หมอ ฝากถึง ชลน่าน ขอให้คนไทยมีลูก ถามรัฐบาลกล้าลงทุนไหม เลี้ยงลูกค่าใช้จ่ายสูงมาก
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7864545
หมอ ฝากถึง ชลน่าน ขอให้คนไทยมีลูก ถามรัฐบาลกล้าลงทุนไหม ชี้ค่าใช้จ่ายเยอะ เปิด 5 ข้อเสนอ ถ้าสู้ราคาไม่ไหว ต้องยอมรับว่าอัตราการเจริญพันธุ์ของประชากรจะไม่ดี
หลัง นพ.
ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข (สธ.) ลุกชี้แจงนโยบายรัฐบาล ในที่ประชุมร่วมรัฐสภา เมื่อวันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมา ตอนหนึ่งระบุว่า
“
กระทรวงสาธารณสุขต้องเข้าไปดูแลเรื่องอนามัยเจริญพันธุ์ เราต้องการใช้กระทรวงเราเป็นจุดกำเนิด จะผลักดันเรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ มาดูเรื่องประชากรกันใหม่ครับ ลูกมากจะยากจนต้องเอาออกจากสมองคนไทย เป็นสิ่งที่กำลังบิดเบี้ยวในสังคมไทย” ซึ่งคำพูดดังกล่าวทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามเป็นจำนวนมาก
ด้าน นพ.
สลักธรรม โตจิราการ หรือ หมอหวาย บุตรชาย นพ.
เหวง โตจิราการ และ นาง
ธิดา ถาวรเศรษฐ แกนนำคนเสื้อแดง แสดงความคิดเห็นในกรณีดังกล่าว ความว่า
กรณีอาจารย์ชลน่าน กังวลเรื่องว่าคนไม่อยากมีลูกจนต้องไปทำหมัน
ผมว่าปัญหาอยู่ที่พอมีลูกสัก 1 คนในไทย หากต้องการเลี้ยงให้ดีมีต้นทุนสูงมาก ถ้าอยากให้คนมีลูกเพิ่มขึ้น รัฐบาลจะกล้าลงทุนเพื่อให้คนมีลูกมากขึ้นไหม ยกตัวอย่างเช่น
1.เพิ่มค่าแรงและเงินเดือน คนจะได้มีเงินมาเลี้ยงลูกได้มากขึ้น มีเงินมาซื้อสิ่งของต่างๆเช่นหนังสือเด็ก ผ้าอ้อม ชุดเด็กได้มากขึ้น มีเงินสำรองตอนหยุดทำงานเลี้ยงลูกได้มากขึ้น
2. ให้แม่และ/หรือพ่อทั้งในภาครัฐและเอกชนหยุดงานแบบมีเงินเดือนได้ 1ปี คือจนลูกเข้าเนอเซอรี่ได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องส่งไปต่างจังหวัดให้ปู่ย่าตายายที่ไม่แข็งแรงแล้วเป็นคนเลี้ยง และกรณีเอกชนควรมีสิทธิ์เอาเงินเดือนที่จ่ายให้พนักงานมาหักภาษีได้
3. เพิ่มเงินเดือนให้ครูโรงเรียนรัฐตั้งแต่เนอเซอรี่ไปจนถึงอาจารย์มหาวิทยาลัยเป็น4-5เท่าของที่เป็นตอนนี้ พร้อมกับลดงานเอกสารให้เหลือน้อยที่สุด แต่ต้องมีเกณฑ์การสอบเข้าที่เข้มงวดกว่านี้
4.ค่าเล่าเรียนถ้าเรียนโรงเรียนรัฐให้ฟรีหมด ชุดนักเรียนไม่ต้องบังคับใส่ทุกวัน รัฐจะได้ไม่ต้องเสียเงินอุดหนุนชุดนักเรียน ถ้าจะมีจริงๆก็อุดหนุนชุดเดียวต่อเทอมให้เด็กเอาไว้ใส่เฉพาะงานสำคัญของโรงเรียน
5.จัดให้มีอาหารเช้าและกลางวันฟรีทุกวัน เอาแบบงบรายหัวเพียงพอจริงๆเช่นวันละ 100 บาทและปรับตามสภาพเศรษฐกิจ ไม่ใช่ให้แค่วันละ 20บาทต่อคน
แน่นอนครับทั้งหมดนี้แพงมาก ต้องขึ้นกับรัฐว่าจะอยากให้ประชาชนมีลูกมากแค่ไหน ถ้าต้องการให้ประชาชนมีลูกมากก็ต้องลงทุนเยอะ ถ้าคิดว่าสู้ราคาไม่ไหวก็ต้องยอมรับสภาพว่าอัตราการเจริญพันธุ์ของประชากรจะไม่ดีนักครับ
(ปล.มีผู้ที่แชร์ไปแสดงความเห็นเพิ่มเติมเรื่องการชดเชยรายได้ให้ผู้มีบุตรที่ประกอบอาชีพอิสระ ก็น่าสนใจครับ)
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=pfbid0f51b7NxgC4qNUZvnsThtCYbGGwmo5PfVXmJJhMi2dkHQEW79TVNtiuyyzdsnd58sl&id=692245758
