เราขอตั้งกระทู้ใหม่เพื่อสอบถาม กระทู้ก่อนหน้าอาจจะไม่ละเอียดเหตุการ์ณมันดังนี้
1.เรารับสินค้าหนึ่งจากเซลล์มามันคือเหรียญหยอดตู้ถ้าใครรู้จักตู้เกมคงเข้าใจ
แล้วที่นี่วิธีการรับมาคือเซลล์จะนำเหรียญของตู้เราออกให้หมดก่อนเพื่อคิดคำนวนเงินที่ต้องจ่าย
ก่อนที่จะไปยื่นกับบริษัทแล้วทางบริษัทจะส่งมอบให้ทางร้านเป็นคนดำเนินจ่ายอีกที แน่นอนว่ามันมีปัญหาเกิดขึ้นเราเองทำงานได้แค่เดือนเดียวก็ทำงานกับรุ่นพี่ปกติคอยขอคำแนะนำจากรุ่นพี่ตลอด ที่นี่เซลล์แจ้งว่าไม่สามารถเปิดตู้หนึ่งได้โดยให้เราลองใช้กุญแจเปิดแล้วแต่ก็เปิดไม่ออกและไม่สามารถคำนวนเงินในตู้นั้นได้ แต่เซลล์คาดการ์ณจากสินค้าที่เป็นรางวัลคงเหลือแทน ตอนแรกเราทำการแย้งแล้วแต่เซลล์แจ้งต้องทำรายงานส่งบริษัทให้สมบูรณ์ก่อนที่จะเดินออกไปไม่ทราบว่าไปคุยกับทางบริษัทหรือยังไงแต่กลับมาอีกทีเซลล์ตัดปัญหาให้คือยกยอดโดยให้เราเหมาตู้นั้นแม้ว่าจะมีของเหลืออยู่ แต่ในเดือนต่อไปจะไม่นำมาคิดเป็นยอดขายและต้องขึ้นเหรียญแก่ร้านค้าทั้งหมดรวมถึงรางวัลในตู้นั้น พร้อมแจ้งว่าเดียวจะแจ้งเรื่องตู้นี้แก่บริษัทและเจ้าของร้าน จากนั้นเราก็แจ้งไปยังทางเจ้าของร้านให้รับทราบแน่นอนว่าคนที่บอกให้แจ้งคือตัวรุ่นพี่ที่คอยกำกับเรา และได้โทรแจ้งพร้อมกับโดนด่าในวันนั้นด้วยยังคงจำได้
2.ผ่านหลังจากนั้นมาสามเดือนเจ้าของร้านพบความผิดปกติเพราะเหรียญในแต่ละเดือนมันขายเกินบ้างขาดบ้าง ซึ่งเราเองก็ไม่รู้เรื่องนั้นในส่วนรายละเอียดเพราะเราเป็นแค่พนักงานขายเหรียญปกติที่เป็นสินค้า ขายไปและลงจำนวนกับยอดขายให้ตรงกับที่รับเงินมาโดยตลอดสุจริตไม่เคยโกงหรือแอบเอาเหรียญออกไปจากร้าน ที่นี่ร้านก็มาพบว่าปัญหาต้นตอเกิดจากเดือนที่เรารับเหรียญโดยเราก็ได้แย้งแล้วว่าเราทำตามที่รุ่นพี่สอนรวมทั้งเซลล์เองก็แจ้งแล้วว่าตู้มีปัญหาจะไปบอกบริษัทและร้านเราในภายหลังแต่ไม่มีการบอกและแจ้งว่าสามารถเปิดตู้ได้ครบโดยไม่มีปัญหาแทน
