หลายๆ คนอาจจะเคยไปเจอประสบการณ์ของคนรู้จักมาก่อน เช่นอาจจะมีเพื่อนของเรา หรือญาติพี่น้องเราเอง หรือเคยเกิดคำถามเหล่านี้ ว่า
ใส่แล้วจะมีปัญหาไหม ?
ใส่แล้วมีอาการเวียนหัว ปวดหัว ใส่ไม่ได้ไหม ?
ฉันเสียเงินไปตั้งหลายหมื่น แล้วสุดท้ายตัดแว่นมาแล้วก็ใส่ไม่ได้ทำยังไงดี?
วันนี้มัทยาคลินิกมีคำตอบค่ะ....
คนที่กลัวจะใส่โปรเกรสซีฟไม่ได้จะมีหลายประเภทค่ะ อย่างเช่น
ประเภทที่ 1 คนที่ไม่เคยใส่แว่นโปรเกรสซีฟมาก่อน แต่กลัวแพง?
ประเภทที่ 2 คนที่ตัดแว่นตาโปรเกรสซีฟไปแล้ว แล้วเกิดปัญหาใส่แว่นตาไม่ได้ !!
ประเภทที่ 3 คนที่ไม่เคยใส่แว่นตาโปรเกรสซีฟมาก่อนเหมือนกัน แต่ว่ามีความไม่ชอบใส่แว่น
(เป็นคนชอบใส่คอนแทคเลนส์ หรือเคยทำเลสิกมาก่อน ก็จะมีความยากในการใส่แว่น แม้จะเป็นแว่นธรรมดาก็ตาม )
..... วันนี้เราจะมาไล่เรียงปัญหาทั้งหมดที่พูดมากันค่ะ
กลุ่มคนที่
ไม่เคยใส่แว่นตาโปรเกรสซีฟมาก่อน แต่กลัวแพง!!
ซึ่งความจริงแล้วโปรเกรสซีฟแพงมั้ย ?
ถูก-แพงไม่สำคัญ จริงๆ แล้วสำคัญที่ คุ้มมั้ยกับเงินที่สูญเสียไป เลนส์โปรเกรสซีฟมีหลายราคา มีหลายรุ่น มีตั้งแต่ราคาถูกไปจนถึงราคาแพง แต่คนที่จะรู้ดีที่สุดคือ คนที่สวมใส่นั้นเอง เพราะฉะนั้นจึงมีเลนส์โปรเกรสซีฟให้ทดลองสวมใส่ขึ้นมา เพื่อแก้ปัญหาจุดนี้ คือ แก้ปัญหาการเดาทั้งผู้สวมใส่เองและร้านค้าที่เป็นคนให้สวมใส่ แน่นอนว่า เราใส่ตัวแพงย่อมมีมุมมองในการมองที่ดีกว่าเลนส์ราคาถูกอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ใช้ว่าทุกคนจะต้องใส่แพงเสมอไป เราสามารถใส่เลนส์ราคาถูกได้ ถ้าเราลองใส่แล้วใส่ได้จริง ๆ และถ้าเราใส่ของแพงแล้ว มาลองใส่ของถูกแล้วรู้สึกว่า ก็ไม่ได้ต่างกัน แสดงว่าเราไม่ค่อยเซนซิทีฟ แปลว่าคุณโชคดี !! ... คุณได้ใส่เลนส์ราคาถูกค่ะ
กลุ่มต่อมา คือ
กลุ่มคนที่ยังไม่เคยใส่โปรเกรสซีฟมาก่อน แล้วมีความกังวลมีความกลัว กลัวว่าตัวเองจะใส่ไม่ได้ !!
ปัจจุบัน เริ่มมีเลนส์ทดลองเป็นเลนส์โปรเกรสซีฟ ให้ทดลองส่วมใส่ ของรุ่นนั้น ยี่ห้อนั้นๆ ให้คุณได้เลือก ก็คือหมายความว่า ถ้าเรายังไม่เคยใส่เลนส์โปรเกรสซีฟแล้วอยากจะไปตัดแว่นตาโปรเกรสซีฟชักร้านหนึ่ง ที่ไหนก็ได้ สิ่งแรกที่ควรมองหาเลยก็คือ ? เขามีเลนส์โปรเกรสซีฟให้ทดลองสวมใส่รึเปล่า จะได้รู้ว่า เราสวมใส่แล้วใช้งานได้จริงๆมั้ย ??
