คือเรื่องมันมีอยู่ว่า เราไปกินเลี้ยงหมูกระทะบ้านเเฟนค่ะ เราทักไปบอกพ่อทางไลน์ ว่านอนบ้านเเฟนนะ
ก่อนหน้านั้นเนี้ยเคยมีเรื่องทะเลาะกันเรื่องขอไปนอนบ้านเพื่อนคะ คือเรากลับมาจากรร.พรุ้งนี้วันกีฬาสี จะขอไปนอนบ้านเพื่อนเพราะจะไปช่วยดันเเต่งหน้าเเล้วไปงานพร้อมกัน พอกับมา ก็ขอพ่อเเม่ที่อยู่ในห้อง ด้วยน้ำเสียงที่เร่งรีบว่า วันนี้ไปนอนบ้านเพื่อนชื่อ..นะ ถ้าไม่เชื่อก็โทรถามเเม่มันนะ เเม่ก็สนิทกับเเม่มัน
พ่อก็เหมือนจะไม่พอใจที่เราพูดไปเเบบนั้น คือก่อนหน้านั้นอยู่รร.เนี้ยเราก็โทรถามพ่อไปเเล้วนะคะ ว่านอนได้มั้ย ตอนนั้นพ่อก็โอเคค่ะ เเต่พ่อกลับมาบ้านมาขออีกรอบ ก็ทะเลาะกันเเล้วก็ตกลงอะไรกันนิดกน่อย เเล้วเราก็ไปบ้านเพื่อนค่ะ ก่อนไปงานเราเเวะมาบ้านค่ะ คือเราใช้เเป้งพับเหมือนของเเม่คะ วันนั้นเรายืนตรงประตูกำลังจะไปงานละคะ เเต่ในบ้านตรงกับประตูมีโต๊ะเครื่องเเป้ง เราวางเเป้งพัปทิ้งไว้ค่ะเพราะต้องรีบไปงาน เเม่ก็ออกมาค่ะยืนระหว่างเรากับโต๊ะเครื่องแป้ง เเกก็ถามว่า เอาเเป้งพัปกูไปใช้ทำไม่สภาพเป็นเเบบนี้เอาไปไม่บอกน้ำเสียงเเกก็ดูโมโหเเล้วก็ไม่พอใจในเรื่องของเมื่อคืนที่มาขอไปนอนบ้านเพื่อนตอนนั้นเราด็ตอบกลับไปว่า ตลับไหนอันนั้นอะนะ พร้อมกับชี้ไปที่เเป้งพัปซึ่งมันก็อยู่ด้านหลังเยื้องกับตัวเเก พอชี้ไปเเกก็หาว่าไปชี้หน้าเเก ก็เลยโดนตบ พออธิบายว่าไม่ได้ชี้หน้าด่าก็โดนเหลือกตาใส่ ก็เลยไปงานกีฬาสีทั้งทั้งที่โดนตบประเด็นคือเเต่งหน้าไปเเล้วด้วยนะคะ คิดไปเเล้วก็ตลกดี
เเละข้อตกลงที่เราตกลงกันคือ
ไม่โกหกจะไปไหนอะไรให้บอก จะไปไหนทำอะไรก็เรื่องของ กุจะไม่สนใจไม่ห้ามอะไรเเล้ว
หลังจากนั้นเวลาไปไหน ไปเที่ยวไหน ไปทำอะไร เราบอกตลอดค่ะ ก่อนไปซื้อของต่อให้ไม่มีใครถาม เราก็จะบอกลอยให้เค้าได้ยินประมาณว่า หิวขนมไปซื้อขนมกินดีกว่า ถ้ามีคนอยู่เเละนั้นเช่นเเม่เราก็จะถามเป็นพิธีว่าฝากซื้ออะไรบ้างอย่างงี้ค่ะ
เวลาไปไหนเที่ยวไหนกับเเฟนเราก็บอกค่ะ ไปกินหมูกระทะที่ไหนบอกหมดไปดูหนังก็บอก