อดีตปลัดคลัง ติงรัฐบาลไม่ชัดเจน แจกเงินดิจิทัล ไร้ที่มางบ ห่วงเป็นประชาชน
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7864510
อดีตปลัดคลัง ติงรัฐบาลแถลงนโยบายไม่ชัดเจน ทั้งรายละเอียด-งบประมาณ ชี้อาจมีเวลาเขียนน้อย ต้องให้โอกาสทำงาน แนะหารายได้จากการท่องเที่ยว-ซอฟต์พาวเวอร์
เมื่อวันที่ 13 ก.ย.2566 นาย
สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ สว. และอดีตปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวถึงภาพรวมการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 11-12 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า จากการฟังคำชี้แจงของนาย
เศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรมว.คลัง และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องแล้ว เห็นว่า ในนโยบายสำคัญยังไม่มีความชัดเจน ทั้งรายละเอียดและงบประมาณ
โดยเฉพาะโครงการสำคัญระยะเร่งด่วน คือ แจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ที่รัฐบาลยืนยันว่าจะแจกแบบเฮลิคอปเตอร์มันนี่ ให้ทุกคน ทั้งที่สามารถเลือกให้เฉพาะคนที่มีรายได้น้อยได้ ขณะที่ร้านค้าที่เข้าร่วม สามารถเลือกให้เฉพาะร้านค้าชุมชน เพื่อกระจายรายได้และช่วยเศรษฐกิจชุมชน แต่รัฐบาลเลือกจะให้กับทุกร้านค้า
นาย
สถิตย์ กล่าวต่อว่า สำหรับการใช้เทคโนโลยีที่จะนำมาช่วยบริหาร รัฐบาลยังไม่ชัดเจนว่าจะใช้วิธีใด กรณีที่บอกว่าจะนำบล็อกเชนมาใช้วันที่ 1 ก.พ.67 นั้น จะทำได้จริงหรือไม่ และกรณีที่มาของเงินเพื่อใช้ในนโยบายด้านต่างๆ โดยเฉพาะดิจิทัลวอลเล็ต แม้รัฐบาลระบุว่าจะไม่นำกองทุนบำเหน็จบำนาญ กองทุนประกันสังคม กองทุนวายุภักดิ์ หรือกองทุนต่างๆ มาใช้ แต่ไม่สามารถระบุถึงแหล่งที่มาชัดเจนได้
“
ผมเข้าใจว่าการเขียนนโยบาย รัฐบาลอาจมีเวลาน้อย แต่รายละเอียดต้องเตรียมการ สำหรับเงินที่จะนำมาใช้ หากไม่ใช้เงินจากกองทุน ตามหลักการอาจมาได้จาก 3 วิธี คือ ภาษี เกลี่ยงบประมาณรายจ่ายประจำปี หรือ กู้ ดังนั้น ไม่ว่ารัฐบาลจะใช้วิธีใดต้องเลือกให้เหมาะสม และระวังไม่ให้เกิดภาระกับประชาชนมากเกินไป” นาย
สถิตย์ กล่าว
เมื่อถามว่าโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ที่สังคมตั้งคำถามว่ารัฐบาลอาจเอื้อให้บางบริษัทที่ถือครองหุ้นในบริษัทที่ทำธุรกิจบิตคอยน์ หรือเงินดิจิทัล นาย
สถิตย์ กล่าวว่า ตนมองนโยบายรัฐบาลในภาพกว้าง เชื่อว่ารัฐบาลจะดำเนินโครงการ และธุรกรรมอื่นเพื่อประโยชน์ประเทศ เมื่อถามว่ารัฐบาลให้ความเชื่อมั่นว่าไม่ทุจริต จะบริหารโปร่งใส ส่วนตัวให้ความเชื่อมั่นได้กี่เปอร์เซ็นต์ นายสถิตย์ กล่าวว่า ต้องให้โอกาสรัฐบาลได้ทำงาน
นาย
สถิตย์ กล่าวถึงข้อเสนอแนะในการสร้างรายได้เข้าประเทศว่า รัฐบาลต้องส่งเสริมและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ทั้งท่องเที่ยวทางน้ำ ท่องเที่ยวชุมชนเพื่อให้มีศักยภาพรองรับการกระตุ้นการท่องเที่ยวตามนโยบายรัฐบาลที่แถลง รวมถึงส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ หรือ ซอฟต์พาวเวอร์ ให้เป็นที่ต้องการระดับสากล แต่คงความเป็นไทย
สมชัย ชี้ 5 ข้อ มติครม.เศรษฐา แบ่งจ่ายเงินเดือน 2 งวด สร้างสรรค์ หรือสร้างปัญหา?
