เพื่อไทยผนึกพรรคร่วม ขวาง ก้าวไกล ชงเลื่อนญัตติถกคำถามประชามติ แก้รธน.
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7840575
สภาฯ มีมติไม่เห็นด้วยกับก้าวไกล ชงเลื่อนญัตติถกคำถามประชามติ แก้รธน. ขึ้นมาพิจารณาก่อน เพื่อไทยผนึกพรรคร่วมรัฐบาล โหวตไม่เห็นชอบ
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 30 ส.ค.2566 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มี นาย
วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ เป็นประธานที่ประชุม หลังเปิดให้สมาชิกหารือปัญหาความเดือดร้อนแล้ว นาย
พริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เสนอที่ประชุมให้เปลี่ยนระเบียบวาระ โดยนำญัตติ ขอให้สภาฯ พิจารณาเห็นชอบและแจ้งให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ดำเนินการให้มีการออกเสียงประชามติเพื่อสอบถามความเห็นของประชาชนต่อการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งถูกบรรจุในเรื่องที่ค้างพิจารณาลำดับที่ 33 ขึ้นมาพิจารณาก่อน ซึ่งจะไม่มีผลกระทบต่อการพิจารณาวาระอื่นๆ ที่กำหนดไว้ในระเบียบวาระ
นาย
พริษฐ์ กล่าวว่า มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่สภาฯ ต้องทำให้เกิดความชัดเจน หลังจากสังคมถกเถึยงในประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งอาจใช้เวลาดำเนินการจากวันนี้ จนถึงมีรัฐธรรมนูญใหม่ และมีผลบังคับใช้นั้น อาจใช้เวลายาวนาน อย่างน้อย 2 ปี ซึ่งการเสนอคำถามประชามติเดียวกันที่หลายพรรค เคยลงมติเห็นชอบแล้วในสภาฯ ชุดที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 3 พ.ย. 65 ดังนั้น การเสนอของตน เพื่อยืนยันหลักการของสภาฯ ที่เคยลงมติมาแล้วในรอบที่ผ่านมา
นาย
พริษฐ์ กล่าวว่า มีความจำเป็นต้องทำให้เกิดความชัดเจน โดยใช้เวทีของสภาฯ เพราะ ครม.ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะทำได้โดยเร็วหรือไม่ แม้จะระบุว่าจะทำเรื่องในนัดแรกที่มีการประชุม และไม่ว่าครม.จะได้ข้อสรุปตามนั้นจริงหรือไม่ คิดว่าการถกเถียงกันในสภาฯ มีความจำเป็น และรายละเอียดที่สำคัญในการกำหนดชะตากรรมของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ คือ คำถามประชามติ ที่ควรออกแบบให้ดี
นาย
อรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ อภิปรายคัดค้านว่า เรื่องที่บรรจุในวาระพิจารณาลำดับก่อนหน้านั้น มีความสำคัญและเร่งด่วนต่อการแก้ปัญหาให้เกษตรกร อย่างไรก็ตาม การเลื่อนระเบียบวาระ ตนไม่ขัดข้องหากทุกพรรคเห็นพ้องต้องกัน แต่ตนไม่เห็นด้วยและต้องการให้คงระเบียบวาระไว้เช่นเดิม และขณะนี้มี สส. หลายคนที่ยื่นญัตติไว้ ดังนั้น อย่าแซงดีกว่า