วันนี้รีบค่ะ เพราะจะทำหมูกระทะกินกันที่บ้านเเฟน เลยไปซื้อ พอถึงบ้านเเฟนก็ทักบอกโทรบอกพ่อค่ะ เเต่เค้าไม่รับไม่อ่านไลน์พอเค้ารับสาย เราก็บอกว่าทำอะไรอยู่ จะนอนบ้านเเฟน (ที่บอกว่า จะนอน เพราะตอนตกลงกันเเกบอกว่าไปให้ทำอะไรให้บอก เราไม่ได้ถือคำตกลงนะคะ เรารู้สึกว่ามันต้องบอกเพราะเดี๋ยวเค้าเป็นห่วง พอเราบอกเค้าก็บอก กลับบ้าน คำเดียวเราก็เลยถามว่าเเล้วที่ตกลงกันคือ?เเกก็เลยบอกว่าถ้าไม่กลับไม่ต้องเรียกเเกว่าพ่อ
ซึ่งเราก็เข้าใจว่าเเกเป็นห่วง พอกลับบ้านมา เราก็เดินผ่านเเกเเบบไม่พูด เเกพูดทักเรื่องนี้ขึ้นมาค่ะเราด็เดือนกลับไปอธิบาย ว่ารู้สิ่งที่ต้องทำ ไม่ท้องหรอก มีคนกดดันชีวิตอยู่อีกเยอะเเยะ ห่วงอนาคตของตัวเองเหมือนกัน เเกก็บอกว่าเเกไม่อยากฟัง เเล้วก็ตะคอกใส่เราว่า ไปเเบบดังมาก หลายรอบ เราก็ยังยืนพูดต่อค่ะว่าให้ปล่อยบ้าง เเกก็บอกเหมือนเดิมค่ะ ว่า หลังจากนี้จะไปทำอะไรไปไหนก็เชิญกูจะไม่สนใจอะไรอีก เราก็ถาม ว่าเเน่นะ เเกก็เงียบ เราก็อธิบายต่อค่ะว่าไม่ใช่ไม่รู้ว่าเป็นห่วงเเต่ก็รู้อยู่ว่าทำอะไร เเกก็ไม่อยากฟังเลยตะคอกไล่เหมือนเดิมเเถมยังเอางานที่ทำอยู่ที่มีสารเคมีคว่างใส่เราบอกเเล้วเเจ้งเเล้วว่าทำอะไร เเล้วเเกก็บอกค่ะว่ามาบอกเอาตอนที่ไปอยู่ที่อื่นเเล้ว เเล้วเราก็บอกว่า งั้นถ้าไม่โกหกบอกตรงๆว่าไปกินหมูกระทะบ้านเเฟนเเละไปนอนจะให้ไปมั้ย เเกก็บอกว่า ไปกินหมูกระทะอะได้ เเต่ไปนอนไม่ได้ เราก็เข้าใจนะคะว่าเป็น่วงเราก็บอกไป เเกก็บอกว่า ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเป็นห่วง เเต่มันอยู่ที่ความเหมาะสม อาสา หลังจากนั้นเราก๋เข้าใจจุดประสงค์ละคะ เราก็เลยอธิบายไปค่ะว่า เราสนิทกับครอบครัวฝั่งชายเราบอกไปเเค่นี้ เเต่เราจะมาขออธิบายให้ทุกคนฟังเพิ่มนะคะคือเรา ไปบ้านไปนั่งคุยนั่งเล่นบ่อย ทุกครั้งที่ไปเค้าก็จะเอาขอฝากมาให้พ่อเเม่ค่ะ ไม่ว่าจะเเกง น้ำพริกที่เค้าทำขาย ผลไม้เสื้อ ชุดพี่สาวเค้าให้มาใส่ เเต่พ่อเเม่เราก็คงไม่รู้เพราะเราไม่ได้บอกค่ะ สนิทกับเครือญาติพี่น้องเค้าพอสมควรค่ะ เราไปนอนเล่น