https://www.matichon.co.th/politics/news_4178857
สมชัย เขียน มติ ครม.เศรษฐา แบ่งจ่ายเงินเดือน 2 งวด สร้างสรรค์หรือสร้างปัญหา?
เมื่อวันที่ 13 กันยายน นาย
สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงมติ ครม.เศรษฐา นัดแรก เพื่อเปลี่ยนการจ่ายเงินข้าราชการจากเดือนละ 1 รอบ เป็น 2 รอบ โดยระบุว่า
“คิดใหม่ ทำเร็ว สร้างสรรค์ หรือ สร้างปัญหา
หลังมติแรกของ ครม.เศรษฐา คือ เปลี่ยนระบบการจ่ายเงินเดือนข้าราชการเป็นทุกครึ่งเดือน โดยมีเหตุผลว่า เพื่อให้ข้าราชการมีเงินเดือนใช้เพียงพอกระจายทั้งเดือน ลดการกู้ ไม่ต้องเป็นหนี้
1. เป็นการคิดแบบเร็วๆ หรือมีการศึกษาวิจัยอยู่เบื้องหลัง และสอบถามความเห็นจากหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง หรือยัง
2. ระบบการเบิกจ่ายเงินเดือนของกรมบัญชีกลาง ต้องมีการปรับใหม่และทำเพิ่มเป็นสองรอบต่อเดือน เป็นภาระทางธุรการแก่ข้าราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น คลังจังหวัด กองคลังของทุกหน่วยงานหรือไม่
3. ระบบเงินเดือนข้าราชการ ยังผูกกับเงินหักหนี้สินต่างๆ เช่น เงินกู้สหกรณ์ เงินหักส่งสวัสดิการต่างๆ ซึ่งหักเป็นรายเดือน ระบบดังกล่าวต้องแบ่งเป็นสองงวดตามด้วย หากแบ่งไม่ได้ จะเป็นการสร้างภาระแก่ข้าราชการในครึ่งเดือนแรก
4. ค่าผ่อนบ้าน ค่าผ่อนรถ เงินกู้ธนาคาร หนี้บัตรเครดิต ทั้งหมดชำระเป็นรายเดือน และเป็นของเอกชน ที่อาจไม่สามารถขอผ่อนผันจ่ายเป็น 2 งวดต่อเดือนได้
5. คิดใหม่ ทำเร็ว ควรมีการศึกษาวิจัย และถามความเห็นจากหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องก่อน เพราะที่นี่ ไม่ใช่แสนสิริ และใครผ่อนคอนโดแสนสิริ อย่าลืมขอใช้สิทธิผ่อนเป็น 2 งวดต่อเดือนด้วย
https://www.facebook.com/somchaivision/posts/pfbid02WQ6dG79TTTuSiYDZ8pdYJhZ9RiiZSEKnmCSsUzEcvxvDEjAsexyJso5TvGBNJ6Zel
ขรก.ประสานเสียง "ไม่เห็นด้วย" แบ่งจ่ายเงินเดือนเป็น 2 รอบ ทำชักหน้าไม่ถึงหลัง
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/366012
ข้าราชการทุกระดับ จากหลายกระทรวง และหน่วยงาน ประสานเสียง ไม่เห็นด้วยนโยบายแบ่งจ่ายเงินเดือน 2 งวด กระทบทั้งเรื่องผ่อนบ้าน - รถ วงรอบจ่ายหนี้บัตรเครดิต
ทีมข่าวสอบถามไปยัง ข้าราชการครู ระดับชั้นประถมศึกษา ในโรงเรียนแห่งหนึ่งพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ไม่เห็นด้วย เพราะว่า ในข้าราชการบางรายมีภาระในเรื่องของค่าใช้จ่าย ที่มีกำหนดจ่ายทุกสิ้นเดือน เช่น ค่ารถ ค่าบ้าน บัตรเครดิต หรืออื่นๆ หากปรับเป็นการให้เงินเป็นเดือนละ 2 ครั้ง แล้วสิ้นเดือน เขาจะทำยังไง หากจะปรับเป็น 2 ครั้ง ต่อเดือน ก็ควรที่จะให้บริษัทเอกชน และสถานการเงินต่างๆ ปรับในเรื่องของการชำระหนี้ด้วย
