เราขอนามสมมุติตัวเอง ว่า เฟิร์น เฟิร์นเป็นเด็กที่เกเร ดื้อ และด่าว่าคุณตาตัวเองทุกครั้ง ที่ตาพยายามจะพูดคุย โทรหา และทุกครั้งเฟิร์นจะพูดคำว่า “คุณตาพูดมาก น่ารำคาญ”
เรื่องมีอยู่ว่า พอเวลาผ่านไป คุณตาของเฟิร์นโดนไล่ออกจากบ้าน ในวันที่คุณตาป่วยหนักและไปรักษาตัวที่ รพ. คนเดียวทุกครั้ง จนกระทั่งคุณตาของเฟิร์น
เข้าข้างที่วิกฤติ ซึ่งตอนนั้นเฟิร์นไม่รู้ว่า คุณตากำลังเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากระยะสุดท้าย... มีอยู่วันหนึ่ง ที่คุณตาของเฟิร์นเข้า ไปนอนโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง และหมอไม่สามารถรักษาคุณตาได้แล้ว หมอให้คุณตา ไปนอนตายที่บ้าน พอเวลาผ่านไป ลูกชายแท้ๆของคุณตาไปรับคุณตา ไปรักษาเองที่ พิษณุโลก เป็นโรงพยาบาลที่คุณหมอเก่ง พอเฟิร์นได้ข่าว ว่า คุณตากำลังป่วยหนัก และคุณตาตัวเองถูกลูกชายแท้ๆรับไปรักษาต่อที่ รพ.พิษณุโลก เฟิร์นก็พยายามโทรหาคุณตา คุณตาเฟิร์นนั้น รับสายบ้างไม่รับสาย เฟิร์นได้แต่ภาวนา ว่าให้คุณตาตัวเองหาย และกลับไปอยู่บ้าน แต่คำ ภาวนากำลังสำเร็จ เมื่อได้ข่าวว่า วันอีกไม่กี่วันคุณตา จะได้รับการ คีโม เฟิร์นก็ดีใจมาก แต่.... สุดท้ายมันจบลง เมื่อได้รับข่าวร้ายที่สุดในชีวิต คุณตาของเฟิร์นได้เสียชีวิตลง ซึ่งพรุ่งนี้เป็น วันที่คุณตาของเฟิร์น จะได้รับคีโมแลัว เฟิร์นเสียใจมากและเสียใจมาถึงทุกวันนี้ ที่ตอนคุณตามีชีวิตอยู่ “ด่าว่าคุณตาตัวเองสารพัด” ทั้งๆที่คุณตารักเฟิร์นมาก แต่เฟิร์นไม่เห็นค่าของความรักที่คุณตามีให้ อยากได้อะไรคุณตาให้หมดทุกอย่าง มาคิดได้ตอนที่ทุกอย่าง “มันสายไปแล้ว” เฟิร์นได้แต่โทษตัวเองทุกครั้ง ว่า ทำไมเฟิร์นพึ่งมาเห็นค่าของความรัก ที่คุณตามีให้กับเฟิร์น
บทสรุป เราอยากให้ทุกคน ที่กำลังทำพฤติกรรมแบบเรา “หยุดทำ” ก่อนที่สุดอย่างมันจะ “สายเกินที่จะแก้ไข” ขอให้บทเรียนของเรา สอนให้มุกคนคิดได้
เจรจาที่ ออกมาเล่าเรื่องตัวเอง เพราะอยากให้เป็นอุทาหรณ์ให้แก่ทุกคน เราหวังว่า คนที่อ่านจบจะแก้ไขตัวเองได้นะ..
เสียใจตอนที่ทุกอย่าง “มันเสียไปแล้ว”
เรื่องมีอยู่ว่า พอเวลาผ่านไป คุณตาของเฟิร์นโดนไล่ออกจากบ้าน ในวันที่คุณตาป่วยหนักและไปรักษาตัวที่ รพ. คนเดียวทุกครั้ง จนกระทั่งคุณตาของเฟิร์น
เข้าข้างที่วิกฤติ ซึ่งตอนนั้นเฟิร์นไม่รู้ว่า คุณตากำลังเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากระยะสุดท้าย... มีอยู่วันหนึ่ง ที่คุณตาของเฟิร์นเข้า ไปนอนโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง และหมอไม่สามารถรักษาคุณตาได้แล้ว หมอให้คุณตา ไปนอนตายที่บ้าน พอเวลาผ่านไป ลูกชายแท้ๆของคุณตาไปรับคุณตา ไปรักษาเองที่ พิษณุโลก เป็นโรงพยาบาลที่คุณหมอเก่ง พอเฟิร์นได้ข่าว ว่า คุณตากำลังป่วยหนัก และคุณตาตัวเองถูกลูกชายแท้ๆรับไปรักษาต่อที่ รพ.พิษณุโลก เฟิร์นก็พยายามโทรหาคุณตา คุณตาเฟิร์นนั้น รับสายบ้างไม่รับสาย เฟิร์นได้แต่ภาวนา ว่าให้คุณตาตัวเองหาย และกลับไปอยู่บ้าน แต่คำ ภาวนากำลังสำเร็จ เมื่อได้ข่าวว่า วันอีกไม่กี่วันคุณตา จะได้รับการ คีโม เฟิร์นก็ดีใจมาก แต่.... สุดท้ายมันจบลง เมื่อได้รับข่าวร้ายที่สุดในชีวิต คุณตาของเฟิร์นได้เสียชีวิตลง ซึ่งพรุ่งนี้เป็น วันที่คุณตาของเฟิร์น จะได้รับคีโมแลัว เฟิร์นเสียใจมากและเสียใจมาถึงทุกวันนี้ ที่ตอนคุณตามีชีวิตอยู่ “ด่าว่าคุณตาตัวเองสารพัด” ทั้งๆที่คุณตารักเฟิร์นมาก แต่เฟิร์นไม่เห็นค่าของความรักที่คุณตามีให้ อยากได้อะไรคุณตาให้หมดทุกอย่าง มาคิดได้ตอนที่ทุกอย่าง “มันสายไปแล้ว” เฟิร์นได้แต่โทษตัวเองทุกครั้ง ว่า ทำไมเฟิร์นพึ่งมาเห็นค่าของความรัก ที่คุณตามีให้กับเฟิร์น
บทสรุป เราอยากให้ทุกคน ที่กำลังทำพฤติกรรมแบบเรา “หยุดทำ” ก่อนที่สุดอย่างมันจะ “สายเกินที่จะแก้ไข” ขอให้บทเรียนของเรา สอนให้มุกคนคิดได้
เจรจาที่ ออกมาเล่าเรื่องตัวเอง เพราะอยากให้เป็นอุทาหรณ์ให้แก่ทุกคน เราหวังว่า คนที่อ่านจบจะแก้ไขตัวเองได้นะ..