ที่สนิทกันง่ายเพราะเพื่อนสนิทเราคนนึงเค้าสนิทกับพี่ของเเฟนค่ะ เคมีก็เลยเข้ากันง่าย สำหรับเรา เราไม่เคยมองว่าเค้าจะคิดร้ายหรือมองเราในมุมเสียๆเลยค่ะ เราก็เข้าใจในมุมของผู้ใหญ่นะคะว่าทำตัวเเบบนี้อาจจะง่าย เเต่สำหรับเราเราคิดว่าเราก็ไม่ได้ทำตัวที่อยู่ดีๆก็ไปนอนกับลูกชายเค้าอะคะ คือถ้าพ่อเราให้นอน เราก้จะบอกพ่อเเม่ฝั่งชายค่ะ ว่าขอนอนค้างคืนจะให้หรือไม่ให้ก็ค่อยว่ากันค่ะ คือเราอยู่ม.5ละคะ มีเป้าหมายในอนาคต ถ้าเราจะบอกว่าเราไม่ได้กังวลว่าใครจะมองเรายังไง นั้นคือสิ่งที่ถูกมั้ยคะ
เเต่สำหรับพ่อเเม่ ที่เค้ากังวลเรื่องปากเสียงของคนอื่น อันนี้เราไม่เข้าใจจริงๆค่ะ อาจจะด้วยไวที่ต่างกัน บวกกับ อารมของพ่อเเม่ที่ชอบขึ้นพอเราอธิบายในความคิดของเราเค้าก็จะตะคอกใส่พยายามเอาเสียงดังๆของเค้ามาปิดความคิดที่ออกจากปากเรา พอเราไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้เเล้วไหนเค้าก็ไม่รับฟังพูดไปบอกไปเราก็เสียสุขภาพจิต พอเราเงียบไม่อ่ะไรกับเรื่องพวกนี้ เราก็จะเข้ามานอนในห้องปกติ พอผ่านไปซักเเปปเค้าจะเรียกเรามาคุยในสภาพที่เค้าจะทำตัวสุขุมมากค่ะ พอเค้าถามเราก็บอกไปเหมือนเดิมพูดไปเหมือนเดิม จากท่าทีที่สุขุมก็กลับมาตะคอกเหมือนเดิม เหมือนเค้าพูดเค้าตกลงกับเราโดยที่ใช้อารมณ์สุดท้ายเค้าจำอะไรไม่ได้พอเกิดเรื่องเเบบนี้ก็เลยมาใส่อารมณ์เหมือนเดิมเเละในบางครั้งก็พูดพาดพิงถึงการศึกษาของเราว่าจะไม่ให้เรียนต่อ อยู่เเบบนี้ไม่จบ ทั้งที่เรา มีความฝันของเราที่เเน่วเเน่มาก เราพูดให้พวกเค้าฟังบ่อยมากค่ะว่าเราอยากเป็นอะไรเเต่พอเกิดเหตุการเเบบนี้ก็กลับเอาคำเหล่านี้มาพูด ในวันดีๆที่เค้าถามเราว่าอยากเป็นอะไร พอเราบอกไปเค้าก็บอกว่าทำไมไม่ทำราชการพ่อเเม่ได้สบายมีเงินมีสิทธิไว้รักษา ทั้งที่มันเป็นสิ่งที่เราไม่ชอบ
