พอเริ่มจำความได้ช่วงประมาณ พ.ศ.2530 ตอนเรียนอนุบาล 2 ผมก็พบว่าตัวเองเป็นเด็กที่ตัวโตกว่าเพื่อนๆ ร่วมห้องส่วนใหญ่ ดังนั้น เวลาทำอะไร ผมจึงมักถูกสั่งให้ไปยืนหัวแถวหรือท้ายแถวในฐานะคนตัวสูงที่สุดของแถวนักเรียนชายอยู่เสมอ
พอขึ้น ป.1 สถานภาพแบบนั้นก็ยังคงอยู่ ผมยังเป็นเด็กตัวโตสุดในแถวนักเรียนชายของห้อง พอเหลือบมองเพื่อนๆ ชายหญิงร่วมห้องทั้งหมด ก็มีแค่ "พิมพ์" หัวแถวนักเรียนหญิง ที่พอจะเป็นคู่แข่งที่พอฟัดพอเหวี่ยงกับผมในเรื่องความเจริญเติบโตหรือขนาดร่างกาย
ขณะที่ผมเป็นเด็กชายรูปร่างอ้วนใหญ่ พิมพ์จะมีรูปร่างสมส่วนไม่อ้วนไม่ผอม แต่เธอจะสูงพอๆ กับผม เรียกว่าหัวแถวนักเรียนชายและหัวแถวนักเรียนหญิงนั้นมีส่วนสูงทัดเทียมใกล้เคียงกัน
นั่นคือเรื่องเดียวที่ผมพอจะแข่งกับพิมพ์ได้ เพราะในเรื่องอื่นๆ เธอจะชนะผมขาด ทั้งเรื่องผลการเรียน (ที่ผมยังสอบได้อันดับกลางๆ ส่วนพิมพ์สอบได้ที่หนึ่งตลอด) หรือความเป็นผู้นำ (ที่ครูประจำชั้นได้เลือกให้พิมพ์ทำหน้าที่หัวหน้าห้องตลอดทั้งสองเทอม)
ขึ้น ป.2 ผมยังได้เรียนหนังสือกับเพื่อนๆ กลุ่มเดิมจากตอน ป.1 เพราะเลื่อนชั้นขึ้นมาแบบยกห้อง
ผมกับพิมพ์ยังเป็นคู่แข่งกัน แต่สนามแข่งขันระหว่างเรากลับเพิ่มเติมมากขึ้น
สถานการณ์ที่เปลี่ยนไป ก็คือ จู่ๆ ผมดันกลายเป็นคนเรียนหนังสือเก่งขึ้นมาแบบงงๆ โดยตอนเทอมแรก ผมสอบได้ที่หนึ่งของห้องแบบพลิกความคาดหมาย แล้วเบียดพิมพ์ตกลงไปเป็นอันดับสอง ขณะที่เทอมหลัง ผมตกลงไปเป็นที่สองของห้องบ้าง โดยแพ้ที่หนึ่งอย่างพิมพ์เพียงคะแนนเดียว
ส่วนเรื่องความเจริญเติบโตนั้น ผมกับพิมพ์ต่างยังมีสถานะเป็นหัวแถวนักเรียนชายและหญิงเช่นเดิม สิ่งที่ไม่เหมือนเดิม คือ แม้จะเห็นๆ กันอยู่ว่าเราสองคนดูมีรูปร่างเท่าๆ กัน แต่ในวัย 7-8 ขวบ ผมและพิมพ์ต่างอยากรู้อยากเห็นกันมากขึ้นว่าจริงๆ แล้วระหว่างเราสองคน ใครเป็นคนตัวสูงที่สุดของห้องกันแน่?
