ตัวเราเป็นแม่เลี้ยงจะต้องเปลี่ยนนิสัย ดื้อ ก้าวร้าว ไม่รู้สึกผิดกับการกระทำของตัวเอง (เด็กอายุ 10 ขวบ)

เริ่มเรื่องเลยนะค่ะ เราเป็นแม่เลี้ยงของเด็กหญิง(ชื่อย่อ) น. เราคบกับพ่อของเค้าได้ประมาณ 4-5 เดือน เดือนแรกที่รู้จักกันกับ น. นิสัยดีน่ารักพูดเก่ง พูดเพราะ ตอนแรก น.อยู่กับย่าของเค้า ย่าเค้าเลี้ยงไม่ไหว เลยอยากให้มาอยู่กับพ่อแล้วก็อยู่กับเราด้วย และตัว น.เองอยากมาอยู่กับเรา น.ก็อยากมาอยู่กับเราด้วย เราตรงลงกัน พ่อ ย่า เรา น. ว่ามาอยู่ด้วยกันต้องช่วยกันทำงานบ้านนะ น.บอกตรงลงหนูจะช่วยทุกอย่าง พอมาอยู่ด้วยกันช่วงแรก น.ก็ช่วยนะ แต่ต้องคอยบอกเค้าถึงจะช่วย ไม่มีอาการใดๆ และเรื่องส่วนตัวเราก็คอยเราสู่กันฟังตาม แม่ลูกเลี้ยง พอเข้าเดือนที่ 3-4 เริ่มมีอาการทำข้าวของเสียงดัง เดินเท้าเสียงดัง เริ่มบอกกับเพื่อนของ น. เค้าว่าเราจุกจิก เพราะว่าเราไปถามเรื่องการบ้านการเรียนของเค้า (เค้าไม่ค่อยสนใจเรียน การบ้านไม่ทำ โกหกเรื่องการบ้านเราเลยต้องจี้ เราสอนใช่ว่าเราตะคอก เราไม่เคยใช้อารมณ์กับ น.และไม่เคยตีแม้แต่นิดเดียว) อะไรที่ไม่ดีเราก็บอกกก็สอนแต่ มีวันนึงกลับมาจาก รร เค้ากับมานอนเล่น เราก็ไม่ได้อะไร แต่มันจะมืดแล้วเราเลยเรียกมาทำงานบ้าน แต่ น.มีอาการไม่พอใจทำเสียงถอนหายใจ(ดัง) เดินลงน้ำหนักที่เท้า แล้วทำล้างจานของเสียงดัง เราก็บอกเดียวจานแตก เค้าก็ทำเมิน ทำแบบนี้อบู่บ่อยมากหลายรอบ ก็เรียกคุยว่าทำแบบนี้ไปทำไมต้องการอะไร ที่ทำไปอะจะทำให้เรารู้สึกไม่ดีต่อกันนะ เราพูดด้วยเหตุผลไม่มีอารมณ์ เพราะในตอนนั้นเราแบบว่าเด็กอะ เราก็เคยเป็นพยายามบอกพยามยามสอน ดีได้ 2-3 วันก็เป็นแบบเดิมอีกและกี่ครั้งที่เป็นไม่เคยขอโทษเลย แต่ละครั้งที่ทำวันนั้นพออีกวัน น.ก็ชวนคุยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  แบบนี้ทุกรอบ พอรอบที่สาม เรารู้สึกว่าไม่ใช่และเพราะอาการของ น.เริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ เหมือนเค้าไม่ได้มองว่าเราเป็นแม่ หรือ ผู้ปกครอง หรือ พี่ เราเลยเตือนด้วยทั้งน้ำตา บอกไปว่าเหนื่อยนะกลับมาต้องมาเจออะไรแบบนี้ ทำไปเพราะอะไร ไม่อยากอยู่ด้วยกันหรอ ทำไปแบบนี้จะทำให้อึดอัดนะ เราไม่เคยทำอะไรให้ ไม่เคยทำไรให้ทำไมต้องมาทำใส่ (หน้าที่เราทุกวัน 1.