มูลนิธิคลูนีย์ฯ มอบรางวัล Albie ให้ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ฐานะปกป้องสิทธิประชาชนกว่าพันคน
https://prachatai.com/journal/2023/09/105792
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้รับมองรางวัลอัลบีจากมูลนิธิคลูนีย์เพื่อความยุติธรรมในฐานะที่เป็นผู้ปกป้องความยุติธรรมให้แก่บรรดานักเรียน นักกิจกรรมและนักข่าวที่ถูกจับกุมดำเนินคดีมากกว่าพันคน
เว็บไซต์ของมูลนิธิคลูนีย์เพื่อความยุติธรรม (Clooney Foundation for Justice) ประกาศรายชื่อผู้ได้รับรางวัล Albie Awards ของมูลนิธิที่มอบให้แก่บุคคล องค์กรที่ให้การสนับสนุนสิทธิมนุษยชนใน 5 ประเด็น โดยการมอบรางวัลครั้งนี้เป็นครั้งที่สองนับตั้งแต่ทางมูลนิธิเริ่มมอบรางวัลนี้มา
ในปีนี้ทางมูลนิธิได้คัดเลือกให้ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้รับรางวัล “
ความยุติธรรมเพื่อนักปกป้องประชาธิปไตย” ในฐานะที่เป็นองค์กรที่ให้ความช่วยเหลือแก่นักเรียน นักกิจกรรมและนักข่าวที่ถูกจับกุมด้วยกฎหมายของไทยที่ทำให้การชุมนุมประท้วงโดยสงบและการพูดกลายเป็นอาชญากรรม
นอกจากศูนย์ทนายความฯ แล้วมูลนิธิยังได้มอบรางวัลให้บุคคลและองค์กรอื่นๆ อีก 4 รางวัล ได้แก่ ศูนย์ซีเรียเพื่อสื่อและเสรีภาพในการแสดงออกที่ได้รางวัลด้านความยุติธรรมเพื่อสื่อมวลชน และองค์กร Truth Hounds กลุ่มนักสิทธิมนุษยชนยูเครนที่ทำงานเพื่อคืนความยุติธรรมแก่ประชาชนยูเครนที่ตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมสงครามในสงครามรัสเซีย-ยูเครน ได้รับรางวัลความยุติธรรมเพื่อผู้รอดชีวิต
นอกจากนั้นยังมี
นิลูฟาร์ ฮาเมดิ และ
อีลาฮ์ โมฮามาดิ ที่ได้รับรางวัลความยุติธรรมเพื่อผู้หญิงจากความกล้าที่จะรายงานข่าวการเสียชีวิตของ
มาห์ซา อามีนี หญิงชาวอิหร่านที่ถูกตำรวจอิหร่านวิสามัญฆาตรกรรมเนื่องจากไม่สวมผ้าคลุมผม และ
เดนิส มูเควเก สูตินารีแพทย์และนักรณรงค์สิทธิมนุษยชนชาวคองโกที่ได้รับรางวัลความสำเร็จสูงสุดในฐานะที่เป็นผู้นำที่กล้าหาญที่จะทำให้การข่มขืนที่ถูกใช้ประหนึ่งเป็นอาวุธในสงครามยุติลงและยังปกป้องชีวิตของผู้หญิงในประเทศคองโกด้วย
อามาลและ
จอร์จ คลูนีย์กล่าวถึงนักปกป้องความยุติธรรมผู้กล้าหาญทั่วโลกต้องเผชิญหน้ากับอันตรายอย่างยิ่งยวดตลอดเวลา แต่สิ่งที่พวกเขาทำได้และเป็นงานของมูลนิธิคือการทำให้อันตรายที่บุคคลเหล่านี้ต้องเผชิญปรากฏและทำให้บรรดาผู้กดขี่ข่มเหงต้องเผชิญกับต้นทุนในการละเมิดที่สูงขึ้น
“
พวกเขาคือนักข่าว นักปกป้องสิทธิมนุษยชน และทนายความที่กล้าหาญจากคองโก ยูเครน อิหร่าน ซีเรีย และไทย เป็นผู้ที่เสี่ยงชีวิตของพวกเขาในการที่นำความยุติธรรมกลับมา”
อามาลและ
