ตัดแว่นโปรเกรสซีฟแล้ว กลัวใส่ไม่ได้ ทำยังไงดี?

หลายๆ คนอาจจะเคยไปเจอประสบการณ์ของคนรู้จักมาก่อน เช่นอาจจะมีเพื่อนของเรา หรือญาติพี่น้องเราเอง  หรือเคยเกิดคำถามเหล่านี้ ว่า
     ใส่แล้วจะมีปัญหาไหม ?  
     ใส่แล้วมีอาการเวียนหัว ปวดหัว ใส่ไม่ได้ไหม ?
     ฉันเสียเงินไปตั้งหลายหมื่น แล้วสุดท้ายตัดแว่นมาแล้วก็ใส่ไม่ได้ทำยังไงดี?

วันนี้มัทยาคลินิกมีคำตอบค่ะ.... 

คนที่กลัวจะใส่โปรเกรสซีฟไม่ได้จะมีหลายประเภทค่ะ อย่างเช่น
ประเภทที่ 1 คนที่ไม่เคยใส่แว่นโปรเกรสซีฟมาก่อน แต่กลัวแพง?
ประเภทที่ 2  คนที่ตัดแว่นตาโปรเกรสซีฟไปแล้ว แล้วเกิดปัญหาใส่แว่นตาไม่ได้ !!  
ประเภทที่ 3 คนที่ไม่เคยใส่แว่นตาโปรเกรสซีฟมาก่อนเหมือนกัน แต่ว่ามีความไม่ชอบใส่แว่น
                   (เป็นคนชอบใส่คอนแทคเลนส์ หรือเคยทำเลสิกมาก่อน ก็จะมีความยากในการใส่แว่น แม้จะเป็นแว่นธรรมดาก็ตาม )

    ..... วันนี้เราจะมาไล่เรียงปัญหาทั้งหมดที่พูดมากันค่ะ  

กลุ่มคนที่ ไม่เคยใส่แว่นตาโปรเกรสซีฟมาก่อน แต่กลัวแพง!! 
  ซึ่งความจริงแล้วโปรเกรสซีฟแพงมั้ย ? 
        ถูก-แพงไม่สำคัญ จริงๆ แล้วสำคัญที่ คุ้มมั้ยกับเงินที่สูญเสียไป  เลนส์โปรเกรสซีฟมีหลายราคา มีหลายรุ่น มีตั้งแต่ราคาถูกไปจนถึงราคาแพง  แต่คนที่จะรู้ดีที่สุดคือ คนที่สวมใส่นั้นเอง เพราะฉะนั้นจึงมีเลนส์โปรเกรสซีฟให้ทดลองสวมใส่ขึ้นมา เพื่อแก้ปัญหาจุดนี้ คือ แก้ปัญหาการเดาทั้งผู้สวมใส่เองและร้านค้าที่เป็นคนให้สวมใส่ แน่นอนว่า เราใส่ตัวแพงย่อมมีมุมมองในการมองที่ดีกว่าเลนส์ราคาถูกอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ใช้ว่าทุกคนจะต้องใส่แพงเสมอไป เราสามารถใส่เลนส์ราคาถูกได้ ถ้าเราลองใส่แล้วใส่ได้จริง ๆ  และถ้าเราใส่ของแพงแล้ว มาลองใส่ของถูกแล้วรู้สึกว่า ก็ไม่ได้ต่างกัน แสดงว่าเราไม่ค่อยเซนซิทีฟ แปลว่าคุณโชคดี !! ...  คุณได้ใส่เลนส์ราคาถูกค่ะ



กลุ่มต่อมา คือ กลุ่มคนที่ยังไม่เคยใส่โปรเกรสซีฟมาก่อน แล้วมีความกังวลมีความกลัว กลัวว่าตัวเองจะใส่ไม่ได้ !! 
      ปัจจุบัน เริ่มมีเลนส์ทดลองเป็นเลนส์โปรเกรสซีฟ ให้ทดลองส่วมใส่ ของรุ่นนั้น ยี่ห้อนั้นๆ  ให้คุณได้เลือก ก็คือหมายความว่า ถ้าเรายังไม่เคยใส่เลนส์โปรเกรสซีฟแล้วอยากจะไปตัดแว่นตาโปรเกรสซีฟชักร้านหนึ่ง ที่ไหนก็ได้ สิ่งแรกที่ควรมองหาเลยก็คือ ?  เขามีเลนส์โปรเกรสซีฟให้ทดลองสวมใส่รึเปล่า จะได้รู้ว่า เราสวมใส่แล้วใช้งานได้จริงๆมั้ย ?? 

