์ ดับ 13 สั่งปชช.ทางตอนเหนือ ติดเลบานอนอพยพ
 
เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า อิสราเอลได้ถล่มโจมตีทางตอนเหนือของฉนวนกาซา หลังจากประกาศเตือนครอบครัวชาวปาเลสไตน์ที่ยังคงอยู่ที่นั่นให้หลบออกไปจากพื้นดังกล่าวก่อนหน้าราวครึ่งชั่วโมง และยังสั่งให้ประชาชนอพยพออกจากเมืองเคียร์ยัตชโมนา เมืองใหญ่ที่สุดทางตอนเหนือของอิสราเอลติดกับเลบานอน ท่ามกลางความชัดเจนว่าคำสั่งบุกฉนวนกาซาของกองทัพอิสราเอลจะมีขึ้นในเร็วๆ นี้

ในเมืองซาห์รา ทางตอนเหนือ ผู้คนที่นั่นกล่าวว่า พื้นที่ทั้งหมดที่เป็นที่ตั้งอพาร์ตเมนต์ราว 25 หลัง ดูเหมือนจะถูกทำลายจนราบเป็นหน้ากลองจากการโจมตี พวกเขาได้รับข้อความเตือนจากอิสราเอลทางโทรศัพท์มือถือในช่วงอาหารเช้า 10 นาทีต่อมามีโดรนขนาดเล็กส่งสารถึงบ้าน ครึ่งชั่วโมงหลังจากการประกาศเตือนครั้งแรก เครื่องบินรบเอฟ-16 ก็ได้โจมตีอาคารหลายหลังด้วยระเบิดครั้งใหญ่ตามมาด้วยกลุ่มควัน
  
นอกจากนี้กองกำลังอิสราเอลยังได้โจมตีโบสถ์ออร์ธอด็อกซ์ เซนต์พอร์พีเรียส ในเมืองกาซา ซึ่งเป็นนิกายหลักของชาวคริสต์ปาเลสไตน์ ที่มีชาวคริสต์และชาวมุสลิมเข้าเป็นหลบพักพิงอยู่
 
ภาพจากคลิปวิดีโอแสดงให้เห็นร่างของเด็กชายคนหนึ่งที่ได้รับบาดเจ็บถูกนำออกมาจากใต้ซากปรักหักพังของโบสถ์ในเวลากลางคืน เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันพลเรือนกล่าวว่า มีผู้รอดชีวิต 2 รายจากชั้นบน แต่คนที่อยู่ชั้นล่างเสียชีวิตและร่างยังอยู่ใต้ซากปรักหักพังนั้น
 
ส่วนในเขตเวสต์แบงก์ กระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์ แถลงว่า มีผู้เสียชีวิต 13 ราย รวมถึงเด็ก 5 คน หลังจากกองทัพอิสราเอลโจมตีทางอากาศใส่ค่ายผู้ลี้ภัยนูร์แชม ในเมืองทุลคาร์ม



ผวา “เฮซบอลเลาะฮ์” ถล่ม! “อิสราเอล” สั่งอพยพ “เมืองทางเหนือ” พรมแดนติดกับ “เลบานอน”
https://siamrath.co.th/n/486514

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กองบัญชาการภาคเหนือแห่งกองกำลังป้องกันอิสราเอล หรือไอดีเอฟ ได้เริ่มปฏิบัติการอพยพประชาชนชาวอิสราเอลในเมืองคีร์ยัตชโมนา ซึ่งเป็นเมืองทางภาคเหนือของอิสราเอล และมีพรมแดนติดกับทางตอนใต้ของประเทศเลบานอนแล้ว เมื่อวันศุกร์นี้ ตามแผนการอพยพชาวเมืองที่ทางกองบัญชาการฯ ได้ตัดสินใจและแจ้งไปยังสำนักนายกเทศมนตรีเมืองคีร์ยัตชโมนาไปก่อนหน้า
 