3.ร้านไปแจ้งแก่บริษัทถึงการทำงานที่ผิดพลาดของเซลล์ทำให้ร้านเสียหายเพราะต้องจ่ายยอดตู้ที่แกะไม่ได้ซ้ำถึงสามครั้ง โดยครั้งหนึ่งเซลล์ได้คิดแบบเหมาไปแล้ว แต่ครั้งที่สองเซลล์น่าจะลืมและนำไปคิดอีกครั้งทำให้ยอดเงินที่ต้องจ่ายมันสูงขึ้นประกอบกับมีปัญหาแบบเดียวกันอีกสองตู้แต่ครั้งนี้พี่อีกคนที่เป็นรุ่นพี่รับเรื่องมา และครั้งที่สามเซลล์ใหม่เข้ามารับช่วงต่อและสามารถแกะได้ปกติเขาจึงเข้าใจว่าต้องคิดเพราะเซลล์ออกจากบริษัทไปแล้วด้วยเหตุผลบางอย่างแต่ไม่แจ้งบริษัทว่าตู้มีปัญหาเพราะงั้นเลยไม่รู้ถึงเรื่องนั้น แต่ทางบริษัทชดเชยร้านเพียงแค่ส่วนของเหรียญที่เซลล์แจ้งเก็บเกินมาเพียง 1300 บาทซึ่งยอดเหรียญที่มีปัญหาคือ 26000 บาทเพราะทางร้านได้จ่ายเซลล์ไปแล้วถึงสามครั้งโดยเป็นยอดเงินประมาณนี้
4.ทางร้านได้แจ้งพนักงานถึงการที่บริษัทไม่ได้ชดเชยและแจ้งให้พนักงานสองคนซึ่งคือเรากับรุ่นพี่ให้เตรียมตัวเพื่อเซ็นยอมรับสภาพหนี้ในฐานะที่ทำงานไม่รอบคอบส่งผลให้ร้านเสียหาย โดยทางร้านยังไม่ได้แจ้งมูลค่าเพียงแค่กำลังอยู่ในการดำเนินการ โดยเขาให้เหตุผลว่าเป็นหนี้ทางบริษัทหลายหมื่นบาทแน่นอนว่าถ้าคำนวนจากตัวเลขทางเราก็เข้าใจว่าทางร้านให้แชร์ช่วยกันจ่ายคนละ 13000 โดยประมาณ เงินเดือน ณ ตอนนั้นเรา 10000 โดยที่เรามีกำหนดการออกเดือนนี้ด้วยตามที่แจ้งทางร้านไป
5.ตอนแรกเราขอเข้าไปคุยกับทางร้านว่าจะขอออกก่อนกำหนดแต่ทางร้านไม่ยินยอมแน่นอนว่าเราก็ไม่ได้ติดใจซึ่งตามประมวลกฏหมายก็ทำไม่ได้แต่วันนั้นเราก็ไม่ได้แจ้งขอลาหยุดไปเนื่องจากสภาพไม่พร้อมแก่การทำงาน เพียงแต่ทางร้านให้เราเข้าไปคุยเจรจาในวันถัดมา วันถัดมาเราไม่ได้เข้าไปคุยเนื่องจากปัญหาส่วนตัว+อาการโรคซึมเศร้าที่หนักขึ้นเพราะความเครียดเลยหยุดงานแบบไม่บอกกล่าว แต่ในช่วงบ่ายของวันเดียวกันทางร้านมีประกาศปลดเราออกจากพนักงานเนื่องด้วยการทำกิริยาไม่เหมาะสมต่อผู้บริหาร (เช้าวันที่เข้าไปแจ้งขอออกงานก่อนกำหนด เราทำงานเช็คสินค้าภายในร้านได้ 1 ชั่วโมงแล้วก็ขอหยุดโดยไม่บอกกล่าว)