ดังนั้น พวกเราจึงใส่ใจกับผลการวัดส่วนสูงทั้งสี่ครั้งตลอดปีการศึกษาดังกล่าวเป็นพิเศษ
จำได้ว่าช่วงต้น ป.2 เทอมแรก ผมกับพิมพ์น่าจะยังสูงพอๆ กัน แต่จะมีช่วงปลายเทอมแรก ที่ผมตัวสูงฉีกนำเธอออกไป ตอนต้นเทอมสอง ผมน่าจะยังสูงนำพิมพ์อยู่นิดหน่อย แต่ถ้าจำไม่ผิด ช่วงปลายเทอมสอง ผมกับเธอจะกลับมาสูงเท่ากันอีกรอบ
ก็เป็นอันว่าจนถึงช่วง ป.2 ผมจะมีสถานะเป็นเด็กที่ตัวสูงที่สุดในห้องเรียน โดยมีอันดับหนึ่งร่วมเป็นเพื่อนผู้หญิงชื่อพิมพ์ (แต่ต้องหมายเหตุไว้ว่า จะมีบางช่วงเวลา ที่ผมตัวสูงกว่าพิมพ์ โดยที่พิมพ์ไม่เคยตัวสูงกว่าผม)
ย้อนความทรงจำสมัยประถม (1) : กาลครั้งหนึ่ง เมื่อผมเป็นเด็กตัวสูงที่สุดในห้อง
พอขึ้น ป.1 สถานภาพแบบนั้นก็ยังคงอยู่ ผมยังเป็นเด็กตัวโตสุดในแถวนักเรียนชายของห้อง พอเหลือบมองเพื่อนๆ ชายหญิงร่วมห้องทั้งหมด ก็มีแค่ "พิมพ์" หัวแถวนักเรียนหญิง ที่พอจะเป็นคู่แข่งที่พอฟัดพอเหวี่ยงกับผมในเรื่องความเจริญเติบโตหรือขนาดร่างกาย
ขณะที่ผมเป็นเด็กชายรูปร่างอ้วนใหญ่ พิมพ์จะมีรูปร่างสมส่วนไม่อ้วนไม่ผอม แต่เธอจะสูงพอๆ กับผม เรียกว่าหัวแถวนักเรียนชายและหัวแถวนักเรียนหญิงนั้นมีส่วนสูงทัดเทียมใกล้เคียงกัน
นั่นคือเรื่องเดียวที่ผมพอจะแข่งกับพิมพ์ได้ เพราะในเรื่องอื่นๆ เธอจะชนะผมขาด ทั้งเรื่องผลการเรียน (ที่ผมยังสอบได้อันดับกลางๆ ส่วนพิมพ์สอบได้ที่หนึ่งตลอด) หรือความเป็นผู้นำ (ที่ครูประจำชั้นได้เลือกให้พิมพ์ทำหน้าที่หัวหน้าห้องตลอดทั้งสองเทอม)
ขึ้น ป.2 ผมยังได้เรียนหนังสือกับเพื่อนๆ กลุ่มเดิมจากตอน ป.1 เพราะเลื่อนชั้นขึ้นมาแบบยกห้อง
ผมกับพิมพ์ยังเป็นคู่แข่งกัน แต่สนามแข่งขันระหว่างเรากลับเพิ่มเติมมากขึ้น
สถานการณ์ที่เปลี่ยนไป ก็คือ จู่ๆ ผมดันกลายเป็นคนเรียนหนังสือเก่งขึ้นมาแบบงงๆ โดยตอนเทอมแรก ผมสอบได้ที่หนึ่งของห้องแบบพลิกความคาดหมาย แล้วเบียดพิมพ์ตกลงไปเป็นอันดับสอง ขณะที่เทอมหลัง ผมตกลงไปเป็นที่สองของห้องบ้าง โดยแพ้ที่หนึ่งอย่างพิมพ์เพียงคะแนนเดียว
ส่วนเรื่องความเจริญเติบโตนั้น ผมกับพิมพ์ต่างยังมีสถานะเป็นหัวแถวนักเรียนชายและหญิงเช่นเดิม สิ่งที่ไม่เหมือนเดิม คือ แม้จะเห็นๆ กันอยู่ว่าเราสองคนดูมีรูปร่างเท่าๆ กัน แต่ในวัย 7-8 ขวบ ผมและพิมพ์ต่างอยากรู้อยากเห็นกันมากขึ้นว่าจริงๆ แล้วระหว่างเราสองคน ใครเป็นคนตัวสูงที่สุดของห้องกันแน่?
ดังนั้น พวกเราจึงใส่ใจกับผลการวัดส่วนสูงทั้งสี่ครั้งตลอดปีการศึกษาดังกล่าวเป็นพิเศษ
จำได้ว่าช่วงต้น ป.2 เทอมแรก ผมกับพิมพ์น่าจะยังสูงพอๆ กัน แต่จะมีช่วงปลายเทอมแรก ที่ผมตัวสูงฉีกนำเธอออกไป ตอนต้นเทอมสอง ผมน่าจะยังสูงนำพิมพ์อยู่นิดหน่อย แต่ถ้าจำไม่ผิด ช่วงปลายเทอมสอง ผมกับเธอจะกลับมาสูงเท่ากันอีกรอบ
ก็เป็นอันว่าจนถึงช่วง ป.2 ผมจะมีสถานะเป็นเด็กที่ตัวสูงที่สุดในห้องเรียน โดยมีอันดับหนึ่งร่วมเป็นเพื่อนผู้หญิงชื่อพิมพ์ (แต่ต้องหมายเหตุไว้ว่า จะมีบางช่วงเวลา ที่ผมตัวสูงกว่าพิมพ์ โดยที่พิมพ์ไม่เคยตัวสูงกว่าผม)