ทั้งนี้ มีสส.จากพรรประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทย สนับสนุนนาย
อรรถกร โดยขอให้พิจารณาไปตามระเบียบวาระ ทำให้ต้องใช้การลงมติตัดสิน แม้นาย
วันมูหะมัดนอร์ กดสัญญาณให้แสดงตนแล้ว แต่ยังมีการอภิปรายพาดพิงไปมา ระหว่างพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย รวมถึงพรรครวมไทยสร้างชาติด้วย ซึ่งพรรคก้าวไกลย้ำว่า ได้เดินคุยกับพรรคก้าวไกลและพรรครวมไทยสร้างชาติแล้วไม่มีใครขัดข้อง
นาย
ครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ขอใช้สิทธิพาดพิงว่า วันนี้อย่าไปคิดว่าพรรคเพื่อไทยไม่ทำอะไร และนายกฯ แจ้งว่า อีก 1-2 สัปดาห์ ครม.จะประชุมนัดแรกแล้วก็จะมาคุยกันเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ แต่เรื่องความเดือดร้อนของประชาชนสำคัญกว่าการถกเถียง ดังนั้น ไม่อยากให้หารือซ้ำซาก และอย่ามาพาดพิงพรรคเพื่อไทย พรรคท่านที่เป็นผู้เจริญแล้วจะทำอะไรก็ทำ แต่ขอนิมนต์อย่ามายุ่งกับเขา
จากนั้นได้ลงมติ โดยผลการลงมติ เสียงข้างมาก 262 เสียง ไม่เห็นด้วยกับการเลื่อนระเบียบวาระ ต่อ 143 เสียง ไม่ลงคะแนน 1 เสียง ทั้งนี้ นาย
วันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีคณะกรรมการประสานงาน (วิป) ทำให้ไม่มีการหารือร่วมกัน การหารือในห้องประชุมถือว่าทำได้ แต่การใช้เวทีวิปจะทำให้ไม่เสียเวลาที่ประชุม
วิโรจน์ เหน็บ ครม.ใหม่แต่คนเดิม สลับแบบก้าอี้ดนตรี เผยเรื่อง กมธ.ดูตามความเหมาะสม
https://www.matichon.co.th/politics/news_4154035
‘วิโรจน์’ ลั่น ครม.ชุดใหม่แค่เก้าอี้ดนตรี โยนถาม ‘เศรษฐา’ ปมว่าที่ รมต.คุณสมบัติไม่เหมาะสม เผยพิจารณา กมธ.ดูตามความเหมาะสม
เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม ที่รัฐสภา นาย
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีหน้าตาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ว่า เป็นอย่างที่ทุกคนเห็น เป็นคนเดิมๆ เพียงแต่มีการสลับกระทรวงแบบเก้าอี้ดนตรี ซึ่งอย่างไรก็คงต้องให้ระยะเวลาในการทำงาน
เมื่อถามว่า ขณะนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงคุณสมบัติของว่าที่รัฐมนตรี อาทิ นายช
าดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) และ นาย
พิชิต ชื่นบาน จากพรรคเพื่อไทย (พท.) นาย
วิโรจน์กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องไปถาม นาย
เศรษฐา ทวีสิน ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล แต่อย่างไรก็มองว่าการวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องคุณสมบัติที่ไม่เหมาะสมเป็นสิ่งที่ต้องรับฟัง ยังต้องให้เวลาในการทำงาน เพราะผลงานจะเป็นตัวพิสูจน์ว่าใครดีหรือไม่ดี เหมาะหรือไม่เหมาะ เพราะประชาชนก็จับจ้องมองอยู่ตาไม่กะพริบ
