สวัสดีครับ
ผมมีญาติคนนึงที่เคยยืมเงินไป 20,000 บาทเมื่อประมาณปีที่แล้ว ทุกวันนี้เขายังไม่คืน และผมรู้สึกวกวนในหัวว่าควรจะตัดสินใจยังไงกับเรื่องนี้ดี (หลักๆคือ ฟ้อง หรือปล่อยไป)
เล่า Background
- ญาติคนนี้คืออากู๋ของผม ซึ่งเขาเคยเป็นเจ้าของโรงงาน (เคยรวย) หลักสิบล้านสมัยก่อนฟองสบู่แตก
- สมัยนั้นเขาเคยมีบุญคุณกับผม เพราะเขาเคยให้เงินคุณแม่ผมมา 40,000 บาท เป็นทุนเลี้ยงดูลูก (หลายสิบปีที่แล้วก็น่าจะเป็นหลักแสนสมัยนี้)
- เขาเองก็เคยให้อั่งเปาผม 5k 10k ในสมัยที่เขารวย ซึ่งแม่ผมก็เอามาเป็นค่าใช้จ่ายในครอบครัว
- เขาแต่งงาน มีลูกสาว 1 คน
- หลังฟองสบู่แตก ธุรกิจของเขาก็ทรุด และทำให้เขามีปัญหาการเงินตั้งแต่นั้น โรงงาน บ้านจะโดนยึด ส่วนมากเป็นเรื่องค่าใช้จ่ายครอบครัวเขา และค่าวิ่งเรื่องต่างๆ
- เขามีสภาพที่ "จนไม่ลง" คือการเงินย่ำแย่ แต่ไลฟ์สไตล์ยังรวย (ไม่ก็ทำตัวเหมือนรวย) เขาพยายามทำให้ทุกอย่างดู it's all right ต่อหน้าลูกเมีย ให้ลูกสาวไปกินบุฟเฟ่ต์ในห้าง ไปเข้าคอร์สเต้นเกาหลี เปย์เพื่อนๆลูกสาว ทั้งๆที่ตัวเองไม่มีเงิน ซึ่งผมเข้าใจว่าพ่อแม่ก็ล้วนมีความอะไรแบบนี้ แต่สำหรับผม ผมคิดว่านี่อาจจะเป็นอาการอยากรักษาหน้า ไม่ก็อาจจะอยากให้ทางครอบครัวเห็นว่าแกยังเป็นที่พึ่งพาได้
- ด้วยภาวะแบบนี้ ทำให้เขามีพฤติกรรมกู้หนี้ยืมสินจากคนรอบข้างมากมาย เพื่อน ญาติ โดนยืมกันถ้วนหน้า ไม่มากก็น้อย
- เขาเองก็เคยยืมเงินแม่ผม ซึ่งแม่ผมเป็นครู เงินเดือนไม่มาก (30k-40k) ซึ่งผมรู้ได้มาตั้งแต่สมัยช่วงผม ม.ต้น
- เขาแม่ผมยืมทีละหลัก 5k บ้าง 10k บ้าง และอาจจะมีถึงหลัก 20k ซึ่งผมไม่ทราบแน่ชัดว่าเขาคืนทั้งหมดหรือไม่ แต่การที่ยืมทีละปริมาณแบบนี้ผมคาดว่าอาจจะส่งผลต่อ Cashflow ของคุณแม่และครอบครัวของผม
- แม่ผมเป็นคนใจอ่อนขี้สงสาร โดยเฉพาะกับคนที่ทำตัวน่าสงสาร จะไม่ค่อยคำนึงถึงกลอุบายใครเท่าไหร่ (ไม่ใช้การคิดวิเคราะห์ ใจนึกอยากให้ก็ให้) ซึ่งสิ่งนี้ทำให้อากู๋คนนี้ หลายๆครั้งเข้ามาทางแม่ผมให้ช่วยเหลือในเรื่องการเงินบ่อยมากขึ้น