ทางเราจะขอเปรียบเทียบเลนส์โปรเกรสซีฟเปรียบเสมือนเป็นรถยนต์ เลนส์โปรเกรสซีฟมีหลายยี่ห้อเหมือนกับยี่ห้อของรถยนต์
โดยยี่ห้อเลนส์ เช่น Hoya Essilor Rodenstock Zeiss Nikon และอื่นๆ เปรียบเสมือนรถยี่ห้อต่างๆ เช่น Toyota Nisan Honda Benz และ BMW
ถามว่ายี่ห้อไหนดีกว่ากัน ?
เราก็แยกไม่ถูกเหมือนกันว่าอันไหนดีกว่า ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับว่า เราเหมาะสมกับรถยี่ห้อไหน เราชอบรถยี่ห้อไหนมากกว่ากัน เหมือนกันกับเลนส์โปรเกรสซีฟเลยค่ะ
แล้วเราจะรู้ได้ยังไงล่ะว่าเราชอบยี่ห้อไหน ?
ก็คือเราต้องเข้าไปลองนั่ง ไปลองขับดูว่าเราชอบรถแบบนั้นไหม? ก็เหมือนกันกับเลนส์โปรเกรสซีฟค่ะ เราก็เข้าไปทดลองสวมดูก่อน บางทีอาจจะรู้สึกได้ว่า มันไม่ได้ดีอย่างที่คิดไว้ หรือลองแล้วมันดีนะ โอเคนะ เราก็จะได้ปรับตัวได้ถูก และนอกจากนี้ยังได้ไปลองเลือกดูยี่ห้ออื่นๆ ดูด้วย ซึ่งในแต่ละยี่ห้อก็จะมีรุ่นของยี่ห้อนั้นๆ อีก เลนส์โปรเกรสซีฟก็เหมือนกัน เหมือนกับรถยนต์แต่ละยี่ห้อก็มีรุ่นขึ้นมาอีก เช่น BMW ก็จะมีรุ่น Series 3, 5, 7 ราคาก็ไม่เท่ากัน ฟังก์ชันก็ไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นเราจึงแนะนำให้ทดลองเลนส์ดูก่อน ทดลองสวมใส่ หลายๆยี่ห้อ และหลายๆรุ่น ก็จะมีประโยชน์ ต่อผู้สวมใส่และทางร้านแว่นอีกด้วยค่ะ
นอกเหนือจากที่ต้องมองหาร้านที่มีเลนส์ทดดลองโปรเกรสซีฟแล้ว ก็ต้องมองหาร้านแว่นที่มีการวัดสายตาได้อย่างมีคุณภาพด้วย ?
วัดค่าสายตาได้ถูกต้องรึเปล่า ? นอกจากเรื่องค่าสายตาก็จะมีเรื่องของค่าพารามิเตอร์เข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วยนะคะ
แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าร้านแว่นตาร้านนี้ วัดค่าสายตาเราถูกต้องมั้ย ?
ง่ายมากๆเลยค่ะ เพียงแค่ปล่อยให้ทางร้านวัดสายตาให้เรา พอวัดสายตาเสร็จแล้ว ก็เพียงแค่ทดลองใช้งานเลนส์ที่ทางร้านให้เราได้ทดลองสวมใส่ โดยทดลองใส่แว่นตาอย่างน้อยเป็นระยะเวลา ประมาณ 5-10 นาที
เพราะปัญหาส่วนใหญ่เลยก็คือ วัดสายตาที่ร้าน ตอนลองดีแล้วแต่ทำไม เวลาได้รับแว่นแล้ว นำแว่นตากลับไปใส่แล้วมีอาการปวดหัว ก็เพราะว่าเรานั้นทดลองใส่แว่นตาได้ไม่นานพอค่ะ
ในช่วงทดลองใส่แว่นตาในร้าน ช่วง 5 นาทีแรกจะเป็นช่วงที่เราเองยังไม่รู้ว่า จริงๆ แล้วเราชินกับแว่นตาคู่นี้ไหม ยังมีความตื่นเต้น ยังมีความชัดของแว่นตาคู่นี้อยู่ แต่พอหลัง 5 นาที นั้นแล้ว เราจะเริ่มรู้สึกแล้วว่า แว่นตาใส่แล้วชัดก็จริงนะ แต่มีอาการปวดหัวนิดๆ หนักๆหัว มองดูแล้วมีอาการภาพวูบวาบ อาการเหล่านี้มักจะแสดงอาการที่ 5 นาทีหลังค่ะ ดังนั้นอย่าลืมใช้เวลากับเลนส์ทดลองที่ทางร้านให้ทดลองสวมใส่ค่ะ
