สวัสดีเพื่อนๆในกระทู้ทุกคนนะคะ วันนี้เรามีเรื่องเล่าที่เกี่ยวกับครอบครัวของเรามาฝาก ก่อนอื่นต้องบอกก่อนนะคะว่านี่เป็นเรื่องเเรกที่เราตัดสินใจมาเล่าให้เพื่อนๆทุกคนฟัง ผิดพลาดตรงไหนต้องขออภัยด้วยนะคะ ☺☺
~ เริ่มเรื่องกันเลยนะคะ ~ ขอเกริ่นเรื่องนิดนึงนะคะ เราอาศัยอยู่ในโชนของภาคเหนือซึ่งบ้านเราก็จะเป็นครอบครัวใหญ่ ไม่ได้อาศัยร่วมบ้านกันนะคะ เเต่เครือญาติพี่น้องเราจะอยู่ใกล้ๆกันซึ่งถ้าเป็นตอนเด็กๆเเม่เราจะชอบฝากเราไว้กับยาย บ้านยายนะคะจะอยู่ลึกเข้าไปท้ายซอยเลยเเล้วก็จะเป็นซอยตัน ส่วนบ้านของคุณทวดเราจะอยู่ติดถนนใหญ่เลย บ้านของเเม่จะอยู่อีกซอยนึงนะคะ ด้วยความที่ผู้ใหญ่สมัยก่อนนะคะจะเชื่อเรื่องสิ่งลึกลับมากโดยเฉพาะครอบครัวของเรา เพราะว่าต้นตระกูลของเราเป็นเกี่ยวกับหมอไสยขาว ซึ่งที่บ้านของคุณทวดเราจะขายเกี่ยวกับยาเลือดยาลมช่วยรักษาธาตุต่างๆในร่างกาย เเต่ไม่ได้มีการสืบไสยขาวกันต่อๆมาเเล้วนะคะ ตอนนี้คุณทวดก็ทำยาเลือดยาลมขายมาหลายปีเเล้วจนปัจจุบันคุณทวดอายุจะ 90 ปีเเล้วนะคะ เเต่การที่คุณทวดของเราไม่ได้สืบไสยขาวมาเเต่คุณทวดเราก็มีคาถาที่สามารถปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายได้เเละด้วยความที่ต้นตระกูลเรามีเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ทำให้มีเรื่องขนลุกๆเกิดขึ้นที่บ้านของคุณทวดเราบ่อยมากกก
ย้อนไปเมื่อ 9-10 ปี ที่เเล้วนะคะ เราน่าจะอายุประมาณ 12-13 ตอนนั้นเป็นช่วงที่เราไปนอนบ้านคุณทวดบ่อยเพราะเราติดหลาน หลานเรากับเราอายุห่างกันประมาณ 2-3 ปี เราก็จะไปนอนบ้านทวดบ่อยหน่อยอาทิตย์นึงก็ประมาณ 2-3 วัน บ้านของคุณทวดจะเป็น 2 ชั้นนะคะ ชั้นบนจะเป็นไม้ส่วนชั้นล่างจะเป็นปูน ซึ่งด้วยความที่บ้านหลังนี้คุณทวดอาศัยมาตั้งเเต่เด็กมาถึงรุ่นเราก็จะทรุดโทรมตามสภาพไปเรื่อยๆ ในบ้านคุณทวดจะมาห้องทั้งหมด 3 ห้องนะคะ ข้างล่างชั้นปูนจะมี 2 ห้องซึ่งจะเป็นคุณทวดนอนคนเดียว 1 ห้อง ส่วนอีกห้องจะเป็นป้านอนกับหลานอีกคนนึง ส่วนห้องด้านบนเมื่อก่อนจะเป็นห้องที่จะเก็บของเก่าของตาทวดเราที่ทำเกี่ยวกับไสยขาวนี่เเหละค่ะ ซึ่งในห้องนั้นก็จะมีพวกมีดดาบยาวๆเราไม่เเน่ใจว่าเขาเรียกกันว่าอะไรเเละก็จะมีหีบเหล็กเก่าๆ มียันต์บ้าง สายสินธุ์บ้าง ประคำบ้างเเต่ด้วยความที่เราเป็นเด็กเเละเป็นลูกหลานคุณทวดเลยบอกว่านอนได้ไม่เป็นไรก็ย้ายพวกข้างออกมาไว้ที่ข้างนอกตรงหิ้งพระนะคะ อ่อ.....