- ผมเองเมื่อเห็นเรื่องนี้บ่อยเข้า จึงเริ่มคิดว่าพฤติกรรมของเขาดูจะเห็นแม่ผมเป็นหมูในอวย ซึ่งผมเห็นว่าจะส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของคุณแม่ผมเอง และอาจจะครอบครัวผมเองด้วย
- ผมเริ่มเข้ามารณรงค์ให้แม่รู้จักคิดหน้าคิดหลัง ให้รู้เท่าทัน ใช้เหตุผลก่อนจะตัดสินใจช่วยเหลือใคร
- เมื่อผมทำงานได้ ดูแลตัวเองได้ อากู๋คนนี้เริ่มทักมายืมเงินผม
- เมื่อผมให้ยืม แกก็มาเรื่อยๆ (เริ่มเห็นผมเป็นช่องทาง)
- เขายืมผมทีละ 3000 - 10,000 เป็นช่วงๆ แต่ผมก็ให้เขาเพราะเป็นแผนของผมที่ต้องการให้เขามายืมผมแทน เพราะอย่างน้อยผมก็อยากให้เขาเลิกเข้าทางแม่ผม
- พีคสุดคือเขาเคยทักมาแล้วขอยืมผม 150,000 ซึ่งผมคิดว่ามันบ้ามาก (ซึ่งแน่นอนว่าผมไม่ให้) ผมคิดว่าเขาน่าจะเอาเงินไปหมุนเรื่องของหนี้โรงงาน หรือภาระค่าทนายอะไรต่างๆ
- อย่างไรก็ตาม เงินที่เขายืมผมไป เขาสามารถคืนได้หมดครบตามจำนวน และผมไม่เคยคิดดอกเบี้ย
- และผมก็เคยให้เงินช่วยเหลือเขาไปฟรีๆ 20,000 บาท (สมัยนี้ ราวๆปี 2020)
เข้าเรื่องครับ
- ช่วงประมาณปีกว่าๆ เขาทักแชทผมมาเพื่อยืมเงิน 20,000 บาท ซึ่งเขาก็มีระบุวันที่จะใช้คืนชัดเจน
- ผมที่เห็นว่าเขาเคยคืนได้มาตลอด ก็เลยตัดสินใจให้ยืมตามจำนวน โดยส่งสลิปหลักฐานการโอนให้ใน Messenger (ทุกวันนี้ยังอยู่)
- อย่างไรก็ตาม สำหรับการยืมครั้งนี้ เขาผัดผ่อนออกไปตลอด (ประมาณ 3 ครั้ง)
- ทุกๆครั้งเขาพูดเป็นมั่นเหมาะว่าจะคืนได้แน่ๆ (ใช้คำพูดประมาณว่า "ล้านเปอร์เซนต์")
- เขาเคยบอกผมว่าวันที่ xx xx xx เขาจะเอากล้องไปขายเพื่อมาใช้หนี้ผม แต่เมื่อวันนั้นผมโทรไป เขาอ้างว่าติดคุยกับทนาย (ซึ่งที่จริงแล้วผมรู้ว่าเขาโกหก ไม่มีทนายที่ไหนเดิมดุ่มๆเข้าไปโดยที่ไม่นัดหมายวัน) เขาไม่ได้คิดจะไปขายกล้องแต่แรก
- จนกระทั่งถึงวันที่เขาผัดผ่อนรอบที่สี่ ซึ่งเป็นวันที่ผมขีดเส้นตายว่าเขาจะต้องคืน ผมโทรไปหาเขา และผลที่ได้คือ เขาดราม่าใส่ พูดเรื่องว่าเขามีปัญหารุมเร้าบ้าง ไม่มีจะกินบ้าง เคยช่วยเหลือเราบ้าง ต่างๆนาๆ เขาท้าให้ผมฟ้องเขาด้วยซ้ำ (ตัวเขาเองมีคดีฟ้องเรื่องอื่นๆต่อกันเป็นหางว่าวอยู่แล้ว)