ด้านข้าราชการสังกัดกระทรวงการคลัง บอกว่าหลังจากมีข่าวเรื่องการจ่ายเงินเดือน 2 งวด ก็เป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงในวงสนทนาช่วงรับประทานอาหารกลางวัน ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย แม้ว่าจะได้เงินเดือนก่อน ตั้งแต่ช่วงกลางเดือน เพราะ หนี้บัตรเครดิตที่ต้องจ่ายเป็นก้อน ของแต่ละคนวงรอบไม่เท่ากัน แม้จะได้เงินมาก่อน แต่ก็อาจใช้เงินไปจนไม่มีเงินที่จะเก็บไปจ่ายหนี้ อีกอย่างเงินที่ได้มาไว ก็ไปไว ไม่สะดวกในการเก็บออม และบริหารการเงินได้
ข้าราชการสังกัด กทม. ฝ่ายการเงินและบัญชีเขตแห่งหนึ่ง ไม่เห็นด้วยมากๆ กำลังคุยกันวุ่นเลยที่ทำงาน เพราะต้องทำเอกสารเดือนละ 2 รอบ ความจริงถ้ารัฐบาลจะช่วยข้าราชการขั้นผู้น้อย ควรเพิ่มเงินเดือนให้ ไม่ใช่มาแบ่งจ่ายแบบนี้ ค่า บ้าน ค่ารถ ค่าสาธารณูปโภค ที่หักจ่ายกับหน่วยงานจะหักอย่างไร หัก 2 รอบหรือไม่ การแก้ปัญหา คือการปรับฐาน
พยาบาลวิชาชีพ ระบุว่าไม่เห็นด้วย จ่ายไว จำนวนเงินครึ่งหนึ่ง ก็หมดไว หากจ่ายทีเดียวก้อนใหญ่มองว่าจัดการได้ง่ายกว่า อันไหนต้องจ่าย อันไหนต้องเก็บ มา 2 รอบ มันต้องจัดการใหม่ แล้วบางเดือนรายจ่าย เงินเดือนรอบแรกมันไม่พอสำหรับรายจ่าย ทำให้บางคนอาจใช้หมดก่อน เช่นผ่อนรถทุกวันที่ 1 เงินเดือนที่จ่ายแค่ครึ่งก็ไม่พอ
ข้าราชการรัฐสภา วันนี้ กับจับเข่าคุยกันทั้งวัน เสียงไม่เห็นด้วยเป็นเอกฉันท์ เหตุผลคือการจ่ายเงินเดือน 2 งวดนี้ทำให้ชักหน้าไม่ถึงหลัง สมมติมีรายได้เฉลี่ย 40,000 บาท ถ้าออกมางวดละ 20,000 บาท จ่ายค่าผ่อนบ้าน - ผ่อนรถหมดแล้วเอาอะไรกิน หลังจากนี้จะไปคุยกับบริษัทรถ - บ้าน ขอให้ปรับรูปแบบการผ่อนตามครม. ไม่งั้นไม่ไหว
เช่นเดียวกับ ข้าราชการระดับสูงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ไม่เห็นด้วย มองว่าระบบมันออกแบบไว้ 1 ครั้ง สำหรับชำระหนี้เงินกู้ ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ค่าน้ำค่าไฟ จ่ายเงินเดือนออก ถ้าเงินเดือนออก 2 ครั้ง แล้วใช้เงินหมดไปแล้วตามความจำเป็น จะมีเงินส่งใช้หนี้ทุกสิ้นเดือนไหม ถ้าแก้ต้องแก้ทั้งระบบไม่ดีกว่าหรือไม่ ส่วนใหญ่หนี้ในระบบของข้าราชการ มีการชำระทุกสิ้นเดือน หากนำเงินเดือนมาใช้จ่ายก่อน จะทำให้หนี้ไม่ลด พอกหางหมู
JJNY : 5in1 หมอฝากถึงชลน่าน│อดีตปลัดคลังติงรบ.│สมชัยชี้แบ่งจ่าย 2 งวด│ขรก.ประสานเสียง│เกาหลีเหนือลั่นยืนหยัดข้างรัสเซีย
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7864545
หมอ ฝากถึง ชลน่าน ขอให้คนไทยมีลูก ถามรัฐบาลกล้าลงทุนไหม ชี้ค่าใช้จ่ายเยอะ เปิด 5 ข้อเสนอ ถ้าสู้ราคาไม่ไหว ต้องยอมรับว่าอัตราการเจริญพันธุ์ของประชากรจะไม่ดี
หลัง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข (สธ.) ลุกชี้แจงนโยบายรัฐบาล ในที่ประชุมร่วมรัฐสภา เมื่อวันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมา ตอนหนึ่งระบุว่า
