ขณะนี้เวลาบนหน้าจอโทรศัพท์คือ 18.20 น. ปกติในเวลานี้ฉันจะเห็นแสงไฟจากบ้านของพี่หม่อน ส่องสว่างแล้ว
แต่นี่..เขาหายไปไหนก็ไม่ทราบ บ้านก็ปิด
รถมอเตอร์ไซค์ ก็ไม่อยู่ เพลงมรณะก็ไม่ได้ยิน บ้านทั้งหลังเงียบสงบ ฉันมองดูมุมจอดรถที่ว่างเปล่าแล้วก็ใจหาย หรือ...
เขาจะย้ายออกไปแล้วนะ ที่นี่เป็นแค่บ้านเช่า ใครจะอยู่
ใครจะไปไม่ใช่เรื่องยากอยู่แล้ว
แอบเศร้าแป๊บได้ไหม
แหม...จะย้ายก็น่าจะบอกฉันนิดนึงก่อน
ก็..ใจมันหายนี่นา
อุตส่าห์สนิทสนมกันแล้วแท้ๆ
เขาคงจะกลายเป็นความเคยชินของฉันไปแล้ว เพราะ แค่ไม่มีเขาคอยวนเวียนอยู่ข้างๆ โลกของฉันมันก็ช่างเงียบเหงาจนบอกไม่ถูก
ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีกลิ่นแป้งหรือน้ำหอมก็ไม่ทราบ ฉันไม่เคยได้กลิ่นนี้จากใคร
แต่ที่รู้คือ มันคือกลิ่นของพี่หม่อน และไม่อยากบอกเลยว่า
ฉันแอบสูดกลิ่นนั้นทุกครั้งเวลาเขามาวนเวียนอยู่ใกล้ๆ
ฉันว่า..ฉันคงคลั่งรักเขานั่นแหละ แต่..
ฉันก็เก็บอาการอยู่นะ
และฉันก็แทบจะไม่ไปบ้านเขาแม้ว่าเขาจะมาบ้านฉันบ่อยๆก็ตาม
นี่คือสิ่งที่ฉันเดินคิดมาตลอดทาง หลังกลับจากเซเว่น(ปาก
ซอย)ไปรับบัตรประชาชนคืนค่ะ วันก่อนไปทำธุระ แล้วทำบัตรหล่นไว้ที่นั่น โชคดีพี่ที่รู้จักจำได้ก็เลยโทรบอกให้ไปรับคืน ป้ำเป๋อน้อยเสียเมื่อไหร่ละคะ
ยิ่งตอนนี้ อาการยิ่งหนัก ต้องโทษพี่หม่อนนี่แหละ ไปไหนก็ไม่บอก ไม่รู้หรือไงว่าฉันห่วง
แน่ะ!..หาเรื่องโทษคนอื่นจนได้นะเรา
คุยกับตัวเองแถมบ่นตัวเองเสร็จสรรพ
เป็นเอามากนะยายคนนี้เนี่ย
แล้วฉันก็ต้องเบรคจนล้อลาก(ถ้าเป็นรถน่ะนะ) ก็..ผู้ชายที่ยืนเกาะรั้วอยู่หน้าบ้านฉันนั่น.. พี่หม่อนไม่ใช่หรือ
แม้จะแทบโดดแต่ฉันก็พยายามสำรวมอาการด้วยการเดินอย่างปกติที่สุดเข้าไปหาเขา
ผู้ชายที่เป็นรอยยิ้มของฉัน แต่วันนี้ดวงตาเขากลับแห้งแล้ง หดหู่จนฉันใจหาย ผมก็ยุ่ง เสื้อก็ยับ แม้พี่หม่อนจะไม่ใช่คนเนี๊ยบทุกกระเบียด แต่ฉันก็ไม่เคยเห็นเขาในมุมนี้มาก่อน
หลังจากดื่มน้ำจนหมดแก้ว เขาก็ส่งกุญแจบ้านให้ฉัน
พร้อมกับบอกว่า
" พี่จะรบกวนหนู
