ในช่วงการระบาดของ Covid-19 ส่งผลกระทบต่อโลกในทุกๆด้าน เรื่องของเศรษฐกิจก็เช่นกัน
บรรดาร้านค้าหลายร้านไม่มีเงินทุนให้หมุนต่อจำต้องปิดกิจการ
เช่นเดียวกันกับร้านคิมบับเล็กๆ ใจกลางเมืองร้านนึงก็โดนผลกระทบของโควิดเล่นงานไม่ต่างกัน
ร้านนี้เป็นร้านของแม่จูรี (ชิมดัล-กี) หญิงสาววัย 25 แม่ของเธอเปิดร้านคิมบับนี้ไว้เพื่อหวังให้ลูกสาวของเธอมาช่วยบริหารต่อในอนาคต
หากแต่จูรีไม่ค่อยจะเอางานเอาการอะไรสักอย่าง หลังจากเรียนจบก็ไม่ทำอะไร ได้แต่นอนกลิ้งไปมาในห้อง เล่นเกม ดูหนัง
ซึ่งทำให้ผู้เป็นแม่ละเหี่ยใจพอสมควร...
แต่แล้ววันนึง ด้วยความที่คุณยายที่อยู่ต่างจังหวัดเกิดป่วยหนัก แม่ของจูรีต้องรีบกลับบ้านเพื่อดูแลคุณยาย
จูรี เลยต้องมาช่วยงานที่ร้านแทนแม่ของเธอเป็นการชั่วคราว แม้ว่าเธอจะทำคิมบับไม่เป็นเลยก็ตาม....
Rolling หรือในชื่อภาษาเกาหลีว่า 말아 ผลงานการเขียนบทและกำกับของ Kwak Min-Seung
ซึ่งเคยมีงานหนังสั้นแนวดนตรีมาก่อนหน้านี้อย่าง Mirae มาในครั้งนี้กับ Rolling
เรื่องราวของจูรี ที่ต้องมารับหน้าที่ดูแลกิจการคิมบับ ( ข้าวห่อสาหร่ายของเกาหลี เหมือนๆกับโนริมากิของญี่ปุ่นล่ะครับ)
ต่อจากแม่ของเธอแบบชั่วคราวโดยไม่ได้ตั้งใจ (ทำไม่เป็นอีกต่างหาก)
นำแสดงโดย ชิมดัล-กี (Snowball, Life Is Beautiful) ในบทของจูรี หญิงสาวที่กำลังก้าวข้ามผ่านจากวัยรุ่นสู่ความเป็นผู้ใหญ่
ในช่วงเวลาแห่งความเปลี่ยนแปลงทั้งจากตัวเธอเองและโลกใบนี้ ซึ่งก็เป็นเหมือนตัวแทนของคนรุ่นใหม่หลายคน
ที่กำลังสับสนกับการเลือกทางเดินของชีวิตว่าตกลงแล้วเราจะก้าวไปทางไหนดี
ยิ่งในช่วงเวลาโควิดระบาดนั้น ทำเอาแทบทุกคนเสียศูนย์กันไปหมด ไม่ว่าใครโดนผลกระทบกันทั้งนั้น
จูรี ก็เช่นกัน ยิ่งทำให้ตัวเธอแทบจะไม่เข้าสังคมใดๆ วันๆอยู่แต่ในห้อง (ในหนังเราจะเห็นได้ว่าเธอไม่มีเพื่อนเลยสักคน)
หนังยังว่าด้วยความสัมพันธ์ของจูรีกับแม่ของเธอ (Jung Eun-Kyung) ผู้ซึ่งคอยกระตุ้นให้จูรีลุกออกจากบ้านมาทำอะไรเสมอๆ
คุณแม่จะมีลักษณะการชีวิตที่ตรงข้ามกับลูกสาวโดยสิ้นเชิง เพราะเธอจะชอบเข้ากลุ่มสังคม
หาเวลาว่างทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่นเสมอ เล่นออกกำลังกาย เต้นซุมบ้า ขณะที่จูรี แค่ขอให้ได้นอนตัวยืดในห้องก็โอเคแล้ว
