เรื่องมีอยู่ว่า...........
ในวันที่ 4.10.66 แอพธนาคารของเราและสามีใช้งานไม่ได้ ก็เลยคิดว่าเป็นที่เรายังไม่ได้ยืนยันตัวตนใหม่
เลยตั้งใจจะไปยืนยันตัวตนกันที่ธนาคารใกล้บ้านในวันพรุ่งนี้ตั้งแต่ธนาคารเปิดเลย
จะได้ไม่ต้องรอคิวนาน เสร็จแล้วก็กลับบ้านพักผ่อน
เช้าวันที่ 5.10.66 เราตื่นกันแต่เช้า เตรียมตัวไปธนาคาร แม่สามีเรียกให้เอาข้าวกับขนมไปกินบนรถกันด้วย
แม่คิดว่าเราจะออกไปนาน แต่เราก็บอกว่าออกไปไม่นาน ชั่วโมงนึงก็กลับแล้ว เดี๋ยวค่อยกลับมากิน........
08.15 น. ถึงธนาคารรอธนาคารเปิด 15 นาที ยืนยันตัวตนแค่ 5 นาทีก็เสร็จ
ลองใช้แอพธนาคาร ของเราใช้ได้แล้ว
ส่วนของสามียังใช้ไม่ได้ ก็เลยต้องติดต่อเจ้าหน้าที่อีกครั้ง
เจ้าหน้าที่บอกว่าบัญชีโดน ปปง.สั่งระงับการทำธุรกกรรมทางการเงิน
ให้ไปติดต่อ สาขา ที่เปิดบัญชี
(หาาาาา....เกิดอะไรขึ้น ต้องมีการเข้าใจผิดอะไรแน่ๆ ไม่เป็นไรก็แค่ขับรถไปอีกอำเภอนึง เสียเวลาอีกนิดนึง)
09.05 น. ระหว่างขับรถไป เราติดต่อไปที่ ปปง. (สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน) เบอร์ 1710
เจ้าหน้าที่ให้ขอเลข HR จากธนาคารมา
09.25 น. ถึงธนาคารสาขาธนาคารที่เปิดบัญชี ขอเรียกว่าธนาคารT คุยกับผู้จัดการธนาคารT
ตรวจสอบข้อมูลติดต่อไปที่ ตำรวจไซเบอร์ 1441
และได้ความว่า..............
.......ชื่อ-นามสกุลของสามีมีคดีฉ่อโกงทางออนไลน์ มีผู้เสียหาย 19 ราย
และได้เบอร์โทรของตำรวจเจ้าของคดี กับเลขบัญชีที่ใช้ก่อเหตุและถูกอายัดไว้ .......
(มีแค่เลขบัญชีไม่มีชื่อบัญชี)
เป็นเลขบัญชีของธนาคารที่สามีเราไม่เคยทำธุรกรรมใดๆ ไม่เคยเปิดใช้เลย
ผู้จัดการธนาคารT จึงแนะนำให้ไปที่ธนาคารนั้นขอเรียกว่าธนาคารS เพื่อสอบถามรายละเอียด
(เราก็ไปด้วยความสงสัยและโมโหเบาๆ ว่าใครที่เอาชื่อสามีเราไปเปิดบัญชีธนาคารนั้นแล้วไปโกงคนอื่น
ธนาคารให้เปิดบัญชีได้อย่างไร ถ้าธนาคารผิดเราจะฟ้องธนาคารกลับ เสียเวลามาก)
10.00 น. ขับรถมาถึง ธนาคารS เจ้าหน้าที่ ตรวจสอบข้อมูลจากเลขบัญชีที่ได้มาให้
ปรากฏว่า ชื่อบัญชีไม่ใช่ชื่อของสามีเลย เป็นชื่อของผู้หญิงที่เราไม่รู้จักด้วย
สามีพยายามขอหลักฐานกับเจ้าหน้าที่ธนาคารเพื่อที่จะไปยืนยันกับตำรวจว่านี่ไม่ใช่บัญชีชื่อของสามี
ธนาคารให้ไม่ได้เพราะเป็นข้อมูลลูกค้า
สามีเลยขอให้เจ้าหน้าโทรหาตำรวจเจ้าของคดี เพื่อบอกเรื่องนี้ เจ้าหน้าที่ธนาคารโทรหาตำรวจ
คุณตำรวจตอบกลับมาประมาณว่า
“ผมทำคดีอยู่เป็นร้อยคดี อยากรู้อะไรไปหาเลข ตช.มา จะได้รู้เป็นดคีไหน” จับประเด็นได้เท่านี้
แล้ว ตช. คืออะไร? หาจากที่ไหน? เจ้าหน้าที่ธนาคารก็แนะนำ ว่า
เลข ตช. คือเลขเอกสารในการสั่งอายัด ระงับการใช้บัญชีธนาคาร
ให้ไปถามเลข ตช. จากธนาคารT มาให้เค้า เค้าจะช่วยตรวจสอบรายละเอียดให้ได้ถ้ามีเลข ตช.
