วันนี้ผมได้ยินเสียงเพลงลอยไกลมาจากข้างบ้านเป็นเพลงลูกทุ่งเก่าชื่อเพลง
คิดถึงอีสาน ของ เย็นจิตร พรเทวี จังหวะดนตรีก็เป็นจังหวะไทยเดิมที่คุ้นหูแต่จำไม่ได้ว่าต้นฉบับมาจากเพลงไทยเดิมเพลงอะไร เพลงนี้การเรียบเรียงเสียงประสานดนตรีทำได้ดีมาก เสียงเครื่องดนตรีแม้จะมีน้อยชิ้นแต่สอดรับสลับกันอย่างลงตัวน่าฟังบวกกับเสียงนักร้องที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเนื้อเพลงก็ประพันธ์ได้เยี่ยมทำให้เพลงนี้ไพเราะน่าฟังมาก การบันทึกเสียงก็จัดว่าเยี่ยมในยุคสมัยนั้น ผมฟังมาเรื่อยๆ เพลินๆ จนถึงท่อนที่ทำให้ผมเอะใจคือตอนที่ร้องว่า
"...ทุ่งบางเขนทุกเย็นฉันใจลอยล่อง คิดถึงพี่น้องพวกพ้องอีกหลายๆ คน เขาเป็นสุขไฉน หรือใจของเขาหมองหม่น..." แม้ตอนเพลงนี้ดังผมยังเป็นเด็กจำความไม่ได้แต่ผมรู้ว่าเพลงนี้มันไม่ได้เก่าถึงขนาดเรียกบางเขนว่าทุ่ง ในปี พ.ศ.2525 ผมเข้ากรุงเทพฯ ครั้งแรกก็ไม่มีทุ่งบางเขนแล้ว มีแต่ทุ่งสีกัน ทุ่งสองห้อง หน้าสนามบินดอนเมืองที่ยังเป็นทุ่งนาในตอนนั้น ไปค้นหาชื่อผู้แต่งเพลงเพื่อจะดูปีที่แต่งเพลงในกูเกิ้ลหาข้อมูลเพลงนี้ไม่ได้เลย เจอแต่เพลงรอยไถ ของ ชรินทร์ นันทนาคร ที่ร้องว่า
"โอ้ทุ่งบางเขน แท้จริงเคยเป็นทุ่งรัก ทุกคนรู้จนประจักษ์ เป็นทุ่งรักสมศักดิ์บางไม่ทันไร ..." เพลงนี้น่าจะเก่าถึงยุคที่บางเขนยังมีสภาพเป็นทุ่งนาเพราะผมเกิดไม่ทัน
ภาพถ่ายทุ่งบางเขนเมื่อปี พ.ศ.2500 ยังเป็นทุ่งนาโล่งกว้าง มีอาคารอยู่หลังเดียวไม่รู้ว่าเป็นอาคารอะไร อาจเป็นอาคารเก่าของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพราะ ม.เกษตรบางเขนก่อตั้งในสมัยรัชกาลที่ 5 ตอนนั้นเรียกบริเวณนี้ว่าตำบลกูบแดง อำเภอบางเขน จังหวัดพระนคร
ุทุ่งบางเขน หมดสภาพความเป็นทุ่งนากลายเป็นเมืองตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ
ภาพถ่ายทุ่งบางเขนเมื่อปี พ.ศ.2500 ยังเป็นทุ่งนาโล่งกว้าง มีอาคารอยู่หลังเดียวไม่รู้ว่าเป็นอาคารอะไร อาจเป็นอาคารเก่าของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพราะ ม.เกษตรบางเขนก่อตั้งในสมัยรัชกาลที่ 5 ตอนนั้นเรียกบริเวณนี้ว่าตำบลกูบแดง อำเภอบางเขน จังหวัดพระนคร