จอร์จกล่าวถึงผู้ที่ได้รับมอบรางวัลนี้ซึ่งมอบเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้อุทิศตัวอย่างไม่เกรงกลัวในการปกป้องสิทธิมนุษยชน
รางวัลอัลบีนี้เป็นการตั้งชื่อตามอัลบี แซคส์ ทนายความชาวแอฟริกาใต้ที่เสียงชีวิตของเขาเองอย่างกล้าหาญเพื่อยุติการแบ่งแยกสีผิวที่เกิดขึ้นในแอฟริกาใต้ โดยในการมอบรางวัลอัลบีครั้งนี้ของมูลนิธิมีพาร์ทเนอร์ร่วมจัดได้แก่บริษัทเครื่องสำอางค์ชาลอตต์ ทิลเบอรี ไมโครซอฟท์ และเวอร์ซาเช่ โดยมีผู้ร่วมจัดงานมอบรางวัลเป็นมูลนิธิฟอร์ดที่จะจัดงานมอบรางวัลอัลบีขึ้นที่หอสมุดประชาชนนิวยอร์กในเดือนกันยายนนี้
ในเว็บไซต์ยังได้ระบุถึงรายชื่อดารา นักธุรกิจ ที่มาร่วมงานในครั้งนี้ไว้ด้วยเช่น
เมอริล สตรีพ แมตต์ เดมอน อลิเซีย คีย์ส และ
โดนาเทลลา เวอร์ซาเช เป็นต้น
ลำไยราคาสูง แต่ผลผลิตลดฮวบ 80% ชี้เกษตรกรไร้ทุนสู้ แห่ขายสวนทิ้ง
https://www.matichon.co.th/economy/news_4166431
สมาคมลำไยอบแห้งภาคเหนือ เผยผลผลิตน้อย ราคาสูง เกษตรกรพอใจ บอกไม่ต้องประกันราคา ให้เป็นไปตามกลไกตลาด วอนฤดูเก็บเกี่ยวผ่อนผันจับกุมแรงงานต่างด้าว
เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2566 นาง
อำไพพรรณ กันทาแก้ว ผู้บริหารอำไพพรรณการเกษตร ต.บ้านกาด อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ ในฐานะที่ปรึกษาสมาคมลำไยอบแห้งภาคเหนือ เผยฤดูการผลิตลำไยในปีนี้ว่า มีผลผลิตออกสู่
ตลาดเพียง 200,000 ตัน น้อยกว่า 2-3 ปีที่ผ่านมา มีผลผลิตกว่า 300,000-400,000 ตัน เนื่องจากชาวสวนลำไย ไม่สนใจปลูกและบำรุงรักษา ทำให้ผลผลิต ลดลงกว่า70-80% บางส่วนขายที่ดิน หรือสวนลำไยให้นายทุน หรือผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากไม่มีทุนหมุนเวียนและขาดสภาพคล่อง ส่งผลให้พื้นที่ปลูกลำไยลดลงตามลำดับ
“
จากผลผลิตที่ลดลง ทำให้ราคาลำไยค่อนข้างสูง เกรด AA และ A เฉลี่ย 25-26 บาท/กิโลกรัม ส่วนลำไยร่วง หรือเกรดคละเฉลี่ย 15-20 บาท/กิโลกรัม ทำให้เกษตรกรหรือชาวสวนลำไยพอใจ เนื่องจากราคาสูงกว่า 2-3 ปีที่ผ่านมา ส่วนผู้ประกอบการนำลำไยสด มาแปรรูปเป็นลำไยอบแห้ง เฉลี่ย2-3 ล้านกิโลกรัม/รายเท่านั้น เนื่องจากลำไยมีราคาสูงขึ้นกว่าทุกปี ที่สำคัญตลาดจีนได้หยุดรับซื้อลำไยไทยแล้ว” นางอำไพ
พรรณกล่าว และว่า อยากให้รัฐบาล โดยเฉพาะกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ส่งเสริมการปลูกลำไย จัดหาแหล่งเงินทุน และแหล่งน้ำเพื่อการผลิต ไม่ใช่ส่งเสริมสนับสนุนทุเรียนเท่านั้น เพราะตลาดทุเรียนราคามีแนวโน้มลดลง เนื่องจากมีผลผลิตเพิ่มขึ้นมาก ส่วนกระทรวงพาณิชย์จัดหาตลาดทั้งใน และส่งออกแบบครบวงจรเนื่องจากเป็นพืชเศรษฐกิจภาคเหนือ ไม่ต้องประกันราคาให้เป็นไปตามกลไกตลาด