(.....เอาล่ะทีนี้มีความหวังอยู่ที่เลข ตช.......)
10.30 น. ขับรถกลับไปที่ ธนาคารT ผู้จัดการธนาคารก็ตรวจสอบข้อมูลทางธนาคารไม่มีเลข ตช.
ผู้จัดการธนาคารโทรหาตำรวจไซเบอร์ 1441
ทางตำรวจไซเบอร์ก็ไม่มีเลข ตช. และสามีก็พยายามอธิบายว่าเค้าไม่ใช่คนผิด
เลขบัญชีธนาคารที่ใช้ก่อคดีไม่ตรงกับชื่อของสามีเลย เจ้าของบัญชีนี้เอาชื่อสามีไปแอบอ้าง
แต่ทางตำรวจไซเบอร์ช่วยอะไรไม่ได้ สามีถามว่าจะทำยังไงเพื่อพิสูจน์ว่าเราบริสุทธิ์
ตำรวจไซเบอร์ก็ให้สามีโทรไปหาตำรวจเจ้าของคดี
เมื่อสามีโทรไปพยายามที่จะอธิบายอีกว่าเลขบัญชีที่ใช้ก่อคดีไม่ใช่ชื่อผม
มีคนเอาชื่อไปแอบอ้างแน่ๆ แล้วก็หาเลข ตช. ไม่ได้ ไม่มีใครมี
คุณตำรวจก็สวนกลับมาประมาณว่า
“คุณต้องฟังผม ผมทำคดีนี้มาเยอะแล้ว
คดีนี้ผมรู้ดีกว่าคุณอีก ผมเป็นคนทำคดีเก็บหลักฐาน คุณไม่ต้องพยายามมาบอกอะไรผม” และวางสายไป
ผู้จัดการธนาคารT แนะนำให้เราไปปรึกษาตำรวจ สน.ในพื้นที่เรา
11.30 น. เราขับรถไปที่ สน.ใกล้ๆ ร้อยเวรก็โทรไปสอบถามทางตำรวจเจ้าของคดี ซึ่งเราไม่ได้ยินว่าคุยอะไรกัน
แต่ร้อยเวรก็ไปพาตำรวจที่ทำคดีเกี่ยวกับออนไลน์ของ สน. นี้มาอธิบายการทำงานของตำรวจไซเบอร์
ส่วนเราก็อธิบายเรื่องทั้งหมดที่เราเข้าใจ คือมีคนเอาชื่อเราไปแอบอ้างกระทำผิด เพราะเลขบัญชีธนาคารไม่ใช่ชื่อเรา
เราจะทำอย่างไรให้บัญชีธนาคารกลับมาใช้งานได้? ร้อยเวรบอกว่าถ้าผู้ต้องสงสัยกระทำผิดเป็นชื่อเรา
ก็ต้องเข้ากระบวนการสืบสวน จนถึงปิดคดีได้ ถึงจะได้บัญชีธนาคารคืน
(อะไรนะ ถ้าเราไม่ได้ทำผิดเราก็ต้องรอหรอ แล้วรอนานแค่ไหนถึงจะจับคนผิด และได้บัญชีธนาคารคืน)
ร้อยเวรก็แนะนำว่าให้ไปที่ สน.ที่ทำคดี เพื่อพิสูจน์ว่าเราไม่ได้ทำผิด ให้เตรียมสเตดเม้นของธนาคารที่ถูกระงับทุกธนาคารไปด้วย
เพื่อเป็นหลักฐานยืนยัน
(ซึ่งเราก็ โอววววววว เราไม่ใช่คนผิดเราต้องขับรถไปหลายร้อยกิโลเมตรเพื่อไปยืนยันความบริสุทธ์เนี่ยนะ ท้อเลย ความเครียดเริ่มพุ่งไป 120%
)
12.00 น. เดินลงมาจาก สน. ด้วยความเซ็ง
(นี่มันเรื่องอะไรว่ะเนี่ย....ทำไมถึงซวยอย่างนี้?!?! )
เดินแบบหมดอาลัยขึ้นมานั่งสงบสติกันบนรถ
สามีโทรหา ตำรวจเจ้าของคดี เพื่อที่จะถามชื่อ สน.เพื่อที่จะเดินทางไปหา
และถามว่าเราต้องเตรียมหลักฐานอะไรบ้างเพื่อไปยืนยันว่าเราไม่ได้ทำ
เผื่อว่าทางตำรวจเจ้าของคดีเค้าต้องการหลักฐานที่มากกว่าสเตดเม้นจะได้เตรียมไปทีเดียว
ตำรวจรวจก็ถามว่าจะมาจากไหน สามีบอกว่าอู่ทอง ครับ ตำรวจเค้าพูดอะไรติดๆขัดสามีฟังไม่ค่อยได้ยินและสายก็ตัดไป
สามีโทรหาอีกครั้ง คุณตำรวจเจ้าของคดี ตอบมาประมาณว่า
“......คุณไม่ต้องมา ไม่ต้องหาอะไรมาให้ผมดู ผมรวบรวมพยานหลักฐานทำสำนวนคดีเสร็จแล้ว
คุณไปหาทนายเลย ไปปรึกษาทนายเรื่องคดีเลย.......”