ทั้งนี้ แผนการอพยพข้างต้น มีขึ้นภายหลังจากเกิดการปะทะกันระหว่างกองทัพอิสราเอลกับกลุ่มติดอาวุธเฮซบอลเลาะฮ์ ที่เคลื่อนไหวในพื้นที่ตอนใต้ของเลบานอน ซึ่งการปะทะกันมีขึ้นกันบ่อยครั้งนับตั้งแต่เกิดการสู้รบระหว่างกองทัพอิสราเอลกับกลุ่มติดอาวุธฮามาสของปาเลสไตน์ เมื่อวันที่ 7 ต.ค.เป็นต้นมา โดยกลุ่มติดอาวุธเฮซบอลเลาะฮ์ ที่มีอิหร่านให้การสนับสนุนนั้น ประกาศยืนเคียงข้างกับกลุ่มติดอาวุธฮามาสของปาเลสไตน์

รายงานข่าวแจ้งว่า ปฏิบัติการอพยพชาวเมืองทางตอนเหนือดังกล่าวนั้น มีกระทรวงการท่องเที่ยวและกระทรวงกลาโหมของอิสราเอล ร่วมดำเนินการด้วย
นอกจากนี้ มีรายงานว่า แผนการอพยพที่มีขึ้นนั้น ยังจะเป็นการกรุยทางเพื่อนำไปสู่ปฏิบัติการโจมตีครั้งใหญ่ของกองทัพอิสราเอลที่จะมีต่อกลุ่มติดอาวุธเฮซบอลเลาะฮ์ทางตอนใต้ของเลบานอนต่อไปอีกด้วย


 
ภคมน ลั่น สส.ก้าวไกล คุกคามทางเพศ ยอมรับไม่ได้ ยัน พรรคไม่ป้องคนผิด
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7925150

“ภคมน” เห็นใจเพื่อน “สส.ก้าวไกล” ทุ่มเททำงานหนัก-ประพฤติเหมาะสม ถูกบดบัง-ลดทอนความน่าเชื่อถือ ยัน พรรครับการคุกคามทางเพศไม่ได้ ย้ำไม่ปกปิดคนผิด
 
เมื่อวันที่ 20 ต.ค.2566 น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ สส.บัญชีรายชื่อ รองโฆษกพรรคก้าวไกล ทวีตข้อความผ่าน x หรือทวิตเตอร์ ถึงกรณีสมาชิกพรรคก้าวไกลคุกคามทางเพศ ว่า ดิฉันพูดอย่างตรงไปตรงมา ส่วนตัวดิฉันแล้ว พฤติกรรมคุกคามทางเพศที่เกิดขึ้นใน สส.พรรคก้าวไกล ไม่ว่ากรณีไหนไม่สามารถยอมรับได้ เป็นการกระทำที่ขาดการยั้งคิด ทำให้ประชาชนผิดหวังและตั้งคำถามต่อหลักการของพรรค รวมถึงการขับเคลื่อนประเด็นที่เสนอต่อสังคม เรื่องความเสมอภาคทางเพศ และสส.แบบใดที่เราอยากเห็น
 
น.ส.ภคมน ระบุต่อว่า ดิฉันเห็นใจ สส. อีกหลายคน ที่ประพฤติตัวอย่างเหมาะสม ทุ่มเททำงานอย่างหนัก เพื่อพิสูจน์ผลงานและทำให้สังคมเชื่อว่า สส. พรรคก้าวไกล จะเป็นอนาคตของประเทศนี้ ความพยายามและความมุ่งมั่นในการทำงานของเพื่อน สส.ส่วนใหญ่กลับถูกกลบ เบียดบัง ลดทอนความน่าเชื่อถือด้วยกรณีเช่นนี้ ดิฉันคงไม่ปกป้องหรือสร้างวัฒนธรรมการปกปิดการกระทำผิดของคนในองค์กร โดยเด็ดขาด
 
น.ส.ภคมน ระบุว่า อย่างไรก็ตาม นี่คือปัญหาที่พรรคต้องเผชิญหน้าและหาทางแก้ไขและขอเรียนต่อพี่น้องประชาชนว่า กรณีล่าสุดเป็นกรณีที่พรรคได้แถลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่ามีข้อกล่าวหาเรื่อง สส.ก้าวไกล คุกคามทางเพศ อีก 1 กรณี ซึ่งพรรคได้ดำเนินการสืบข้อเท็จจริงมาโดยตลอดและคาดว่าจะได้รับข้อเท็จจริงอีกไม่นาน
 