6.เราถูกไล่ออกและไม่ได้รับเงินในส่วนที่ทำงานมาและแน่นอนว่าเราว่าเรายอมรับในการตัดสินใจของทางร้าน และไม่ได้ไปทวงเงินเดือนแต่อย่างใด เพียงแต่ทางร้านมีการติดต่อเรามาเพื่อให้เราเข้าไปเซ็นเอกสารรวมถึงบอกให้ไปเช็คสินค้าตอนสิ้นเดือนเนื่องจากแจ้งว่ามีสินค้าหาย (จริงๆคือไม่ได้หายยังคงมีอยู่แค่รับเข้าไม่ครบเพราะความประมาทของทางเราเองที่ใส่เลขผิด) นอกจากนี้ยังแจ้งว่าจะขู่ฟ้องเราหลายอย่างทั้งกรมแรงงาน ทั้งเรื่องของการทำให้ร้านเสียหายในส่วนของพนักงานขาย และอื่นๆ
จุดนี้อยากจะถาม
- ในส่วนที่เซลล์กระทำไม่ถูกต้องและร้านรับรู้แล้ว เรายังต้องรับสภาพหนี้จากทางร้านโดยคิดตามหลักการคือมูลค่าส่วนต่างจากที่ร้านแจ้งไว้ว่ามีปัญหาจากเซลล์คนนี้ประมาณเท่าไรใช่หรือไม่ เพราะทางร้านพยายามบีบเรามากเรื่องนี้แม้ว่าเราจะโดนปลดออกจากการเป็นพนักงานแล้ว ถึงขั้นเจอกันข้างนอกก็ตะโกนด่าทอเราว่าเป็นพนักงานหนีหนี้ แน่นอนว่าเราเคยคิดจะไปเจรจาเรื่องนี้อยู่แต่เรากลัวว่าทางร้านจะทำอะไรเราเนื่องจากเราเป็นโรคซึมเศร้าจากความเครียดอย่างหนักและตอนนี้เองก็เครียดมากถึงขั้นไม่อยากรับสายจากใครแม้จะเป็นญาติด้วยกันเองเพราะกลัวขู่โดนทำร้าย ขู่ฟ้องรวมถึงบุกมาที่บ้านเพราะเขาขู่จะมาที่บ้านเลย ในส่วนนี้เราควรไปรับสภาพหนี้หรือสู้ในชั้นศาลเพราะเขาเหมือนพยายามเอาเรื่องให้ได้ส่วนรุ่นพี่เราที่ทำงานด้วยกันแกได้เซ็นยอมรับไปแล้ว แกบอกขอทำอะไรที่ถูกต้องและมันไม่เกิดปัญหากับแกมากเกินไปทั้งที่เราคิดว่ามันก็ไม่ถูกต้องแม้ว่าเราจะผิดในส่วนของความไม่รอบคอเพราะเราเป็นพนักงานใหม่(ทดลองงาน) แต่เราก็เข้าใจว่าเซลล์คุยกับทั้งสองฝ่ายแล้วเลยมาสรุปให้เราได้เพราะเราเองก็พึ่งทำครั้งแรกโดยที่เจ้าของร้านที่รู้ถึงการทำงานตรงนี้ไม่ได้มาสอนและควบคุมมีเพียงรุ่นพี่ที่สอน แน่นอนว่าปัจจับุนเจ้าของร้านแจ้งจะลงมาสอนด้วยตัวเองแล้วหลังทราบปัญหา(สอนหลังเราออก)
- เราควรไปเช็คสินค้าร่วมกับทีมงานไหม? เพราะเขาแจ้งให้เราไปเช็คของก่อนออกอย่างสมบูรณ์และทำใ้มันไม่มีปัญหาเพื่อจะได้ไม่ถือเป็นความผิดเราภายหลัง แต่ทั้งนี้เราไม่ใช่พนักงานและร้านค้าเองก็ตั้งบนพื้นที่ห้างสรรพสินค้าทำให้เราไม่มีบัตรสำหรับเข้าไปแล้วเนื่องจากเราโดนปลดจากพนักงานและได้ฝากบัตรไปกับน้องที่ทำงานรวมทั้งกุญแจร้านทั้งหมดแล้ว เรากลัวว่าถ้าไปจะโดยฟ้องในเรื่องของการแอบอ้าง และรวมถึงบุกรุกสถานที่จนก่อให้เกิดความเสียหาย