ที่สำคัญต้องผ่อนผันการใข้แรงงานต่างด้าวที่มาเก็บเกี่ยวผลผลิต ไม่ใช่มาจับกุมดำเนินคดีอย่างเดียว ซึ่งแรงงานดังกล่าวได้รับค่าจ้าง วันละ 400-500 บาท บางรายเหมาจ่ายวันละ 600 บาทแล้ว เนื่องจากผู้ประกอบการขาดแคลนแรงงานดังกล่าว ซึ่งรัฐบาลต้องมีมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการด้วย
“ก้าวไกล”โวยฝ่ายค้านเหลือช่องทางน้อย จะถูกขอตัดเวลา สส.หารืออีก
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_4166994
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 6 ก.ย. 66 ในช่วงเปิดให้มีการหารือ นาย
ภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ลุกขึ้นหารือเรื่องสัดส่วนการแบ่ง สส.ปรึกษาหารือที่แบ่งรัฐบาล-ฝ่ายค้าน ฝ่ายละ 15 คน แต่ปัจจุบัน สส.ฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน มีสัดส่วนต่างกันจึงขอให้แบ่งใหม่โดยยึดตามจำนวน สส.แต่ละพรรคโดยไม่แบ่งฝ่ายแบบเดิม แต่นาย
ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ลุกขึ้นโต้แย้งว่าเรื่องนี้ยังไม่มีข้อสรุป และขอให้มองว่างฝ่ายค้านมีช่องทางน้อยกว่าอยู่แล้ว ไม่ควรจะถูกตัดไปอีก ติดตามรายละเอียดจากคลิปด้านล่างนี้
‘จุลพันธ์’ ยันเงินดิจิทัลจ่ายผ่านแอพพ์ใหม่ ไม่ใช่เป๋าตัง พร้อมแจงที่มางบ 5.6 แสนล้าน
https://www.matichon.co.th/economy/news_4166932
‘จุลพันธ์’ เข้าคลังวันแรก ยันเงินดิจิทัลจ่ายผ่านแอพพ์ใหม่ ไม่ใช่เป๋าตัง ไม่มีสมาร์ทโฟนก็ได้ด้วย พร้อมแจงที่มางบ 5.6 แสนล้าน
เมื่อวันที่ 6 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นาย
จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้เดินทางเข้ามาที่กระทรวงการคลัง เพื่อดูห้องทำงานประจำตำแหน่ง จากนั้นได้พบกับผู้สื่อข่าวประจำกระทรวงการคลัง
โดยนาย
จุลพันธ์ กล่าวถึงนโยบายการแจกเงินดิจิทัล (ดิจิทัล วอลเล็ต) คนละ 10,000 บาท สำหรับคนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ว่าจะเป็นการแจกตามชื่อที่อยู่ในทะเบียนบ้านเท่านั้น ด้วยการใช้เทคโนโลยี บล็อกเชนดำเนินการ โดยจะมีแอพพลิเคชันรองรับ ลักษณะเป็นซุปเบอร์แอพพ์ ซึ่งไม่ได้ใช้งานผ่านแอพพลิเคชันเป๋าตังแต่อย่างใด และขณะนี้ยังไม่มีชื่อแอพพลิเคชันดังกล่าว เนื่องจากอยู่ระหว่างดำเนินการรายละเอียดทั้งหมด
นาย
จุลพันธ์ กล่าวว่า ส่วนงบประมาณที่จะนำมาใช้ราว 5.6 แสนล้านบาทนั้น มาจากหลายส่วน ทั้งเงินงบประมาณ การจัดเก็บรายได้ที่เพิ่มขึ้น และเงินจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นต้น ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าจะยืมเงินจากรัฐวิสาหกิจ และขายหุ้นกองทุนวายุภักษ์นั้น ยังไม่มีข้อสรุป เพราะต้องพิจารณารายละเอียดอีกหลายๆ ด้าน