เราลืมบอกว่าถัดจากห้องชั้นบนไปจะเป็นหิ้งพระเเละเป็นรูปของคุณทวดก่อนๆหน้านี้ที่เขาเสียไปเเล้วจะห้อยอยู่ตรงนั้น ที่หิ้งก็จะมีพระเยอะมากเลยเเล้วอีกอย่างนึงมีที่ก็คือกุมารทองทั้งหมด 2 องค์นะคะ (ขอพูดอีกนิดนึงนะคะ หลานเรามีทั้งหมด 4 คนนะคะ เราจะใช้นามสมมุติเอานะคะ หลานคนเเรกที่สนิทกับเรามากจะให้ชื่อว่า แป้ง คนที่สองจะชื่อ ปริม คนที่สามชื่อ ปรางนะคะ ) เรากับหลานก็นอนในห้องนั้นทั้งหมด 3 คนเเล้วก็จะมีอาเรานอนด้วย ซึ่งมีอยู่วันนึงอาเรากับปริมก็เข้าไปนอนเข้าไปนอนเล่นกันในห้องตามปกติ เเต่เรากับแป้งออกมาเล่นกันข้างนอกห้อง ซึ่งด้วยความที่เรายังเด็กเวลาเล่นกันก็จะเสียงดังกันหน่อย อาเราก็จะตะโกนมาเบาๆว่าเบาเสียงกันหน่อยดึกเเล้ว เราก็เบาเสียงลงกันเเล้วก็เล่นกันเพลินก็กลับมาดังอีกครั้งอาก็พูดเหมือนเดิมเลยนะคะ "ว่าเบาๆเสียงกันหน่อย มันดึกเเล้ว" เราก็ตามสเตปเดิมเลยค่ะเบาเสียงเเล้วพอเล่นเพลินๆไปก็ดังกันอีก เเต่รอบนี้อาของเราไม่ได้ตะโกนมาบอกนะคะเพราะคิดว่าอาน่าจะหลับไปแล้ว เราก็เล่นกันต่อไปสักพักนึงก็มีเสียงเหมือนเสียงคนเเก่ๆ ลอยมาใกล้ๆเราเป็นเสียงเหมือน ฮึ่มๆ...... เราก็เลยหันมองรอบๆคิดว่าเป็นเสียงทวดเรารึเปล่าเลยไปดูที่บันไดก็ไม่มีตอนที่เราได้ยินเราไม่รู้จ่าเสียงมาจากทางไหนนะคะ ก็เลยไปดูที่บันไดก่อนเเต่พอเราไม่เจอยายทวดก็เลยคิดว่าเราหูเเว่วไปเองเเหละมั้งเรากับก็เล่นกันต่อค่ะ เเล้วสักพักก็มีเสียงเเบบนี้ลอยมาอีก ฮึ่มๆ....... ก็เลยหันไปมองที่หน้าหิ้งพระเเล้วตาเราก็ไปมองรูปยายทวดเราเเล้วในรูปเหมือนยายทวดมองมาที่เรา2คนเเล้วเรามีความรู้สึกว่าตอนที่มองหน้ายายทวดทำไมรู้สึกเหมือนไม่พอใจเราเลยบอกแป้งว่าเราไปนอนกันเถอะ ก็เลยพาแป้งไปนอน พอตกเช้ามาเรากับแป้งก็พากันลงมาข้างล่างเพื่อจะกินข้าวกันเเล้วคุณทวดเราก็บอกว่าเมื่อคืนเล่นกันเสียงดังหรอ เราก็บอกว่า " เล่นกันจ้ะ เเต่ไม่ได้ดังมากหรอก " เเล้วคุณทวดเราก็พูดว่าอย่าเล่นกันเสียงดังบ่อยนะ เขาไม่ชอบนะ เราก็งงว่าเขาที่คุณทวดหมายถึงนั่นคือใคร เเต่ก็ไม่สนใจไปเล่นกันต่อ พอตกเย็นเราก็ไปนอนที่ห้องป้ากับปรางด้วยความที่เล่นกันเหนื่อยก็หลับไป ตกดึกเราสะดุ้งตื่นขึ้นมาเราได้ยินเสียงคนกระทืบเท้าเเรงมากจนด้านบนที่เเต่ด้วยความที่ยังง่วงก็หลับไป เเล้วเราก็ฝันค่ะ ฝันว่าตัวเองอยู่ที่ชั้น2เเล้วเห็นผู้หญิงเเก่ๆคนนึงหลังค่อมๆหน่อยเดินไปเดินมา เเล้วที่ยายคนนั้นทำคือกระทืบเท้าเดินไปเดินมาค่ะ เราก็งงอยู่ว่าทำไมยายต้องกระทืบเท้าเเรงๆเสียงดังบนบ้านยาย เมื่อกับว่ายายคนนั้นเเกไม่พอใจอะไรมากแบบมากกๆๆเลยอ่ะ เเล้วเเกก็เดินทำเสียงฮึ่ม....ฮึ่มไปๆมาๆ เราเลยบอกยายคนนึงไปว่ายายค่ะอย่าทำเสียงดังเเบบนี้คุณทวดจะตื่น เเล้วยายคนนั้นก็หยุดนิ่งเเล้วก็พูดขึ้นมาเป็นภาษาเหนือนะค ว่า " เเม่ค่ำเเม่คืนหยังบ่นอนกั๋น คนเฒ่าเปิ้นหลับเปิ้นนอนบ่ะเด่วเเม่ตีจะตีเหีย " เเล้วค่อยๆหั้นหน้ามาหาเรา เราตกใจแทบกรี๊ดคือยายคนนั้นคือยายทวดในรูปที่เรามองเมื่อวาน ในฝันมันเหมือนจริงมากๆเราก็เลยวิ่งลงมาข้างล่างปากก็บอกหนูขอโทษจ๊ะ เเม่หลวง เเล้วเราก็สะดุ้งตื่นเลย
พอเวลาผ่านไปอีกอาทิตย์นึง บ้านเราก็มีงานเลี้ยงเจ้าที่ซึ่งศาลพระภูมิจะอยู่หน้าบ้านติดกับบ่อน้ำบาดาลนะคะ เราก็เลี้ยงศาลพระภูมิกันปกติค่ะ วันนั้นบ้านเราเลือกนำไก่ไปเลี้ยงซึ่งเราเองก็เพิ่งมาเลี้ยงที่บ้านทวดครั้งเเรกเลย ที่บ้านเราจะเลี้ยงเเล้วจุดธูปไว้พอธูปหมดก็ลาของมากินได้ ผ่านไปสักพักใหญ่เรารู้สึกว่าธูปเนี่ยจุดมานานเเล้วทำไมไม่หมดสักทีพอพูดจบเท่านั้นเเหละค่ะ แป้งล้มลงไปเเล้วชักทุกคนต้องใจรีบโทรเรียกรถพยาบาลพาไปโรงพยาบาลซึ่งหมอก็บอกมานะคะว่าแป้งอ่ะเป็นโรคลมชักซึ่งก่อนหน้านี้เเป้งไม่เคยมีอาการเเบบนี้มาก่อนเลย หลังจากนั้นเเป้งก็ชักเป็นระยะๆเเต่ไม่ได้รุนเเรงมาก จนแป้งกลับมาบ้านคุณทวดเเป้งก็นอนพักผ่อนไปเราก็นอนเฝ้าเเป้งเเล้วคืนนั้นเราก็ฝันนะคะว่าเราอยู่ที่หน้าศาลพระภูมิบ้านเราที่ศาลพระภูมิก็มีของไหว้เหมือนวันนั้นเลย เเล้วที่นี้ก็มีผู้ชายเเก่ใส่ชุดขาวมีตะโกนบอกเราว่า " ทำไมพวกถึงเอาไก่มาถวายกู กูไม่กินไก่ " เราเลยถามว่าไม่กินไก่เเล้วจะกินอะไรคะ เขาก็ตอบเรามาว่า " กูจะกินหัวหมู " เเล้วเขาก็บอกอีกประมาณว่าเห็นหลานไหม ถ้าไม่เอามาให้กูกิน กูจะทำหลานอีก เเล้วเราก็สะดุ้งตื่นมาดูหลานก็นอนหลับปกติค่ะ จนเช้ามาตายายก็มาคุยกับคุณทวดว่าฝันไม่ดีเลย ฝันว่ามีคนเเก่มาบอกว่าจะกินหัวหมูเขาไม่กินไก่ที่เราถวายให้ซึ่งทุกคนฝันเหมือนกันเลยค่ะ ตายายเลยตัดสินใจเลี้ยงศาลพระภูมิอีกครั้งเเล้วคราวนี้ก็เปลี่ยนจากไก่เป็นหัวหมูตามในฝันเลยค่ะ เเล้วหลังจากนั้นแป้งก็ไม่มีอาการชักอีกเลยเเล้วก็เลยชวนแป้งไปนอนบ้านตายายบ้างแป้งก็ไปด้วยความที่แป้งก็ติดเรา (บอกก่อนนะคะว่าบ้านตายายเราก็เลี้ยงกุมารเหมือนกัน3องค์นะคะ ซึ่งโดยปกติเราจะเอาขนมให้เขาเอาของเล่นให้เขาเสมอเลยไม่ได้กลัวอะไรเขานะคะ วันเเรกที่เราพาแป้งไปนอนก็นอน2คนค่ะเราเริ่มนอนคนเดียวตั้งเเต่เด็กเเล้วเเล้วก็เลยติดนิสัยนอนคนเดียวมาเรื่อยๆ ตกดึกคืนนั้นเราเห็นไปดูเเป้งก็เห็นว่าเเป้งหลับไปแล้ว เราเลยหลับบ้างเเต่เรายังหลับไปสนิทนะคะกึ่งหลับกึ่งตื่นเเล้วตาเราก็เหลือบไปเห็นเด็กค่ะที่ปลายเตียงเราตกใจมากเพราะก่อนหน้านี้เราไม่เคยเห็นเเบบนี้เลย ปกติเราจะได้ยินเเค่เสียงเท่านั้น หลังจากที่เราตกใจเราจะกรี๊ดเเต่กรี๊ดไม่ออกเเล้วก็รู้สึกขยับตัวไม่ได้ เเล้วเด็กคนนั้นก็เหมือนเริ่มเดิมขึ้นมาข้างขวาที่เรานอนเเล้วกระซิบถามเราว่า " ใครมาหรอ " เราก็เเบบไม่ไหวเเล้ว กลัวมากอ่ะตอนนั้นทำอะไรไม่รู้ เเล้วซักก็เหลือบไปเห็นอีกคนมาฝั่งปลายเตียงฝั่งที่แป้งนอน เเล้วก็ค่อยๆเดินมาดูหน้าแป้งที่นอนอยู่ เราก็คิดในใจว่านั่นหลานเรานะอย่าทำให้เขากลัวนะ เพราะกลัวเขาจะชัก เเล้วก็พูดในใจว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้ซื้อขนมให้นะ เเล้วซักพักเด็กทั้งสองคนก็หายตัวไป เช้ามาเราก็ขอเงินตาเเล้ววิ่งไปซื้อขนมไปถวายกุมารทองเลยค่ะ หลังจากนั้น2-3วันเราก็ไม่เจอเเบบนี้อีก
พอหลังจากนั้นด้วยความที่เรายังห่วงเเป้งเราก็ขอตายายว่าจะไปนอนกับเเป้งสักอาทิตย์นะ ตายายก็อนุญาตเราก็กลับไปนอนที่บ้านคุณทวด เเต่พอกลับมาวันเเรกก็เจอเลยค่ะ เเล้วรู้สึกว่าครั้งนี้จะเจอหนักกว่าครั้งก่อนนะคะ เดี๋ยวมาต่อนะคะ
เจ้าที่เเรง!!
