สมัยที่โค้ชปาร์คฮังซอยังคุมทีมฟุตบอลเวียดนาม ถึงจะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่พาทีมเวียดนามผงาดทั้งในระดับภูมิภาคและเอเชีย แต่ก็แพ้ทีมไทยอยู่หลายครั้งจนถึงนัดสุดท้ายที่แกคุม เวลาที่ชนะเวียดนามปิดถนนตีฆ้องร้องเป่าเฉลิมฉลอง ทำอะไรก็ดีไปหมด ตดก็ยังว่าหอม แต่เมื่อถึงคราวที่ทีมแพ้ ทำอะไรก็ผิดคนเวียดนานออกอาการต่างๆ ตั้งแต่ทุบทีวี ด่านักเตะ ด่าโค้ช ด่าVFF และแน่นอน accuse ทีมฝั่งคู่แข่ง เช่น โกง ติดสินบนกรรมการ ฯลฯ จนโค้ชปาร์คบ่นว่า คนเวียดนามเขารักชัยชนะ ไม่ได้รักทีมชาติจริงๆ คำถามทำไมจึงเป็นเช่นนี้?
จริงๆแฟนๆกีฬาไม่ว่าชนิดใดๆ แฟนๆกีฬาแทบจะไม่มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรงกับการที่นกฬ.หรือทีมแพ้ชนะ (เว้นแต่พวกที่แทงพนัน) แต่จริงๆคือแฟนกีฬาเหล่านั้น "ได้หน้า" เพื่อเอาไว้บลัฟหรืออวดชาวโลกโดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน เวลาผลการแข่งจบโดยเฉพาะเวลาชนะนี่ netizens (ทั้งไทยและอื่นๆ) พากันไปชุมนุม ณ เพจ social media เพือนบ้านหรือประเทศที่เกี่ยวข้อง เพื่อเก็บเกี่ยวความ proud และอวดโอ้ผลงานของทีมตน (ภาวะการต้องการ self esteem แบบนี้แสดงผ่านวาทกรรมเช่น Pinoy Pride, Việt Nam vô địch, คนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก, วัตถุดิบเราระดับโลก ฯลฯ) บ้างก็ไปแปลคอมเม้นต์เอามาเผยแพร่ให้เสพความ "พูมิจัยย" แบบที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน
ในทางตรงกันข้ามถ้าแพ้สถานการณ์จะกลับตาลปัตร อุปมาเหมือนคนที่เสพติดยาบางชนิดที่เวลาเสพมันจะเคลิ้ม มีความสุข มองโลกสวยงามไปหมด แต่พอแพ้และไม่มียาตัวนั้ให้เสพ จะเกิดอาการ "ขาดยา" หงุดหงิด ฉุนเฉียว อาละวาด เห็นอะไรก็ผิดไม่ถูกใจไปหมด ยิ่งไปเปรียบเทียบกับคนอื่นชาติอื่น ไปเห็นเพจตปท. เพื่อนบ้าน คอมเม้นต์ โดยเฉพาะจากแฟนๆประเทศข้างเคียงที่จ้องจะซ้ำ เพราะพวกนี้ก็โดนพี่ไทยไปโวไว้เยอะ จะยิ่งรู้สึกอับอาย ***และรู้สึกมากมาย
ยิ่งกว่าตัวนกฬ.และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจริงๆเสียอีก นี่คือความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในโลกยุคโซเชียลที่คนใช้ชีวิตจำนวนเวลาไม่น้อยในโลกไซเบอร์ ดังนั้นคนกลุ่มนึงจึงเสพติดและรักชัยชนะมากกว่าที่จะรักทีมชาติตามที่โค้ชปาร์คแกเปรย...
โค้ชปาร์ค พวกเขารัก"ชัยชนะ" ไม่ได้รัก(ทีม)ชาติ
จริงๆแฟนๆกีฬาไม่ว่าชนิดใดๆ แฟนๆกีฬาแทบจะไม่มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรงกับการที่นกฬ.หรือทีมแพ้ชนะ (เว้นแต่พวกที่แทงพนัน) แต่จริงๆคือแฟนกีฬาเหล่านั้น "ได้หน้า" เพื่อเอาไว้บลัฟหรืออวดชาวโลกโดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน เวลาผลการแข่งจบโดยเฉพาะเวลาชนะนี่ netizens (ทั้งไทยและอื่นๆ) พากันไปชุมนุม ณ เพจ social media เพือนบ้านหรือประเทศที่เกี่ยวข้อง เพื่อเก็บเกี่ยวความ proud และอวดโอ้ผลงานของทีมตน (ภาวะการต้องการ self esteem แบบนี้แสดงผ่านวาทกรรมเช่น Pinoy Pride, Việt Nam vô địch, คนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก, วัตถุดิบเราระดับโลก ฯลฯ) บ้างก็ไปแปลคอมเม้นต์เอามาเผยแพร่ให้เสพความ "พูมิจัยย" แบบที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน
ในทางตรงกันข้ามถ้าแพ้สถานการณ์จะกลับตาลปัตร อุปมาเหมือนคนที่เสพติดยาบางชนิดที่เวลาเสพมันจะเคลิ้ม มีความสุข มองโลกสวยงามไปหมด แต่พอแพ้และไม่มียาตัวนั้ให้เสพ จะเกิดอาการ "ขาดยา" หงุดหงิด ฉุนเฉียว อาละวาด เห็นอะไรก็ผิดไม่ถูกใจไปหมด ยิ่งไปเปรียบเทียบกับคนอื่นชาติอื่น ไปเห็นเพจตปท. เพื่อนบ้าน คอมเม้นต์ โดยเฉพาะจากแฟนๆประเทศข้างเคียงที่จ้องจะซ้ำ เพราะพวกนี้ก็โดนพี่ไทยไปโวไว้เยอะ จะยิ่งรู้สึกอับอาย ***และรู้สึกมากมายยิ่งกว่าตัวนกฬ.และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจริงๆเสียอีก นี่คือความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในโลกยุคโซเชียลที่คนใช้ชีวิตจำนวนเวลาไม่น้อยในโลกไซเบอร์ ดังนั้นคนกลุ่มนึงจึงเสพติดและรักชัยชนะมากกว่าที่จะรักทีมชาติตามที่โค้ชปาร์คแกเปรย...