และสายก็ตัดไป ..........
(แบล้งไปเลยค่ะสมงสมอง นี่เรากลายเป็นผู้ต้องสงสัย หรือผู้ต้องหาเฉยเลย)
***ที่นี้แหระความเครียดของเราสองคนเพิ่มขึ้นเป็น 200% คำถามในหัวเกิดขึ้นมากมาย
เราไม่ได้ทำผิดอะไรเลย?
ทำไมไม่มีใครพยายามตั้งใจฟัง ไม่เชื่อเรา และลองพยายามตรวจสอบให้หน่อยก็ได้ว่ามีอะไรที่พวกเค้าทำพลาดในคดีไหม?
เราต้องวิ่งไปหาทางนู้นที ทางนี้ที่ แล้วเราต้องไปหาทนาย
ต้องไปขึ้นศาลต่างจังหวัด ทั้งที่ก็ไม่ผิดอะไร
ทำไมไม่มีใครช่วยอะไรเราได้เลย.......... ตอนนั้นรู้สึกว่าไม่มีความยุติธรรมใดใดเลย
เมื่อหั่นไปที่สามีเครียดกว่าเราหลายเท่า เราก็ให้กำลังใจเค้า บอกเค้าว่าไม่เป็นไรเราค่อยๆคิดกัน
เป็นเพราะเราไม่เคยเจอปัญหาแบบนี้เลย ก็เลยทำไรไม่ถูก เราก็รวบรวมสติ
คิดว่า ใครที่พอจะรู้จักทนายบ้าง ก็โทรหาคนที่น่าจะรู้จักทนายแถวบ้าน เค้าก็จะหาเบอร์ให้
ระหว่างที่รอเบอร์ทนาย เราก็คิดได้ว่าเราจะไปคุยกับทนายยังไงหมายเรียก หมายจับอะไรก็ไม่มีเลย ข้อมูลในคดีไม่มี
เราก็เลยลงจากรถไปหาร้อยเวรอีกครั้ง ถามเค้าว่าต้องทำยังไง?
ร้อยเวรบอกว่าก็ต้องรอหมายเรียกก่อน ค่อยไปคุยกับทนาย
เราก็บอกสามีว่าถ้าอย่างนั้นเราไปขอสเตทเม้นไว้ก่อนดีกว่า ระว่างรอหมายเรียกมาที่บ้าน
หรือหมายเรียกอาจจะมาแล้ว แต่เราไม่ได้อยู่ที่บ้านตามเลขที่บ้านในเอกสาร เดี๋ยวกลับบ้านไปหาดู
(ณ ตอนนี้คือเครียดกันมากๆ แต่เรื่องมันเกิดแล้วต้องพยายามค่อยๆ ทำอะไรที่พอทำได้ก่อน)
12.30 น. ขับรถมาถึงหน้าธนาคารT เราได้เบอร์ทนายมาพอดี คุณตำรวจเจ้าของคดีโทรกลับมาหาสามีพอดี
..............ด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป ...........
ถามชื่อนามสกุล เลขบัตรประชาชน เลขบัญชีที่โดนระงับ แล้วคุณตำรวจคนนี้ก็บอกว่า
"ในประเทศไทยมีคนชื่อ-นามสกุลเดียวกับสามี อยู่ 4 คน"
หมายเรียกส่งไปอีกจังหวัดนึง ซึ่งส่งไปถูกคน แต่อายัดธนาคารผิดคน.....?