นาย
วิโรจน์กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าถ้าเปิดโผ ครม.ออกมาแล้วประชาชนก็คาดหวังอะไรใหม่ๆ แต่หากทุกอย่างออกมาเป็นเหมือนเดิมประชาชนอาจจะสิ้นหวั และอาจจะเป็นแรงขับเคลื่อนหรือบางคนเรียกว่าแรงกดดันที่ทำให้ตัวรัฐมนตรีต้องเร่งพิสูจน์ตัวเอง
เมื่อถามถึงการเตรียมตัวเพื่อตรวจสอบในฐานะฝ่ายค้าน นาย
วิโรจน์กล่าวว่า การตรวจสอบคงต้องรอให้รัฐบาลทำงานออกมาก่อน ตอนนี้สิ่งที่พรรค ก.ก.กำลังเร่งอยู่คือการแก้ไขและการทบทวนกฎหมาย เพราะอาจจะมีความล้าสมัย หรืออำนวยเพื่อการเรียกรับผลประโยชน์ ส่วนการตรวจสอบถ่วงดุล พรรค ก.ก.จะโฟกัสไปที่การตรวจสอบงบประมาณ
เมื่อถามถึงกรณีการวางตัวเป็นกรรมาธิการ (กมธ.) นาย
วิโรจน์กล่าวว่า เราคงไม่ได้พิจารณาว่าตำแหน่งไหนที่ดูเท่ แต่ดูถึงความเหมาะสมของจังหวะในการขับเคลื่อนนโยบาย ทั้งเรื่องการเสนอแก้กฎหมายที่จำเป็นและบทบาทการตรวจสอบถ่วงดุลรัฐบาล ซึ่งการเลือก กมธ.ได้มอบหมายให้คณะกรรมการบริหารพรรคเป็นคนจัดการตัดสินใจเหมือนครั้งพรรคอนาคตใหม่
ทุเรียนใต้หนอนเจาะ จีนตีกลับ หวั่นเวียดนามแซง
https://www.prachachat.net/local-economy/news-1381597
ทุเรียนภาคใต้เจอหนอนเจาะ-ทุเรียนเวียดนามได้จังหวะเร่งแซง ล้งไทยผวากลัวลูกค้ารายใหญ่ระงับส่งออก ล่าสุดถูกจีนตีกลับ 13 ล้ง ทำราคาผันผวน ล้งจีนในไทยสบโอกาสแห่ไปซื้อทุเรียนเวียดนามต้นทุนถูกกว่าไทย ส่งออกอีกทอด กรมวิชาการเกษตรเรียกประชุมด่วน ก่อนสูญเสียตลาดให้เวียดนาม ฟิลิปปินส์
นาย
สัญชัย ปุรณะชัยคีรี นายกสมาคมผู้ค้าและส่งออกผลไม้ไทย เจ้าของล้ง “
ดราก้อนเฟรช ฟรุท” จ.จันทบุรี เปิดเผยกับ “
ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปัญหาสำนักงานศุลกากรจีน (GACC) ตรวจพบหนอนเจาะเมล็ดทุเรียน จากบริษัทผู้ส่งออก 8 บริษัท และตีกลับตู้จำนวน 29 ตู้นั้น หวั่นทุเรียนเวียดนามแซงหน้าทุเรียนไทย ตอนนี้ล้ง (จีน) แห่เปิดซื้อทุเรียนเวียดนาม เพราะปัญหาน้อยกว่าต้นทุนต่ำกว่า หลังการตรวจพบทุเรียนมีหนอน ทางรัฐบาลจีนสั่งคุมเข้มการนำเข้าทุเรียนไทยทุกด่าน มีการสุ่มตัวอย่างตรวจเพิ่มขึ้น หากมีการสุ่มตรวจเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จะทำให้การส่งออกชะงักเพราะการตรวจปล่อยตู้ใช้เวลามากขึ้น การขนส่งล่าช้า
นาย
สัญชัยระบุว่า “
