ประเด็น "พระสารีบุตรผู้หมุนธรรมจักร ไม่ใช่พระคึกฤทธิ์"
ด้วยผลแห่งการจาบจ้วงพระสารีบุตร ซึ่งพระคึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล ได้กระทำอยู่เนืองๆ กระทำทุกที่ๆ ที่มีโอกาสพูดได้ ซ้ำซากๆ ตลอดเวลา จนกลายเป็นลัทธิจาบจ้วงพระสารีบุตร ทำให้เหล่าสาวกของพระคึกฤทธิ์พากันเรียกพระสารีบุตรด้วยชื่ออย่างเดียว ตามหลักฐานที่ได้แสดงมาแล้วในบทความก่อน
นอกจากสาวกของพระคึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล จะจาบจ้วงพระสารีบุตรแล้ว ยังยกพระคึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล เป็นพระอรหันต์เหนือพระสารีบุตร ด้วยการยกพระคึกฤทธิ์ให้เป็นผู้หมุนธรรมจักร ทั้งๆ ที่พระพุทธเจ้าทรงยกพระสารีบุตรไว้ในฐานะผู้หมุนธรรมจักรแห่งพระพุทธศาสนานี้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สารีบุตรก็เป็นผู้ประกอบด้วยคุณธรรม ๕ ประการ จึงสามารถยังธรรมจักรอันไม่มีจักรอื่นยิ่งกว่า อันตถาคตหมุน ไปแล้ว ให้หมุนไปตามได้โดยชอบแท้, และทั้งจักรนั้น เป็นจักรที่สมณะ หรือพราหมณ์ หรือเทวดา มาร พรหม หรือใคร ๆ ในโลก ไม่สามารถ ต้านทานให้หมุนกลับได้.
ภิกษุทั้งหลาย สารีบุตรเป็นผู้รู้จักเหตุ รู้จักผล รู้จักประมาณ รู้จักกาล รู้จักบริษัท.
ภิกษุทั้งหลาย สารีบุตรประกอบด้วยคุณธรรม ๕ ประการเหล่านี้แล จึงสามารถหมุนธรรมจักร อันไม่มีจักรอื่นยิ่งกว่า ที่ตถาคต หมุนไปแล้ว ให้หมุนไปตามได้โดยชอบแท้ และทั้งเป็นจักรที่สมณะ หรือ พราหมณ์ เทวดา มาร พรหมหรือใคร ๆ ในโลก ไม่สามารถต้านทาน ให้หมุนกลับได้.
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๒ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๔ อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต
แต่ก็คงไม่แปลกอะไร เพราะสาวกพระคึกฤทธิ์ ยังยกพระคึกฤทธิ์เสมอด้วยพระพุทธองค์ ผู้ทรงเปิดธรรมที่ถูกปิด หงายของที่คว่ำ ไม่ว่าสาวกท่านคึกฤทธิ์จะเข้าใจผิดในเรื่องนี้หรือไม่อย่างไร ขอให้ไปศึกษาดูว่า แท้จริงแล้ว ใครกันแน่ในโลกนี้ ที่เปิดธรรมที่ถูกปิด พระผู้มีพระภาค หรือพระคึกฤทธิ์กันแน่
เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว ปุณณโกลิยบุตรผู้ประพฤติวัตรดังโค ได้กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก เปรียบเหมือนบุคคลหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางแก่คนหลงทางหรือตามประทีปในที่มืดด้วยหวังว่าผู้มีจักษุจักเห็นรูป ดังนี้ ฉันใด พระโคดมผู้เจริญ ทรงประกาศธรรมโดยอเนกปริยาย ฉันนั้นเหมือนกัน ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ขอถึงพระผู้มีพระภาคพระธรรมและพระภิกษุสงฆ์ว่าเป็นสรณะ ขอพระผู้มีพระภาคจงทรงจำข้าพระองค์ว่าเป็นอุบาสกผู้ถึงสรณะตลอดชีวิต ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป.