แวะเข้าไปรดน้ำต้นไม้ที่ระเบียงให้หน่อยได้ไหมครับ เพราะพี่คงไม่อยู่หลายวัน "
"ได้น่ะได้ค่ะ แต่พี่จะไปไหนคะ "
" พอดีแม่พี่ป่วย เข้ารพ.มา2-3วันแล้ว
พี่ก็เพิ่งเคลียร์งานเสร็จ ก็เลยจะมาเตรียมของไปอยู่เฝ้าท่านน่ะครับ "
โอ้...นี่เองสินะสาเหตุที่ให้คนหล่อ เซอร์ได้ใจขนาดนี้
" ไม่ต้องห่วงเลยค่ะหนูจะดูแลให้อย่างดีเลย ว่าแต่..ได้นอนมั่งหรือเปล่าคะเนี่ย
ทำไมโทรมจัง "
" นอนไม่หลับ "
คำสารภาพนั้น เล่นเอาฉันตัดสินใจได้ใน10วิ
" แม่พี่อยู่รพ.ไหนคะ
หนูขับรถไปส่งดีกว่าอย่าไปคนเดียวเลย
หนูเป็นห่วง "
ไม่รู้ว่าเพราะคำพูดนั้น หรือตาอ้อนๆของฉัน ทำให้ฉันได้มานั่งอยู่ข้างๆพี่หม่อนหน้าห้องlCU ในรพ.ซึ่งเป็นศูนย์โรคหัวใจที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในระดับประเทศ
พอเราเข้าไปถึง
คุณหมอก็แจ้งอาการของคนไข้ให้ทราบจากนั้นก็ตามมาด้วยคำแนะนำที่เป็นประโยชน์กับคนไข้ที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าคือการผ่าตัด พร้อมคำถามที่ว่า
" ญาติยินยอมให้หมอผ่าตัดไหมครับ "
"......"
และตอนนี้ผู้ชายตัวโตที่ชื่อพี่หม่อนก็มานั่งนิ่งอยู่ข้างๆฉัน โดยที่ฉันไม่รู้เลยว่าภายใต้ท่าทางที่นิ่งสนิทนั่น เขาคิดอะไรอยู่ ฉันเห็นเขาเงยหน้ามองดวงไฟหน้าห้อง ICU เหมือนมันเป็นสิ่งที่น่าสนใจเสียเต็มประดา
" จับมือหนูไว้ก็ได้นะคะ เพราะวันนี้หนูจะนั่งอยู่ตรงนี้จนกว่าพี่หม่อนจะได้เจอคุณแม่เลยค่ะ "
" แต่คุณหมอให้เรากลับบ้านครับ ถ้าเป็น
ห้องไอซียูเราเฝ้าไม่ได้ "
" เอ้า "
เวลาดูละครฉันก็เห็นพระเอก-นางเอกเฝ้าอยู่หน้าห้องจนคนไข้ผ่าตัดเสร็จออกมาได้ไม่ใช่หรือ แสดงว่าในละครหลอกเราสินะ
แม้จะบอกแบบนั้น
แต่พี่หม่อนก็จับมือฉันไว้นะคะ มือใหญ่นั้นเย็นชืดจนฉันต้องบีบมือเขาแน่น
" พี่หม่อนกลัวหรือคะมือเย็นเชียว "
พอเขาหลุบตาลงมามอง ฉันจึงเห็นว่าตาของเขาแดงจัด แม้ไม่มีน้ำตาแต่ในใจคง
โศกสลดจนอธิบายเป็นคำพูดไม่ถูกแล้วกระมัง คนไม่ร้องไห้แต่ตาแดงนี่ ฉันว่าน่าสงสารไม่แพ้คนร้องไห้มีน้ำตาหรอก เพราะคงแบกรับความทุกข์ระทมไว้ไม่ใช่น้อยเช่นกัน