- สุดท้ายผมให้เขากำหนดวันที่จะคืนจริงๆจังๆอีกครั้ง ซึ่งเขาก็กำหนดมา (ผมให้เขาเป็นคนกำหนดวันคืนเงินเองหมด)
- เมื่อถึงวันนั้นจริงๆ อย่างที่ผมคิด คือเขาหามาไม่ได้ สภาพที่เขาพูดกับผมเหมือนป่วย ไม่สบาย สุดท้ายผมเลยตัดจบในสายว่า ไม่ต้องคืนผมแล้ว (ตลอดเวลาที่ผมยื้อหนี้ก้อนนี้ราวๆสองสามเดือนได้)
- หลังจากนั้นเขาก็ไม่โทรมายืมเงินผมอีก
- ผมเองก็ยังเฝ้าระวังทางคุณแม่เสมอว่า เขาจะไปแอบติดต่อแม่ผมเหมือนคราวก่อนหรือไม่
- ผมได้ข่าวว่าเขาเป็นมะเร็งสำไส้ระยะสุดท้าย ซึ่งตอนนี้อยู่ในสภาพที่น้ำหนักลด ผอมแห้ง (ได้ยินมาอีกที) และกำลังอยู่ในช่วงบำบัดรักษา (ไม่แน่ใจว่าจะรอดไปอีกกี่ปี)
หลังจากนั้น
- ผมรู้สึกวกวนว่าตัดสินใจถูกแล้วหรือไม่ ในแง่หนึ่งผมก็ควรได้รับเงินคืนในฐานะเจ้าหนี้ ที่มีหลักฐานการยืมชัดเจน แต่ในอีกแง่ ผมก็คิดอยู่ว่าเราควรมองเป็นการตอบแทนบุญคุณเขาหรือไม่ สำหรับผม 20,000 มันก็เป็นเงินก้อนหนึ่ง ยังไม่รวยขนาดจะปล่อยไปเฉยๆได้
- สาเหตุที่ผมมองว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ตอบแทนบุญคุณกัน เพราะผมมองว่าการให้ยืม กับการให้เลยไม่เหมือนกัน การให้ยืมคือเราต้องการเงินเรากลับมาในช่วงเวลาที่กำหนดเพราะเราก็มีเรื่องที่ต้องใช้ ส่วนที่เขาให้ผมมาในอดีตคืออยู่ฐานะของเศรษฐี (อาจจะให้หลักหมื่น ในขณะที่เขามีหลักล้าน) แต่สัดส่วนที่ผมให้เขายืม และให้ไปเฉยๆต่อรายได้ของผมนั้นมันถือว่าเยอะใช้ได้
- ผมมีนิสัยที่ชอบให้อะไรเป็นไปตามหลักการ ยืมเงินต้องคืน ทำผิดต้องชดใช้ ตาแทนตาฟันแทนฟัน ซึ่งการที่เจอสถานการณ์แบบนี้ทำให้ผมหยุดโกรธเขาไม่ได้
- ผมรู้สึกว่าเขาละเลยผม เพราะเห็นผมเป็นคนใกล้ตัว คิดว่าถึงผิดสัญญาไปก็คงไม่ทำอะไร (คงไม่คิดว่าผมจะกระทืบเหมือนหนี้นอกระบบ) ซึ่งผมมองว่ามันเป็นความคิดที่เxี้ย
ในขณะเดียวกัน
- ผมยังมองว่าบุญคุณที่เขาเคยช่วยเหลือผมมานับว่าสำคัญต่อคุณแม่และตัวผม หากเขาไม่ให้เงินก้อนนั้นมาในอดีต ผมอาจจะไม่มีโอกาสโตมามีวันนี้
- สมัยที่เขามั่งมี เขาก็ช่วยเหลือคุณแม่ผ่านทางอั่งเปา (เป็นสิ่งที่ผมจำได้ชัดๆสมัยเด็กมาก) หรือเรื่องอื่นๆอาจจะที่ทั้งรู้และไม่รู้ และอาจจะมีมากกว่าที่คิด