ความผิดพลาดน่าจะเกิดจากเจ้าหน้าที่ธนาคาร สามีเราหน้าจากที่เครียดขั้นสุดสดใสขึ้นมานิดนึง
(แต่เราก็คิดในใจว่าถ้าคุณตำรวจฟังกันสักหน่อย มีเวลาไปเปิดแฟ้มคดี และสอบถามรายละเอียดข้อมูลเราเพิ่มตั้งแต่ครั้งแรกที่เราติดต่อไป
เราสองคนสามีคงไม่ต้องเครียดขนาดนี้ ไม่ต้องเสียเวลาขนาดนี้ รู้ไหมว่า ความรู้สึกหลังจากที่คุณตัดสินเราว่าเราผิด ให้เราไปคุยกับทนาย
มันเป็นช่วงเวลาแค่ครึ่งชั่วโมง แต่ความรู้สึกเราเหมือนเวลามันนานหลายชั่วโมงมากๆ มันเครียดมากๆ )
ก็ต้องขอบคุณอะไรก็ตามที่ไปดึงสติ ให้คุณตำรวจเจ้าของคดี นึก หรือ เอ๊ะ!! อะไรขึ้นมาได้ แล้วคิดที่จะตรวจสอบข้อมูลให้เรา
12.40 น. สามีเข้าไปคุยกับผู้จัดการธนาคาร T ธนาคารตรวจสอบข้อมูลอีกได้ความว่าไม่ใช่ความผิดของธนาคาร
ผู้จัดการธนาคาร T โทรหาตำรวจเจ้าของคดี คุณตำรวจเจ้าของคดีก็ให้คุยกับผู้ใต้บังคับบัญชาอีกคน
ที่เป็นคนคีย์ข้อมูล เมื่อผู้จัดการธนาคาร T อธิบายให้ฟังปุ๊บ
เค้ารับเลยว่าเค้าคีย์ข้อมูลผิดเอง เดี๋ยวเค้าแก้ไขให้
โอ้ยยยยยย ชีวิต !!!!!!!!!!!!!
13.30 น. ขณะกำลังจะขับรถออกจากธนาคารT ก็กำลังปรึกษากันว่าจะไปไหนกันต่อดี กินข้าวที่ ไหน
หาเงินจากไหนมาใช้ก่อนวันนี้ อยู่ๆก็กลายเป็นคนไม่มีเงินใช้เลยสักบาท
แล้วน้องตำรวจที่คีย์ข้อมูลผิดโทรมาสอบถามเลขบัญชีทั้ง 3 ธนาคารที่ถูกระงับใช้งานทั้งหมด
เพื่อทำการทำเรื่องยกเลิกการระงับใช้ได้
ใช่แล้วค่ะ สามีโดนระงับการใช้งานทุกธนาคารที่มี.....!!!!!!!!
เราก็เข้าใจว่าคงใช้เวลาไม่นาน
14.30 น. สามีโทรไปหาตำรวจที่คีย์ข้อมูลผิดว่าทำเรื่องให้หรือยัง เค้าก็บอกเดี๋ยวเค้าจัดการให้
แต่ต้องทำเรื่องให้ สำนักงาน.....พิจารณาการถอนอายัดก่อน ต้องใช้เวลาสักพัก
และถามทิ้งท้ายว่า "...พี่รีบใช้เงินหรือป่าวครับ?... สามีตอบไปว่าพี่ยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลยครับ ไม่มีตังค์สักบาท
ไอ้เราก็น่าจะเอากับข้าวกับขนมที่แม่เรียกให้ไปเอาติดรถมาด้วยน้อ วางแผนแค่ออกมายืนยันตัวตนถอนเงินสด
แล้วก็กลับบ้าน แล้วเงินสดหมดมือก็หมดพอดี เหลือแต่เงินในบัญชี ชีวิต!!!
ขอบคุณผู้ใหญ่ที่เป็นธุระหาเบอร์ทนาย และคุณป้าสำหรับอาหารเช้า(ตอนประมาณบ่าย 2) ของคนไม่มีเงินเลยสักบาท
.........สุดท้ายฝากตั้งชื่อใหม่ให้สามีหน่อยค่ะ ชื่อนี้ไม่เป็นมงคลเลย
มีแบล็คลิสอีกต่างหาก และมีตั้ง 4 คนที่ ชื่อ และนามสกุลเดียวกัน ซ้ำเยอะไปไหน
ผ่านไปอีกวันที่ตั้งใจจะแวะทุ่งดอกไม้ แต่ได้ขึ้นรถไฟเหาะแทน...........