     ทางเราจะขอเปรียบเทียบเลนส์โปรเกรสซีฟเปรียบเสมือนเป็นรถยนต์  เลนส์โปรเกรสซีฟมีหลายยี่ห้อเหมือนกับยี่ห้อของรถยนต์ 
โดยยี่ห้อเลนส์ เช่น  Hoya  Essilor  Rodenstock Zeiss Nikon และอื่นๆ เปรียบเสมือนรถยี่ห้อต่างๆ เช่น Toyota Nisan Honda Benz และ  BMW 
    
ถามว่ายี่ห้อไหนดีกว่ากัน ?

       เราก็แยกไม่ถูกเหมือนกันว่าอันไหนดีกว่า ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับว่า เราเหมาะสมกับรถยี่ห้อไหน เราชอบรถยี่ห้อไหนมากกว่ากัน เหมือนกันกับเลนส์โปรเกรสซีฟเลยค่ะ

 แล้วเราจะรู้ได้ยังไงล่ะว่าเราชอบยี่ห้อไหน ? 

         ก็คือเราต้องเข้าไปลองนั่ง ไปลองขับดูว่าเราชอบรถแบบนั้นไหม? ก็เหมือนกันกับเลนส์โปรเกรสซีฟค่ะ เราก็เข้าไปทดลองสวมดูก่อน บางทีอาจจะรู้สึกได้ว่า มันไม่ได้ดีอย่างที่คิดไว้  หรือลองแล้วมันดีนะ โอเคนะ เราก็จะได้ปรับตัวได้ถูก และนอกจากนี้ยังได้ไปลองเลือกดูยี่ห้ออื่นๆ ดูด้วย ซึ่งในแต่ละยี่ห้อก็จะมีรุ่นของยี่ห้อนั้นๆ อีก เลนส์โปรเกรสซีฟก็เหมือนกัน  เหมือนกับรถยนต์แต่ละยี่ห้อก็มีรุ่นขึ้นมาอีก เช่น BMW ก็จะมีรุ่น Series 3, 5, 7  ราคาก็ไม่เท่ากัน ฟังก์ชันก็ไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นเราจึงแนะนำให้ทดลองเลนส์ดูก่อน ทดลองสวมใส่ หลายๆยี่ห้อ  และหลายๆรุ่น ก็จะมีประโยชน์ ต่อผู้สวมใส่และทางร้านแว่นอีกด้วยค่ะ

นอกเหนือจากที่ต้องมองหาร้านที่มีเลนส์ทดดลองโปรเกรสซีฟแล้ว ก็ต้องมองหาร้านแว่นที่มีการวัดสายตาได้อย่างมีคุณภาพด้วย ?
วัดค่าสายตาได้ถูกต้องรึเปล่า ? นอกจากเรื่องค่าสายตาก็จะมีเรื่องของค่าพารามิเตอร์เข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วยนะคะ

แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าร้านแว่นตาร้านนี้ วัดค่าสายตาเราถูกต้องมั้ย ?

              ง่ายมากๆเลยค่ะ เพียงแค่ปล่อยให้ทางร้านวัดสายตาให้เรา พอวัดสายตาเสร็จแล้ว ก็เพียงแค่ทดลองใช้งานเลนส์ที่ทางร้านให้เราได้ทดลองสวมใส่ โดยทดลองใส่แว่นตาอย่างน้อยเป็นระยะเวลา ประมาณ 5-10 นาที 
เพราะปัญหาส่วนใหญ่เลยก็คือ วัดสายตาที่ร้าน ตอนลองดีแล้วแต่ทำไม เวลาได้รับแว่นแล้ว นำแว่นตากลับไปใส่แล้วมีอาการปวดหัว ก็เพราะว่าเรานั้นทดลองใส่แว่นตาได้ไม่นานพอค่ะ 
             ในช่วงทดลองใส่แว่นตาในร้าน ช่วง 5 นาทีแรกจะเป็นช่วงที่เราเองยังไม่รู้ว่า จริงๆ แล้วเราชินกับแว่นตาคู่นี้ไหม ยังมีความตื่นเต้น ยังมีความชัดของแว่นตาคู่นี้อยู่ แต่พอหลัง 5 นาที นั้นแล้ว เราจะเริ่มรู้สึกแล้วว่า แว่นตาใส่แล้วชัดก็จริงนะ แต่มีอาการปวดหัวนิดๆ  หนักๆหัว มองดูแล้วมีอาการภาพวูบวาบ อาการเหล่านี้มักจะแสดงอาการที่ 5 นาทีหลังค่ะ ดังนั้นอย่าลืมใช้เวลากับเลนส์ทดลองที่ทางร้านให้ทดลองสวมใส่ค่ะ 