- เขาอาจจะมีความตั้งใจอาจจะคืนแบบคราวก่อนๆ แต่อาจจะสุดวิสัยมากจริงๆ ด้วยสภาพทางร่างกาย สภาพทางการเงิน ทำให้เขาไม่สามารถทำได้
สุดท้ายคือ
- ผมชั่งใจไม่ถูกว่าผมควรจะหาข้อสรุปเรื่องนี้ และมูฟออนอย่างไรดี(ประเมินไม่ถูกว่าเราทดแทนเขาอย่างสมน้ำสมเนื้อแล้ว หรืออยู่ในจุดที่ถูกเอาเปรียบและควรฟ้องร้อง)
- ผมรู้สึกว่าวางเรื่องนี้ไม่ลง วกวนมาตั้งแต่วันนั้นมาถึงวันนี้ก็ร่วมปี รู้สึกเหมือนโดนเอาเปรียบ และยังสามารถทำอะไรเพื่อทวงสิทธิ์ของเราได้อยู่ (ฟ้องร้องเอาเงินคืน)
- เพื่อนผม และคนรอบตัวบอกให้ปล่อยๆไปทุกคน โดยให้มองว่าเป็นการทำบุญ แต่ผมไม่เคยทำบุญหลักหมื่น เมื่อคิดๆดูรู้สึกเหมือนคำปลอบใจมากกว่า
- ผมยอมรับว่าตัวเองเป็นคนคิดมาก และไม่เป็นคนปล่อยวางแม้เรื่องเล็กน้อย (เป็นพวก let it go ไม่เป็น ต้องมีข้อสรุปที่ชัดเจนอย่างเข้าใจได้ถึงจะ move on ได้)
เพื่อนๆมีมุมมองต่อเรื่องนี้อย่างไรครับ อยากได้มุมมอง หรือประสบการณ์ life lesson อะไรก็แล้วแต่ แชร์ได้ครับ
ญาติยืมเงินไปแล้วไม่คืน มูฟออนไม่ได้ ขอปรึกษาครับ
ผมมีญาติคนนึงที่เคยยืมเงินไป 20,000 บาทเมื่อประมาณปีที่แล้ว ทุกวันนี้เขายังไม่คืน และผมรู้สึกวกวนในหัวว่าควรจะตัดสินใจยังไงกับเรื่องนี้ดี (หลักๆคือ ฟ้อง หรือปล่อยไป)
เล่า Background
- ญาติคนนี้คืออากู๋ของผม ซึ่งเขาเคยเป็นเจ้าของโรงงาน (เคยรวย) หลักสิบล้านสมัยก่อนฟองสบู่แตก
- สมัยนั้นเขาเคยมีบุญคุณกับผม เพราะเขาเคยให้เงินคุณแม่ผมมา 40,000 บาท เป็นทุนเลี้ยงดูลูก (หลายสิบปีที่แล้วก็น่าจะเป็นหลักแสนสมัยนี้)
- เขาเองก็เคยให้อั่งเปาผม 5k 10k ในสมัยที่เขารวย ซึ่งแม่ผมก็เอามาเป็นค่าใช้จ่ายในครอบครัว
- เขาแต่งงาน มีลูกสาว 1 คน
- หลังฟองสบู่แตก ธุรกิจของเขาก็ทรุด และทำให้เขามีปัญหาการเงินตั้งแต่นั้น โรงงาน บ้านจะโดนยึด ส่วนมากเป็นเรื่องค่าใช้จ่ายครอบครัวเขา และค่าวิ่งเรื่องต่างๆ