ต่างแค่ว่า ถ้ามันได้ระบายออกมากับน้ำตาเสียบ้าง ก็คงได้คลายความอัดอั้นไม่มากก็น้อย
" พี่หม่อนอย่าห่วงเลย
หนูเชื่อว่าคุณแม่ต้องปลอดภัยแน่นอนค่ะ "
" จริงหรือ "
" แน่นอน เพราะนอกจากที่นี่จะเป็นศูนย์โรคหัวใจแล้ว
คุณหมอที่ผ่าตัดคุณแม่ ท่านยังเก่งมากๆเลยละ และที่สำคัญกว่านั้น มะกี๊หนูยังบนหลวงปู่โสธรไปแล้วด้วย ยังไงท่านก็ต้องช่วยพวกเราอยู่แล้วค่ะ "
เท่านั้นคนตาแดงๆ
ก็ทำหน้ากลั้นขำก่อนจะหันมามองหน้าฉันแล้วถามเสียงนิ่ง
" ไข่กี่ฟอง "
" 500ค่ะ กับนางรำโรงเล็กอีกชุดนึงด้วย "
" โอเค ถ้าแม่ปลอดภัย พี่จะพาหนูมาแก้บนด้วยกัน
แต่ตอนนี้คงต้องกลับบ้านก่อนนะครับ
พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ "
เลยกลายเป็นว่าคืนนั้นพี่หม่อนมานอนสิ้นฤทธิ์อยู่ที่โถงชั้นล่างของบ้านฉันโดยก่อนหลับฉันทำข้าวต้มกุ๊ยกับยำกุ้งแห้งให้กินรองท้อง
××××××××××××
หลังผ่าตัดอาการคนไข้ก็ดีขึ้นตามลำดับ แม้อายุจะมากแต่โดยรวมก็ต้องถือว่าดีในระดับหนึ่ง
ช่วงนี้ นอกจากจะไปช่วยรดน้ำต้นไม้แล้วบางวันฉันยังเข้าไปช่วยทำความสะอาดบ้านให้ด้วย (เป็นโปรโมชั่นแถมฟรี)
แม้จะยังยุ่งๆ แต่ถ้ามีเวลาพี่หม่อนก็ยังคงพาฉันไปวิ่งออกกำลังตอนเช้าเสมอ โดยเขาสั่งฉันไว้ว่า
" ถ้าวันไหนพี่ไม่ว่าง
หนูก็เล่นโยคะเบาๆอยู่ในบ้านนี่แหละ
อย่าออกไปวิ่งคนเดียวเลย พี่ห่วง "
มั้ยล่ะ เจ้าชายของฉัน แสนดีได้คงเส้นคงวาจริงๆ แม้สถานะระหว่างเราจะไม่ชัดเจน แต่ความผูกพันค่อนข้างมั่นคงนะฉันว่า แม้วันข้างหน้าเราอาจจะไม่ได้เป็นคนรัก แต่ฐานะ
น้องสาวคนโปรดนี่ฉันค่อนข้างมั่นใจเชียวละ
แม้ระยะหลังพี่หม่อนจะเปลี่ยนจากพี่ชายยิ้มสวยเป็นพี่ชายที่เคร่งขรึมขึ้นแต่ความใจดียังคงเส้นคงวา
อยู่เช่นเดิม ไม่มีอีกแล้วเสียงเพลงมรณะเพลงนั้น ตอนนี้ฉันจะรู้ว่าพี่หม่อนกลับมาถึงบ้าน จากเสียงกดออดหน้าบ้านฉัน
1ครั้ง เป็นอันรู้กันว่า
' พี่กลับมาแล้ว '
แล้วหลังจากนั้นไม่เกินชั่วโมง เขาก็จะโทรเข้ามือถือของฉัน
เพื่อถามว่า
" วันนี้เราจะกินอะไรดี "
แมะ ..ความสัมพันธ์แอบขยับนิดหนึ่งเหมือนกันนะตรง..