เมื่อ สามีดันมีชื่อและนามสกุล เหมือนผู้ต้องหาคดีฉ่อโกง ทุกตัวอักษร
ในวันที่ 4.10.66 แอพธนาคารของเราและสามีใช้งานไม่ได้ ก็เลยคิดว่าเป็นที่เรายังไม่ได้ยืนยันตัวตนใหม่
เลยตั้งใจจะไปยืนยันตัวตนกันที่ธนาคารใกล้บ้านในวันพรุ่งนี้ตั้งแต่ธนาคารเปิดเลย
จะได้ไม่ต้องรอคิวนาน เสร็จแล้วก็กลับบ้านพักผ่อน
เช้าวันที่ 5.10.66 เราตื่นกันแต่เช้า เตรียมตัวไปธนาคาร แม่สามีเรียกให้เอาข้าวกับขนมไปกินบนรถกันด้วย
แม่คิดว่าเราจะออกไปนาน แต่เราก็บอกว่าออกไปไม่นาน ชั่วโมงนึงก็กลับแล้ว เดี๋ยวค่อยกลับมากิน........
08.15 น. ถึงธนาคารรอธนาคารเปิด 15 นาที ยืนยันตัวตนแค่ 5 นาทีก็เสร็จ
ลองใช้แอพธนาคาร ของเราใช้ได้แล้ว
ส่วนของสามียังใช้ไม่ได้ ก็เลยต้องติดต่อเจ้าหน้าที่อีกครั้ง
เจ้าหน้าที่บอกว่าบัญชีโดน ปปง.สั่งระงับการทำธุรกกรรมทางการเงิน
ให้ไปติดต่อ สาขา ที่เปิดบัญชี
(หาาาาา....เกิดอะไรขึ้น ต้องมีการเข้าใจผิดอะไรแน่ๆ ไม่เป็นไรก็แค่ขับรถไปอีกอำเภอนึง เสียเวลาอีกนิดนึง)
09.05 น. ระหว่างขับรถไป เราติดต่อไปที่ ปปง. (สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน) เบอร์ 1710
เจ้าหน้าที่ให้ขอเลข HR จากธนาคารมา
09.25 น. ถึงธนาคารสาขาธนาคารที่เปิดบัญชี ขอเรียกว่าธนาคารT คุยกับผู้จัดการธนาคารT
ตรวจสอบข้อมูลติดต่อไปที่ ตำรวจไซเบอร์ 1441
และได้ความว่า..............
.......ชื่อ-นามสกุลของสามีมีคดีฉ่อโกงทางออนไลน์ มีผู้เสียหาย 19 ราย
และได้เบอร์โทรของตำรวจเจ้าของคดี กับเลขบัญชีที่ใช้ก่อเหตุและถูกอายัดไว้ .......(มีแค่เลขบัญชีไม่มีชื่อบัญชี)
เป็นเลขบัญชีของธนาคารที่สามีเราไม่เคยทำธุรกรรมใดๆ ไม่เคยเปิดใช้เลย
ผู้จัดการธนาคารT จึงแนะนำให้ไปที่ธนาคารนั้นขอเรียกว่าธนาคารS เพื่อสอบถามรายละเอียด
(เราก็ไปด้วยความสงสัยและโมโหเบาๆ ว่าใครที่เอาชื่อสามีเราไปเปิดบัญชีธนาคารนั้นแล้วไปโกงคนอื่น
ธนาคารให้เปิดบัญชีได้อย่างไร ถ้าธนาคารผิดเราจะฟ้องธนาคารกลับ เสียเวลามาก)
10.00 น. ขับรถมาถึง ธนาคารS เจ้าหน้าที่ ตรวจสอบข้อมูลจากเลขบัญชีที่ได้มาให้
ปรากฏว่า ชื่อบัญชีไม่ใช่ชื่อของสามีเลย เป็นชื่อของผู้หญิงที่เราไม่รู้จักด้วย
สามีพยายามขอหลักฐานกับเจ้าหน้าที่ธนาคารเพื่อที่จะไปยืนยันกับตำรวจว่านี่ไม่ใช่บัญชีชื่อของสามี
ธนาคารให้ไม่ได้เพราะเป็นข้อมูลลูกค้า
สามีเลยขอให้เจ้าหน้าโทรหาตำรวจเจ้าของคดี เพื่อบอกเรื่องนี้ เจ้าหน้าที่ธนาคารโทรหาตำรวจ
คุณตำรวจตอบกลับมาประมาณว่า
“ผมทำคดีอยู่เป็นร้อยคดี อยากรู้อะไรไปหาเลข ตช.มา จะได้รู้เป็นดคีไหน” จับประเด็นได้เท่านี้
แล้ว ตช. คืออะไร? หาจากที่ไหน? เจ้าหน้าที่ธนาคารก็แนะนำ ว่า
เลข ตช. คือเลขเอกสารในการสั่งอายัด ระงับการใช้บัญชีธนาคาร
ให้ไปถามเลข ตช. จากธนาคารT มาให้เค้า เค้าจะช่วยตรวจสอบรายละเอียดให้ได้ถ้ามีเลข ตช.