กลุ่มสุดท้าย คือ
กลุ่มคนที่ไม่ชอบใส่แว่น ชอบใส่คอนแทคเลนส์ หรือทำเลสิกมาก่อน
คือทั้งชีวิตมาไม่เคยใส่แว่นตามาก่อนเลย ใส่แต่คอนแทคเลนส์มาตลอด แล้วพออายุ 40 คุณจะไม่มีค่าสายตาเพียงสายตาเดียว จะมีปัญหามองไกลก็ไม่ชัดอ่านหนังสือก็ไม่ชัดด้วย เพราะคุณเริ่มมีสายตายาวตามอายุแล้ว
และเมื่อใส่คอนแทคเลนส์คุณจะมองได้ระยะไกลเพียงระยะเดียว มองใกล้อ่านหนังสือไม่ได้
หรือเมื่อถอดคอนแทคเลนส์มองไกลไม่ชัด มองใกล้ก็ไม่ชัด ทั้ง 2 ระยะ วิธีแก้ไขปัญหาให้กับคนเหล่านี้คือ
1. ตัดแว่นโปรเกรสซีฟโดยไม่ต้องใส่คอนแทคเลนส์ ง่ายสุด ถูกสุด ดีต่อดวงตามากที่สุด เพราะไม่มีอะไรไปสัมผัสดวงตาบ่อยๆ ที่อาจจะส่งผลให้เกิดการติดเชื้อภายหลังได้
2 ถ้ายังอยากใส่คอนแทคเลนส์อยู่ ก็คือ ใส่คอนแทคเลนส์เวลามองไกล แล้วนำแว่นสายตายาวมองใกล้มาใส่ทับเมื่อต้องใช้งานระยะใกล้ แต่วิธีนี้ ต้องตัดแว่นทั้งหมด 3 อัน คือ
- แว่นมองใกล้เวลาใส่ทับคอนแทคเลนส์
- แว่นมองไกลเวลาที่ไม่ใส่คอนแทคเลนส์
- แว่นมองใกล้เวลาที่ไม่ใส่คอนแทคเลนส์ (อาจจะเป็นแว่นสายตายาวชั้นเดียวหรือเลนส์ Office lens ก็ได้)
ซึ่งวิธีนี้ต้องสลับแว่นไป-มา อาจจะไม่สะดวกต่อการใช้งานเท่าเลนส์โปรเกรสซีฟ
สำหรับคนที่ทำเลสิกมาแล้ว จะมองไกลชัด พออายุ 40 จะเริ่มมีปัญหามองใกล้ไม่ชัด ถ้าเป็นแบบนี้ตัดแค่แว่นอ่านหนังสืออย่างเดียวก็ได้ แต่พอเวลาผ่านไป สายตายาวเริ่มเข้ามารบกวนการมองไกล เดี๋ยวค่อยมาตัดโปรเกรสซีฟทีหลังก็ได้ค่ะ โดยรวมแล้วก็คือเลือกชนิดเลนส์ให้เหมาะกับการใช้งานเพื่อลดการใส่แว่นตาไม่ได้ค่ะ เนื่องจากไม่ตอบโจทย์กับการใช้งาน สุดท้ายก็ทิ้งแว่นตาคู่นั้นค่ะ
สรุป
ตัดแว่นโปรเกรสซีฟแล้ว กลัวใส่ไม่ได้ เรามีวิธีดังนี้ค่ะ
1.ทดลองเลนส์โปรเกรสซีฟก่อนตัดสินใจซื้อเพื่อดูว่า จะเลือกราคาถูกได้ไหม? ถ้ากลัวว่าราคาจะแพง
2. ทดลองเลนส์โปรเกรสซีฟดูว่าสามารถใส่เลนส์โปรเกรสซีฟได้จริงๆ หรือไม่?
3. ใช้เวลาทดลองใส่แว่นตาในร้านอย่างน้อยประมาณ 5-10 นาที เพื่อดูว่าทางร้านวัดค่าสายตาได้ถูกต้องหรือไม่
4. เลือกชนิดเลนส์ให้เหมาะกับการใช้งานของเราเพื่อลดปัญหาการทิ้งแว่น
อ่านเพิ่มเติม
คลิกที่นี่ ได้เลยค่ะ
ตัดแว่นโปรเกรสซีฟแล้ว กลัวใส่ไม่ได้ ทำยังไงดี?