ทั้งนี้ในเบื้องต้นเงินดิจิทัล 10,000 บาท ภายใต้เงื่อนไขแจกครั้งเดียวภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 อย่างช้าสุดภายในไตรมาสแรกของปี 2567 แต่มีข้อห้ามเพียง 2-3 ข้อ อาทิ ห้ามนำไปซื้อสินค้าอบายมุข ไม่สามารถนำไปชำระหนี้ได้ ไม่สามารถเบิกเป็นเงินสดได้ โดยประชาชนสามารถนำไปซื้อสินค้าร้านค้าในรัศมี 4 กิโลเมตร(กม.) ตามที่อยู่ทะเบียนบ้าน เนื่องจากต้องการให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในชุมชน และสร้างเม็ดเงิน 2.2 ล้านล้านบาท สร้างอัตราการเติบโตเศรษฐกิจ 1-2%
“
ผมขอยกตัวอย่าง ประชาชนที่ได้รับเงินดิจิทัล 10,000 บาท นำไปซื้อสินค้าในร้านค้าโชว์ห่วยชุมชนหรือร้านก๋วยเตี๋ยว แม้ร้านค้านี้จะยังไม่เข้าระบบภาษี แต่ร้านก๋วยเตี๋ยวสามารถรับชำระค่าก๋วยเตี๋ยวได้ และจะต้องนำเงินไปซื้อวัตถุดิบจากร้านค้าที่อยู่ในระบบภาษี สามารถนำเงินดิจิทัล มารับเงินสดได้จากสถาบันการเงินของรัฐที่รัฐบาลกำหนด ด้วยวิธีการนี้จะทำให้รัฐมีเงินหมุนเวียนจากภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) รอบละ 30,000 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลคาดหวังว่าจากการแจกเงินดิจิทัลนี้จะมีเงินหมุนเวียน 4 รอบ รวม 120,000 ล้านบาท” นาย
จุลพันธ์ กล่าว
ส่วนกรณีประชาชนที่ไม่มีสมาร์ทโฟน หรือผู้ป่วยติดเตียง คนชรา จะต้องมีขั้นตอนการยืนยันตัวตนที่สถาบันการเงินของรัฐ ซึ่งต้องมีวิธีการ เพื่อมิให้เกิดการรั่วไหล และเป็นผู้ได้รับสิทธิอย่างแท้จริง ด้วยการรับคิวอาร์โค้ด แล้วนำคิวอาร์โค้ดนั้นมาใช้จ่ายตามร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการได้ ซึ่งเชื่อว่าจะมีร้านค้าเข้าร่วมโครงการอย่างแน่นอน
“
ขอย้ำว่าประชาชนที่อายุ 16 ปีขึ้นไปได้เงินดิจิทัลทุกคน โดยไม่ต้องลงทะเบียน เพราะยึดตามทะเบียนบ้าน และทุกคนได้รับสิทธิอย่างเท่าเทียม สามารถใช้เงินดิจิทัลจับจ่ายใช้สอยได้ ยกเว้นไม่สามารถแลกเป็นเงินสดได้ โดยผู้ที่สามารถนำไปแลกเป็นเงินสดได้ คือร้านค้าที่อยู่ในระบบภาษีเท่านั้น ซึ่งเทคโนโลยี Blockchain สามารถติดตามการใช้จ่ายเงินดิจิทัลนี้ได้ เพื่อป้องกันการรั่วไหล และการแลกเป็นเงินสด” นายจุลพันธ์ กล่าว
นาย
จุลพันธ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ประชาชนในต่างจังหวัด เฝ้ารอการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เพราะมีแผนการลงทุนร่วมกัน เช่น รวมกลุ่ม 10 คน ได้เงิน 100,000 บาท เพื่อนำไปลงทุนสร้างโรงสีข้าว เพื่อรับจ้างสีข้าวในชุมชน มีประชาชนบางคน จะนำเงิน 10,000 บาท มาเป็นต้นทุน เปิดร้านขายอาหาร ก็สามารถทำได้ ถือเป็นแนวทางที่ดี เพราะจะก่อให้เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้ในชุมชน เชื่อว่าจะเกิดเม็ดเงินหมุนเวียนระบบเศรษฐกิจอย่างแน่นอน