มีเบอร์ของกันและกันแล้วนี่แหละ😁
บางวันเราจะเดินเข้าซอกเข้าซอยไปหาก๋วยเตี๋ยวร้านอร่อยกินกัน เพราะเราชอบสิ่งนี้เหมือนกัน ผิดกันแค่พี่หม่อนชอบต้มยำ
แต่ฉันชอบเย็นตาโฟ
จากนั้นก็พากันเดินกลับ เป็นการย่อยอาหาร นอกจากก๋วยเตี๋ยวแล้ว เรายังชอบฟังเพลงบรรเลงเหมือนกันด้วยค่ะ
บางครั้งในวันที่เราว่าง เราก็เปิดเพลงบรรเลงแล้วก็นั่งเงียบๆอยู่ข้างๆกัน
โดยที่เราไม่รู้สึกอึดอัดกับการที่ต้อง
อยู่อย่างไร้ถ้อยคำแบบนั้นเลยนะคะ
บางวันแม้พี่หม่อนจะว่างแต่ฉันก็ไปรดน้ำต้นไม้ให้เขา(เพราะอยากทำ)และบางวัน
พี่หม่อนก็มาช่วยฉันแพคของแถมทำกับข้าวให้กินก็มีค่ะ
ฉันว่า..บางทีคำพูดก็ไม่จำเป็นสำหรับเรานะ อยู่ในมุมเงียบๆ
บ้างก็ดีเหมือนกัน
เพราะเวลาที่โลกหมุนรอบตัวเอง ก็ไม่มีเสียงอะไรให้เราได้ยินเหมือนกันนี่นะ
สรุปว่า..ถ้าได้อยู่กับคนข้างๆหัวใจ โลกเงียบแค่ไหน แต่หัวใจก็อึกทึกครึกโครมค่า
÷÷÷÷÷÷÷÷÷÷
ขอคุยตบท้ายสักนิด
จริงๆ ตอนนี้ผมเขียน
เนื้อเรื่องไว้คร่าวๆ
หลังตอนที่สองไม่กี่วันเลยครับ แต่เพราะนายแม่ป่วย
ผมก็เลยไม่นึกอยากที่จะทำอะไรเลย
และ ..หลังจากที่นายแม่จากผมไปแล้ว
ผมก็มาคิดว่า ไม่ควรปล่อยให้ตัวเองอยู่กับความเศร้าหมองมากเกินไปนัก
ก็เลยหยิบเอาเรื่องนี้มาเขียนต่อ
สำหรับชื่อตอน
เผอิญช่วงอยู่รพ.ผมได้รู้จักน้องคนหนึ่ง
เธอมีลูกสาวที่น่ารักมาก และผมชอบชื่อของเธอ เลย..ขออนุญาตนำมาตั้งเป็นชื่อน้องเป้เสียเลย
ขอได้รับคำขอบคุณจากผมครับ
ขวัญเรียม...(เมื่อหัวใจรู้สึกดี 3 )
แต่นี่..เขาหายไปไหนก็ไม่ทราบ บ้านก็ปิด
รถมอเตอร์ไซค์ ก็ไม่อยู่ เพลงมรณะก็ไม่ได้ยิน บ้านทั้งหลังเงียบสงบ ฉันมองดูมุมจอดรถที่ว่างเปล่าแล้วก็ใจหาย หรือ...
เขาจะย้ายออกไปแล้วนะ ที่นี่เป็นแค่บ้านเช่า ใครจะอยู่
ใครจะไปไม่ใช่เรื่องยากอยู่แล้ว
แอบเศร้าแป๊บได้ไหม
แหม...จะย้ายก็น่าจะบอกฉันนิดนึงก่อน
ก็..ใจมันหายนี่นา
อุตส่าห์สนิทสนมกันแล้วแท้ๆ
เขาคงจะกลายเป็นความเคยชินของฉันไปแล้ว เพราะ แค่ไม่มีเขาคอยวนเวียนอยู่ข้างๆ โลกของฉันมันก็ช่างเงียบเหงาจนบอกไม่ถูก
ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีกลิ่นแป้งหรือน้ำหอมก็ไม่ทราบ ฉันไม่เคยได้กลิ่นนี้จากใคร
แต่ที่รู้คือ มันคือกลิ่นของพี่หม่อน และไม่อยากบอกเลยว่า
ฉันแอบสูดกลิ่นนั้นทุกครั้งเวลาเขามาวนเวียนอยู่ใกล้ๆ
ฉันว่า..ฉันคงคลั่งรักเขานั่นแหละ แต่..