สุดท้ายจีนอาจจะถึงกับระบุทุเรียนไทยเป็นพื้นที่ระบาดตัวหนอน ไทยต้องถูกระงับการส่งออกจะอันตรายมากที่สุด ภาครัฐต้องจับตาดูการออกมาตรการของจีนที่เข้มงวดขึ้นเรื่อย ๆ อาจจะไปถึงการระงับนำเข้าทุเรียนไทย ดังนั้นกรมวิชาการเกษตรเร่งแก้ไขต้องเร่งออกมาตรการดำเนินการเข้มงวดเร่งด่วน เพราะปัญหาแมลงเจาะเมล็ดทุเรียนยังพบทั่วไป หากยังจัดการไม่ดี วันหนึ่งถูกจีนระงับการส่งออกทุเรียนไทยจะเสียหายหนัก”
“
ทุเรียนเวียดนามอาจแซงหน้าทุเรียนไทย ตอนนี้ราคาและคุณภาพ รูปทรง สีเนื้อทุเรียนใกล้เคียงกันมาก และล้งไทยส่วนใหญ่ 80% คนจีนเป็นเจ้าของ แห่ไปเปิดรับซื้อทุเรียนเวียดนามจำนวนมาก เพราะในช่วงเดือนสิงหาคม-ตุลาคม เป็นช่วงที่ทุเรียนออกมาก มีการขนส่งสะดวกรวดเร็วและถูกกว่า และการซื้อทุเรียนในเวียดนามการทำสัญญาซื้อขาย และปัญหาน้อยกว่า”
ล้งไทยแห่ไปทำตลาดเวียดนาม
นางสาว
ลิลพัชร์ ทองโสภา ผู้บริหารบริษัท เดอะลิส อินเตอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ที่มีสาขาในเวียดนาม เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ทุเรียนเวียดนามออกตรงกับภาคใต้ของไทย ตอนนี้ทุเรียนภาคใต้จากไทยขายไม่ดี เพราะข่าวทุเรียนหนอนเจาะเมล็ดสื่อสารออกทางโซเชียล คนซื้อจะบอกต่อ ๆ กัน ทุเรียนเวียดนามจะราคาพอ ๆ กับไทยแต่ขายดีกว่า และถ้าเป็นทุเรียนคุณภาพจะขายได้ราคาสูงกว่า ต้นทุนเท่ากับทุเรียนไทย
“
ข้อได้เปรียบอีกอย่างคือ การขนส่งไม่เกิน 2 วัน จากไทย 5-6 วัน ตอนนี้มีทั้งล้งเก่าและล้งใหม่ไปเปิดรับซื้อทุเรียนในเวียดนามกันมาก โดยเฉพาะที่เมืองดักลั๊ก เลือกซื้อแบบเหมาสวนทุเรียนคุณภาพได้ ไม่มีปัญหาทุเรียนอ่อน เคารพกฎระเบียบ เพราะกลัวกฎหมายที่อาจะถูกล็อกห้ามนำเข้าจีน ต่อไปที่ลาว และกัมพูชาจะมีลักษณะเดียวกันกับเวียดนาม”
แหล่งข่าวบริษัท ยูนิฟาร์ม เวียดนาม-ไทย ที่เป็นบริษัทร่วมลงทุนไทย-เวียดนาม ให้ข้อมูลการซื้อขายทุเรียนเวียดนาม ในปีที่ผ่านมา ราคาถูกกว่าไทย 70-80 บาท แต่ปัจจุบันราคาสูงถึง 145 บาท/กิโลกรัม โดยล้งรายใหม่เพิ่มขึ้นถึง 200% เติบโตอย่างก้าวกระโดด การซื้อขายแข่งขันกันสูง พ่อค้าเริ่มซื้อเหมาสวน “แบบคว่ำหนาม” ทำให้การซื้อขายคัดคุณภาพได้ตามเกรด
ผวาต้นทุนสูง ตัดทุเรียนอ่อนติดหนอน
แหล่งข่าวจากสมาคมทุเรียนภาคใต้ กล่าวกับ “
ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปัญหาหนอนเจาะเมล็ดทุเรียน ล้งส่งออกภาคใต้ไม่ค่อยให้ความร่วมมือ ในการประชุมร่วมกับส่วนราชการ ซึ่งการประชุมครั้งล่าสุด ใน จ.ชุมพร มีผู้เข้าร่วมเพียง 100 ล้ง จากทั้งหมด 480 ล้ง
ปัญหาการส่งทุเรียนที่มีหนอนเจาะในพื้นที่ จ.ยะลา มีบางล้งที่รู้ปัญหาแต่ยังเสี่ยงส่งออก เพื่อหวังกำไร ตู้ละ 3-4 ล้านบาท จากการลงทุนตู้ละ 3 ล้านบาท ถ้าขายได้จะได้ราคาตู้ละ 7 ล้านบาท
“