- เขามีสภาพที่ "จนไม่ลง" คือการเงินย่ำแย่ แต่ไลฟ์สไตล์ยังรวย (ไม่ก็ทำตัวเหมือนรวย) เขาพยายามทำให้ทุกอย่างดู it's all right ต่อหน้าลูกเมีย ให้ลูกสาวไปกินบุฟเฟ่ต์ในห้าง ไปเข้าคอร์สเต้นเกาหลี เปย์เพื่อนๆลูกสาว ทั้งๆที่ตัวเองไม่มีเงิน ซึ่งผมเข้าใจว่าพ่อแม่ก็ล้วนมีความอะไรแบบนี้ แต่สำหรับผม ผมคิดว่านี่อาจจะเป็นอาการอยากรักษาหน้า ไม่ก็อาจจะอยากให้ทางครอบครัวเห็นว่าแกยังเป็นที่พึ่งพาได้
- ด้วยภาวะแบบนี้ ทำให้เขามีพฤติกรรมกู้หนี้ยืมสินจากคนรอบข้างมากมาย เพื่อน ญาติ โดนยืมกันถ้วนหน้า ไม่มากก็น้อย
- เขาเองก็เคยยืมเงินแม่ผม ซึ่งแม่ผมเป็นครู เงินเดือนไม่มาก (30k-40k) ซึ่งผมรู้ได้มาตั้งแต่สมัยช่วงผม ม.ต้น
- เขาแม่ผมยืมทีละหลัก 5k บ้าง 10k บ้าง และอาจจะมีถึงหลัก 20k ซึ่งผมไม่ทราบแน่ชัดว่าเขาคืนทั้งหมดหรือไม่ แต่การที่ยืมทีละปริมาณแบบนี้ผมคาดว่าอาจจะส่งผลต่อ Cashflow ของคุณแม่และครอบครัวของผม
- แม่ผมเป็นคนใจอ่อนขี้สงสาร โดยเฉพาะกับคนที่ทำตัวน่าสงสาร จะไม่ค่อยคำนึงถึงกลอุบายใครเท่าไหร่ (ไม่ใช้การคิดวิเคราะห์ ใจนึกอยากให้ก็ให้) ซึ่งสิ่งนี้ทำให้อากู๋คนนี้ หลายๆครั้งเข้ามาทางแม่ผมให้ช่วยเหลือในเรื่องการเงินบ่อยมากขึ้น
- ผมเองเมื่อเห็นเรื่องนี้บ่อยเข้า จึงเริ่มคิดว่าพฤติกรรมของเขาดูจะเห็นแม่ผมเป็นหมูในอวย ซึ่งผมเห็นว่าจะส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของคุณแม่ผมเอง และอาจจะครอบครัวผมเองด้วย
- ผมเริ่มเข้ามารณรงค์ให้แม่รู้จักคิดหน้าคิดหลัง ให้รู้เท่าทัน ใช้เหตุผลก่อนจะตัดสินใจช่วยเหลือใคร
- เมื่อผมทำงานได้ ดูแลตัวเองได้ อากู๋คนนี้เริ่มทักมายืมเงินผม
- เมื่อผมให้ยืม แกก็มาเรื่อยๆ (เริ่มเห็นผมเป็นช่องทาง)
- เขายืมผมทีละ 3000 - 10,000 เป็นช่วงๆ แต่ผมก็ให้เขาเพราะเป็นแผนของผมที่ต้องการให้เขามายืมผมแทน เพราะอย่างน้อยผมก็อยากให้เขาเลิกเข้าทางแม่ผม
- พีคสุดคือเขาเคยทักมาแล้วขอยืมผม 150,000 ซึ่งผมคิดว่ามันบ้ามาก (ซึ่งแน่นอนว่าผมไม่ให้) ผมคิดว่าเขาน่าจะเอาเงินไปหมุนเรื่องของหนี้โรงงาน หรือภาระค่าทนายอะไรต่างๆ
- อย่างไรก็ตาม เงินที่เขายืมผมไป เขาสามารถคืนได้หมดครบตามจำนวน และผมไม่เคยคิดดอกเบี้ย
- และผมก็เคยให้เงินช่วยเหลือเขาไปฟรีๆ 20,000 บาท (สมัยนี้ ราวๆปี 2020)
เข้าเรื่องครับ
- ช่วงประมาณปีกว่าๆ เขาทักแชทผมมาเพื่อยืมเงิน 20,000 บาท ซึ่งเขาก็มีระบุวันที่จะใช้คืนชัดเจน
- ผมที่เห็นว่าเขาเคยคืนได้มาตลอด ก็เลยตัดสินใจให้ยืมตามจำนวน โดยส่งสลิปหลักฐานการโอนให้ใน Messenger (ทุกวันนี้ยังอยู่)
- อย่างไรก็ตาม สำหรับการยืมครั้งนี้ เขาผัดผ่อนออกไปตลอด (ประมาณ 3 ครั้ง)
- ทุกๆครั้งเขาพูดเป็นมั่นเหมาะว่าจะคืนได้แน่ๆ (ใช้คำพูดประมาณว่า "ล้านเปอร์เซนต์")
- เขาเคยบอกผมว่าวันที่ xx xx xx เขาจะเอากล้องไปขายเพื่อมาใช้หนี้ผม แต่เมื่อวันนั้นผมโทรไป เขาอ้างว่าติดคุยกับทนาย (ซึ่งที่จริงแล้วผมรู้ว่าเขาโกหก ไม่มีทนายที่ไหนเดิมดุ่มๆเข้าไปโดยที่ไม่นัดหมายวัน) เขาไม่ได้คิดจะไปขายกล้องแต่แรก
- จนกระทั่งถึงวันที่เขาผัดผ่อนรอบที่สี่ ซึ่งเป็นวันที่ผมขีดเส้นตายว่าเขาจะต้องคืน ผมโทรไปหาเขา และผลที่ได้คือ เขาดราม่าใส่ พูดเรื่องว่าเขามีปัญหารุมเร้าบ้าง ไม่มีจะกินบ้าง เคยช่วยเหลือเราบ้าง ต่างๆนาๆ เขาท้าให้ผมฟ้องเขาด้วยซ้ำ (ตัวเขาเองมีคดีฟ้องเรื่องอื่นๆต่อกันเป็นหางว่าวอยู่แล้ว)
- สุดท้ายผมให้เขากำหนดวันที่จะคืนจริงๆจังๆอีกครั้ง ซึ่งเขาก็กำหนดมา (ผมให้เขาเป็นคนกำหนดวันคืนเงินเองหมด)
- เมื่อถึงวันนั้นจริงๆ อย่างที่ผมคิด คือเขาหามาไม่ได้ สภาพที่เขาพูดกับผมเหมือนป่วย ไม่สบาย สุดท้ายผมเลยตัดจบในสายว่า ไม่ต้องคืนผมแล้ว (ตลอดเวลาที่ผมยื้อหนี้ก้อนนี้ราวๆสองสามเดือนได้)
- หลังจากนั้นเขาก็ไม่โทรมายืมเงินผมอีก
- ผมเองก็ยังเฝ้าระวังทางคุณแม่เสมอว่า เขาจะไปแอบติดต่อแม่ผมเหมือนคราวก่อนหรือไม่
- ผมได้ข่าวว่าเขาเป็นมะเร็งสำไส้ระยะสุดท้าย ซึ่งตอนนี้อยู่ในสภาพที่น้ำหนักลด ผอมแห้ง (ได้ยินมาอีกที) และกำลังอยู่ในช่วงบำบัดรักษา (ไม่แน่ใจว่าจะรอดไปอีกกี่ปี)
หลังจากนั้น
- ผมรู้สึกวกวนว่าตัดสินใจถูกแล้วหรือไม่ ในแง่หนึ่งผมก็ควรได้รับเงินคืนในฐานะเจ้าหนี้ ที่มีหลักฐานการยืมชัดเจน แต่ในอีกแง่ ผมก็คิดอยู่ว่าเราควรมองเป็นการตอบแทนบุญคุณเขาหรือไม่ สำหรับผม 20,000 มันก็เป็นเงินก้อนหนึ่ง ยังไม่รวยขนาดจะปล่อยไปเฉยๆได้