น.ส.ภคมน ระบุต่อว่า ส่วนกรณีก่อนหน้า ที่สส.ปราจีนบุรี ถูกกล่าวหาคุกคามทางเพศ พรรคขอแจ้งให้ทราบว่า วันนี้ได้นัดผู้ร้องมาให้ถ้อยคำเพื่อดำเนินการทางวินัย ยืนยันตามเดิมว่าภายในเดือนตุลาคมนี้ กรณีนี้จะได้ข้อสรุป
 
พรรคก้าวไกลขอย้ำว่า ปัญหาเรื่องการคุกคามและความรุนแรงทางเพศ ไม่ว่ารูปแบบใด หรือไม่ว่ามีการฟ้องร้องหรือไม่ เป็นการกระทำผิดที่ร้ายแรงและยอมรับไม่ได้ พรรคจะไม่หลบหนีจากปัญหาดังกล่าว แต่จะเผชิญหน้าและยอมรับผลที่ตามมา เราจะไม่สร้างวัฒนธรรมการปกปิดการกระทำผิดของคนในองค์กร โดยเด็ดขาด” น.ส.ภคมน ระบุ

https://twitter.com/SaPukkamon/status/1715282365248163927
 


รังสิมันต์ โรม เผยจเรตำรวจ ฟันวินัย 12 ตร.เอี่ยวถอนหมายจับสว.ทรงเอ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4242249
 
รังสิมันต์ โรม เผยจเรตำรวจ ฟันวินัย 12 ตร.เอี่ยวถอนหมายจับส.ว.ทรงเอ

เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า 
 
ผมเพิ่งได้รับหนังสือจากจเรตำรวจแห่งชาติหลังจากเคยให้ถ้อยคำเพื่อร้องเรียนและติดตามกรณีการถอดถอนหมายจับนายอุปกิต ปาจรียางกูร  หรือ ส.ว.ทรงเอ ปรากฏว่าผมได้รับหนังสือตอบกลับจากทางจเรตำรวจแห่งชาติแล้ว คณะกรรมการที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงมีมติเอกฉันท์ว่ามีข้าราชการตำรวจจำนวน 12 นายสงสัยว่ากระทำผิดวินัย และได้มีการทำหนังสือไปถึง ผบ.ตร.ให้ทราบแล้ว
.
เท่าที่ผมทราบในรายละเอียดความผิดดังกล่าวอาจจะไปถึงกระทำผิดวินัยร้ายแรงได้เนื่องจากเป็นการปฏิบัติหน้าที่ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย อย่างไรก็ตามแม้เรื่องจะแดงถึงขนาดนี้ก็ทราบว่ามีตำรวจระดับสูงหลายนายพยายามวิ่งเต้นให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบกระทำผิดวินัยหลังจากผ่านการแต่งตั้งรอบนี้ไปก่อน เพื่อให้ตัวเองมีอำนาจมากขึ้น ตำแหน่งสูงขึ้นก่อน
.
ผบ.ตร. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ท่านได้รับรายงานเรื่องนี้แล้ว ได้โปรดปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ดำเนินการทางวินัย เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างด้วยครับ หวังว่าจะเห็นผลการปฏิบัติงานของท่านด้วยความรวดเร็วครับ
 
ขณะที่หนังสือของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ลงนามโดย พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประเด็นสำคัญที่ปรากฏในหนังสือของ พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ มีมติเอกฉันท์ว่า ข้าราชการตำรวจ 12 นายมีกรณีเป็นที่สงสัยว่าทำผิดวินัย เห็นควรดำเนินการทางวินัยกับตำรวจดังกล่าว
 
https://www.facebook.com/rangsimanrome/posts/pfbid02w1vxw5FmG4XWrW4vo57K8Fr5LNcmbK847Wbou54E1c4bMnPfr7zJzixhWCrmypYEl
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่