วันนี้เห็น คำนี้ "รากเหง้าของปัญหาที่แท้จริง"
ชอบครับ ชอบ
เวลาเราพูดถึงอะไร ที่มันเป็น ราก หรือ เป็น เหง้า มันต้องหยั่งลงดินไปลึกทีเดียว
ในความเห็นโง่ๆของผม
ผมว่า ความเห็นต่อ เรื่องนี้ คงมีหลากหลายมาก
มันคงไม่มีคำตอบเชิงเดี่ยว ที่ชัดเจน ฟันธง เป๊ะๆ ว่า มันคืออะไร
ผมว่า มันคงมีหลายเรื่อง หลากมิติเลยทีเดียว
จริงๆแล้วผมอยากฟังความเห็นมากกว่าแสดงความเห็นนะ ในกระทู้แบบนี้
พูดจริงๆ
การแสดงความเห็นของผม มันไม่ค่อยจะถูกใจใครง่ายๆหรอก
บางที ผมยังไม่ค่อยอยากจะยอมรับ ความเห็นตัวเองเลย
มันดิบไป มันเถื่อนไป ฟังแล้วไม่สบายใจ ไม่รื่นหู
พาลจะโดนด่าได้ง่ายๆ แล้วผมก็ดันเป็นคน ที่ใครๆก็เข้ามาด่าได้ง่ายซะด้วย ไม่ถือสา อิ อิ
จะเอาแต่ถาม ไม่แสดงความเห็นเลยคงจะน่าเกลียด
เอาเป็นว่า หากมีใครถามผม ว่า รากเหง้าปัญหาที่แท้จริงของประเทศไทย คืออะไร
เอาแบบกว้างๆจริงๆนะครับ
ผมว่า มีอยู่ 2 เรื่อง
หนึ่ง คือ การขาดการทำความเข้าใจในเรื่องของ สิทธิ ที่เป็นรากฐานของคำว่า ประชาธิปไตย
ที่ผมเห็นว่า หากคนเรา ขาดความเข้าใจในเรื่องของสิทธิซะแล้ว คำว่าประชาธิปไตยคงไม่ต้องพูดถึง
ผมว่า การจะมีจิตใจ ที่เป็นประชาธิปไตยนั้น มันควร ละ ความยึดมั่นถือมั่นให้มากๆ
มันต้องฟังคนอื่นให้มากกว่าฟังตัวเอง
และมันต้องอดทน ต่อความคิดเห็นที่ต่างจากตัวเองให้ได้ ไม่ไปเที่ยวด่าใครง่ายๆ เวลาเค้าคิดต่าง
ยิ่งทำตนเป็นศูนย์กลางของโลกมากขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งเดินห่างประชาธิปไตยมากขึ้นเท่านั้น
ยิ่งคิดว่า ตน "ถูก" อยู่คนเดียว คนที่คิดต่างจากตู "ผิดหมด" นี่ เกินเยียวยาครับ
ประชาธิปไตยไม่ได้ถูกออกแบบมาให้คนด่ากัน เวลาคิดต่างกัน
แต่ ถูกออกแบมาให้คนรู้จักอยู่ร่วมกันอย่างสันติ บนความต่างนี้
สอง คือ การมีส่วนร่วมทางการเมือง ของประชาชน
จะด้วยเหตุผลใด ผมไม่กล้าคิด
เอาเป็นว่า ผมมองว่า scope ของการมีส่วนร่วมทางการเมืองของคนไทย
มันมักจะตกลงไปอยู่ที่ รัก-เกลียด และ เชียร์-แช่ง
พอมันมี รัก มันก็มี เกลียด พอมีเชียร์ ก็มีแช่ง
ผมว่า การมีส่วนร่วมทางการเมืองมันไม่ได้มีเพียงแค่นี้ มันน่าจะกว้างขวางกว่านี้ และนี่ไม่ใช่การมีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างสร้างสรรค์
พอรักนักการเมืองคนไหน มันดีทุกอย่าง
พอเกลียดนักการเมืองคนไหน มันเลวทุกอย่าง...นี่ไงครับ การมีส่วนร่วมทางการเมืองที่ผมพูดถึง
มันบั่นทอนการแยกแยะ ผิด-ชอบ ชั่ว-ดีได้ง่ายๆ
พอการมีส่วนร่วมทางการเมืองมัน บิดๆเบี้ยวๆ เป็นมดเขียว V3
สิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองเราก็เห็นๆกันอยู่ครับ คือเป็นสังคม ที่มีแต่ความเกลียดชัง
แค่คิดต่างกัน ก็ด่ากันเลอะเทอะ ด่ากันหยาบๆคายๆก็มี ไม่เชื่อคอยดู
แค่คิดต่าง แล้วโดนด่านี่แหละ...นี่ก็เป็น ตัวบ่งชี้ ที่ชัดเจน อย่างนึง ว่า คนไทย "ประชาธิปไตย" ขนาดไหน
ทั้งหมดนี้เป็นความเห็น
อาจจะถูกนิดนึง อาจจะไม่เข้าท่า และ ผิด ทั้งหมด เป็นไปได้หมดครับ
ผม ไม่ได้ฉลาด และคิดอะไรถูกต้องไปหมดหรอก
แค่นี้ผมก็คงโดนด่ามากแล้ว น่าจะพอสาแก่ใจ
เชิญเพื่อนสมาชิกท่านอื่นๆมาแบ่งปัน ความเห็นกันครับ
เหล้ามา โซดาพร้อม กับแกล้มเพียบ
ไปนั่งเชียร์วอลเล่ย์บอลก่อนล่ะนะครับ
บุ๋มบิ๋ม สู้ สู้