- หากร้านจะฟ้องเราในฐานะที่ทำร้านเสียหายคือการหยุดงานโดยไม่มีการกล่าวล่วงหน้าสองวัน หรือแม้ว่าจะกล่าวขอลาออกก่อนกำหนดแต่ทางร้านไม่อนุมัติซึ่งเราเข้าใจและไม่ได้ทวงต่อซ้ำยังอยากเจรจาแบบนี้สามารถฟ้องได้ไหม? เนื่องจากเขาไล่ออกเราเลยแทนที่จะเป็นเราขาดงานครบตามกำหนดโดยไม่บอกกล่าวแบบนี้
ทั้งนี้ขอบคุณทุกท่านที่มาตอบเราไม่สบายใจมาหลายวันมากเนื่องด้วยความเครียดและโรคซึมเศร้าที่เกิดขึ้น เพราะทางร้านยังคงพยายามโทรมาตามตัวเราให้เข้าไปรับทราบและเซ็นเอกสารให้ครบถ้วนโดยที่ตอนนี้เราไม่รู้ว่าเข้าไปจะโดนทำอะไรบ้างรวมถึงเอกสารที่ว่ามานั้นคืออะไรจึงทำให้วิตกอย่างมาก + เขาขู่เราในเรื่องฟ้องสารพัดจนเราไม่มีจิตใจที่แข็งพอจะไปหาเขาแล้ว ตอนแรกเคยคิดว่าจะขอเจรจาแต่เขาเอาแต่พูดจะฟ้องเราความคิดนั้นก็ไม่มีอีกแล้วเพราะกลัวเอามากๆ ทุกวันนี้ที่บ้านเลยพยายามปล่อยให้เราใช้ชีวิตตามแบบเราเพื่อรักษาจิตใจของตัวเอง
ถ้าร้านรู้ว่าเซลล์ดำเนินการความผิดแล้วจะมาเก็บเงินจากเราในฐานะที่ไม่รอบคอบได้ไหม? เนื่องจากร้านอ้างว่าเสียผลประโยชน์
1.เรารับสินค้าหนึ่งจากเซลล์มามันคือเหรียญหยอดตู้ถ้าใครรู้จักตู้เกมคงเข้าใจ
แล้วที่นี่วิธีการรับมาคือเซลล์จะนำเหรียญของตู้เราออกให้หมดก่อนเพื่อคิดคำนวนเงินที่ต้องจ่าย
ก่อนที่จะไปยื่นกับบริษัทแล้วทางบริษัทจะส่งมอบให้ทางร้านเป็นคนดำเนินจ่ายอีกที แน่นอนว่ามันมีปัญหาเกิดขึ้นเราเองทำงานได้แค่เดือนเดียวก็ทำงานกับรุ่นพี่ปกติคอยขอคำแนะนำจากรุ่นพี่ตลอด ที่นี่เซลล์แจ้งว่าไม่สามารถเปิดตู้หนึ่งได้โดยให้เราลองใช้กุญแจเปิดแล้วแต่ก็เปิดไม่ออกและไม่สามารถคำนวนเงินในตู้นั้นได้ แต่เซลล์คาดการ์ณจากสินค้าที่เป็นรางวัลคงเหลือแทน ตอนแรกเราทำการแย้งแล้วแต่เซลล์แจ้งต้องทำรายงานส่งบริษัทให้สมบูรณ์ก่อนที่จะเดินออกไปไม่ทราบว่าไปคุยกับทางบริษัทหรือยังไงแต่กลับมาอีกทีเซลล์ตัดปัญหาให้คือยกยอดโดยให้เราเหมาตู้นั้นแม้ว่าจะมีของเหลืออยู่ แต่ในเดือนต่อไปจะไม่นำมาคิดเป็นยอดขายและต้องขึ้นเหรียญแก่ร้านค้าทั้งหมดรวมถึงรางวัลในตู้นั้น พร้อมแจ้งว่าเดียวจะแจ้งเรื่องตู้นี้แก่บริษัทและเจ้าของร้าน จากนั้นเราก็แจ้งไปยังทางเจ้าของร้านให้รับทราบแน่นอนว่าคนที่บอกให้แจ้งคือตัวรุ่นพี่ที่คอยกำกับเรา และได้โทรแจ้งพร้อมกับโดนด่าในวันนั้นด้วยยังคงจำได้