ราคาทุเรียนยะลาจะถูกกว่าทุเรียนภาคใต้ กก.ละ 30 บาท ถ้าซื้อของยะลา กก.ละ 100-110 บาท ปนกับทุเรียนคุณภาพดี ๆ ครึ่งตู้ได้กำไร 2 ล้านบาท ถ้าเต็มตู้กำไร 4-5ล้านบาท พ่อค้าจึงยอมเสี่ยง ตัดทุเรียนอ่อน และมีหนอนในเมล็ดทุเรียน ที่ไปเติบโตในผลทุเรียนและออกเป็นตัวเมื่อขึ้นตู้ไปแล้ว”
สอดคล้องกับผู้ประกอบการส่งออกทุเรียนรายใหญ่กล่าวว่า ปัญหาทุเรียนหนอนเจาะเมล็ด ต่อเนื่องจากปัญหาทุเรียนอ่อน เพราะการเหมาสวนของสายตัด หรือล้ง จะตัดรูดหมดทั้งต้นในช่วงเดียวกัน ทุเรียนอ่อนที่มีหนอนจะออกมาจากผลทุเรียนเมื่ออยู่ในบรรจุภัณฑ์ ในตู้คอนเทนเนอร์ไปแล้ว
เฝ้าระวังทุเรียนใต้ผสมยะลา
ด้านนาย
ณรงค์ศักดิ์ สินศักดิ์ ประธานศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร จ.ชุมพร (ศพก.) อุปนายกสมาคมทุเรียนใต้ กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ตั้งแต่มีปัญหาหนอนในทุเรียนภาคใต้ มีผลกระทบต่อราคาทุเรียนใน จ.ชุมพร นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี เหลือราคา กก.ละ 110-125 บาท
และล้งส่วนใหญ่จะหยุดซื้อทุเรียนผลสดจากยะลา เพราะเกรงว่าเมื่อส่งออกและถูกตรวจสอบจะถูกระงับการส่งออก หรือระงับการขึ้นทะเบียน DOA กว่าจะรอขอขึ้นทะเบียนใหม่กับจีนต้องใช้เวลา 180 วัน
ทั้งนี้ ทุเรียน 3 จังหวัดภาคใต้ ยะลา นราธิวาส ปัตตานี ซึ่งผลผลิตจะเหลือประมาณ 30,000-40,000 ตัน ใกล้จะหมดในกลางเดือนกันยายนนี้ ล้งจะรับซื้อเฉพาะแช่แข็งราคา กก.ละ 60-80 บาท และซื้อกับสวนที่มี GAP ซึ่งมีเพียง 3% ของสวนทั้งหมด
JJNY : พท.ผนึกพรรคร่วมขวางก้าวไกลแก้รธน.│วิโรจน์เหน็บครม.ใหม่แต่คนเดิม│ทุเรียนใต้หนอนเจาะ จีนตีกลับ│แคนาดาพบ BA.2.86
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7840575
สภาฯ มีมติไม่เห็นด้วยกับก้าวไกล ชงเลื่อนญัตติถกคำถามประชามติ แก้รธน. ขึ้นมาพิจารณาก่อน เพื่อไทยผนึกพรรคร่วมรัฐบาล โหวตไม่เห็นชอบ
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 30 ส.ค.2566 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ เป็นประธานที่ประชุม หลังเปิดให้สมาชิกหารือปัญหาความเดือดร้อนแล้ว นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เสนอที่ประชุมให้เปลี่ยนระเบียบวาระ โดยนำญัตติ ขอให้สภาฯ พิจารณาเห็นชอบและแจ้งให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ดำเนินการให้มีการออกเสียงประชามติเพื่อสอบถามความเห็นของประชาชนต่อการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งถูกบรรจุในเรื่องที่ค้างพิจารณาลำดับที่ 33 ขึ้นมาพิจารณาก่อน ซึ่งจะไม่มีผลกระทบต่อการพิจารณาวาระอื่นๆ ที่กำหนดไว้ในระเบียบวาระ