รากเหง้าของปัญหาที่แท้จริงของประเทศไทยคืออะไรครับ
ชอบครับ ชอบ
เวลาเราพูดถึงอะไร ที่มันเป็น ราก หรือ เป็น เหง้า มันต้องหยั่งลงดินไปลึกทีเดียว
ในความเห็นโง่ๆของผม
ผมว่า ความเห็นต่อ เรื่องนี้ คงมีหลากหลายมาก
มันคงไม่มีคำตอบเชิงเดี่ยว ที่ชัดเจน ฟันธง เป๊ะๆ ว่า มันคืออะไร
ผมว่า มันคงมีหลายเรื่อง หลากมิติเลยทีเดียว
จริงๆแล้วผมอยากฟังความเห็นมากกว่าแสดงความเห็นนะ ในกระทู้แบบนี้
พูดจริงๆ
การแสดงความเห็นของผม มันไม่ค่อยจะถูกใจใครง่ายๆหรอก
บางที ผมยังไม่ค่อยอยากจะยอมรับ ความเห็นตัวเองเลย
มันดิบไป มันเถื่อนไป ฟังแล้วไม่สบายใจ ไม่รื่นหู
พาลจะโดนด่าได้ง่ายๆ แล้วผมก็ดันเป็นคน ที่ใครๆก็เข้ามาด่าได้ง่ายซะด้วย ไม่ถือสา อิ อิ
จะเอาแต่ถาม ไม่แสดงความเห็นเลยคงจะน่าเกลียด
เอาเป็นว่า หากมีใครถามผม ว่า รากเหง้าปัญหาที่แท้จริงของประเทศไทย คืออะไร
เอาแบบกว้างๆจริงๆนะครับ
ผมว่า มีอยู่ 2 เรื่อง
หนึ่ง คือ การขาดการทำความเข้าใจในเรื่องของ สิทธิ ที่เป็นรากฐานของคำว่า ประชาธิปไตย
ที่ผมเห็นว่า หากคนเรา ขาดความเข้าใจในเรื่องของสิทธิซะแล้ว คำว่าประชาธิปไตยคงไม่ต้องพูดถึง
ผมว่า การจะมีจิตใจ ที่เป็นประชาธิปไตยนั้น มันควร ละ ความยึดมั่นถือมั่นให้มากๆ
มันต้องฟังคนอื่นให้มากกว่าฟังตัวเอง
และมันต้องอดทน ต่อความคิดเห็นที่ต่างจากตัวเองให้ได้ ไม่ไปเที่ยวด่าใครง่ายๆ เวลาเค้าคิดต่าง
ยิ่งทำตนเป็นศูนย์กลางของโลกมากขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งเดินห่างประชาธิปไตยมากขึ้นเท่านั้น
ยิ่งคิดว่า ตน "ถูก" อยู่คนเดียว คนที่คิดต่างจากตู "ผิดหมด" นี่ เกินเยียวยาครับ
ประชาธิปไตยไม่ได้ถูกออกแบบมาให้คนด่ากัน เวลาคิดต่างกัน
แต่ ถูกออกแบมาให้คนรู้จักอยู่ร่วมกันอย่างสันติ บนความต่างนี้
สอง คือ การมีส่วนร่วมทางการเมือง ของประชาชน
จะด้วยเหตุผลใด ผมไม่กล้าคิด
เอาเป็นว่า ผมมองว่า scope ของการมีส่วนร่วมทางการเมืองของคนไทย
มันมักจะตกลงไปอยู่ที่ รัก-เกลียด และ เชียร์-แช่ง
พอมันมี รัก มันก็มี เกลียด พอมีเชียร์ ก็มีแช่ง
ผมว่า การมีส่วนร่วมทางการเมืองมันไม่ได้มีเพียงแค่นี้ มันน่าจะกว้างขวางกว่านี้ และนี่ไม่ใช่การมีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างสร้างสรรค์
พอรักนักการเมืองคนไหน มันดีทุกอย่าง
พอเกลียดนักการเมืองคนไหน มันเลวทุกอย่าง...นี่ไงครับ การมีส่วนร่วมทางการเมืองที่ผมพูดถึง
มันบั่นทอนการแยกแยะ ผิด-ชอบ ชั่ว-ดีได้ง่ายๆ
พอการมีส่วนร่วมทางการเมืองมัน บิดๆเบี้ยวๆ เป็นมดเขียว V3
สิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองเราก็เห็นๆกันอยู่ครับ คือเป็นสังคม ที่มีแต่ความเกลียดชัง
แค่คิดต่างกัน ก็ด่ากันเลอะเทอะ ด่ากันหยาบๆคายๆก็มี ไม่เชื่อคอยดู
แค่คิดต่าง แล้วโดนด่านี่แหละ...นี่ก็เป็น ตัวบ่งชี้ ที่ชัดเจน อย่างนึง ว่า คนไทย "ประชาธิปไตย" ขนาดไหน
ทั้งหมดนี้เป็นความเห็น
อาจจะถูกนิดนึง อาจจะไม่เข้าท่า และ ผิด ทั้งหมด เป็นไปได้หมดครับ
ผม ไม่ได้ฉลาด และคิดอะไรถูกต้องไปหมดหรอก
แค่นี้ผมก็คงโดนด่ามากแล้ว น่าจะพอสาแก่ใจ
เชิญเพื่อนสมาชิกท่านอื่นๆมาแบ่งปัน ความเห็นกันครับ
เหล้ามา โซดาพร้อม กับแกล้มเพียบ
ไปนั่งเชียร์วอลเล่ย์บอลก่อนล่ะนะครับ
บุ๋มบิ๋ม สู้ สู้