(.....เอาล่ะทีนี้มีความหวังอยู่ที่เลข ตช.......)
10.30 น. ขับรถกลับไปที่ ธนาคารT ผู้จัดการธนาคารก็ตรวจสอบข้อมูลทางธนาคารไม่มีเลข ตช.
ผู้จัดการธนาคารโทรหาตำรวจไซเบอร์ 1441
ทางตำรวจไซเบอร์ก็ไม่มีเลข ตช. และสามีก็พยายามอธิบายว่าเค้าไม่ใช่คนผิด
เลขบัญชีธนาคารที่ใช้ก่อคดีไม่ตรงกับชื่อของสามีเลย เจ้าของบัญชีนี้เอาชื่อสามีไปแอบอ้าง
แต่ทางตำรวจไซเบอร์ช่วยอะไรไม่ได้ สามีถามว่าจะทำยังไงเพื่อพิสูจน์ว่าเราบริสุทธิ์
ตำรวจไซเบอร์ก็ให้สามีโทรไปหาตำรวจเจ้าของคดี
เมื่อสามีโทรไปพยายามที่จะอธิบายอีกว่าเลขบัญชีที่ใช้ก่อคดีไม่ใช่ชื่อผม
มีคนเอาชื่อไปแอบอ้างแน่ๆ แล้วก็หาเลข ตช. ไม่ได้ ไม่มีใครมี
คุณตำรวจก็สวนกลับมาประมาณว่า
“คุณต้องฟังผม ผมทำคดีนี้มาเยอะแล้ว
คดีนี้ผมรู้ดีกว่าคุณอีก ผมเป็นคนทำคดีเก็บหลักฐาน คุณไม่ต้องพยายามมาบอกอะไรผม” และวางสายไป
ผู้จัดการธนาคารT แนะนำให้เราไปปรึกษาตำรวจ สน.ในพื้นที่เรา
11.30 น. เราขับรถไปที่ สน.ใกล้ๆ ร้อยเวรก็โทรไปสอบถามทางตำรวจเจ้าของคดี ซึ่งเราไม่ได้ยินว่าคุยอะไรกัน
แต่ร้อยเวรก็ไปพาตำรวจที่ทำคดีเกี่ยวกับออนไลน์ของ สน. นี้มาอธิบายการทำงานของตำรวจไซเบอร์
ส่วนเราก็อธิบายเรื่องทั้งหมดที่เราเข้าใจ คือมีคนเอาชื่อเราไปแอบอ้างกระทำผิด เพราะเลขบัญชีธนาคารไม่ใช่ชื่อเรา
เราจะทำอย่างไรให้บัญชีธนาคารกลับมาใช้งานได้? ร้อยเวรบอกว่าถ้าผู้ต้องสงสัยกระทำผิดเป็นชื่อเรา
ก็ต้องเข้ากระบวนการสืบสวน จนถึงปิดคดีได้ ถึงจะได้บัญชีธนาคารคืน
(อะไรนะ ถ้าเราไม่ได้ทำผิดเราก็ต้องรอหรอ แล้วรอนานแค่ไหนถึงจะจับคนผิด และได้บัญชีธนาคารคืน)
ร้อยเวรก็แนะนำว่าให้ไปที่ สน.ที่ทำคดี เพื่อพิสูจน์ว่าเราไม่ได้ทำผิด ให้เตรียมสเตดเม้นของธนาคารที่ถูกระงับทุกธนาคารไปด้วย
เพื่อเป็นหลักฐานยืนยัน
(ซึ่งเราก็ โอววววววว เราไม่ใช่คนผิดเราต้องขับรถไปหลายร้อยกิโลเมตรเพื่อไปยืนยันความบริสุทธ์เนี่ยนะ ท้อเลย ความเครียดเริ่มพุ่งไป 120%)
12.00 น. เดินลงมาจาก สน. ด้วยความเซ็ง (นี่มันเรื่องอะไรว่ะเนี่ย....ทำไมถึงซวยอย่างนี้?!?! )
เดินแบบหมดอาลัยขึ้นมานั่งสงบสติกันบนรถ
สามีโทรหา ตำรวจเจ้าของคดี เพื่อที่จะถามชื่อ สน.เพื่อที่จะเดินทางไปหา
และถามว่าเราต้องเตรียมหลักฐานอะไรบ้างเพื่อไปยืนยันว่าเราไม่ได้ทำ
เผื่อว่าทางตำรวจเจ้าของคดีเค้าต้องการหลักฐานที่มากกว่าสเตดเม้นจะได้เตรียมไปทีเดียว
ตำรวจรวจก็ถามว่าจะมาจากไหน สามีบอกว่าอู่ทอง ครับ ตำรวจเค้าพูดอะไรติดๆขัดสามีฟังไม่ค่อยได้ยินและสายก็ตัดไป
สามีโทรหาอีกครั้ง คุณตำรวจเจ้าของคดี ตอบมาประมาณว่า
“......คุณไม่ต้องมา ไม่ต้องหาอะไรมาให้ผมดู ผมรวบรวมพยานหลักฐานทำสำนวนคดีเสร็จแล้ว
คุณไปหาทนายเลย ไปปรึกษาทนายเรื่องคดีเลย.......”