“กระทรวงสาธารณสุขต้องเข้าไปดูแลเรื่องอนามัยเจริญพันธุ์ เราต้องการใช้กระทรวงเราเป็นจุดกำเนิด จะผลักดันเรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ มาดูเรื่องประชากรกันใหม่ครับ ลูกมากจะยากจนต้องเอาออกจากสมองคนไทย เป็นสิ่งที่กำลังบิดเบี้ยวในสังคมไทย” ซึ่งคำพูดดังกล่าวทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามเป็นจำนวนมาก
ด้าน นพ.สลักธรรม โตจิราการ หรือ หมอหวาย บุตรชาย นพ.เหวง โตจิราการ และ นางธิดา ถาวรเศรษฐ แกนนำคนเสื้อแดง แสดงความคิดเห็นในกรณีดังกล่าว ความว่า
กรณีอาจารย์ชลน่าน กังวลเรื่องว่าคนไม่อยากมีลูกจนต้องไปทำหมัน
ผมว่าปัญหาอยู่ที่พอมีลูกสัก 1 คนในไทย หากต้องการเลี้ยงให้ดีมีต้นทุนสูงมาก ถ้าอยากให้คนมีลูกเพิ่มขึ้น รัฐบาลจะกล้าลงทุนเพื่อให้คนมีลูกมากขึ้นไหม ยกตัวอย่างเช่น
1.เพิ่มค่าแรงและเงินเดือน คนจะได้มีเงินมาเลี้ยงลูกได้มากขึ้น มีเงินมาซื้อสิ่งของต่างๆเช่นหนังสือเด็ก ผ้าอ้อม ชุดเด็กได้มากขึ้น มีเงินสำรองตอนหยุดทำงานเลี้ยงลูกได้มากขึ้น
2. ให้แม่และ/หรือพ่อทั้งในภาครัฐและเอกชนหยุดงานแบบมีเงินเดือนได้ 1ปี คือจนลูกเข้าเนอเซอรี่ได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องส่งไปต่างจังหวัดให้ปู่ย่าตายายที่ไม่แข็งแรงแล้วเป็นคนเลี้ยง และกรณีเอกชนควรมีสิทธิ์เอาเงินเดือนที่จ่ายให้พนักงานมาหักภาษีได้
3. เพิ่มเงินเดือนให้ครูโรงเรียนรัฐตั้งแต่เนอเซอรี่ไปจนถึงอาจารย์มหาวิทยาลัยเป็น4-5เท่าของที่เป็นตอนนี้ พร้อมกับลดงานเอกสารให้เหลือน้อยที่สุด แต่ต้องมีเกณฑ์การสอบเข้าที่เข้มงวดกว่านี้
4.ค่าเล่าเรียนถ้าเรียนโรงเรียนรัฐให้ฟรีหมด ชุดนักเรียนไม่ต้องบังคับใส่ทุกวัน รัฐจะได้ไม่ต้องเสียเงินอุดหนุนชุดนักเรียน ถ้าจะมีจริงๆก็อุดหนุนชุดเดียวต่อเทอมให้เด็กเอาไว้ใส่เฉพาะงานสำคัญของโรงเรียน
5.จัดให้มีอาหารเช้าและกลางวันฟรีทุกวัน เอาแบบงบรายหัวเพียงพอจริงๆเช่นวันละ 100 บาทและปรับตามสภาพเศรษฐกิจ ไม่ใช่ให้แค่วันละ 20บาทต่อคน
แน่นอนครับทั้งหมดนี้แพงมาก ต้องขึ้นกับรัฐว่าจะอยากให้ประชาชนมีลูกมากแค่ไหน ถ้าต้องการให้ประชาชนมีลูกมากก็ต้องลงทุนเยอะ ถ้าคิดว่าสู้ราคาไม่ไหวก็ต้องยอมรับสภาพว่าอัตราการเจริญพันธุ์ของประชากรจะไม่ดีนักครับ
(ปล.มีผู้ที่แชร์ไปแสดงความเห็นเพิ่มเติมเรื่องการชดเชยรายได้ให้ผู้มีบุตรที่ประกอบอาชีพอิสระ ก็น่าสนใจครับ)
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=pfbid0f51b7NxgC4qNUZvnsThtCYbGGwmo5PfVXmJJhMi2dkHQEW79TVNtiuyyzdsnd58sl&id=692245758
อดีตปลัดคลัง ติงรัฐบาลไม่ชัดเจน แจกเงินดิจิทัล ไร้ที่มางบ ห่วงเป็นประชาชน
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7864510
อดีตปลัดคลัง ติงรัฐบาลแถลงนโยบายไม่ชัดเจน ทั้งรายละเอียด-งบประมาณ ชี้อาจมีเวลาเขียนน้อย ต้องให้โอกาสทำงาน แนะหารายได้จากการท่องเที่ยว-ซอฟต์พาวเวอร์