ตื่นมาถากเปียให้ (บางทีทำกับข้าวให้กินก่อนไป รร ) 2.ไปส่งเค้าที่ รร แล้วไปทำงาน 3.เลิกงานมาไปรับ 4.กลับบ้านมาทำกับข้าวและงานบ้าน ) จากนั้นเราอาบน้ำเสร็จเค้าเดินมากอดเราแล้วบอกขอโทษแล้วก็ร้องไห้ครั้งนี้เรารู้สึกว่าเค้าน่าจะรู้สึกผิดจริงๆ แล้วก็ปกติ พอมาล่าสุดเข้าเดือนที่ 6-7 เริ่มมีอาการยิ่งกว่าเดิมหนักกว่าเดิม ล่าสุด เราคุยกันวันนี้กินส้มตำกันไหม น.กิน หุงข้าวด้วย แล้วเราไปซื้อของด้วยกันไปรับเพื่อนของเราด้วยกันปกติ แต่พอกับห้องมา เพื่อนเราตำส้มตำเสร็จนั่งกินกัน เค้ามองหน้าเราตาขวางแล้วก็มองไปทาฃตู้เย็น 2-3 รอบ ไม่มีพูด แล้วก็ร้องไห้บอกเราเดี๋ยวหนูไปหยิบเอง พ่อเค้าถามว่าเป็นไร เผ็ดกินไม่ได้หรอ  เราก็ถามว่ากินไม่ได้หรอ ไข่ไหม น. ก็บอกไม่กินแล้วก็มองเราตาขวางตาลอย กระดิกเท้า เราก็มองหน้าตอนนั้นเราถามด้วยอารมณ์แล้วเพราะทนไม่ไหวกับการกระทำแบบนี้ เราเลยเดินออกมาจากตรงนั้น แล้วสงบสติตัวเอง แล้วเดินเข้ามาแล้วบอกพ่อ น. ว่าดูลูกสิ ทำหน้าใส่กู เรียกมาถามเลยได้ทำจริงไหม พอ น. เดินเข้า พ่อเค้าถามว่าได้ทำไหม เค้าทำหน้าใสสื่อ แล้วบอกว่าไม่ได้ทำค่ะ (ถามจริงถ้าคนไม่มีอาการอะไรเราจะทำแบบนั้นเผื่ออะไร)เราเลยบอกว่าต่อไปนี้ไม่ต้องอะไรกันไม่รู้สึกผิดจริงๆไม่ต้องมายุ่ง เราถามไปว่าถามตรงๆ น. มองพี่เป็นอะไร น. บอกไม่รู้ เราเลยบอกรู้อยู่แล้วคำตอบตอ้องตอบแบบนี้ เพราะต่อไปนี่เราก็บอก น. ต่อไปนี้พี่ก็ไม่รู้ว่าเองเป็นอะไรกับพี่แล้วเหมือนกัน  ทำอะไรกับเรามาเราจะทำกลับ และต่อไปจะไม่แคร์ความรู้สึก แล้วอะไรที่ทำให้เพราะไม่รู้จะทำไปทำไมเหมือนกัน (ตั้งแต่อยู่กับ น. หลังๆเริ่มแสดงธาตุแท้ น. ไม่เคยเคารพผู้ใหญ่ ไม่รู้จักบุญคุณใครเลย ไม่แคร์ ไม่รู้สึกผิดที่ตัวเองทำไป เอาอารมณ์ตัวเอง ทำกับหลายคนมากกับผู้มีพระคุณ ก้าวร้าว ) ที่เล่ามาแค่คราวๆ มีเรื่องมากมายกว่านั้น เราอยากรู้ว่าเราต้องทำใงดี เพราะหมดหนทางที่จะสอนเค้าแล้ว ไม้อ่อนก็แล้วอะไรก็แล้ว อีกอย่างเราต้องทะเลาะกับแฟนกับเรื่องพวกนี้ ตอนนี้(เหมือนแฟนจะมองว่าเราจับผิดแต่ลูกเค้า พอเราบอกว่าเราโดนนั้นโดนนี้เค้าได้แต่พูดว่าเค้ามองไม่เห็นตอน น. ทำ ตอนนี้เราท้อมากๆ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่