ใส่แล้วจะมีปัญหาไหม ?
ใส่แล้วมีอาการเวียนหัว ปวดหัว ใส่ไม่ได้ไหม ?
ฉันเสียเงินไปตั้งหลายหมื่น แล้วสุดท้ายตัดแว่นมาแล้วก็ใส่ไม่ได้ทำยังไงดี?
วันนี้มัทยาคลินิกมีคำตอบค่ะ....
คนที่กลัวจะใส่โปรเกรสซีฟไม่ได้จะมีหลายประเภทค่ะ อย่างเช่น
ประเภทที่ 1 คนที่ไม่เคยใส่แว่นโปรเกรสซีฟมาก่อน แต่กลัวแพง?
ประเภทที่ 2 คนที่ตัดแว่นตาโปรเกรสซีฟไปแล้ว แล้วเกิดปัญหาใส่แว่นตาไม่ได้ !!
ประเภทที่ 3 คนที่ไม่เคยใส่แว่นตาโปรเกรสซีฟมาก่อนเหมือนกัน แต่ว่ามีความไม่ชอบใส่แว่น
(เป็นคนชอบใส่คอนแทคเลนส์ หรือเคยทำเลสิกมาก่อน ก็จะมีความยากในการใส่แว่น แม้จะเป็นแว่นธรรมดาก็ตาม )
..... วันนี้เราจะมาไล่เรียงปัญหาทั้งหมดที่พูดมากันค่ะ
กลุ่มคนที่ ไม่เคยใส่แว่นตาโปรเกรสซีฟมาก่อน แต่กลัวแพง!!
ซึ่งความจริงแล้วโปรเกรสซีฟแพงมั้ย ?
ถูก-แพงไม่สำคัญ จริงๆ แล้วสำคัญที่ คุ้มมั้ยกับเงินที่สูญเสียไป เลนส์โปรเกรสซีฟมีหลายราคา มีหลายรุ่น มีตั้งแต่ราคาถูกไปจนถึงราคาแพง แต่คนที่จะรู้ดีที่สุดคือ คนที่สวมใส่นั้นเอง เพราะฉะนั้นจึงมีเลนส์โปรเกรสซีฟให้ทดลองสวมใส่ขึ้นมา เพื่อแก้ปัญหาจุดนี้ คือ แก้ปัญหาการเดาทั้งผู้สวมใส่เองและร้านค้าที่เป็นคนให้สวมใส่ แน่นอนว่า เราใส่ตัวแพงย่อมมีมุมมองในการมองที่ดีกว่าเลนส์ราคาถูกอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ใช้ว่าทุกคนจะต้องใส่แพงเสมอไป เราสามารถใส่เลนส์ราคาถูกได้ ถ้าเราลองใส่แล้วใส่ได้จริง ๆ และถ้าเราใส่ของแพงแล้ว มาลองใส่ของถูกแล้วรู้สึกว่า ก็ไม่ได้ต่างกัน แสดงว่าเราไม่ค่อยเซนซิทีฟ แปลว่าคุณโชคดี !! ... คุณได้ใส่เลนส์ราคาถูกค่ะ
กลุ่มต่อมา คือ กลุ่มคนที่ยังไม่เคยใส่โปรเกรสซีฟมาก่อน แล้วมีความกังวลมีความกลัว กลัวว่าตัวเองจะใส่ไม่ได้ !!
ปัจจุบัน เริ่มมีเลนส์ทดลองเป็นเลนส์โปรเกรสซีฟ ให้ทดลองส่วมใส่ ของรุ่นนั้น ยี่ห้อนั้นๆ ให้คุณได้เลือก ก็คือหมายความว่า ถ้าเรายังไม่เคยใส่เลนส์โปรเกรสซีฟแล้วอยากจะไปตัดแว่นตาโปรเกรสซีฟชักร้านหนึ่ง ที่ไหนก็ได้ สิ่งแรกที่ควรมองหาเลยก็คือ ? เขามีเลนส์โปรเกรสซีฟให้ทดลองสวมใส่รึเปล่า จะได้รู้ว่า เราสวมใส่แล้วใช้งานได้จริงๆมั้ย ??