2.ผ่านหลังจากนั้นมาสามเดือนเจ้าของร้านพบความผิดปกติเพราะเหรียญในแต่ละเดือนมันขายเกินบ้างขาดบ้าง ซึ่งเราเองก็ไม่รู้เรื่องนั้นในส่วนรายละเอียดเพราะเราเป็นแค่พนักงานขายเหรียญปกติที่เป็นสินค้า ขายไปและลงจำนวนกับยอดขายให้ตรงกับที่รับเงินมาโดยตลอดสุจริตไม่เคยโกงหรือแอบเอาเหรียญออกไปจากร้าน ที่นี่ร้านก็มาพบว่าปัญหาต้นตอเกิดจากเดือนที่เรารับเหรียญโดยเราก็ได้แย้งแล้วว่าเราทำตามที่รุ่นพี่สอนรวมทั้งเซลล์เองก็แจ้งแล้วว่าตู้มีปัญหาจะไปบอกบริษัทและร้านเราในภายหลังแต่ไม่มีการบอกและแจ้งว่าสามารถเปิดตู้ได้ครบโดยไม่มีปัญหาแทน
3.ร้านไปแจ้งแก่บริษัทถึงการทำงานที่ผิดพลาดของเซลล์ทำให้ร้านเสียหายเพราะต้องจ่ายยอดตู้ที่แกะไม่ได้ซ้ำถึงสามครั้ง โดยครั้งหนึ่งเซลล์ได้คิดแบบเหมาไปแล้ว แต่ครั้งที่สองเซลล์น่าจะลืมและนำไปคิดอีกครั้งทำให้ยอดเงินที่ต้องจ่ายมันสูงขึ้นประกอบกับมีปัญหาแบบเดียวกันอีกสองตู้แต่ครั้งนี้พี่อีกคนที่เป็นรุ่นพี่รับเรื่องมา และครั้งที่สามเซลล์ใหม่เข้ามารับช่วงต่อและสามารถแกะได้ปกติเขาจึงเข้าใจว่าต้องคิดเพราะเซลล์ออกจากบริษัทไปแล้วด้วยเหตุผลบางอย่างแต่ไม่แจ้งบริษัทว่าตู้มีปัญหาเพราะงั้นเลยไม่รู้ถึงเรื่องนั้น แต่ทางบริษัทชดเชยร้านเพียงแค่ส่วนของเหรียญที่เซลล์แจ้งเก็บเกินมาเพียง 1300 บาทซึ่งยอดเหรียญที่มีปัญหาคือ 26000 บาทเพราะทางร้านได้จ่ายเซลล์ไปแล้วถึงสามครั้งโดยเป็นยอดเงินประมาณนี้
4.ทางร้านได้แจ้งพนักงานถึงการที่บริษัทไม่ได้ชดเชยและแจ้งให้พนักงานสองคนซึ่งคือเรากับรุ่นพี่ให้เตรียมตัวเพื่อเซ็นยอมรับสภาพหนี้ในฐานะที่ทำงานไม่รอบคอบส่งผลให้ร้านเสียหาย โดยทางร้านยังไม่ได้แจ้งมูลค่าเพียงแค่กำลังอยู่ในการดำเนินการ โดยเขาให้เหตุผลว่าเป็นหนี้ทางบริษัทหลายหมื่นบาทแน่นอนว่าถ้าคำนวนจากตัวเลขทางเราก็เข้าใจว่าทางร้านให้แชร์ช่วยกันจ่ายคนละ 13000 โดยประมาณ เงินเดือน ณ ตอนนั้นเรา 10000 โดยที่เรามีกำหนดการออกเดือนนี้ด้วยตามที่แจ้งทางร้านไป