- สาเหตุที่ผมมองว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ตอบแทนบุญคุณกัน เพราะผมมองว่าการให้ยืม กับการให้เลยไม่เหมือนกัน การให้ยืมคือเราต้องการเงินเรากลับมาในช่วงเวลาที่กำหนดเพราะเราก็มีเรื่องที่ต้องใช้ ส่วนที่เขาให้ผมมาในอดีตคืออยู่ฐานะของเศรษฐี (อาจจะให้หลักหมื่น ในขณะที่เขามีหลักล้าน) แต่สัดส่วนที่ผมให้เขายืม และให้ไปเฉยๆต่อรายได้ของผมนั้นมันถือว่าเยอะใช้ได้
- ผมมีนิสัยที่ชอบให้อะไรเป็นไปตามหลักการ ยืมเงินต้องคืน ทำผิดต้องชดใช้ ตาแทนตาฟันแทนฟัน ซึ่งการที่เจอสถานการณ์แบบนี้ทำให้ผมหยุดโกรธเขาไม่ได้
- ผมรู้สึกว่าเขาละเลยผม เพราะเห็นผมเป็นคนใกล้ตัว คิดว่าถึงผิดสัญญาไปก็คงไม่ทำอะไร (คงไม่คิดว่าผมจะกระทืบเหมือนหนี้นอกระบบ) ซึ่งผมมองว่ามันเป็นความคิดที่เxี้ย
ในขณะเดียวกัน
- ผมยังมองว่าบุญคุณที่เขาเคยช่วยเหลือผมมานับว่าสำคัญต่อคุณแม่และตัวผม หากเขาไม่ให้เงินก้อนนั้นมาในอดีต ผมอาจจะไม่มีโอกาสโตมามีวันนี้
- สมัยที่เขามั่งมี เขาก็ช่วยเหลือคุณแม่ผ่านทางอั่งเปา (เป็นสิ่งที่ผมจำได้ชัดๆสมัยเด็กมาก) หรือเรื่องอื่นๆอาจจะที่ทั้งรู้และไม่รู้ และอาจจะมีมากกว่าที่คิด
- เขาอาจจะมีความตั้งใจอาจจะคืนแบบคราวก่อนๆ แต่อาจจะสุดวิสัยมากจริงๆ ด้วยสภาพทางร่างกาย สภาพทางการเงิน ทำให้เขาไม่สามารถทำได้
สุดท้ายคือ
- ผมชั่งใจไม่ถูกว่าผมควรจะหาข้อสรุปเรื่องนี้ และมูฟออนอย่างไรดี(ประเมินไม่ถูกว่าเราทดแทนเขาอย่างสมน้ำสมเนื้อแล้ว หรืออยู่ในจุดที่ถูกเอาเปรียบและควรฟ้องร้อง)
- ผมรู้สึกว่าวางเรื่องนี้ไม่ลง วกวนมาตั้งแต่วันนั้นมาถึงวันนี้ก็ร่วมปี รู้สึกเหมือนโดนเอาเปรียบ และยังสามารถทำอะไรเพื่อทวงสิทธิ์ของเราได้อยู่ (ฟ้องร้องเอาเงินคืน)
- เพื่อนผม และคนรอบตัวบอกให้ปล่อยๆไปทุกคน โดยให้มองว่าเป็นการทำบุญ แต่ผมไม่เคยทำบุญหลักหมื่น เมื่อคิดๆดูรู้สึกเหมือนคำปลอบใจมากกว่า
- ผมยอมรับว่าตัวเองเป็นคนคิดมาก และไม่เป็นคนปล่อยวางแม้เรื่องเล็กน้อย (เป็นพวก let it go ไม่เป็น ต้องมีข้อสรุปที่ชัดเจนอย่างเข้าใจได้ถึงจะ move on ได้)
เพื่อนๆมีมุมมองต่อเรื่องนี้อย่างไรครับ อยากได้มุมมอง หรือประสบการณ์ life lesson อะไรก็แล้วแต่ แชร์ได้ครับ