ทางเราจะขอเปรียบเทียบเลนส์โปรเกรสซีฟเปรียบเสมือนเป็นรถยนต์ เลนส์โปรเกรสซีฟมีหลายยี่ห้อเหมือนกับยี่ห้อของรถยนต์
โดยยี่ห้อเลนส์ เช่น Hoya Essilor Rodenstock Zeiss Nikon และอื่นๆ เปรียบเสมือนรถยี่ห้อต่างๆ เช่น Toyota Nisan Honda Benz และ BMW
ถามว่ายี่ห้อไหนดีกว่ากัน ?
เราก็แยกไม่ถูกเหมือนกันว่าอันไหนดีกว่า ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับว่า เราเหมาะสมกับรถยี่ห้อไหน เราชอบรถยี่ห้อไหนมากกว่ากัน เหมือนกันกับเลนส์โปรเกรสซีฟเลยค่ะ
แล้วเราจะรู้ได้ยังไงล่ะว่าเราชอบยี่ห้อไหน ?
ก็คือเราต้องเข้าไปลองนั่ง ไปลองขับดูว่าเราชอบรถแบบนั้นไหม? ก็เหมือนกันกับเลนส์โปรเกรสซีฟค่ะ เราก็เข้าไปทดลองสวมดูก่อน บางทีอาจจะรู้สึกได้ว่า มันไม่ได้ดีอย่างที่คิดไว้ หรือลองแล้วมันดีนะ โอเคนะ เราก็จะได้ปรับตัวได้ถูก และนอกจากนี้ยังได้ไปลองเลือกดูยี่ห้ออื่นๆ ดูด้วย ซึ่งในแต่ละยี่ห้อก็จะมีรุ่นของยี่ห้อนั้นๆ อีก เลนส์โปรเกรสซีฟก็เหมือนกัน เหมือนกับรถยนต์แต่ละยี่ห้อก็มีรุ่นขึ้นมาอีก เช่น BMW ก็จะมีรุ่น Series 3, 5, 7 ราคาก็ไม่เท่ากัน ฟังก์ชันก็ไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นเราจึงแนะนำให้ทดลองเลนส์ดูก่อน ทดลองสวมใส่ หลายๆยี่ห้อ และหลายๆรุ่น ก็จะมีประโยชน์ ต่อผู้สวมใส่และทางร้านแว่นอีกด้วยค่ะ
นอกเหนือจากที่ต้องมองหาร้านที่มีเลนส์ทดดลองโปรเกรสซีฟแล้ว ก็ต้องมองหาร้านแว่นที่มีการวัดสายตาได้อย่างมีคุณภาพด้วย ?
วัดค่าสายตาได้ถูกต้องรึเปล่า ? นอกจากเรื่องค่าสายตาก็จะมีเรื่องของค่าพารามิเตอร์เข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วยนะคะ
แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าร้านแว่นตาร้านนี้ วัดค่าสายตาเราถูกต้องมั้ย ?
ง่ายมากๆเลยค่ะ เพียงแค่ปล่อยให้ทางร้านวัดสายตาให้เรา พอวัดสายตาเสร็จแล้ว ก็เพียงแค่ทดลองใช้งานเลนส์ที่ทางร้านให้เราได้ทดลองสวมใส่ โดยทดลองใส่แว่นตาอย่างน้อยเป็นระยะเวลา ประมาณ 5-10 นาที
เพราะปัญหาส่วนใหญ่เลยก็คือ วัดสายตาที่ร้าน ตอนลองดีแล้วแต่ทำไม เวลาได้รับแว่นแล้ว นำแว่นตากลับไปใส่แล้วมีอาการปวดหัว ก็เพราะว่าเรานั้นทดลองใส่แว่นตาได้ไม่นานพอค่ะ