~ เริ่มเรื่องกันเลยนะคะ ~ ขอเกริ่นเรื่องนิดนึงนะคะ เราอาศัยอยู่ในโชนของภาคเหนือซึ่งบ้านเราก็จะเป็นครอบครัวใหญ่ ไม่ได้อาศัยร่วมบ้านกันนะคะ เเต่เครือญาติพี่น้องเราจะอยู่ใกล้ๆกันซึ่งถ้าเป็นตอนเด็กๆเเม่เราจะชอบฝากเราไว้กับยาย บ้านยายนะคะจะอยู่ลึกเข้าไปท้ายซอยเลยเเล้วก็จะเป็นซอยตัน ส่วนบ้านของคุณทวดเราจะอยู่ติดถนนใหญ่เลย บ้านของเเม่จะอยู่อีกซอยนึงนะคะ ด้วยความที่ผู้ใหญ่สมัยก่อนนะคะจะเชื่อเรื่องสิ่งลึกลับมากโดยเฉพาะครอบครัวของเรา เพราะว่าต้นตระกูลของเราเป็นเกี่ยวกับหมอไสยขาว ซึ่งที่บ้านของคุณทวดเราจะขายเกี่ยวกับยาเลือดยาลมช่วยรักษาธาตุต่างๆในร่างกาย เเต่ไม่ได้มีการสืบไสยขาวกันต่อๆมาเเล้วนะคะ ตอนนี้คุณทวดก็ทำยาเลือดยาลมขายมาหลายปีเเล้วจนปัจจุบันคุณทวดอายุจะ 90 ปีเเล้วนะคะ เเต่การที่คุณทวดของเราไม่ได้สืบไสยขาวมาเเต่คุณทวดเราก็มีคาถาที่สามารถปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายได้เเละด้วยความที่ต้นตระกูลเรามีเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ทำให้มีเรื่องขนลุกๆเกิดขึ้นที่บ้านของคุณทวดเราบ่อยมากกก
ย้อนไปเมื่อ 9-10 ปี ที่เเล้วนะคะ เราน่าจะอายุประมาณ 12-13 ตอนนั้นเป็นช่วงที่เราไปนอนบ้านคุณทวดบ่อยเพราะเราติดหลาน หลานเรากับเราอายุห่างกันประมาณ 2-3 ปี เราก็จะไปนอนบ้านทวดบ่อยหน่อยอาทิตย์นึงก็ประมาณ 2-3 วัน บ้านของคุณทวดจะเป็น 2 ชั้นนะคะ ชั้นบนจะเป็นไม้ส่วนชั้นล่างจะเป็นปูน ซึ่งด้วยความที่บ้านหลังนี้คุณทวดอาศัยมาตั้งเเต่เด็กมาถึงรุ่นเราก็จะทรุดโทรมตามสภาพไปเรื่อยๆ ในบ้านคุณทวดจะมาห้องทั้งหมด 3 ห้องนะคะ ข้างล่างชั้นปูนจะมี 2 ห้องซึ่งจะเป็นคุณทวดนอนคนเดียว 1 ห้อง ส่วนอีกห้องจะเป็นป้านอนกับหลานอีกคนนึง ส่วนห้องด้านบนเมื่อก่อนจะเป็นห้องที่จะเก็บของเก่าของตาทวดเราที่ทำเกี่ยวกับไสยขาวนี่เเหละค่ะ ซึ่งในห้องนั้นก็จะมีพวกมีดดาบยาวๆเราไม่เเน่ใจว่าเขาเรียกกันว่าอะไรเเละก็จะมีหีบเหล็กเก่าๆ มียันต์บ้าง สายสินธุ์บ้าง ประคำบ้างเเต่ด้วยความที่เราเป็นเด็กเเละเป็นลูกหลานคุณทวดเลยบอกว่านอนได้ไม่เป็นไรก็ย้ายพวกข้างออกมาไว้ที่ข้างนอกตรงหิ้งพระนะคะ อ่อ.....