เราเคยประสบอุบัติเหตุรถชนต้นไม้อาการโคม่า อาการในตอนนั้นไม่ใช่ 50-50 แต่เป็น 30-70 จำได้ว่าความรู้สึกสุดท้ายคือพยาบาลเอาที่คลอบจมูกมาให้เราดมแล้วทุกอย่างก็มืดไป เรารู้สึกตัวอีกครั้งแต่ตอนนั้นเรายืนอยู่ที่ที่หนึ่งเป็นเหมือนทางเกวียนสมัยก่อน รอบข้างเป็นป่ารายล้อม เห็นผู้คนมากมายที่พากันเดินไปในทางเดียวกัน ทั้งเด็ก วัยรุ่น วัยกลางคน คนแก่ มีทั้งคนไทยคนต่างชาติ บางคนใส่ผ้าซิ้นกับเสื้อเก่าๆ เด็กบางคนไม่ใสเสื้อผ้า บางคนเดินจูงมือลูกหลานไป แต่ไม่มีใครพูดคุยกันเลย เรายืนมองอยู่สักพักก็มีเด็ก 2-3 คนมองมาหาเราแล้วเดินเข้ามาหาเรา ตอนนั้นเรารู้สึกกลัวแล้วก็สับสนมาก แล้วรอบตัวก็มีฝรั่งคนหนึ่งหันมาทางเราเหมือนกัน ทันทีที่เด็กเหล่านั้นสัมผัสโดนตัวเรามันเหมือนตัวเราจะละลายเลยค่ะ มันอ่อนยวบเหมือนจะหมดแรงแล้วฝรั่งคนนั้นก็จะเดินเข้ามาจับเราอีก ในนาทีนั้นเราเหมือนจะได้ยินเสียงของใครไม่รู้ว่าให้ใช้เท้าเตะเท่านั้น ห้ามใช้ตัวหรือมือไปผลักไปดัน ให้ใช้เท้า เราเลยเตะฝรั่งคนนั้นไป สิ่งที่เราเห็นหลังจากที่เท้าเราสัมผัสโดนตัวเขา เนื้อตัวเขามันยุ้ยมันเปื่อยเหมือนเนื้อหนังสัตว์ที่กำลังเปื่อยเหลวๆไหลๆเหมือนน้ำตาเทียน เราก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงแต่มันน่ากลัวมากๆ แล้วร่างนั้นก็กลายเป็นเหมือนปูเดินไปมาในน้ำที่นองอยู่ตรงพื้น แล้วก็มีเสียงบอกเราอีกว่า ให้เหยียบให้ตายเลยก็ได้หรือให้เขากลายเป็นเดรัจฉานแบบนั้นไปก็ได้ เราจำได้ว่าเราเดินหลงอยู่ท่ามกลางผู้คนแปลกๆเหล่านั้นอยู่นาน ในป่าบ้าง ตามทางเกวียนบ้าง ลานเปล่าๆที่เต็มไปด้วยทรายบ้าง หลายครั้งที่เราโดนผู้คนเหล่านั้นพยายามเข้ามาสัมผัส จำได้ว่าตอนนั้นเรากลัวจนร้องไห้จนเราวิ่งมาถึงเขตที่เรารู้ว่าเนี่ย คือเขตโรงพยาบาล เราเห็นมีตาแก่ๆกับยายแก่ๆ 2คน ยืนอยู่หน้าเกรงขามมาก เราพูดออกไปว่า ช่วยหนูด้วยหนูกลัว แล้วท่านก็บอกให้เราวิ่งเข้าไปในเขตโรงบาล หลังจากที่เราก้าวเท้าเข้าเขตที่ท่านบอก ไฟก็ลุกโฉนไปทั่วจนคนที่วิ่งตามมาหยุดร้องครวนครางเหมือนถูกไฟเผาอยู่นอกเขต เราเห็นสองตายายยืนด่าให้ผู้คนเหล่านั้นแล้วเราก็รู้ตัวอีกทีก็เดินอยู่ในเขตโรงบาลแล้วเรายืนอยู่หน้าหอพักผู้ป่วยเห็นผู้คนมากมายทั้งผู้ป่วยบนรถเข่นเห็นญาติผู้ป่วย แต่ในกลุ่มคนเหล่านั้นก็มีคนอีกกลุ่มที่เดินวนไปมาลักษณะเหมือนผู้คนที่เรา้ห็นก่อนหน้านี้ เราเดินวนไปมาไม่รู้จะไปไหนจนเหมือนได้ยินเสียงของอาแว่วมาว่าให้ไปห้องพิเศษแล้วพอเราหันไปหาเสียงก็เห็นอายืนอยู่ข้างๆแม่แล้วเห็นหมอหรืใครไม่รู้ลากเตียงผู้ป่วยผ่านอากับแม่ไป หลังจากนั้นเราก็เดินวนๆเจอกับสิ่งที่ตอนนี้เรารู้แล้วว่านี่คือสัมพเวสีที่หลายๆคนเรียก ทุกครั้งที่ถูกสัมผัสเาก็ทรมานเหมือนจะแตกสลายจะละลายหายไปทุกครั้ง ใช้เท้าถีบครั้งแล้วครั้งเล่า จากที่กลัวๆก็กลายเป็นโมโหจนด่าออกไปว่า บุญเราเยอะขนาดนั้นเลยหรือไงทำไมถึงอยากได้ไม่หยุดสักที จนเหมือนจะมีใครเรียกเรากลับ รู้สึกตัวอีกทีเราก็นอนอยู่บนเตียงแต่ได้ยินเสียงหมอพูดว่า ชีพจรลดหรืออะไรสักอย่าง แล้วก็ได้ยินเสียงผู้หญิงพูดอีกว่าถ้าเขาสู้ไหวเขาจะรอด เหมือนตอนนั้นเราต้องต่อสู้กับตัวเองเลย บอกตัวเองให้ฮึดไว้จนได้ยินเสียงอีกว่าปกติแล้ว
สุดท้ายเราก็ได้สติค่ะ เราหลับอยู่ในไอซียู 2เกือบสามอาทิตย์ไม่ได่สติเลย และรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 2 เดือนกว่าๆทำกายภาพอีกเดือนหนึ่ง ถุงกลับมารักษาต่อที่บ้าน ถึงได้รู้ว่าคนที่บ้านทำบุญให้เราตลอดและจัดบ้านเตรียมไว้แล้วเพราะคิดว่าเราไม่รอด เราได้รู้ว่าบุญที่สัมภเวสีเหล่านั้นอยากได้มาจากบุญที่หลายๆคนทำส่งไปให้เรา เราตายายที่ช่วยเราตอนนั้นคือคนที่คนเฒ่าคนแก่เรียกว่า ยายสะกะสาตาสังกะสีหรือยายกะลาตากะลีนั้นเอง เราไม่รู้ว่าเป็นฝันหรืออะไรแต่ทุกอย่างที่เราเห็นในโรงบาล พอมาฟังที่แมาเล่ามันตรงกับสิ่งที่เราได้ยินหมดเลย ตอนนี้ก็ผ่านมา2ปีแล้วแต่เรายังจำทุกอย่างได้เหมือนพึ่งผ่านมาเมื่อวานเลย
เคยเห็นโลกหลังความตายไหมคะ?
สุดท้ายเราก็ได้สติค่ะ เราหลับอยู่ในไอซียู 2เกือบสามอาทิตย์ไม่ได่สติเลย และรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 2 เดือนกว่าๆทำกายภาพอีกเดือนหนึ่ง ถุงกลับมารักษาต่อที่บ้าน ถึงได้รู้ว่าคนที่บ้านทำบุญให้เราตลอดและจัดบ้านเตรียมไว้แล้วเพราะคิดว่าเราไม่รอด เราได้รู้ว่าบุญที่สัมภเวสีเหล่านั้นอยากได้มาจากบุญที่หลายๆคนทำส่งไปให้เรา เราตายายที่ช่วยเราตอนนั้นคือคนที่คนเฒ่าคนแก่เรียกว่า ยายสะกะสาตาสังกะสีหรือยายกะลาตากะลีนั้นเอง เราไม่รู้ว่าเป็นฝันหรืออะไรแต่ทุกอย่างที่เราเห็นในโรงบาล พอมาฟังที่แมาเล่ามันตรงกับสิ่งที่เราได้ยินหมดเลย ตอนนี้ก็ผ่านมา2ปีแล้วแต่เรายังจำทุกอย่างได้เหมือนพึ่งผ่านมาเมื่อวานเลย