เค้าคาดหวังกับเรามากคะ พี่คนโตเราเคยบอกว่าจะเป็นทหาร เเต่สุดท้ายก็ไม่ได้เป็น เเม่เราก็เลยหมดหวัง มาหวังกับเราเเทน เราไม่รู้ว่ามุมมองที่คนอื่นอ่านเเล้วรู้สึกยังไง เราเติบโตมา เมื่อก่อนตอนเด็กๆเราดื้อมากค่ะ พ่อเเม่เลยบอกพี่เราว่า จะตบจะตีจะทำไรก็เชิญ เราก็เข้าใจตอนนั้นค่ะว่าเราดื้อจะทุบจะตีไม่ใช่เรื่องเเปลก เเต่พอเราเริ่มโตพี่ก็ไม่จำเป็นต้องดูเเลเราละคะ เเต่พี่เค้าอาจจะติดนิสัยมาว่าถ้าเราทำอะไรไม่ถูกไม่ได้ดั่งใจจะด่าจะตีจะทำอะไรก็เชิญ พอเราโตมาพูดอะไรที่ไม่เข้าหูของพี่ชาย หรือทำอะไรไม่เข้าตาพอเค้าโมโหก็จะลงไม้ลงมือ =บีบคอ กระทืบ เตะ เอาหัวเข่ากดคอหน้าเเนบกับพื้น ซึ่งมันเป็นการทำให้เราขัดขึ้นหรือตอบโต้ไม่ได้เลย พี่ชายเราเหมือนกับมีความเบียวเรื่องทการพอสมควร มีความชื่นชอบ ศึกษาอะไรบพวกนี้เเหละค่ะ เเต่หลังจากนั้นเราเลิกยุ่งกับพี่เราตัดขาดไม่พูดคุยไม่อะไรทั้งนั้นค่ะ เพื่อลดการเจ็บตัว ตอนที่กำลังเขียนกระทู้พ่อก็มาเคาะประตูว่าจะทำงานที่ทำอยู่ถึงเเค่สิ้นปีนี้ เราก็ไม่ได้ถามนะคะว่าต่อไปจะทำอพไรจะเอาไง เพราะเราก็ไม่อยากจะคุยกับเขาเเล้ว เรามีมุมมองที่ข้อนข้างเเตกต่าง เราไม่รู้ว่าสิ่งที่เราคิดมันถูกหรือผิด อยากจะให้ทุกคนเเบ่งปันความคิดเห็น"จากมุมมองของเรา"ค่ะ
ควรจะรู้สึกยังไงกับชีวิต เอายังไงกับชีวิต
ก่อนหน้านั้นเนี้ยเคยมีเรื่องทะเลาะกันเรื่องขอไปนอนบ้านเพื่อนคะ คือเรากลับมาจากรร.พรุ้งนี้วันกีฬาสี จะขอไปนอนบ้านเพื่อนเพราะจะไปช่วยดันเเต่งหน้าเเล้วไปงานพร้อมกัน พอกับมา ก็ขอพ่อเเม่ที่อยู่ในห้อง ด้วยน้ำเสียงที่เร่งรีบว่า วันนี้ไปนอนบ้านเพื่อนชื่อ..นะ ถ้าไม่เชื่อก็โทรถามเเม่มันนะ เเม่ก็สนิทกับเเม่มัน
พ่อก็เหมือนจะไม่พอใจที่เราพูดไปเเบบนั้น คือก่อนหน้านั้นอยู่รร.เนี้ยเราก็โทรถามพ่อไปเเล้วนะคะ ว่านอนได้มั้ย ตอนนั้นพ่อก็โอเคค่ะ เเต่พ่อกลับมาบ้านมาขออีกรอบ ก็ทะเลาะกันเเล้วก็ตกลงอะไรกันนิดกน่อย เเล้วเราก็ไปบ้านเพื่อนค่ะ ก่อนไปงานเราเเวะมาบ้านค่ะ คือเราใช้เเป้งพับเหมือนของเเม่คะ วันนั้นเรายืนตรงประตูกำลังจะไปงานละคะ เเต่ในบ้านตรงกับประตูมีโต๊ะเครื่องเเป้ง เราวางเเป้งพัปทิ้งไว้ค่ะเพราะต้องรีบไปงาน เเม่ก็ออกมาค่ะยืนระหว่างเรากับโต๊ะเครื่องแป้ง เเกก็ถามว่า