JJNY : 5in1 คลูนีย์ฯมอบรางวัล│ลำไยผลผลิตลดฮวบ│“ก้าวไกล”โวยเหลือช่องทางน้อย│ยันเงินดิจิทัลจ่ายแอพพ์ใหม่│2566 น่าจะร้อนสุด
https://prachatai.com/journal/2023/09/105792
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้รับมองรางวัลอัลบีจากมูลนิธิคลูนีย์เพื่อความยุติธรรมในฐานะที่เป็นผู้ปกป้องความยุติธรรมให้แก่บรรดานักเรียน นักกิจกรรมและนักข่าวที่ถูกจับกุมดำเนินคดีมากกว่าพันคน
เว็บไซต์ของมูลนิธิคลูนีย์เพื่อความยุติธรรม (Clooney Foundation for Justice) ประกาศรายชื่อผู้ได้รับรางวัล Albie Awards ของมูลนิธิที่มอบให้แก่บุคคล องค์กรที่ให้การสนับสนุนสิทธิมนุษยชนใน 5 ประเด็น โดยการมอบรางวัลครั้งนี้เป็นครั้งที่สองนับตั้งแต่ทางมูลนิธิเริ่มมอบรางวัลนี้มา
ในปีนี้ทางมูลนิธิได้คัดเลือกให้ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้รับรางวัล “ความยุติธรรมเพื่อนักปกป้องประชาธิปไตย” ในฐานะที่เป็นองค์กรที่ให้ความช่วยเหลือแก่นักเรียน นักกิจกรรมและนักข่าวที่ถูกจับกุมด้วยกฎหมายของไทยที่ทำให้การชุมนุมประท้วงโดยสงบและการพูดกลายเป็นอาชญากรรม
นอกจากศูนย์ทนายความฯ แล้วมูลนิธิยังได้มอบรางวัลให้บุคคลและองค์กรอื่นๆ อีก 4 รางวัล ได้แก่ ศูนย์ซีเรียเพื่อสื่อและเสรีภาพในการแสดงออกที่ได้รางวัลด้านความยุติธรรมเพื่อสื่อมวลชน และองค์กร Truth Hounds กลุ่มนักสิทธิมนุษยชนยูเครนที่ทำงานเพื่อคืนความยุติธรรมแก่ประชาชนยูเครนที่ตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมสงครามในสงครามรัสเซีย-ยูเครน ได้รับรางวัลความยุติธรรมเพื่อผู้รอดชีวิต
นอกจากนั้นยังมีนิลูฟาร์ ฮาเมดิ และอีลาฮ์ โมฮามาดิ ที่ได้รับรางวัลความยุติธรรมเพื่อผู้หญิงจากความกล้าที่จะรายงานข่าวการเสียชีวิตของ มาห์ซา อามีนี หญิงชาวอิหร่านที่ถูกตำรวจอิหร่านวิสามัญฆาตรกรรมเนื่องจากไม่สวมผ้าคลุมผม และเดนิส มูเควเก สูตินารีแพทย์และนักรณรงค์สิทธิมนุษยชนชาวคองโกที่ได้รับรางวัลความสำเร็จสูงสุดในฐานะที่เป็นผู้นำที่กล้าหาญที่จะทำให้การข่มขืนที่ถูกใช้ประหนึ่งเป็นอาวุธในสงครามยุติลงและยังปกป้องชีวิตของผู้หญิงในประเทศคองโกด้วย
อามาลและจอร์จ คลูนีย์กล่าวถึงนักปกป้องความยุติธรรมผู้กล้าหาญทั่วโลกต้องเผชิญหน้ากับอันตรายอย่างยิ่งยวดตลอดเวลา แต่สิ่งที่พวกเขาทำได้และเป็นงานของมูลนิธิคือการทำให้อันตรายที่บุคคลเหล่านี้ต้องเผชิญปรากฏและทำให้บรรดาผู้กดขี่ข่มเหงต้องเผชิญกับต้นทุนในการละเมิดที่สูงขึ้น
“พวกเขาคือนักข่าว นักปกป้องสิทธิมนุษยชน และทนายความที่กล้าหาญจากคองโก ยูเครน อิหร่าน ซีเรีย และไทย เป็นผู้ที่เสี่ยงชีวิตของพวกเขาในการที่นำความยุติธรรมกลับมา” อามาลและจอร์จกล่าวถึงผู้ที่ได้รับมอบรางวัลนี้ซึ่งมอบเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้อุทิศตัวอย่างไม่เกรงกลัวในการปกป้องสิทธิมนุษยชน