และสายก็ตัดไป ..........(แบล้งไปเลยค่ะสมงสมอง นี่เรากลายเป็นผู้ต้องสงสัย หรือผู้ต้องหาเฉยเลย)
***ที่นี้แหระความเครียดของเราสองคนเพิ่มขึ้นเป็น 200% คำถามในหัวเกิดขึ้นมากมาย
เราไม่ได้ทำผิดอะไรเลย?
ทำไมไม่มีใครพยายามตั้งใจฟัง ไม่เชื่อเรา และลองพยายามตรวจสอบให้หน่อยก็ได้ว่ามีอะไรที่พวกเค้าทำพลาดในคดีไหม?
เราต้องวิ่งไปหาทางนู้นที ทางนี้ที่ แล้วเราต้องไปหาทนาย
ต้องไปขึ้นศาลต่างจังหวัด ทั้งที่ก็ไม่ผิดอะไร
ทำไมไม่มีใครช่วยอะไรเราได้เลย.......... ตอนนั้นรู้สึกว่าไม่มีความยุติธรรมใดใดเลย
เมื่อหั่นไปที่สามีเครียดกว่าเราหลายเท่า เราก็ให้กำลังใจเค้า บอกเค้าว่าไม่เป็นไรเราค่อยๆคิดกัน
เป็นเพราะเราไม่เคยเจอปัญหาแบบนี้เลย ก็เลยทำไรไม่ถูก เราก็รวบรวมสติ
คิดว่า ใครที่พอจะรู้จักทนายบ้าง ก็โทรหาคนที่น่าจะรู้จักทนายแถวบ้าน เค้าก็จะหาเบอร์ให้
ระหว่างที่รอเบอร์ทนาย เราก็คิดได้ว่าเราจะไปคุยกับทนายยังไงหมายเรียก หมายจับอะไรก็ไม่มีเลย ข้อมูลในคดีไม่มี
เราก็เลยลงจากรถไปหาร้อยเวรอีกครั้ง ถามเค้าว่าต้องทำยังไง?
ร้อยเวรบอกว่าก็ต้องรอหมายเรียกก่อน ค่อยไปคุยกับทนาย
เราก็บอกสามีว่าถ้าอย่างนั้นเราไปขอสเตทเม้นไว้ก่อนดีกว่า ระว่างรอหมายเรียกมาที่บ้าน
หรือหมายเรียกอาจจะมาแล้ว แต่เราไม่ได้อยู่ที่บ้านตามเลขที่บ้านในเอกสาร เดี๋ยวกลับบ้านไปหาดู
(ณ ตอนนี้คือเครียดกันมากๆ แต่เรื่องมันเกิดแล้วต้องพยายามค่อยๆ ทำอะไรที่พอทำได้ก่อน)
12.30 น. ขับรถมาถึงหน้าธนาคารT เราได้เบอร์ทนายมาพอดี คุณตำรวจเจ้าของคดีโทรกลับมาหาสามีพอดี
..............ด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป ...........
ถามชื่อนามสกุล เลขบัตรประชาชน เลขบัญชีที่โดนระงับ แล้วคุณตำรวจคนนี้ก็บอกว่า
"ในประเทศไทยมีคนชื่อ-นามสกุลเดียวกับสามี อยู่ 4 คน"
หมายเรียกส่งไปอีกจังหวัดนึง ซึ่งส่งไปถูกคน แต่อายัดธนาคารผิดคน.....?