ฉันก็เก็บอาการอยู่นะ
และฉันก็แทบจะไม่ไปบ้านเขาแม้ว่าเขาจะมาบ้านฉันบ่อยๆก็ตาม
นี่คือสิ่งที่ฉันเดินคิดมาตลอดทาง หลังกลับจากเซเว่น(ปาก
ซอย)ไปรับบัตรประชาชนคืนค่ะ วันก่อนไปทำธุระ แล้วทำบัตรหล่นไว้ที่นั่น โชคดีพี่ที่รู้จักจำได้ก็เลยโทรบอกให้ไปรับคืน ป้ำเป๋อน้อยเสียเมื่อไหร่ละคะ
ยิ่งตอนนี้ อาการยิ่งหนัก ต้องโทษพี่หม่อนนี่แหละ ไปไหนก็ไม่บอก ไม่รู้หรือไงว่าฉันห่วง
แน่ะ!..หาเรื่องโทษคนอื่นจนได้นะเรา
คุยกับตัวเองแถมบ่นตัวเองเสร็จสรรพ
เป็นเอามากนะยายคนนี้เนี่ย
แล้วฉันก็ต้องเบรคจนล้อลาก(ถ้าเป็นรถน่ะนะ) ก็..ผู้ชายที่ยืนเกาะรั้วอยู่หน้าบ้านฉันนั่น.. พี่หม่อนไม่ใช่หรือ
แม้จะแทบโดดแต่ฉันก็พยายามสำรวมอาการด้วยการเดินอย่างปกติที่สุดเข้าไปหาเขา
ผู้ชายที่เป็นรอยยิ้มของฉัน แต่วันนี้ดวงตาเขากลับแห้งแล้ง หดหู่จนฉันใจหาย ผมก็ยุ่ง เสื้อก็ยับ แม้พี่หม่อนจะไม่ใช่คนเนี๊ยบทุกกระเบียด แต่ฉันก็ไม่เคยเห็นเขาในมุมนี้มาก่อน
หลังจากดื่มน้ำจนหมดแก้ว เขาก็ส่งกุญแจบ้านให้ฉัน
พร้อมกับบอกว่า
" พี่จะรบกวนหนู
แวะเข้าไปรดน้ำต้นไม้ที่ระเบียงให้หน่อยได้ไหมครับ เพราะพี่คงไม่อยู่หลายวัน "
"ได้น่ะได้ค่ะ แต่พี่จะไปไหนคะ "
" พอดีแม่พี่ป่วย เข้ารพ.มา2-3วันแล้ว
พี่ก็เพิ่งเคลียร์งานเสร็จ ก็เลยจะมาเตรียมของไปอยู่เฝ้าท่านน่ะครับ "
โอ้...นี่เองสินะสาเหตุที่ให้คนหล่อ เซอร์ได้ใจขนาดนี้
" ไม่ต้องห่วงเลยค่ะหนูจะดูแลให้อย่างดีเลย ว่าแต่..ได้นอนมั่งหรือเปล่าคะเนี่ย
ทำไมโทรมจัง "
" นอนไม่หลับ "
คำสารภาพนั้น เล่นเอาฉันตัดสินใจได้ใน10วิ
" แม่พี่อยู่รพ.ไหนคะ
หนูขับรถไปส่งดีกว่าอย่าไปคนเดียวเลย
หนูเป็นห่วง "
ไม่รู้ว่าเพราะคำพูดนั้น หรือตาอ้อนๆของฉัน ทำให้ฉันได้มานั่งอยู่ข้างๆพี่หม่อนหน้าห้องlCU ในรพ.ซึ่งเป็นศูนย์โรคหัวใจที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในระดับประเทศ
พอเราเข้าไปถึง
คุณหมอก็แจ้งอาการของคนไข้ให้ทราบจากนั้นก็ตามมาด้วยคำแนะนำที่เป็นประโยชน์กับคนไข้ที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าคือการผ่าตัด พร้อมคำถามที่ว่า
" ญาติยินยอมให้หมอผ่าตัดไหมครับ "
"......"