หากแต่เมื่อสถานการณ์บังคับ เราก็จะเห็นได้ว่าจูรีก็ออกลูกฮึดได้เช่นกัน เธอพยายามอย่างยิ่งในการเรียนรู้การทำคิมบับจากแม่
เพื่อหวังให้แม่ของเธอสบายใจยามที่ต้องไปดูแลคุณยาย โดยไม่ต้องห่วงว่าทางร้านจะไปต่อไม่ได้
อย่างไรก็ตามตัวเธอเองก็มีความฝันที่จะหางานทำจริงๆจังสักที เราก็ต้องดูกันต่อว่า หญิงสาวคนนี้จะทำสำเร็จหรือไม่ในสิ่งที่เธอตั้งใจ
จุดเด่นของหนังเรื่องนี้คืองานภาพและแสงครับ มันสวยและละมุนตามาก แถมเพลงในแบบ Lo-Fidelity ประกอบเบาๆ คลอไปกับเนื้อหา
ทำให้ Rolling เป็นหนังดราม่าที่ดูแล้วอบอุ่น สบายตา สบายใจ ชวนให้อมยิ้มได้จนจบเรื่องเลยทีเดียว
และไม่รู้ทำไมครับ หรือว่าผมอาจจะเพิ่งดูวอลเล่ย์บอลคัดโอลิมปิกจบลงไปหมาดๆและมาดูหนังเรื่องนี้ต่อเลยก็เป็นไปได้ ..
ผมเห็น ชิมดัล-กี ในหนังเรื่องนี้แล้วนึกถึงบุ๋มบิ๋ม ชัชชุอร โมกศรี MVP คนล่าสุดของศึกชิงแชมป์เอเชียที่เพิ่งผ่านมาจริงๆ ผมว่าเหมือนอ่ะ ^^
=== ทิ้งท้ายครับ หนังที่ดีสำหรับตัวเรา แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดีและไม่ได้ถูกใจสำหรับใคร
ซึ่งอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ภาพยนตร์ก็เหมือนอาหารล่ะครับ อยู่ที่เราเลือกที่จะอยากชิมรสชาติแบบไหนเท่านั้นเอง ===
== Rolling (2022) หญิงสาวกับร้านคิมบับของเธอ.. ==
ในช่วงการระบาดของ Covid-19 ส่งผลกระทบต่อโลกในทุกๆด้าน เรื่องของเศรษฐกิจก็เช่นกัน
บรรดาร้านค้าหลายร้านไม่มีเงินทุนให้หมุนต่อจำต้องปิดกิจการ
เช่นเดียวกันกับร้านคิมบับเล็กๆ ใจกลางเมืองร้านนึงก็โดนผลกระทบของโควิดเล่นงานไม่ต่างกัน
ร้านนี้เป็นร้านของแม่จูรี (ชิมดัล-กี) หญิงสาววัย 25 แม่ของเธอเปิดร้านคิมบับนี้ไว้เพื่อหวังให้ลูกสาวของเธอมาช่วยบริหารต่อในอนาคต
หากแต่จูรีไม่ค่อยจะเอางานเอาการอะไรสักอย่าง หลังจากเรียนจบก็ไม่ทำอะไร ได้แต่นอนกลิ้งไปมาในห้อง เล่นเกม ดูหนัง
ซึ่งทำให้ผู้เป็นแม่ละเหี่ยใจพอสมควร...
แต่แล้ววันนึง ด้วยความที่คุณยายที่อยู่ต่างจังหวัดเกิดป่วยหนัก แม่ของจูรีต้องรีบกลับบ้านเพื่อดูแลคุณยาย
จูรี เลยต้องมาช่วยงานที่ร้านแทนแม่ของเธอเป็นการชั่วคราว แม้ว่าเธอจะทำคิมบับไม่เป็นเลยก็ตาม....