5.ตอนแรกเราขอเข้าไปคุยกับทางร้านว่าจะขอออกก่อนกำหนดแต่ทางร้านไม่ยินยอมแน่นอนว่าเราก็ไม่ได้ติดใจซึ่งตามประมวลกฏหมายก็ทำไม่ได้แต่วันนั้นเราก็ไม่ได้แจ้งขอลาหยุดไปเนื่องจากสภาพไม่พร้อมแก่การทำงาน เพียงแต่ทางร้านให้เราเข้าไปคุยเจรจาในวันถัดมา วันถัดมาเราไม่ได้เข้าไปคุยเนื่องจากปัญหาส่วนตัว+อาการโรคซึมเศร้าที่หนักขึ้นเพราะความเครียดเลยหยุดงานแบบไม่บอกกล่าว แต่ในช่วงบ่ายของวันเดียวกันทางร้านมีประกาศปลดเราออกจากพนักงานเนื่องด้วยการทำกิริยาไม่เหมาะสมต่อผู้บริหาร (เช้าวันที่เข้าไปแจ้งขอออกงานก่อนกำหนด เราทำงานเช็คสินค้าภายในร้านได้ 1 ชั่วโมงแล้วก็ขอหยุดโดยไม่บอกกล่าว)
6.เราถูกไล่ออกและไม่ได้รับเงินในส่วนที่ทำงานมาและแน่นอนว่าเราว่าเรายอมรับในการตัดสินใจของทางร้าน และไม่ได้ไปทวงเงินเดือนแต่อย่างใด เพียงแต่ทางร้านมีการติดต่อเรามาเพื่อให้เราเข้าไปเซ็นเอกสารรวมถึงบอกให้ไปเช็คสินค้าตอนสิ้นเดือนเนื่องจากแจ้งว่ามีสินค้าหาย (จริงๆคือไม่ได้หายยังคงมีอยู่แค่รับเข้าไม่ครบเพราะความประมาทของทางเราเองที่ใส่เลขผิด) นอกจากนี้ยังแจ้งว่าจะขู่ฟ้องเราหลายอย่างทั้งกรมแรงงาน ทั้งเรื่องของการทำให้ร้านเสียหายในส่วนของพนักงานขาย และอื่นๆ
จุดนี้อยากจะถาม
- ในส่วนที่เซลล์กระทำไม่ถูกต้องและร้านรับรู้แล้ว เรายังต้องรับสภาพหนี้จากทางร้านโดยคิดตามหลักการคือมูลค่าส่วนต่างจากที่ร้านแจ้งไว้ว่ามีปัญหาจากเซลล์คนนี้ประมาณเท่าไรใช่หรือไม่ เพราะทางร้านพยายามบีบเรามากเรื่องนี้แม้ว่าเราจะโดนปลดออกจากการเป็นพนักงานแล้ว ถึงขั้นเจอกันข้างนอกก็ตะโกนด่าทอเราว่าเป็นพนักงานหนีหนี้ แน่นอนว่าเราเคยคิดจะไปเจรจาเรื่องนี้อยู่แต่เรากลัวว่าทางร้านจะทำอะไรเราเนื่องจากเราเป็นโรคซึมเศร้าจากความเครียดอย่างหนักและตอนนี้เองก็เครียดมากถึงขั้นไม่อยากรับสายจากใครแม้จะเป็นญาติด้วยกันเองเพราะกลัวขู่โดนทำร้าย ขู่ฟ้องรวมถึงบุกมาที่บ้านเพราะเขาขู่จะมาที่บ้านเลย