และตอนนี้ผู้ชายตัวโตที่ชื่อพี่หม่อนก็มานั่งนิ่งอยู่ข้างๆฉัน โดยที่ฉันไม่รู้เลยว่าภายใต้ท่าทางที่นิ่งสนิทนั่น เขาคิดอะไรอยู่ ฉันเห็นเขาเงยหน้ามองดวงไฟหน้าห้อง ICU เหมือนมันเป็นสิ่งที่น่าสนใจเสียเต็มประดา
" จับมือหนูไว้ก็ได้นะคะ เพราะวันนี้หนูจะนั่งอยู่ตรงนี้จนกว่าพี่หม่อนจะได้เจอคุณแม่เลยค่ะ "
" แต่คุณหมอให้เรากลับบ้านครับ ถ้าเป็น
ห้องไอซียูเราเฝ้าไม่ได้ "
" เอ้า "
เวลาดูละครฉันก็เห็นพระเอก-นางเอกเฝ้าอยู่หน้าห้องจนคนไข้ผ่าตัดเสร็จออกมาได้ไม่ใช่หรือ แสดงว่าในละครหลอกเราสินะ
แม้จะบอกแบบนั้น
แต่พี่หม่อนก็จับมือฉันไว้นะคะ มือใหญ่นั้นเย็นชืดจนฉันต้องบีบมือเขาแน่น
" พี่หม่อนกลัวหรือคะมือเย็นเชียว "
พอเขาหลุบตาลงมามอง ฉันจึงเห็นว่าตาของเขาแดงจัด แม้ไม่มีน้ำตาแต่ในใจคง
โศกสลดจนอธิบายเป็นคำพูดไม่ถูกแล้วกระมัง คนไม่ร้องไห้แต่ตาแดงนี่ ฉันว่าน่าสงสารไม่แพ้คนร้องไห้มีน้ำตาหรอก เพราะคงแบกรับความทุกข์ระทมไว้ไม่ใช่น้อยเช่นกัน
ต่างแค่ว่า ถ้ามันได้ระบายออกมากับน้ำตาเสียบ้าง ก็คงได้คลายความอัดอั้นไม่มากก็น้อย
" พี่หม่อนอย่าห่วงเลย
หนูเชื่อว่าคุณแม่ต้องปลอดภัยแน่นอนค่ะ "
" จริงหรือ "
" แน่นอน เพราะนอกจากที่นี่จะเป็นศูนย์โรคหัวใจแล้ว
คุณหมอที่ผ่าตัดคุณแม่ ท่านยังเก่งมากๆเลยละ และที่สำคัญกว่านั้น มะกี๊หนูยังบนหลวงปู่โสธรไปแล้วด้วย ยังไงท่านก็ต้องช่วยพวกเราอยู่แล้วค่ะ "
เท่านั้นคนตาแดงๆ
ก็ทำหน้ากลั้นขำก่อนจะหันมามองหน้าฉันแล้วถามเสียงนิ่ง
" ไข่กี่ฟอง "
" 500ค่ะ กับนางรำโรงเล็กอีกชุดนึงด้วย "
" โอเค ถ้าแม่ปลอดภัย พี่จะพาหนูมาแก้บนด้วยกัน
แต่ตอนนี้คงต้องกลับบ้านก่อนนะครับ
พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ "
เลยกลายเป็นว่าคืนนั้นพี่หม่อนมานอนสิ้นฤทธิ์อยู่ที่โถงชั้นล่างของบ้านฉันโดยก่อนหลับฉันทำข้าวต้มกุ๊ยกับยำกุ้งแห้งให้กินรองท้อง
××××××××××××
หลังผ่าตัดอาการคนไข้ก็ดีขึ้นตามลำดับ แม้อายุจะมากแต่โดยรวมก็ต้องถือว่าดีในระดับหนึ่ง
ช่วงนี้ นอกจากจะไปช่วยรดน้ำต้นไม้แล้วบางวันฉันยังเข้าไปช่วยทำความสะอาดบ้านให้ด้วย (เป็นโปรโมชั่นแถมฟรี)
แม้จะยังยุ่งๆ แต่ถ้ามีเวลาพี่หม่อนก็ยังคงพาฉันไปวิ่งออกกำลังตอนเช้าเสมอ โดยเขาสั่งฉันไว้ว่า
" ถ้าวันไหนพี่ไม่ว่าง