เราลืมบอกว่าถัดจากห้องชั้นบนไปจะเป็นหิ้งพระเเละเป็นรูปของคุณทวดก่อนๆหน้านี้ที่เขาเสียไปเเล้วจะห้อยอยู่ตรงนั้น ที่หิ้งก็จะมีพระเยอะมากเลยเเล้วอีกอย่างนึงมีที่ก็คือกุมารทองทั้งหมด 2 องค์นะคะ (ขอพูดอีกนิดนึงนะคะ หลานเรามีทั้งหมด 4 คนนะคะ เราจะใช้นามสมมุติเอานะคะ หลานคนเเรกที่สนิทกับเรามากจะให้ชื่อว่า แป้ง คนที่สองจะชื่อ ปริม คนที่สามชื่อ ปรางนะคะ ) เรากับหลานก็นอนในห้องนั้นทั้งหมด 3 คนเเล้วก็จะมีอาเรานอนด้วย ซึ่งมีอยู่วันนึงอาเรากับปริมก็เข้าไปนอนเข้าไปนอนเล่นกันในห้องตามปกติ เเต่เรากับแป้งออกมาเล่นกันข้างนอกห้อง ซึ่งด้วยความที่เรายังเด็กเวลาเล่นกันก็จะเสียงดังกันหน่อย อาเราก็จะตะโกนมาเบาๆว่าเบาเสียงกันหน่อยดึกเเล้ว เราก็เบาเสียงลงกันเเล้วก็เล่นกันเพลินก็กลับมาดังอีกครั้งอาก็พูดเหมือนเดิมเลยนะคะ "ว่าเบาๆเสียงกันหน่อย มันดึกเเล้ว" เราก็ตามสเตปเดิมเลยค่ะเบาเสียงเเล้วพอเล่นเพลินๆไปก็ดังกันอีก เเต่รอบนี้อาของเราไม่ได้ตะโกนมาบอกนะคะเพราะคิดว่าอาน่าจะหลับไปแล้ว เราก็เล่นกันต่อไปสักพักนึงก็มีเสียงเหมือนเสียงคนเเก่ๆ ลอยมาใกล้ๆเราเป็นเสียงเหมือน ฮึ่มๆ...... เราก็เลยหันมองรอบๆคิดว่าเป็นเสียงทวดเรารึเปล่าเลยไปดูที่บันไดก็ไม่มีตอนที่เราได้ยินเราไม่รู้จ่าเสียงมาจากทางไหนนะคะ ก็เลยไปดูที่บันไดก่อนเเต่พอเราไม่เจอยายทวดก็เลยคิดว่าเราหูเเว่วไปเองเเหละมั้งเรากับก็เล่นกันต่อค่ะ เเล้วสักพักก็มีเสียงเเบบนี้ลอยมาอีก ฮึ่มๆ....... ก็เลยหันไปมองที่หน้าหิ้งพระเเล้วตาเราก็ไปมองรูปยายทวดเราเเล้วในรูปเหมือนยายทวดมองมาที่เรา2คนเเล้วเรามีความรู้สึกว่าตอนที่มองหน้ายายทวดทำไมรู้สึกเหมือนไม่พอใจเราเลยบอกแป้งว่าเราไปนอนกันเถอะ ก็เลยพาแป้งไปนอน พอตกเช้ามาเรากับแป้งก็พากันลงมาข้างล่างเพื่อจะกินข้าวกันเเล้วคุณทวดเราก็บอกว่าเมื่อคืนเล่นกันเสียงดังหรอ เราก็บอกว่า " เล่นกันจ้ะ เเต่ไม่ได้ดังมากหรอก " เเล้วคุณทวดเราก็พูดว่าอย่าเล่นกันเสียงดังบ่อยนะ เขาไม่ชอบนะ เราก็งงว่าเขาที่คุณทวดหมายถึงนั่นคือใคร