เอาเเป้งพัปกูไปใช้ทำไม่สภาพเป็นเเบบนี้เอาไปไม่บอกน้ำเสียงเเกก็ดูโมโหเเล้วก็ไม่พอใจในเรื่องของเมื่อคืนที่มาขอไปนอนบ้านเพื่อนตอนนั้นเราด็ตอบกลับไปว่า ตลับไหนอันนั้นอะนะ พร้อมกับชี้ไปที่เเป้งพัปซึ่งมันก็อยู่ด้านหลังเยื้องกับตัวเเก พอชี้ไปเเกก็หาว่าไปชี้หน้าเเก ก็เลยโดนตบ พออธิบายว่าไม่ได้ชี้หน้าด่าก็โดนเหลือกตาใส่ ก็เลยไปงานกีฬาสีทั้งทั้งที่โดนตบประเด็นคือเเต่งหน้าไปเเล้วด้วยนะคะ คิดไปเเล้วก็ตลกดี
เเละข้อตกลงที่เราตกลงกันคือ
ไม่โกหกจะไปไหนอะไรให้บอก จะไปไหนทำอะไรก็เรื่องของ กุจะไม่สนใจไม่ห้ามอะไรเเล้ว
หลังจากนั้นเวลาไปไหน ไปเที่ยวไหน ไปทำอะไร เราบอกตลอดค่ะ ก่อนไปซื้อของต่อให้ไม่มีใครถาม เราก็จะบอกลอยให้เค้าได้ยินประมาณว่า หิวขนมไปซื้อขนมกินดีกว่า ถ้ามีคนอยู่เเละนั้นเช่นเเม่เราก็จะถามเป็นพิธีว่าฝากซื้ออะไรบ้างอย่างงี้ค่ะ
เวลาไปไหนเที่ยวไหนกับเเฟนเราก็บอกค่ะ ไปกินหมูกระทะที่ไหนบอกหมดไปดูหนังก็บอก
วันนี้รีบค่ะ เพราะจะทำหมูกระทะกินกันที่บ้านเเฟน เลยไปซื้อ พอถึงบ้านเเฟนก็ทักบอกโทรบอกพ่อค่ะ เเต่เค้าไม่รับไม่อ่านไลน์พอเค้ารับสาย เราก็บอกว่าทำอะไรอยู่ จะนอนบ้านเเฟน (ที่บอกว่า จะนอน เพราะตอนตกลงกันเเกบอกว่าไปให้ทำอะไรให้บอก เราไม่ได้ถือคำตกลงนะคะ เรารู้สึกว่ามันต้องบอกเพราะเดี๋ยวเค้าเป็นห่วง พอเราบอกเค้าก็บอก กลับบ้าน คำเดียวเราก็เลยถามว่าเเล้วที่ตกลงกันคือ?เเกก็เลยบอกว่าถ้าไม่กลับไม่ต้องเรียกเเกว่าพ่อ
ซึ่งเราก็เข้าใจว่าเเกเป็นห่วง พอกลับบ้านมา เราก็เดินผ่านเเกเเบบไม่พูด เเกพูดทักเรื่องนี้ขึ้นมาค่ะเราด็เดือนกลับไปอธิบาย ว่ารู้สิ่งที่ต้องทำ ไม่ท้องหรอก มีคนกดดันชีวิตอยู่อีกเยอะเเยะ ห่วงอนาคตของตัวเองเหมือนกัน เเกก็บอกว่าเเกไม่อยากฟัง เเล้วก็ตะคอกใส่เราว่า ไปเเบบดังมาก หลายรอบ เราก็ยังยืนพูดต่อค่ะว่าให้ปล่อยบ้าง เเกก็บอกเหมือนเดิมค่ะ ว่า หลังจากนี้จะไปทำอะไรไปไหนก็เชิญกูจะไม่สนใจอะไรอีก เราก็ถาม ว่าเเน่นะ เเกก็เงียบ เราก็อธิบายต่อค่ะว่าไม่ใช่ไม่รู้ว่าเป็นห่วงเเต่ก็รู้อยู่ว่าทำอะไร