รางวัลอัลบีนี้เป็นการตั้งชื่อตามอัลบี แซคส์ ทนายความชาวแอฟริกาใต้ที่เสียงชีวิตของเขาเองอย่างกล้าหาญเพื่อยุติการแบ่งแยกสีผิวที่เกิดขึ้นในแอฟริกาใต้ โดยในการมอบรางวัลอัลบีครั้งนี้ของมูลนิธิมีพาร์ทเนอร์ร่วมจัดได้แก่บริษัทเครื่องสำอางค์ชาลอตต์ ทิลเบอรี ไมโครซอฟท์ และเวอร์ซาเช่ โดยมีผู้ร่วมจัดงานมอบรางวัลเป็นมูลนิธิฟอร์ดที่จะจัดงานมอบรางวัลอัลบีขึ้นที่หอสมุดประชาชนนิวยอร์กในเดือนกันยายนนี้
ในเว็บไซต์ยังได้ระบุถึงรายชื่อดารา นักธุรกิจ ที่มาร่วมงานในครั้งนี้ไว้ด้วยเช่น เมอริล สตรีพ แมตต์ เดมอน อลิเซีย คีย์ส และ โดนาเทลลา เวอร์ซาเช เป็นต้น
ลำไยราคาสูง แต่ผลผลิตลดฮวบ 80% ชี้เกษตรกรไร้ทุนสู้ แห่ขายสวนทิ้ง
https://www.matichon.co.th/economy/news_4166431
สมาคมลำไยอบแห้งภาคเหนือ เผยผลผลิตน้อย ราคาสูง เกษตรกรพอใจ บอกไม่ต้องประกันราคา ให้เป็นไปตามกลไกตลาด วอนฤดูเก็บเกี่ยวผ่อนผันจับกุมแรงงานต่างด้าว
เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2566 นางอำไพพรรณ กันทาแก้ว ผู้บริหารอำไพพรรณการเกษตร ต.บ้านกาด อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ ในฐานะที่ปรึกษาสมาคมลำไยอบแห้งภาคเหนือ เผยฤดูการผลิตลำไยในปีนี้ว่า มีผลผลิตออกสู่
ตลาดเพียง 200,000 ตัน น้อยกว่า 2-3 ปีที่ผ่านมา มีผลผลิตกว่า 300,000-400,000 ตัน เนื่องจากชาวสวนลำไย ไม่สนใจปลูกและบำรุงรักษา ทำให้ผลผลิต ลดลงกว่า70-80% บางส่วนขายที่ดิน หรือสวนลำไยให้นายทุน หรือผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากไม่มีทุนหมุนเวียนและขาดสภาพคล่อง ส่งผลให้พื้นที่ปลูกลำไยลดลงตามลำดับ
“จากผลผลิตที่ลดลง ทำให้ราคาลำไยค่อนข้างสูง เกรด AA และ A เฉลี่ย 25-26 บาท/กิโลกรัม ส่วนลำไยร่วง หรือเกรดคละเฉลี่ย 15-20 บาท/กิโลกรัม ทำให้เกษตรกรหรือชาวสวนลำไยพอใจ เนื่องจากราคาสูงกว่า 2-3 ปีที่ผ่านมา ส่วนผู้ประกอบการนำลำไยสด มาแปรรูปเป็นลำไยอบแห้ง เฉลี่ย2-3 ล้านกิโลกรัม/รายเท่านั้น เนื่องจากลำไยมีราคาสูงขึ้นกว่าทุกปี ที่สำคัญตลาดจีนได้หยุดรับซื้อลำไยไทยแล้ว” นางอำไพ
พรรณกล่าว และว่า อยากให้รัฐบาล โดยเฉพาะกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ส่งเสริมการปลูกลำไย จัดหาแหล่งเงินทุน และแหล่งน้ำเพื่อการผลิต ไม่ใช่ส่งเสริมสนับสนุนทุเรียนเท่านั้น เพราะตลาดทุเรียนราคามีแนวโน้มลดลง เนื่องจากมีผลผลิตเพิ่มขึ้นมาก ส่วนกระทรวงพาณิชย์จัดหาตลาดทั้งใน และส่งออกแบบครบวงจรเนื่องจากเป็นพืชเศรษฐกิจภาคเหนือ ไม่ต้องประกันราคาให้เป็นไปตามกลไกตลาด