เเต่ก็ไม่สนใจไปเล่นกันต่อ พอตกเย็นเราก็ไปนอนที่ห้องป้ากับปรางด้วยความที่เล่นกันเหนื่อยก็หลับไป ตกดึกเราสะดุ้งตื่นขึ้นมาเราได้ยินเสียงคนกระทืบเท้าเเรงมากจนด้านบนที่เเต่ด้วยความที่ยังง่วงก็หลับไป เเล้วเราก็ฝันค่ะ ฝันว่าตัวเองอยู่ที่ชั้น2เเล้วเห็นผู้หญิงเเก่ๆคนนึงหลังค่อมๆหน่อยเดินไปเดินมา เเล้วที่ยายคนนั้นทำคือกระทืบเท้าเดินไปเดินมาค่ะ เราก็งงอยู่ว่าทำไมยายต้องกระทืบเท้าเเรงๆเสียงดังบนบ้านยาย เมื่อกับว่ายายคนนั้นเเกไม่พอใจอะไรมากแบบมากกๆๆเลยอ่ะ เเล้วเเกก็เดินทำเสียงฮึ่ม....ฮึ่มไปๆมาๆ เราเลยบอกยายคนนึงไปว่ายายค่ะอย่าทำเสียงดังเเบบนี้คุณทวดจะตื่น เเล้วยายคนนั้นก็หยุดนิ่งเเล้วก็พูดขึ้นมาเป็นภาษาเหนือนะค ว่า " เเม่ค่ำเเม่คืนหยังบ่นอนกั๋น คนเฒ่าเปิ้นหลับเปิ้นนอนบ่ะเด่วเเม่ตีจะตีเหีย " เเล้วค่อยๆหั้นหน้ามาหาเรา เราตกใจแทบกรี๊ดคือยายคนนั้นคือยายทวดในรูปที่เรามองเมื่อวาน ในฝันมันเหมือนจริงมากๆเราก็เลยวิ่งลงมาข้างล่างปากก็บอกหนูขอโทษจ๊ะ เเม่หลวง เเล้วเราก็สะดุ้งตื่นเลย
พอเวลาผ่านไปอีกอาทิตย์นึง บ้านเราก็มีงานเลี้ยงเจ้าที่ซึ่งศาลพระภูมิจะอยู่หน้าบ้านติดกับบ่อน้ำบาดาลนะคะ เราก็เลี้ยงศาลพระภูมิกันปกติค่ะ วันนั้นบ้านเราเลือกนำไก่ไปเลี้ยงซึ่งเราเองก็เพิ่งมาเลี้ยงที่บ้านทวดครั้งเเรกเลย ที่บ้านเราจะเลี้ยงเเล้วจุดธูปไว้พอธูปหมดก็ลาของมากินได้ ผ่านไปสักพักใหญ่เรารู้สึกว่าธูปเนี่ยจุดมานานเเล้วทำไมไม่หมดสักทีพอพูดจบเท่านั้นเเหละค่ะ แป้งล้มลงไปเเล้วชักทุกคนต้องใจรีบโทรเรียกรถพยาบาลพาไปโรงพยาบาลซึ่งหมอก็บอกมานะคะว่าแป้งอ่ะเป็นโรคลมชักซึ่งก่อนหน้านี้เเป้งไม่เคยมีอาการเเบบนี้มาก่อนเลย หลังจากนั้นเเป้งก็ชักเป็นระยะๆเเต่ไม่ได้รุนเเรงมาก จนแป้งกลับมาบ้านคุณทวดเเป้งก็นอนพักผ่อนไปเราก็นอนเฝ้าเเป้งเเล้วคืนนั้นเราก็ฝันนะคะว่าเราอยู่ที่หน้าศาลพระภูมิบ้านเราที่ศาลพระภูมิก็มีของไหว้เหมือนวันนั้นเลย เเล้วที่นี้ก็มีผู้ชายเเก่ใส่ชุดขาวมีตะโกนบอกเราว่า " ทำไมพวกถึงเอาไก่มาถวายกู กูไม่กินไก่ " เราเลยถามว่าไม่กินไก่เเล้วจะกินอะไรคะ เขาก็ตอบเรามาว่า " กูจะกินหัวหมู " เเล้วเขาก็บอกอีกประมาณว่าเห็นหลานไหม ถ้าไม่เอามาให้กูกิน กูจะทำหลานอีก เเล้วเราก็สะดุ้งตื่นมาดูหลานก็นอนหลับปกติค่ะ จนเช้ามาตายายก็มาคุยกับคุณทวดว่าฝันไม่ดีเลย ฝันว่ามีคนเเก่มาบอกว่าจะกินหัวหมูเขาไม่กินไก่ที่เราถวายให้ซึ่งทุกคนฝันเหมือนกันเลยค่ะ ตายายเลยตัดสินใจเลี้ยงศาลพระภูมิอีกครั้งเเล้วคราวนี้ก็เปลี่ยนจากไก่เป็นหัวหมูตามในฝันเลยค่ะ เเล้วหลังจากนั้นแป้งก็ไม่มีอาการชักอีกเลยเเล้วก็เลยชวนแป้งไปนอนบ้านตายายบ้างแป้งก็ไปด้วยความที่แป้งก็ติดเรา (บอกก่อนนะคะว่าบ้านตายายเราก็เลี้ยงกุมารเหมือนกัน3องค์นะคะ ซึ่งโดยปกติเราจะเอาขนมให้เขาเอาของเล่นให้เขาเสมอเลยไม่ได้กลัวอะไรเขานะคะ วันเเรกที่เราพาแป้งไปนอนก็นอน2คนค่ะเราเริ่มนอนคนเดียวตั้งเเต่เด็กเเล้วเเล้วก็เลยติดนิสัยนอนคนเดียวมาเรื่อยๆ ตกดึกคืนนั้นเราเห็นไปดูเเป้งก็เห็นว่าเเป้งหลับไปแล้ว เราเลยหลับบ้างเเต่เรายังหลับไปสนิทนะคะกึ่งหลับกึ่งตื่นเเล้วตาเราก็เหลือบไปเห็นเด็กค่ะที่ปลายเตียงเราตกใจมากเพราะก่อนหน้านี้เราไม่เคยเห็นเเบบนี้เลย ปกติเราจะได้ยินเเค่เสียงเท่านั้น หลังจากที่เราตกใจเราจะกรี๊ดเเต่กรี๊ดไม่ออกเเล้วก็รู้สึกขยับตัวไม่ได้ เเล้วเด็กคนนั้นก็เหมือนเริ่มเดิมขึ้นมาข้างขวาที่เรานอนเเล้วกระซิบถามเราว่า " ใครมาหรอ " เราก็เเบบไม่ไหวเเล้ว กลัวมากอ่ะตอนนั้นทำอะไรไม่รู้ เเล้วซักก็เหลือบไปเห็นอีกคนมาฝั่งปลายเตียงฝั่งที่แป้งนอน เเล้วก็ค่อยๆเดินมาดูหน้าแป้งที่นอนอยู่ เราก็คิดในใจว่านั่นหลานเรานะอย่าทำให้เขากลัวนะ เพราะกลัวเขาจะชัก เเล้วก็พูดในใจว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้ซื้อขนมให้นะ เเล้วซักพักเด็กทั้งสองคนก็หายตัวไป เช้ามาเราก็ขอเงินตาเเล้ววิ่งไปซื้อขนมไปถวายกุมารทองเลยค่ะ หลังจากนั้น2-3วันเราก็ไม่เจอเเบบนี้อีก
พอหลังจากนั้นด้วยความที่เรายังห่วงเเป้งเราก็ขอตายายว่าจะไปนอนกับเเป้งสักอาทิตย์นะ ตายายก็อนุญาตเราก็กลับไปนอนที่บ้านคุณทวด เเต่พอกลับมาวันเเรกก็เจอเลยค่ะ เเล้วรู้สึกว่าครั้งนี้จะเจอหนักกว่าครั้งก่อนนะคะ เดี๋ยวมาต่อนะคะ