เเกก็ไม่อยากฟังเลยตะคอกไล่เหมือนเดิมเเถมยังเอางานที่ทำอยู่ที่มีสารเคมีคว่างใส่เราบอกเเล้วเเจ้งเเล้วว่าทำอะไร เเล้วเเกก็บอกค่ะว่ามาบอกเอาตอนที่ไปอยู่ที่อื่นเเล้ว เเล้วเราก็บอกว่า งั้นถ้าไม่โกหกบอกตรงๆว่าไปกินหมูกระทะบ้านเเฟนเเละไปนอนจะให้ไปมั้ย เเกก็บอกว่า ไปกินหมูกระทะอะได้ เเต่ไปนอนไม่ได้ เราก็เข้าใจนะคะว่าเป็น่วงเราก็บอกไป เเกก็บอกว่า ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเป็นห่วง เเต่มันอยู่ที่ความเหมาะสม อาสา หลังจากนั้นเราก๋เข้าใจจุดประสงค์ละคะ เราก็เลยอธิบายไปค่ะว่า เราสนิทกับครอบครัวฝั่งชายเราบอกไปเเค่นี้ เเต่เราจะมาขออธิบายให้ทุกคนฟังเพิ่มนะคะคือเรา ไปบ้านไปนั่งคุยนั่งเล่นบ่อย ทุกครั้งที่ไปเค้าก็จะเอาขอฝากมาให้พ่อเเม่ค่ะ ไม่ว่าจะเเกง น้ำพริกที่เค้าทำขาย ผลไม้เสื้อ ชุดพี่สาวเค้าให้มาใส่ เเต่พ่อเเม่เราก็คงไม่รู้เพราะเราไม่ได้บอกค่ะ สนิทกับเครือญาติพี่น้องเค้าพอสมควรค่ะ เราไปนอนเล่น ที่สนิทกันง่ายเพราะเพื่อนสนิทเราคนนึงเค้าสนิทกับพี่ของเเฟนค่ะ เคมีก็เลยเข้ากันง่าย สำหรับเรา เราไม่เคยมองว่าเค้าจะคิดร้ายหรือมองเราในมุมเสียๆเลยค่ะ เราก็เข้าใจในมุมของผู้ใหญ่นะคะว่าทำตัวเเบบนี้อาจจะง่าย เเต่สำหรับเราเราคิดว่าเราก็ไม่ได้ทำตัวที่อยู่ดีๆก็ไปนอนกับลูกชายเค้าอะคะ คือถ้าพ่อเราให้นอน เราก้จะบอกพ่อเเม่ฝั่งชายค่ะ ว่าขอนอนค้างคืนจะให้หรือไม่ให้ก็ค่อยว่ากันค่ะ คือเราอยู่ม.5ละคะ มีเป้าหมายในอนาคต ถ้าเราจะบอกว่าเราไม่ได้กังวลว่าใครจะมองเรายังไง นั้นคือสิ่งที่ถูกมั้ยคะ
เเต่สำหรับพ่อเเม่ ที่เค้ากังวลเรื่องปากเสียงของคนอื่น อันนี้เราไม่เข้าใจจริงๆค่ะ อาจจะด้วยไวที่ต่างกัน บวกกับ อารมของพ่อเเม่ที่ชอบขึ้นพอเราอธิบายในความคิดของเราเค้าก็จะตะคอกใส่พยายามเอาเสียงดังๆของเค้ามาปิดความคิดที่ออกจากปากเรา พอเราไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้เเล้วไหนเค้าก็ไม่รับฟังพูดไปบอกไปเราก็เสียสุขภาพจิต พอเราเงียบไม่อ่ะไรกับเรื่องพวกนี้ เราก็จะเข้ามานอนในห้องปกติ พอผ่านไปซักเเปปเค้าจะเรียกเรามาคุยในสภาพที่เค้าจะทำตัวสุขุมมากค่ะ พอเค้าถามเราก็บอกไปเหมือนเดิมพูดไปเหมือนเดิม จากท่าทีที่สุขุมก็กลับมาตะคอกเหมือนเดิม เหมือนเค้าพูดเค้าตกลงกับเราโดยที่ใช้อารมณ์สุดท้ายเค้าจำอะไรไม่ได้พอเกิดเรื่องเเบบนี้ก็เลยมาใส่อารมณ์เหมือนเดิมเเละในบางครั้งก็พูดพาดพิงถึงการศึกษาของเราว่าจะไม่ให้เรียนต่อ อยู่เเบบนี้ไม่จบ ทั้งที่เรา มีความฝันของเราที่เเน่วเเน่มาก เราพูดให้พวกเค้าฟังบ่อยมากค่ะว่าเราอยากเป็นอะไรเเต่พอเกิดเหตุการเเบบนี้ก็กลับเอาคำเหล่านี้มาพูด ในวันดีๆที่เค้าถามเราว่าอยากเป็นอะไร พอเราบอกไปเค้าก็บอกว่าทำไมไม่ทำราชการพ่อเเม่ได้สบายมีเงินมีสิทธิไว้รักษา ทั้งที่มันเป็นสิ่งที่เราไม่ชอบ
เค้าคาดหวังกับเรามากคะ พี่คนโตเราเคยบอกว่าจะเป็นทหาร เเต่สุดท้ายก็ไม่ได้เป็น เเม่เราก็เลยหมดหวัง มาหวังกับเราเเทน เราไม่รู้ว่ามุมมองที่คนอื่นอ่านเเล้วรู้สึกยังไง เราเติบโตมา เมื่อก่อนตอนเด็กๆเราดื้อมากค่ะ พ่อเเม่เลยบอกพี่เราว่า จะตบจะตีจะทำไรก็เชิญ เราก็เข้าใจตอนนั้นค่ะว่าเราดื้อจะทุบจะตีไม่ใช่เรื่องเเปลก เเต่พอเราเริ่มโตพี่ก็ไม่จำเป็นต้องดูเเลเราละคะ เเต่พี่เค้าอาจจะติดนิสัยมาว่าถ้าเราทำอะไรไม่ถูกไม่ได้ดั่งใจจะด่าจะตีจะทำอะไรก็เชิญ พอเราโตมาพูดอะไรที่ไม่เข้าหูของพี่ชาย หรือทำอะไรไม่เข้าตาพอเค้าโมโหก็จะลงไม้ลงมือ =บีบคอ กระทืบ เตะ เอาหัวเข่ากดคอหน้าเเนบกับพื้น ซึ่งมันเป็นการทำให้เราขัดขึ้นหรือตอบโต้ไม่ได้เลย พี่ชายเราเหมือนกับมีความเบียวเรื่องทการพอสมควร มีความชื่นชอบ ศึกษาอะไรบพวกนี้เเหละค่ะ เเต่หลังจากนั้นเราเลิกยุ่งกับพี่เราตัดขาดไม่พูดคุยไม่อะไรทั้งนั้นค่ะ เพื่อลดการเจ็บตัว ตอนที่กำลังเขียนกระทู้พ่อก็มาเคาะประตูว่าจะทำงานที่ทำอยู่ถึงเเค่สิ้นปีนี้ เราก็ไม่ได้ถามนะคะว่าต่อไปจะทำอพไรจะเอาไง เพราะเราก็ไม่อยากจะคุยกับเขาเเล้ว เรามีมุมมองที่ข้อนข้างเเตกต่าง เราไม่รู้ว่าสิ่งที่เราคิดมันถูกหรือผิด อยากจะให้ทุกคนเเบ่งปันความคิดเห็น"จากมุมมองของเรา"ค่ะ