ที่สำคัญต้องผ่อนผันการใข้แรงงานต่างด้าวที่มาเก็บเกี่ยวผลผลิต ไม่ใช่มาจับกุมดำเนินคดีอย่างเดียว ซึ่งแรงงานดังกล่าวได้รับค่าจ้าง วันละ 400-500 บาท บางรายเหมาจ่ายวันละ 600 บาทแล้ว เนื่องจากผู้ประกอบการขาดแคลนแรงงานดังกล่าว ซึ่งรัฐบาลต้องมีมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการด้วย
“ก้าวไกล”โวยฝ่ายค้านเหลือช่องทางน้อย จะถูกขอตัดเวลา สส.หารืออีก
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_4166994
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 6 ก.ย. 66 ในช่วงเปิดให้มีการหารือ นายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ลุกขึ้นหารือเรื่องสัดส่วนการแบ่ง สส.ปรึกษาหารือที่แบ่งรัฐบาล-ฝ่ายค้าน ฝ่ายละ 15 คน แต่ปัจจุบัน สส.ฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน มีสัดส่วนต่างกันจึงขอให้แบ่งใหม่โดยยึดตามจำนวน สส.แต่ละพรรคโดยไม่แบ่งฝ่ายแบบเดิม แต่นาย ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ลุกขึ้นโต้แย้งว่าเรื่องนี้ยังไม่มีข้อสรุป และขอให้มองว่างฝ่ายค้านมีช่องทางน้อยกว่าอยู่แล้ว ไม่ควรจะถูกตัดไปอีก ติดตามรายละเอียดจากคลิปด้านล่างนี้
‘จุลพันธ์’ ยันเงินดิจิทัลจ่ายผ่านแอพพ์ใหม่ ไม่ใช่เป๋าตัง พร้อมแจงที่มางบ 5.6 แสนล้าน
https://www.matichon.co.th/economy/news_4166932
‘จุลพันธ์’ เข้าคลังวันแรก ยันเงินดิจิทัลจ่ายผ่านแอพพ์ใหม่ ไม่ใช่เป๋าตัง ไม่มีสมาร์ทโฟนก็ได้ด้วย พร้อมแจงที่มางบ 5.6 แสนล้าน
เมื่อวันที่ 6 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้เดินทางเข้ามาที่กระทรวงการคลัง เพื่อดูห้องทำงานประจำตำแหน่ง จากนั้นได้พบกับผู้สื่อข่าวประจำกระทรวงการคลัง
โดยนายจุลพันธ์ กล่าวถึงนโยบายการแจกเงินดิจิทัล (ดิจิทัล วอลเล็ต) คนละ 10,000 บาท สำหรับคนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ว่าจะเป็นการแจกตามชื่อที่อยู่ในทะเบียนบ้านเท่านั้น ด้วยการใช้เทคโนโลยี บล็อกเชนดำเนินการ โดยจะมีแอพพลิเคชันรองรับ ลักษณะเป็นซุปเบอร์แอพพ์ ซึ่งไม่ได้ใช้งานผ่านแอพพลิเคชันเป๋าตังแต่อย่างใด และขณะนี้ยังไม่มีชื่อแอพพลิเคชันดังกล่าว เนื่องจากอยู่ระหว่างดำเนินการรายละเอียดทั้งหมด
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ส่วนงบประมาณที่จะนำมาใช้ราว 5.6 แสนล้านบาทนั้น มาจากหลายส่วน ทั้งเงินงบประมาณ การจัดเก็บรายได้ที่เพิ่มขึ้น และเงินจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นต้น ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าจะยืมเงินจากรัฐวิสาหกิจ และขายหุ้นกองทุนวายุภักษ์นั้น ยังไม่มีข้อสรุป เพราะต้องพิจารณารายละเอียดอีกหลายๆ ด้าน