ความผิดพลาดน่าจะเกิดจากเจ้าหน้าที่ธนาคาร สามีเราหน้าจากที่เครียดขั้นสุดสดใสขึ้นมานิดนึง
(แต่เราก็คิดในใจว่าถ้าคุณตำรวจฟังกันสักหน่อย มีเวลาไปเปิดแฟ้มคดี และสอบถามรายละเอียดข้อมูลเราเพิ่มตั้งแต่ครั้งแรกที่เราติดต่อไป
เราสองคนสามีคงไม่ต้องเครียดขนาดนี้ ไม่ต้องเสียเวลาขนาดนี้ รู้ไหมว่า ความรู้สึกหลังจากที่คุณตัดสินเราว่าเราผิด ให้เราไปคุยกับทนาย
มันเป็นช่วงเวลาแค่ครึ่งชั่วโมง แต่ความรู้สึกเราเหมือนเวลามันนานหลายชั่วโมงมากๆ มันเครียดมากๆ )
ก็ต้องขอบคุณอะไรก็ตามที่ไปดึงสติ ให้คุณตำรวจเจ้าของคดี นึก หรือ เอ๊ะ!! อะไรขึ้นมาได้ แล้วคิดที่จะตรวจสอบข้อมูลให้เรา
12.40 น. สามีเข้าไปคุยกับผู้จัดการธนาคาร T ธนาคารตรวจสอบข้อมูลอีกได้ความว่าไม่ใช่ความผิดของธนาคาร
ผู้จัดการธนาคาร T โทรหาตำรวจเจ้าของคดี คุณตำรวจเจ้าของคดีก็ให้คุยกับผู้ใต้บังคับบัญชาอีกคน
ที่เป็นคนคีย์ข้อมูล เมื่อผู้จัดการธนาคาร T อธิบายให้ฟังปุ๊บ
เค้ารับเลยว่าเค้าคีย์ข้อมูลผิดเอง เดี๋ยวเค้าแก้ไขให้
โอ้ยยยยยย ชีวิต !!!!!!!!!!!!!
13.30 น. ขณะกำลังจะขับรถออกจากธนาคารT ก็กำลังปรึกษากันว่าจะไปไหนกันต่อดี กินข้าวที่ ไหน
หาเงินจากไหนมาใช้ก่อนวันนี้ อยู่ๆก็กลายเป็นคนไม่มีเงินใช้เลยสักบาท
แล้วน้องตำรวจที่คีย์ข้อมูลผิดโทรมาสอบถามเลขบัญชีทั้ง 3 ธนาคารที่ถูกระงับใช้งานทั้งหมด
เพื่อทำการทำเรื่องยกเลิกการระงับใช้ได้
ใช่แล้วค่ะ สามีโดนระงับการใช้งานทุกธนาคารที่มี.....!!!!!!!!
เราก็เข้าใจว่าคงใช้เวลาไม่นาน
14.30 น. สามีโทรไปหาตำรวจที่คีย์ข้อมูลผิดว่าทำเรื่องให้หรือยัง เค้าก็บอกเดี๋ยวเค้าจัดการให้
แต่ต้องทำเรื่องให้ สำนักงาน.....พิจารณาการถอนอายัดก่อน ต้องใช้เวลาสักพัก
และถามทิ้งท้ายว่า "...พี่รีบใช้เงินหรือป่าวครับ?... สามีตอบไปว่าพี่ยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลยครับ ไม่มีตังค์สักบาท
ไอ้เราก็น่าจะเอากับข้าวกับขนมที่แม่เรียกให้ไปเอาติดรถมาด้วยน้อ วางแผนแค่ออกมายืนยันตัวตนถอนเงินสด
แล้วก็กลับบ้าน แล้วเงินสดหมดมือก็หมดพอดี เหลือแต่เงินในบัญชี ชีวิต!!!
ขอบคุณผู้ใหญ่ที่เป็นธุระหาเบอร์ทนาย และคุณป้าสำหรับอาหารเช้า(ตอนประมาณบ่าย 2) ของคนไม่มีเงินเลยสักบาท
.........สุดท้ายฝากตั้งชื่อใหม่ให้สามีหน่อยค่ะ ชื่อนี้ไม่เป็นมงคลเลย
มีแบล็คลิสอีกต่างหาก และมีตั้ง 4 คนที่ ชื่อ และนามสกุลเดียวกัน ซ้ำเยอะไปไหน
ผ่านไปอีกวันที่ตั้งใจจะแวะทุ่งดอกไม้ แต่ได้ขึ้นรถไฟเหาะแทน...........