ย้อนกลับไปในปี 1949 อิสราเอลเป็นประเทศใหม่ที่เพิ่งจะก่อตั้งแบบสดๆร้อนๆและมีปัญหากับเพื่อนบ้านที่เกลียดพวกเขายิ่งกว่าอะไรเหตุการณ์นี้ถูกเรียกว่าสงครามประกาศอิสรภาพอิสราเอลซึ่งในช่วงเวลานี้นั้นกองกำลัง IDF ที่ก็เพิ่งจะก่อตั้งมาหาสดๆร้อนๆเหมือนกับประเทศของพวกเขาเองกว้านซื้ออาวุธทุกอย่างเท่าที่หาได้โดยส่วนใหญ่แล้วก็เป็นของเหลือจากสงครามโลกครั้งที่ 2 นั่นแหละอย่างไรก็ตามอาวุธพวกนั้นมันก็ยังไม่เพียงพอโดยเฉพาะอย่างยิ่งปืนไรเฟิลซุ่มยิงพวกเขาจึงติดต่อไปที่บริษัท Hammerli ในสวิตเซอร์แลนด์เพื่อจัดหาปืนซุ่มยิง ZK-31 ที่ติดตั้งกล้องเล็งกำลังขยาย 4 เท่าของ Kahles จำนวน 100 กระบอกกับปืน FK-31 ที่ติดตั้งศูนย์เล็ง target diopter sights (ปกติแล้วศูนย์เล็งในลักษณะนี้มันไม่ได้มีไว้ใช้ในงานราชการทหารแต่เอาไว้สำหรับแข่งขันยิงเป้า) จำนวน 100 กระบอกซึ่งทั้งคู่ก็ต่างเป็นรุ่นที่แยกย่อยออกมาจาก K-31 ปืนไรเฟิลลูกเลื่อนระบบดึงตรงที่เป็นปืนเล็กยาวมาตรฐานของกองทัพสวิตเซอร์แลนด์ตั้งแต่ปี 1933 ถึงปี 1958 นั่นแหละ (แต่ปลดประจำการจริงๆคือช่วงยุค 1970) 



มันก็มีเรื่องชวนขบขันอยู่ตรงที่ว่าสวิตเซอร์แลนด์ก็เหมือนกับหลายๆประเทศที่มีกฎหมายในลักษณะที่คล้ายกันนั่นก็คือห้ามส่งออกอาวุธไปยังประเทศที่กำลังมีสงครามอยู่จึงทำให้ปืนทั้ง 200 กระบอกนี้ไม่สามารถเดินทางจากสวิตเซอร์แลนด์ไปยังอิสราเอลได้โดยตรงอย่างไรก็ตามปัญหานี้ก็ถูกแก้ง่ายๆด้วยการระบุเอาไว้ในปลายทางของเรือที่ขนส่งปืนพวกนี้ว่าจุดหมายคือประเทศนิการากัวแต่เรือลำนี้ก็ดันไปโผล่อยู่ในน่านน้ำอียิปต์ได้อย่างไรก็ไม่รู้และยังประสบ "อุบัติเหตุ" ทำให้เรือลำนี้ได้อับปางลงในน่านน้ำอียิปต์และก็มีกลุ่ม "นักดับเพลิงปริศนา" เข้ามาเก็บกู้ปืนทั้ง 200 กระบอกออกไปจากเรือลำนั้นจนหมดและไม่นานหลังจากนั้นกองกำลัง IDF ก็มีปืนไรเฟิลซุ่มยิง KF-31 กับปืนไรเฟิลสำหรับแข่งยิงเป้า FK-31 ประจำการ