ในช่วงทดลองใส่แว่นตาในร้าน ช่วง 5 นาทีแรกจะเป็นช่วงที่เราเองยังไม่รู้ว่า จริงๆ แล้วเราชินกับแว่นตาคู่นี้ไหม ยังมีความตื่นเต้น ยังมีความชัดของแว่นตาคู่นี้อยู่ แต่พอหลัง 5 นาที นั้นแล้ว เราจะเริ่มรู้สึกแล้วว่า แว่นตาใส่แล้วชัดก็จริงนะ แต่มีอาการปวดหัวนิดๆ หนักๆหัว มองดูแล้วมีอาการภาพวูบวาบ อาการเหล่านี้มักจะแสดงอาการที่ 5 นาทีหลังค่ะ ดังนั้นอย่าลืมใช้เวลากับเลนส์ทดลองที่ทางร้านให้ทดลองสวมใส่ค่ะ
กลุ่มสุดท้าย คือ กลุ่มคนที่ไม่ชอบใส่แว่น ชอบใส่คอนแทคเลนส์ หรือทำเลสิกมาก่อน
คือทั้งชีวิตมาไม่เคยใส่แว่นตามาก่อนเลย ใส่แต่คอนแทคเลนส์มาตลอด แล้วพออายุ 40 คุณจะไม่มีค่าสายตาเพียงสายตาเดียว จะมีปัญหามองไกลก็ไม่ชัดอ่านหนังสือก็ไม่ชัดด้วย เพราะคุณเริ่มมีสายตายาวตามอายุแล้ว
และเมื่อใส่คอนแทคเลนส์คุณจะมองได้ระยะไกลเพียงระยะเดียว มองใกล้อ่านหนังสือไม่ได้
หรือเมื่อถอดคอนแทคเลนส์มองไกลไม่ชัด มองใกล้ก็ไม่ชัด ทั้ง 2 ระยะ วิธีแก้ไขปัญหาให้กับคนเหล่านี้คือ
1. ตัดแว่นโปรเกรสซีฟโดยไม่ต้องใส่คอนแทคเลนส์ ง่ายสุด ถูกสุด ดีต่อดวงตามากที่สุด เพราะไม่มีอะไรไปสัมผัสดวงตาบ่อยๆ ที่อาจจะส่งผลให้เกิดการติดเชื้อภายหลังได้
2 ถ้ายังอยากใส่คอนแทคเลนส์อยู่ ก็คือ ใส่คอนแทคเลนส์เวลามองไกล แล้วนำแว่นสายตายาวมองใกล้มาใส่ทับเมื่อต้องใช้งานระยะใกล้ แต่วิธีนี้ ต้องตัดแว่นทั้งหมด 3 อัน คือ
- แว่นมองใกล้เวลาใส่ทับคอนแทคเลนส์
- แว่นมองไกลเวลาที่ไม่ใส่คอนแทคเลนส์
- แว่นมองใกล้เวลาที่ไม่ใส่คอนแทคเลนส์ (อาจจะเป็นแว่นสายตายาวชั้นเดียวหรือเลนส์ Office lens ก็ได้)
ซึ่งวิธีนี้ต้องสลับแว่นไป-มา อาจจะไม่สะดวกต่อการใช้งานเท่าเลนส์โปรเกรสซีฟ
สำหรับคนที่ทำเลสิกมาแล้ว จะมองไกลชัด พออายุ 40 จะเริ่มมีปัญหามองใกล้ไม่ชัด ถ้าเป็นแบบนี้ตัดแค่แว่นอ่านหนังสืออย่างเดียวก็ได้ แต่พอเวลาผ่านไป สายตายาวเริ่มเข้ามารบกวนการมองไกล เดี๋ยวค่อยมาตัดโปรเกรสซีฟทีหลังก็ได้ค่ะ โดยรวมแล้วก็คือเลือกชนิดเลนส์ให้เหมาะกับการใช้งานเพื่อลดการใส่แว่นตาไม่ได้ค่ะ เนื่องจากไม่ตอบโจทย์กับการใช้งาน สุดท้ายก็ทิ้งแว่นตาคู่นั้นค่ะ
สรุป
ตัดแว่นโปรเกรสซีฟแล้ว กลัวใส่ไม่ได้ เรามีวิธีดังนี้ค่ะ
1.ทดลองเลนส์โปรเกรสซีฟก่อนตัดสินใจซื้อเพื่อดูว่า จะเลือกราคาถูกได้ไหม? ถ้ากลัวว่าราคาจะแพง
2. ทดลองเลนส์โปรเกรสซีฟดูว่าสามารถใส่เลนส์โปรเกรสซีฟได้จริงๆ หรือไม่?
3. ใช้เวลาทดลองใส่แว่นตาในร้านอย่างน้อยประมาณ 5-10 นาที เพื่อดูว่าทางร้านวัดค่าสายตาได้ถูกต้องหรือไม่
4. เลือกชนิดเลนส์ให้เหมาะกับการใช้งานของเราเพื่อลดปัญหาการทิ้งแว่น
อ่านเพิ่มเติม คลิกที่นี่ ได้เลยค่ะ