หนูก็เล่นโยคะเบาๆอยู่ในบ้านนี่แหละ
อย่าออกไปวิ่งคนเดียวเลย พี่ห่วง "
มั้ยล่ะ เจ้าชายของฉัน แสนดีได้คงเส้นคงวาจริงๆ แม้สถานะระหว่างเราจะไม่ชัดเจน แต่ความผูกพันค่อนข้างมั่นคงนะฉันว่า แม้วันข้างหน้าเราอาจจะไม่ได้เป็นคนรัก แต่ฐานะ
น้องสาวคนโปรดนี่ฉันค่อนข้างมั่นใจเชียวละ
แม้ระยะหลังพี่หม่อนจะเปลี่ยนจากพี่ชายยิ้มสวยเป็นพี่ชายที่เคร่งขรึมขึ้นแต่ความใจดียังคงเส้นคงวา
อยู่เช่นเดิม ไม่มีอีกแล้วเสียงเพลงมรณะเพลงนั้น ตอนนี้ฉันจะรู้ว่าพี่หม่อนกลับมาถึงบ้าน จากเสียงกดออดหน้าบ้านฉัน
1ครั้ง เป็นอันรู้กันว่า
' พี่กลับมาแล้ว '
แล้วหลังจากนั้นไม่เกินชั่วโมง เขาก็จะโทรเข้ามือถือของฉัน
เพื่อถามว่า
" วันนี้เราจะกินอะไรดี "
แมะ ..ความสัมพันธ์แอบขยับนิดหนึ่งเหมือนกันนะตรง..
มีเบอร์ของกันและกันแล้วนี่แหละ😁
บางวันเราจะเดินเข้าซอกเข้าซอยไปหาก๋วยเตี๋ยวร้านอร่อยกินกัน เพราะเราชอบสิ่งนี้เหมือนกัน ผิดกันแค่พี่หม่อนชอบต้มยำ
แต่ฉันชอบเย็นตาโฟ
จากนั้นก็พากันเดินกลับ เป็นการย่อยอาหาร นอกจากก๋วยเตี๋ยวแล้ว เรายังชอบฟังเพลงบรรเลงเหมือนกันด้วยค่ะ
บางครั้งในวันที่เราว่าง เราก็เปิดเพลงบรรเลงแล้วก็นั่งเงียบๆอยู่ข้างๆกัน
โดยที่เราไม่รู้สึกอึดอัดกับการที่ต้อง
อยู่อย่างไร้ถ้อยคำแบบนั้นเลยนะคะ
บางวันแม้พี่หม่อนจะว่างแต่ฉันก็ไปรดน้ำต้นไม้ให้เขา(เพราะอยากทำ)และบางวัน
พี่หม่อนก็มาช่วยฉันแพคของแถมทำกับข้าวให้กินก็มีค่ะ
ฉันว่า..บางทีคำพูดก็ไม่จำเป็นสำหรับเรานะ อยู่ในมุมเงียบๆ
บ้างก็ดีเหมือนกัน
เพราะเวลาที่โลกหมุนรอบตัวเอง ก็ไม่มีเสียงอะไรให้เราได้ยินเหมือนกันนี่นะ
สรุปว่า..ถ้าได้อยู่กับคนข้างๆหัวใจ โลกเงียบแค่ไหน แต่หัวใจก็อึกทึกครึกโครมค่า
÷÷÷÷÷÷÷÷÷÷
ขอคุยตบท้ายสักนิด
จริงๆ ตอนนี้ผมเขียน
เนื้อเรื่องไว้คร่าวๆ
หลังตอนที่สองไม่กี่วันเลยครับ แต่เพราะนายแม่ป่วย
ผมก็เลยไม่นึกอยากที่จะทำอะไรเลย
และ ..หลังจากที่นายแม่จากผมไปแล้ว
ผมก็มาคิดว่า ไม่ควรปล่อยให้ตัวเองอยู่กับความเศร้าหมองมากเกินไปนัก
ก็เลยหยิบเอาเรื่องนี้มาเขียนต่อ
สำหรับชื่อตอน
เผอิญช่วงอยู่รพ.ผมได้รู้จักน้องคนหนึ่ง
เธอมีลูกสาวที่น่ารักมาก และผมชอบชื่อของเธอ เลย..ขออนุญาตนำมาตั้งเป็นชื่อน้องเป้เสียเลย
ขอได้รับคำขอบคุณจากผมครับ