แหล่งข้อมูล :
http://watnaprapong.blogspot.com/2014/11/blog-post_98.html?m=1
ประเด็น "พระสารีบุตรผู้หมุนธรรมจักร ไม่ใช่พระคึกฤทธิ์"
ด้วยผลแห่งการจาบจ้วงพระสารีบุตร ซึ่งพระคึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล ได้กระทำอยู่เนืองๆ กระทำทุกที่ๆ ที่มีโอกาสพูดได้ ซ้ำซากๆ ตลอดเวลา จนกลายเป็นลัทธิจาบจ้วงพระสารีบุตร ทำให้เหล่าสาวกของพระคึกฤทธิ์พากันเรียกพระสารีบุตรด้วยชื่ออย่างเดียว ตามหลักฐานที่ได้แสดงมาแล้วในบทความก่อน
นอกจากสาวกของพระคึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล จะจาบจ้วงพระสารีบุตรแล้ว ยังยกพระคึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล เป็นพระอรหันต์เหนือพระสารีบุตร ด้วยการยกพระคึกฤทธิ์ให้เป็นผู้หมุนธรรมจักร ทั้งๆ ที่พระพุทธเจ้าทรงยกพระสารีบุตรไว้ในฐานะผู้หมุนธรรมจักรแห่งพระพุทธศาสนานี้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สารีบุตรก็เป็นผู้ประกอบด้วยคุณธรรม ๕ ประการ จึงสามารถยังธรรมจักรอันไม่มีจักรอื่นยิ่งกว่า อันตถาคตหมุน ไปแล้ว ให้หมุนไปตามได้โดยชอบแท้, และทั้งจักรนั้น เป็นจักรที่สมณะ หรือพราหมณ์ หรือเทวดา มาร พรหม หรือใคร ๆ ในโลก ไม่สามารถ ต้านทานให้หมุนกลับได้.
ภิกษุทั้งหลาย สารีบุตรเป็นผู้รู้จักเหตุ รู้จักผล รู้จักประมาณ รู้จักกาล รู้จักบริษัท.
ภิกษุทั้งหลาย สารีบุตรประกอบด้วยคุณธรรม ๕ ประการเหล่านี้แล จึงสามารถหมุนธรรมจักร อันไม่มีจักรอื่นยิ่งกว่า ที่ตถาคต หมุนไปแล้ว ให้หมุนไปตามได้โดยชอบแท้ และทั้งเป็นจักรที่สมณะ หรือ พราหมณ์ เทวดา มาร พรหมหรือใคร ๆ ในโลก ไม่สามารถต้านทาน ให้หมุนกลับได้.
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๒ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๔ อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต
แต่ก็คงไม่แปลกอะไร เพราะสาวกพระคึกฤทธิ์ ยังยกพระคึกฤทธิ์เสมอด้วยพระพุทธองค์ ผู้ทรงเปิดธรรมที่ถูกปิด หงายของที่คว่ำ ไม่ว่าสาวกท่านคึกฤทธิ์จะเข้าใจผิดในเรื่องนี้หรือไม่อย่างไร ขอให้ไปศึกษาดูว่า แท้จริงแล้ว ใครกันแน่ในโลกนี้ ที่เปิดธรรมที่ถูกปิด พระผู้มีพระภาค หรือพระคึกฤทธิ์กันแน่
เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว ปุณณโกลิยบุตรผู้ประพฤติวัตรดังโค ได้กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก เปรียบเหมือนบุคคลหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางแก่คนหลงทางหรือตามประทีปในที่มืดด้วยหวังว่าผู้มีจักษุจักเห็นรูป ดังนี้ ฉันใด พระโคดมผู้เจริญ ทรงประกาศธรรมโดยอเนกปริยาย ฉันนั้นเหมือนกัน ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ขอถึงพระผู้มีพระภาคพระธรรมและพระภิกษุสงฆ์ว่าเป็นสรณะ ขอพระผู้มีพระภาคจงทรงจำข้าพระองค์ว่าเป็นอุบาสกผู้ถึงสรณะตลอดชีวิต ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป.
แหล่งข้อมูล : http://watnaprapong.blogspot.com/2014/11/blog-post_98.html?m=1