8 เรื่องที่ต้องรู้เมื่อไปตัดแว่นที่ร้าน

1.นำแว่นตาที่ใช้งานอยู่ทุกตัวไปด้วย 
        เนื่องจากทางร้านจะตรวจสอบค่าสายตาเดิมของเราจากแว่นเดิมที่เราใส่ใช้งาน เพื่อดูว่าค่าสายตาเดิมใส่มามีค่าเท่าไรบ้าง แล้วถ้าหากแว่นตาคู่เดิมนั้นมีปัญหา สวมใส่แล้วไม่สบายตา ที่ร้านแว่นก็จะทราบได้เลยว่า ค่าที่เราใส่แล้วไม่สบายตามีค่าเท่าไร อีกทั้งจะทำให้ร้านแว่นทราบได้ว่า ค่าสายตาของเราเพิ่มจากแว่นเดิมเท่าไรได้ด้วย
        และสิ่งที่สำคัญอีกอย่างเลยก็คือ หากที่ร้านแว่นตาวัดสายตาแล้ว ค่าสายตาไม่ได้เปลี่ยนไปจากแว่นเดิม วัดสายตาเท่าไรก็ไม่ชัดขึ้น แสดงว่าปัญหาการมองเห็นนั้นไม่ได้เกิดจากค่าสายตา แต่เกิดจากปัญหาของโรคตา ทางร้านแว่นก็จะให้เราไปพบจักษุแพทย์แทนการเปลี่ยนแว่น

 
           

      2.คนที่ใส่คอนแทคเลนส์ 
         ก่อนไปวัดสายตา ควรถอดคอนแทคเลนส์ก่อนไปวัดสายตาอย่างน้อย 1 วัน เนื่องจากคอนแทคเลนส์ที่เราใส่ ไปกดที่กระจกตาเรามาแล้วทั้งวันทำให้กระจกตามีรอยการกดของคอนแทคเลนส์ หากถอดคอนแทคเลนส์แล้วไปวัดสายตาเลย จะทำให้ได้ค่าสายตาที่ไม่ถูกต้อง
                              
      3.การเลือกแว่นและเลนส์
         การเลือกแว่นตา ต้องเลือกแว่นตาให้ตอบโจทย์กับแว่นที่เราจะตัด เช่น จะตัดแว่นตาเป็นแว่นสายตาสั้นมองไกล สามารถเลือกแว่นตาที่มีขนาดใหญ่ได้ แต่ถ้าหากคนนั้นจะตัดแว่นตาเลนส์โปรเกรสซีฟควรเลือกแว่นตาที่ไม่ใหญ่จนเกินไป หรือเล็กจนเกินไป 
        และควรเลือกแว่นที่มีน้ำหนักเบาและพอดีกับรูปหน้าของเรา ไม่ควรหลวมไปหรือคับจนเกินไปด้วยค่ะ
 
        การเลือกเลนส์ หากแว่นตาคู่นั้นต้องใส่ตลอดเวลา เช่น แว่นโปรเกรสซีฟ แนะนำเลือกเลนส์ที่เป็นเลนส์เปลี่ยนสี เพราะสามารถมองได้ทุกระยะ เหมาะกับทุกกิจกรรม แต่ถ้าแว่นนั้นเป็นแว่นมองใกล้อ่านหนังสือ แนะนำเป็นเลนส์ป้องกันแสงสีน้ำเงิน ไม่แนะนำให้เป็นเลนส์เปลี่ยนสีเพราะว่าแว่นอ่านหนังสือดูใกล้ ใส่เดินออกไปข้างนอกไม่ได้
       และหากจะตัดแว่นตาไปใส่ขับรถเป็นหลัก แนะนำเลนส์สำหรับขับรถ เลนส์ชนิดนี้จะช่วยตัดแสงรบกวนจากรถฝั่งตรงข้ามและแสงไฟตามท้องถนน ช่วยให้เราขับรถได้มั่นใจมากขึ้นได้ค่ะ

        4.ต้องไม่ได้วัดสายตาจากเครื่องคอมพิวเตอร์เพียงอย่างเดียว 
          เราต้องได้รับการวัดสายตาที่ละเอียด โดยเริ่มจากวัดสายตาจากเครื่องคอมพิวเตอร์ก่อน และวัดต่อด้วยเครื่องมือวัดสายตาที่ละเอียดโดยการให้เราถาม-ตอบ จากผู้เชี่ยวชาญ หากถูกวัดสายตาเพียงแค่คอมพิวเตอร์อย่างเดียว ไม่ได้ ถาม-ตอบ จะไม่ได้ค่าสายตาที่ถูกต้องค่ะ  เพราะเครื่องคอมพิวเตอร์ไม่สามารถบอกเราได้เลยว่า เราใส่ค่าสายตานั้นแล้ว ชัด และสบายตา ที่ค่าสายตาไหนที่สุด 

        5.ต้องวัดค่า PD เสมอ
           PD (pupillary distance) เป็นการวัดระยะห่างระหว่างรูม่านตาทั้ง 2 ข้างของตาเรา เราจะวัดค่า PD นี้ เพื่อตอนเวลาช่างไปประกอบแว่นตาให้เรา ช่างจะตั้ง Center ของเลนส์ที่ที่เป็นส่วนที่ชัดที่สุดของเลนส์ ตั้งให้ตรงกับรูม่านตาของเราทั้ง 2 ข้าง เพื่อให้ใส่แว่นแล้วคมชัดและสบายตาที่สุด 

 
         
         6.เราต้องได้ทดลองใส่แว่นกับค่าสายตาที่เราวัดได้เสมอ
           เพื่อเราจะได้ทราบว่า หากเราได้ใส่ค่าสายตาที่วัดได้นี้แล้ว ใส่แล้วมีอาการสบายตา ปวดหัว พื้นลอย และภาพคมชัดดีรึเปล่า  ให้เราได้มั่นใจว่าแว่นที่เราจะได้มีความสบายตา แถมยังเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่า เราตัดแว่นมาแล้วจะใส่ได้จริงๆ ค่ะ 
          
         7.หากเป็นเลนส์โปรเกรสซีฟ เราจะต้องได้รับการวัดค่าพารามิเตอร์เพิ่มด้วย
           ค่าพารมิเตอร์เป็นค่าบอกว่า กรอบแว่นตาคู่นี้ โค้ง เท ห่างเท่าไรกับตาของเรา เพื่อทางร้านแว่นจะได้ส่งค่าเหล่านี้ให้บริษัทเลนส์ได้ผลิตเลนส์โปรเกรสซีฟออกมาเฉพาะเราเอง รวมถึงยังทำให้เราใส่เลนส์โปรเกรสซีฟได้ง่ายขึ้น มีความสบายตาและหาโฟกัสได้ดีขึ้นอีกด้วยค่ะ

        8. ต้องได้ใส่เลนส์ทดลองโปรเกรสซีฟ ก่อนที่เราจะตัดสินใจซื้อ
           เนื่องจากเลนส์โปรเกรสซีฟเป็นเลนส์ที่ต้องใช้ระยะเวลาในการปรับตัว แถมยังมีราคาที่แพง (หลักพันขึ้น) เราจึงต้องได้ทดลองสวมใส่ก่อน เพื่อให้แน่ใจจริงๆว่าเราจะสามาถใส่แว่นตาโปรเกรสซีฟได้จริงๆ ยอมเป็นผลดีต่อตัวลูกค้าเองด้วยค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่