พระธรรมฑูต นี่เป็นแล้วเป็นเลยตลอดชีพเลยหรือ?

พระบวชมา 30 กว่าพรรษาแล้ว เคยปฏิบัติหน้าที่เป็นพระธรรมทูตที่ออสเตรเลียแค่ไม่ถึงปี จากนั้นไปประจำที่เยอรมันอยู่ราว 5ปี ( ไม่แน่ชัดว่าเป็นโยมนิมนต์ไปจำวัดหรือพระธรรมฑูตส่งไปหรือไม่ ) ประเด็น คือ
1. ชอบเล่าว่าตอนอยู่เยอรมัน.บลา บลาทั้งที่กลับมาอยู่ไทยตั้งแต่ปี 2009
-ญาติ โยม จะศรัทธามาก เพราะเห็นว่าเป็นพระเคยอยู่ในต่างประเทศ แต่มาอยู่ในวัดทุรกันดารจึงเลื่อมใส ชอบบอกว่าไม่อยากไปอยู่เยอรมันแล้ว ปล่อยวาง อยากปฏิบัติ 
แต่ในความเป็นจริงคือเป็นเรื่องสุขภาพที่อยู่กับ กาศหนาวไม่ได้จึงต้องกลับสะเก็ดเงิน
2. ชอบอ้าง คุยเกทับ เช่น โยมบอกว่าเกิดทันหลวงปู่ดู่ อยุธยาเคยบวชเณรให้ ก็จะเกว่าเคยใกล้ชิดสมเด็จฯพระญาณสังวร คือเกทับทุกเรื่อง ชอบเอาเรื่องคนอื่นมาเล่าเป็นของตัว
3.เวลาตำหนิชอบอ้างวัดป่า ครูบามากันเพียบ
แต่ตัวเองฉันท์เช้าที เป็นชั่วโมง เช่นลากยาว
จาก 8:45-10:45  พอดีมีญาติ- โยมมาถวายเพลก็ฉันท์ต่อเลย ระหว่างฉันท์ก็เล่นโทรศัพท์
ฉันท์เสร็จเหยียดขานั่งราบเมื่อย
4. อัตตาสูง อยากเอาชนะมาก ชอบประชด เช่นการบิณฑบาตชอบมีความคิดว่าญาติโยม ศรัทธาในตัวเองสูง จะบิณฑบาตสายเขาก็ตะรอใส่ และไม่สนใจ'คนรีบเพราะตัวเองพิจารณาก่อน อะไรชอบใจก็เอาไว้หมด 
เช่นทุเรียน ชอบมากเคยมีคนเอามาถวายแบบพูใหญ่มาก 1 พู ท่านก็หยิบท่อนกลาง เหลอหัว- ท้ายไว้ให้ ล่าสุดเอามาถวาย 2 ลูกใหญ่ แกะเป็น  2 จานๆละลูก ก็ฉันท์ทั้ง 2 จาน แล้วไม่ถอยออกมาเก็บไว้เองก่อน จนอีกวัน คนอื่นถึงได้ฉันท์ วันไหนอาหารน้อยก็รวบเอาไว้หมดคนอื่นอดไป เพราะกฏว่าอาวุโสพิจารณา
 5.พูดโกหกหน้าตาเฉย โกหกจนคล่องปาก แบบไม่รู้สึกอะไร อ้างว่าเป็นกุศโลบาย
ทุกวันนี้เราจะพยายามไม่ข้องเกี่ยว ไม่ร่วมสังฆกรรมด้วยสมควรหรือไม่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่