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
กลุ่มสุดท้าย คือ กลุ่มคนที่ไม่ชอบใส่แว่น ชอบใส่คอนแทคเลนส์ หรือทำเลสิกมาก่อน 
          คือทั้งชีวิตมาไม่เคยใส่แว่นตามาก่อนเลย ใส่แต่คอนแทคเลนส์มาตลอด แล้วพออายุ 40  คุณจะไม่มีค่าสายตาเพียงสายตาเดียว  จะมีปัญหามองไกลก็ไม่ชัดอ่านหนังสือก็ไม่ชัดด้วย  เพราะคุณเริ่มมีสายตายาวตามอายุแล้ว
และเมื่อใส่คอนแทคเลนส์คุณจะมองได้ระยะไกลเพียงระยะเดียว มองใกล้อ่านหนังสือไม่ได้ 
หรือเมื่อถอดคอนแทคเลนส์มองไกลไม่ชัด มองใกล้ก็ไม่ชัด ทั้ง 2 ระยะ วิธีแก้ไขปัญหาให้กับคนเหล่านี้คือ 
1. ตัดแว่นโปรเกรสซีฟโดยไม่ต้องใส่คอนแทคเลนส์ ง่ายสุด ถูกสุด ดีต่อดวงตามากที่สุด เพราะไม่มีอะไรไปสัมผัสดวงตาบ่อยๆ ที่อาจจะส่งผลให้เกิดการติดเชื้อภายหลังได้ 

2  ถ้ายังอยากใส่คอนแทคเลนส์อยู่  ก็คือ ใส่คอนแทคเลนส์เวลามองไกล แล้วนำแว่นสายตายาวมองใกล้มาใส่ทับเมื่อต้องใช้งานระยะใกล้ แต่วิธีนี้ ต้องตัดแว่นทั้งหมด 3 อัน คือ 
 -  แว่นมองใกล้เวลาใส่ทับคอนแทคเลนส์  
 -  แว่นมองไกลเวลาที่ไม่ใส่คอนแทคเลนส์
 -  แว่นมองใกล้เวลาที่ไม่ใส่คอนแทคเลนส์  (อาจจะเป็นแว่นสายตายาวชั้นเดียวหรือเลนส์ Office lens ก็ได้)
ซึ่งวิธีนี้ต้องสลับแว่นไป-มา อาจจะไม่สะดวกต่อการใช้งานเท่าเลนส์โปรเกรสซีฟ

            สำหรับคนที่ทำเลสิกมาแล้ว จะมองไกลชัด พออายุ 40 จะเริ่มมีปัญหามองใกล้ไม่ชัด ถ้าเป็นแบบนี้ตัดแค่แว่นอ่านหนังสืออย่างเดียวก็ได้ แต่พอเวลาผ่านไป สายตายาวเริ่มเข้ามารบกวนการมองไกล เดี๋ยวค่อยมาตัดโปรเกรสซีฟทีหลังก็ได้ค่ะ  โดยรวมแล้วก็คือเลือกชนิดเลนส์ให้เหมาะกับการใช้งานเพื่อลดการใส่แว่นตาไม่ได้ค่ะ เนื่องจากไม่ตอบโจทย์กับการใช้งาน สุดท้ายก็ทิ้งแว่นตาคู่นั้นค่ะ

สรุป
ตัดแว่นโปรเกรสซีฟแล้ว กลัวใส่ไม่ได้ เรามีวิธีดังนี้ค่ะ 
1.ทดลองเลนส์โปรเกรสซีฟก่อนตัดสินใจซื้อเพื่อดูว่า จะเลือกราคาถูกได้ไหม?  ถ้ากลัวว่าราคาจะแพง
2. ทดลองเลนส์โปรเกรสซีฟดูว่าสามารถใส่เลนส์โปรเกรสซีฟได้จริงๆ หรือไม่?
3. ใช้เวลาทดลองใส่แว่นตาในร้านอย่างน้อยประมาณ 5-10 นาที เพื่อดูว่าทางร้านวัดค่าสายตาได้ถูกต้องหรือไม่
4. เลือกชนิดเลนส์ให้เหมาะกับการใช้งานของเราเพื่อลดปัญหาการทิ้งแว่น

อ่านเพิ่มเติม คลิกที่นี่ ได้เลยค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่