เมื่อวันที่ 13 ก.ย.2566 นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ สว. และอดีตปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวถึงภาพรวมการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 11-12 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า จากการฟังคำชี้แจงของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรมว.คลัง และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องแล้ว เห็นว่า ในนโยบายสำคัญยังไม่มีความชัดเจน ทั้งรายละเอียดและงบประมาณ
โดยเฉพาะโครงการสำคัญระยะเร่งด่วน คือ แจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ที่รัฐบาลยืนยันว่าจะแจกแบบเฮลิคอปเตอร์มันนี่ ให้ทุกคน ทั้งที่สามารถเลือกให้เฉพาะคนที่มีรายได้น้อยได้ ขณะที่ร้านค้าที่เข้าร่วม สามารถเลือกให้เฉพาะร้านค้าชุมชน เพื่อกระจายรายได้และช่วยเศรษฐกิจชุมชน แต่รัฐบาลเลือกจะให้กับทุกร้านค้า
นายสถิตย์ กล่าวต่อว่า สำหรับการใช้เทคโนโลยีที่จะนำมาช่วยบริหาร รัฐบาลยังไม่ชัดเจนว่าจะใช้วิธีใด กรณีที่บอกว่าจะนำบล็อกเชนมาใช้วันที่ 1 ก.พ.67 นั้น จะทำได้จริงหรือไม่ และกรณีที่มาของเงินเพื่อใช้ในนโยบายด้านต่างๆ โดยเฉพาะดิจิทัลวอลเล็ต แม้รัฐบาลระบุว่าจะไม่นำกองทุนบำเหน็จบำนาญ กองทุนประกันสังคม กองทุนวายุภักดิ์ หรือกองทุนต่างๆ มาใช้ แต่ไม่สามารถระบุถึงแหล่งที่มาชัดเจนได้
“ผมเข้าใจว่าการเขียนนโยบาย รัฐบาลอาจมีเวลาน้อย แต่รายละเอียดต้องเตรียมการ สำหรับเงินที่จะนำมาใช้ หากไม่ใช้เงินจากกองทุน ตามหลักการอาจมาได้จาก 3 วิธี คือ ภาษี เกลี่ยงบประมาณรายจ่ายประจำปี หรือ กู้ ดังนั้น ไม่ว่ารัฐบาลจะใช้วิธีใดต้องเลือกให้เหมาะสม และระวังไม่ให้เกิดภาระกับประชาชนมากเกินไป” นายสถิตย์ กล่าว
เมื่อถามว่าโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ที่สังคมตั้งคำถามว่ารัฐบาลอาจเอื้อให้บางบริษัทที่ถือครองหุ้นในบริษัทที่ทำธุรกิจบิตคอยน์ หรือเงินดิจิทัล นายสถิตย์ กล่าวว่า ตนมองนโยบายรัฐบาลในภาพกว้าง เชื่อว่ารัฐบาลจะดำเนินโครงการ และธุรกรรมอื่นเพื่อประโยชน์ประเทศ เมื่อถามว่ารัฐบาลให้ความเชื่อมั่นว่าไม่ทุจริต จะบริหารโปร่งใส ส่วนตัวให้ความเชื่อมั่นได้กี่เปอร์เซ็นต์ นายสถิตย์ กล่าวว่า ต้องให้โอกาสรัฐบาลได้ทำงาน
นายสถิตย์ กล่าวถึงข้อเสนอแนะในการสร้างรายได้เข้าประเทศว่า รัฐบาลต้องส่งเสริมและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ทั้งท่องเที่ยวทางน้ำ ท่องเที่ยวชุมชนเพื่อให้มีศักยภาพรองรับการกระตุ้นการท่องเที่ยวตามนโยบายรัฐบาลที่แถลง รวมถึงส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ หรือ ซอฟต์พาวเวอร์ ให้เป็นที่ต้องการระดับสากล แต่คงความเป็นไทย
สมชัย ชี้ 5 ข้อ มติครม.เศรษฐา แบ่งจ่ายเงินเดือน 2 งวด สร้างสรรค์ หรือสร้างปัญหา?