ทั้งนี้ในเบื้องต้นเงินดิจิทัล 10,000 บาท ภายใต้เงื่อนไขแจกครั้งเดียวภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 อย่างช้าสุดภายในไตรมาสแรกของปี 2567 แต่มีข้อห้ามเพียง 2-3 ข้อ อาทิ ห้ามนำไปซื้อสินค้าอบายมุข ไม่สามารถนำไปชำระหนี้ได้ ไม่สามารถเบิกเป็นเงินสดได้ โดยประชาชนสามารถนำไปซื้อสินค้าร้านค้าในรัศมี 4 กิโลเมตร(กม.) ตามที่อยู่ทะเบียนบ้าน เนื่องจากต้องการให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในชุมชน และสร้างเม็ดเงิน 2.2 ล้านล้านบาท สร้างอัตราการเติบโตเศรษฐกิจ 1-2%
“ผมขอยกตัวอย่าง ประชาชนที่ได้รับเงินดิจิทัล 10,000 บาท นำไปซื้อสินค้าในร้านค้าโชว์ห่วยชุมชนหรือร้านก๋วยเตี๋ยว แม้ร้านค้านี้จะยังไม่เข้าระบบภาษี แต่ร้านก๋วยเตี๋ยวสามารถรับชำระค่าก๋วยเตี๋ยวได้ และจะต้องนำเงินไปซื้อวัตถุดิบจากร้านค้าที่อยู่ในระบบภาษี สามารถนำเงินดิจิทัล มารับเงินสดได้จากสถาบันการเงินของรัฐที่รัฐบาลกำหนด ด้วยวิธีการนี้จะทำให้รัฐมีเงินหมุนเวียนจากภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) รอบละ 30,000 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลคาดหวังว่าจากการแจกเงินดิจิทัลนี้จะมีเงินหมุนเวียน 4 รอบ รวม 120,000 ล้านบาท” นายจุลพันธ์ กล่าว
ส่วนกรณีประชาชนที่ไม่มีสมาร์ทโฟน หรือผู้ป่วยติดเตียง คนชรา จะต้องมีขั้นตอนการยืนยันตัวตนที่สถาบันการเงินของรัฐ ซึ่งต้องมีวิธีการ เพื่อมิให้เกิดการรั่วไหล และเป็นผู้ได้รับสิทธิอย่างแท้จริง ด้วยการรับคิวอาร์โค้ด แล้วนำคิวอาร์โค้ดนั้นมาใช้จ่ายตามร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการได้ ซึ่งเชื่อว่าจะมีร้านค้าเข้าร่วมโครงการอย่างแน่นอน
“ขอย้ำว่าประชาชนที่อายุ 16 ปีขึ้นไปได้เงินดิจิทัลทุกคน โดยไม่ต้องลงทะเบียน เพราะยึดตามทะเบียนบ้าน และทุกคนได้รับสิทธิอย่างเท่าเทียม สามารถใช้เงินดิจิทัลจับจ่ายใช้สอยได้ ยกเว้นไม่สามารถแลกเป็นเงินสดได้ โดยผู้ที่สามารถนำไปแลกเป็นเงินสดได้ คือร้านค้าที่อยู่ในระบบภาษีเท่านั้น ซึ่งเทคโนโลยี Blockchain สามารถติดตามการใช้จ่ายเงินดิจิทัลนี้ได้ เพื่อป้องกันการรั่วไหล และการแลกเป็นเงินสด” นายจุลพันธ์ กล่าว
นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ประชาชนในต่างจังหวัด เฝ้ารอการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เพราะมีแผนการลงทุนร่วมกัน เช่น รวมกลุ่ม 10 คน ได้เงิน 100,000 บาท เพื่อนำไปลงทุนสร้างโรงสีข้าว เพื่อรับจ้างสีข้าวในชุมชน มีประชาชนบางคน จะนำเงิน 10,000 บาท มาเป็นต้นทุน เปิดร้านขายอาหาร ก็สามารถทำได้ ถือเป็นแนวทางที่ดี เพราะจะก่อให้เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้ในชุมชน เชื่อว่าจะเกิดเม็ดเงินหมุนเวียนระบบเศรษฐกิจอย่างแน่นอน