ในส่วนนี้เราควรไปรับสภาพหนี้หรือสู้ในชั้นศาลเพราะเขาเหมือนพยายามเอาเรื่องให้ได้ส่วนรุ่นพี่เราที่ทำงานด้วยกันแกได้เซ็นยอมรับไปแล้ว แกบอกขอทำอะไรที่ถูกต้องและมันไม่เกิดปัญหากับแกมากเกินไปทั้งที่เราคิดว่ามันก็ไม่ถูกต้องแม้ว่าเราจะผิดในส่วนของความไม่รอบคอเพราะเราเป็นพนักงานใหม่(ทดลองงาน) แต่เราก็เข้าใจว่าเซลล์คุยกับทั้งสองฝ่ายแล้วเลยมาสรุปให้เราได้เพราะเราเองก็พึ่งทำครั้งแรกโดยที่เจ้าของร้านที่รู้ถึงการทำงานตรงนี้ไม่ได้มาสอนและควบคุมมีเพียงรุ่นพี่ที่สอน แน่นอนว่าปัจจับุนเจ้าของร้านแจ้งจะลงมาสอนด้วยตัวเองแล้วหลังทราบปัญหา(สอนหลังเราออก)
- เราควรไปเช็คสินค้าร่วมกับทีมงานไหม? เพราะเขาแจ้งให้เราไปเช็คของก่อนออกอย่างสมบูรณ์และทำใ้มันไม่มีปัญหาเพื่อจะได้ไม่ถือเป็นความผิดเราภายหลัง แต่ทั้งนี้เราไม่ใช่พนักงานและร้านค้าเองก็ตั้งบนพื้นที่ห้างสรรพสินค้าทำให้เราไม่มีบัตรสำหรับเข้าไปแล้วเนื่องจากเราโดนปลดจากพนักงานและได้ฝากบัตรไปกับน้องที่ทำงานรวมทั้งกุญแจร้านทั้งหมดแล้ว เรากลัวว่าถ้าไปจะโดยฟ้องในเรื่องของการแอบอ้าง และรวมถึงบุกรุกสถานที่จนก่อให้เกิดความเสียหาย
- หากร้านจะฟ้องเราในฐานะที่ทำร้านเสียหายคือการหยุดงานโดยไม่มีการกล่าวล่วงหน้าสองวัน หรือแม้ว่าจะกล่าวขอลาออกก่อนกำหนดแต่ทางร้านไม่อนุมัติซึ่งเราเข้าใจและไม่ได้ทวงต่อซ้ำยังอยากเจรจาแบบนี้สามารถฟ้องได้ไหม? เนื่องจากเขาไล่ออกเราเลยแทนที่จะเป็นเราขาดงานครบตามกำหนดโดยไม่บอกกล่าวแบบนี้
ทั้งนี้ขอบคุณทุกท่านที่มาตอบเราไม่สบายใจมาหลายวันมากเนื่องด้วยความเครียดและโรคซึมเศร้าที่เกิดขึ้น เพราะทางร้านยังคงพยายามโทรมาตามตัวเราให้เข้าไปรับทราบและเซ็นเอกสารให้ครบถ้วนโดยที่ตอนนี้เราไม่รู้ว่าเข้าไปจะโดนทำอะไรบ้างรวมถึงเอกสารที่ว่ามานั้นคืออะไรจึงทำให้วิตกอย่างมาก + เขาขู่เราในเรื่องฟ้องสารพัดจนเราไม่มีจิตใจที่แข็งพอจะไปหาเขาแล้ว ตอนแรกเคยคิดว่าจะขอเจรจาแต่เขาเอาแต่พูดจะฟ้องเราความคิดนั้นก็ไม่มีอีกแล้วเพราะกลัวเอามากๆ ทุกวันนี้ที่บ้านเลยพยายามปล่อยให้เราใช้ชีวิตตามแบบเราเพื่อรักษาจิตใจของตัวเอง