https://www.matichon.co.th/politics/news_4178857
สมชัย เขียน มติ ครม.เศรษฐา แบ่งจ่ายเงินเดือน 2 งวด สร้างสรรค์หรือสร้างปัญหา?
เมื่อวันที่ 13 กันยายน นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงมติ ครม.เศรษฐา นัดแรก เพื่อเปลี่ยนการจ่ายเงินข้าราชการจากเดือนละ 1 รอบ เป็น 2 รอบ โดยระบุว่า
“คิดใหม่ ทำเร็ว สร้างสรรค์ หรือ สร้างปัญหา
หลังมติแรกของ ครม.เศรษฐา คือ เปลี่ยนระบบการจ่ายเงินเดือนข้าราชการเป็นทุกครึ่งเดือน โดยมีเหตุผลว่า เพื่อให้ข้าราชการมีเงินเดือนใช้เพียงพอกระจายทั้งเดือน ลดการกู้ ไม่ต้องเป็นหนี้
1. เป็นการคิดแบบเร็วๆ หรือมีการศึกษาวิจัยอยู่เบื้องหลัง และสอบถามความเห็นจากหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง หรือยัง
2. ระบบการเบิกจ่ายเงินเดือนของกรมบัญชีกลาง ต้องมีการปรับใหม่และทำเพิ่มเป็นสองรอบต่อเดือน เป็นภาระทางธุรการแก่ข้าราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น คลังจังหวัด กองคลังของทุกหน่วยงานหรือไม่
3. ระบบเงินเดือนข้าราชการ ยังผูกกับเงินหักหนี้สินต่างๆ เช่น เงินกู้สหกรณ์ เงินหักส่งสวัสดิการต่างๆ ซึ่งหักเป็นรายเดือน ระบบดังกล่าวต้องแบ่งเป็นสองงวดตามด้วย หากแบ่งไม่ได้ จะเป็นการสร้างภาระแก่ข้าราชการในครึ่งเดือนแรก
4. ค่าผ่อนบ้าน ค่าผ่อนรถ เงินกู้ธนาคาร หนี้บัตรเครดิต ทั้งหมดชำระเป็นรายเดือน และเป็นของเอกชน ที่อาจไม่สามารถขอผ่อนผันจ่ายเป็น 2 งวดต่อเดือนได้
5. คิดใหม่ ทำเร็ว ควรมีการศึกษาวิจัย และถามความเห็นจากหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องก่อน เพราะที่นี่ ไม่ใช่แสนสิริ และใครผ่อนคอนโดแสนสิริ อย่าลืมขอใช้สิทธิผ่อนเป็น 2 งวดต่อเดือนด้วย
https://www.facebook.com/somchaivision/posts/pfbid02WQ6dG79TTTuSiYDZ8pdYJhZ9RiiZSEKnmCSsUzEcvxvDEjAsexyJso5TvGBNJ6Zel
ขรก.ประสานเสียง "ไม่เห็นด้วย" แบ่งจ่ายเงินเดือนเป็น 2 รอบ ทำชักหน้าไม่ถึงหลัง
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/366012
ข้าราชการทุกระดับ จากหลายกระทรวง และหน่วยงาน ประสานเสียง ไม่เห็นด้วยนโยบายแบ่งจ่ายเงินเดือน 2 งวด กระทบทั้งเรื่องผ่อนบ้าน - รถ วงรอบจ่ายหนี้บัตรเครดิต
ทีมข่าวสอบถามไปยัง ข้าราชการครู ระดับชั้นประถมศึกษา ในโรงเรียนแห่งหนึ่งพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ไม่เห็นด้วย เพราะว่า ในข้าราชการบางรายมีภาระในเรื่องของค่าใช้จ่าย ที่มีกำหนดจ่ายทุกสิ้นเดือน เช่น ค่ารถ ค่าบ้าน บัตรเครดิต หรืออื่นๆ หากปรับเป็นการให้เงินเป็นเดือนละ 2 ครั้ง แล้วสิ้นเดือน เขาจะทำยังไง หากจะปรับเป็น 2 ครั้ง ต่อเดือน ก็ควรที่จะให้บริษัทเอกชน และสถานการเงินต่างๆ ปรับในเรื่องของการชำระหนี้ด้วย