Rolling หรือในชื่อภาษาเกาหลีว่า 말아 ผลงานการเขียนบทและกำกับของ Kwak Min-Seung
ซึ่งเคยมีงานหนังสั้นแนวดนตรีมาก่อนหน้านี้อย่าง Mirae มาในครั้งนี้กับ Rolling
เรื่องราวของจูรี ที่ต้องมารับหน้าที่ดูแลกิจการคิมบับ ( ข้าวห่อสาหร่ายของเกาหลี เหมือนๆกับโนริมากิของญี่ปุ่นล่ะครับ)
ต่อจากแม่ของเธอแบบชั่วคราวโดยไม่ได้ตั้งใจ (ทำไม่เป็นอีกต่างหาก)
นำแสดงโดย ชิมดัล-กี (Snowball, Life Is Beautiful) ในบทของจูรี หญิงสาวที่กำลังก้าวข้ามผ่านจากวัยรุ่นสู่ความเป็นผู้ใหญ่
ในช่วงเวลาแห่งความเปลี่ยนแปลงทั้งจากตัวเธอเองและโลกใบนี้ ซึ่งก็เป็นเหมือนตัวแทนของคนรุ่นใหม่หลายคน
ที่กำลังสับสนกับการเลือกทางเดินของชีวิตว่าตกลงแล้วเราจะก้าวไปทางไหนดี
ยิ่งในช่วงเวลาโควิดระบาดนั้น ทำเอาแทบทุกคนเสียศูนย์กันไปหมด ไม่ว่าใครโดนผลกระทบกันทั้งนั้น
จูรี ก็เช่นกัน ยิ่งทำให้ตัวเธอแทบจะไม่เข้าสังคมใดๆ วันๆอยู่แต่ในห้อง (ในหนังเราจะเห็นได้ว่าเธอไม่มีเพื่อนเลยสักคน)
หนังยังว่าด้วยความสัมพันธ์ของจูรีกับแม่ของเธอ (Jung Eun-Kyung) ผู้ซึ่งคอยกระตุ้นให้จูรีลุกออกจากบ้านมาทำอะไรเสมอๆ
คุณแม่จะมีลักษณะการชีวิตที่ตรงข้ามกับลูกสาวโดยสิ้นเชิง เพราะเธอจะชอบเข้ากลุ่มสังคม
หาเวลาว่างทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่นเสมอ เล่นออกกำลังกาย เต้นซุมบ้า ขณะที่จูรี แค่ขอให้ได้นอนตัวยืดในห้องก็โอเคแล้ว
หากแต่เมื่อสถานการณ์บังคับ เราก็จะเห็นได้ว่าจูรีก็ออกลูกฮึดได้เช่นกัน เธอพยายามอย่างยิ่งในการเรียนรู้การทำคิมบับจากแม่
เพื่อหวังให้แม่ของเธอสบายใจยามที่ต้องไปดูแลคุณยาย โดยไม่ต้องห่วงว่าทางร้านจะไปต่อไม่ได้
อย่างไรก็ตามตัวเธอเองก็มีความฝันที่จะหางานทำจริงๆจังสักที เราก็ต้องดูกันต่อว่า หญิงสาวคนนี้จะทำสำเร็จหรือไม่ในสิ่งที่เธอตั้งใจ
จุดเด่นของหนังเรื่องนี้คืองานภาพและแสงครับ มันสวยและละมุนตามาก แถมเพลงในแบบ Lo-Fidelity ประกอบเบาๆ คลอไปกับเนื้อหา
ทำให้ Rolling เป็นหนังดราม่าที่ดูแล้วอบอุ่น สบายตา สบายใจ ชวนให้อมยิ้มได้จนจบเรื่องเลยทีเดียว
และไม่รู้ทำไมครับ หรือว่าผมอาจจะเพิ่งดูวอลเล่ย์บอลคัดโอลิมปิกจบลงไปหมาดๆและมาดูหนังเรื่องนี้ต่อเลยก็เป็นไปได้ ..
ผมเห็น ชิมดัล-กี ในหนังเรื่องนี้แล้วนึกถึงบุ๋มบิ๋ม ชัชชุอร โมกศรี MVP คนล่าสุดของศึกชิงแชมป์เอเชียที่เพิ่งผ่านมาจริงๆ ผมว่าเหมือนอ่ะ ^^
=== ทิ้งท้ายครับ หนังที่ดีสำหรับตัวเรา แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดีและไม่ได้ถูกใจสำหรับใคร
ซึ่งอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ภาพยนตร์ก็เหมือนอาหารล่ะครับ อยู่ที่เราเลือกที่จะอยากชิมรสชาติแบบไหนเท่านั้นเอง ===