ด้านข้าราชการสังกัดกระทรวงการคลัง บอกว่าหลังจากมีข่าวเรื่องการจ่ายเงินเดือน 2 งวด ก็เป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงในวงสนทนาช่วงรับประทานอาหารกลางวัน ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย แม้ว่าจะได้เงินเดือนก่อน ตั้งแต่ช่วงกลางเดือน เพราะ หนี้บัตรเครดิตที่ต้องจ่ายเป็นก้อน ของแต่ละคนวงรอบไม่เท่ากัน แม้จะได้เงินมาก่อน แต่ก็อาจใช้เงินไปจนไม่มีเงินที่จะเก็บไปจ่ายหนี้ อีกอย่างเงินที่ได้มาไว ก็ไปไว ไม่สะดวกในการเก็บออม และบริหารการเงินได้
ข้าราชการสังกัด กทม. ฝ่ายการเงินและบัญชีเขตแห่งหนึ่ง ไม่เห็นด้วยมากๆ กำลังคุยกันวุ่นเลยที่ทำงาน เพราะต้องทำเอกสารเดือนละ 2 รอบ ความจริงถ้ารัฐบาลจะช่วยข้าราชการขั้นผู้น้อย ควรเพิ่มเงินเดือนให้ ไม่ใช่มาแบ่งจ่ายแบบนี้ ค่า บ้าน ค่ารถ ค่าสาธารณูปโภค ที่หักจ่ายกับหน่วยงานจะหักอย่างไร หัก 2 รอบหรือไม่ การแก้ปัญหา คือการปรับฐาน
พยาบาลวิชาชีพ ระบุว่าไม่เห็นด้วย จ่ายไว จำนวนเงินครึ่งหนึ่ง ก็หมดไว หากจ่ายทีเดียวก้อนใหญ่มองว่าจัดการได้ง่ายกว่า อันไหนต้องจ่าย อันไหนต้องเก็บ มา 2 รอบ มันต้องจัดการใหม่ แล้วบางเดือนรายจ่าย เงินเดือนรอบแรกมันไม่พอสำหรับรายจ่าย ทำให้บางคนอาจใช้หมดก่อน เช่นผ่อนรถทุกวันที่ 1 เงินเดือนที่จ่ายแค่ครึ่งก็ไม่พอ
ข้าราชการรัฐสภา วันนี้ กับจับเข่าคุยกันทั้งวัน เสียงไม่เห็นด้วยเป็นเอกฉันท์ เหตุผลคือการจ่ายเงินเดือน 2 งวดนี้ทำให้ชักหน้าไม่ถึงหลัง สมมติมีรายได้เฉลี่ย 40,000 บาท ถ้าออกมางวดละ 20,000 บาท จ่ายค่าผ่อนบ้าน - ผ่อนรถหมดแล้วเอาอะไรกิน หลังจากนี้จะไปคุยกับบริษัทรถ - บ้าน ขอให้ปรับรูปแบบการผ่อนตามครม. ไม่งั้นไม่ไหว
เช่นเดียวกับ ข้าราชการระดับสูงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ไม่เห็นด้วย มองว่าระบบมันออกแบบไว้ 1 ครั้ง สำหรับชำระหนี้เงินกู้ ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ค่าน้ำค่าไฟ จ่ายเงินเดือนออก ถ้าเงินเดือนออก 2 ครั้ง แล้วใช้เงินหมดไปแล้วตามความจำเป็น จะมีเงินส่งใช้หนี้ทุกสิ้นเดือนไหม ถ้าแก้ต้องแก้ทั้งระบบไม่ดีกว่าหรือไม่ ส่วนใหญ่หนี้ในระบบของข้าราชการ มีการชำระทุกสิ้นเดือน หากนำเงินเดือนมาใช้จ่ายก่อน จะทำให้หนี้ไม่ลด พอกหางหมู