นายพริษฐ์ กล่าวว่า มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่สภาฯ ต้องทำให้เกิดความชัดเจน หลังจากสังคมถกเถึยงในประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งอาจใช้เวลาดำเนินการจากวันนี้ จนถึงมีรัฐธรรมนูญใหม่ และมีผลบังคับใช้นั้น อาจใช้เวลายาวนาน อย่างน้อย 2 ปี ซึ่งการเสนอคำถามประชามติเดียวกันที่หลายพรรค เคยลงมติเห็นชอบแล้วในสภาฯ ชุดที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 3 พ.ย. 65 ดังนั้น การเสนอของตน เพื่อยืนยันหลักการของสภาฯ ที่เคยลงมติมาแล้วในรอบที่ผ่านมา
นายพริษฐ์ กล่าวว่า มีความจำเป็นต้องทำให้เกิดความชัดเจน โดยใช้เวทีของสภาฯ เพราะ ครม.ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะทำได้โดยเร็วหรือไม่ แม้จะระบุว่าจะทำเรื่องในนัดแรกที่มีการประชุม และไม่ว่าครม.จะได้ข้อสรุปตามนั้นจริงหรือไม่ คิดว่าการถกเถียงกันในสภาฯ มีความจำเป็น และรายละเอียดที่สำคัญในการกำหนดชะตากรรมของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ คือ คำถามประชามติ ที่ควรออกแบบให้ดี
นายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ อภิปรายคัดค้านว่า เรื่องที่บรรจุในวาระพิจารณาลำดับก่อนหน้านั้น มีความสำคัญและเร่งด่วนต่อการแก้ปัญหาให้เกษตรกร อย่างไรก็ตาม การเลื่อนระเบียบวาระ ตนไม่ขัดข้องหากทุกพรรคเห็นพ้องต้องกัน แต่ตนไม่เห็นด้วยและต้องการให้คงระเบียบวาระไว้เช่นเดิม และขณะนี้มี สส. หลายคนที่ยื่นญัตติไว้ ดังนั้น อย่าแซงดีกว่า
ทั้งนี้ มีสส.จากพรรประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทย สนับสนุนนายอรรถกร โดยขอให้พิจารณาไปตามระเบียบวาระ ทำให้ต้องใช้การลงมติตัดสิน แม้นายวันมูหะมัดนอร์ กดสัญญาณให้แสดงตนแล้ว แต่ยังมีการอภิปรายพาดพิงไปมา ระหว่างพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย รวมถึงพรรครวมไทยสร้างชาติด้วย ซึ่งพรรคก้าวไกลย้ำว่า ได้เดินคุยกับพรรคก้าวไกลและพรรครวมไทยสร้างชาติแล้วไม่มีใครขัดข้อง
นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ขอใช้สิทธิพาดพิงว่า วันนี้อย่าไปคิดว่าพรรคเพื่อไทยไม่ทำอะไร และนายกฯ แจ้งว่า อีก 1-2 สัปดาห์ ครม.จะประชุมนัดแรกแล้วก็จะมาคุยกันเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ แต่เรื่องความเดือดร้อนของประชาชนสำคัญกว่าการถกเถียง ดังนั้น ไม่อยากให้หารือซ้ำซาก และอย่ามาพาดพิงพรรคเพื่อไทย พรรคท่านที่เป็นผู้เจริญแล้วจะทำอะไรก็ทำ แต่ขอนิมนต์อย่ามายุ่งกับเขา
จากนั้นได้ลงมติ โดยผลการลงมติ เสียงข้างมาก 262 เสียง ไม่เห็นด้วยกับการเลื่อนระเบียบวาระ ต่อ 143 เสียง ไม่ลงคะแนน 1 เสียง ทั้งนี้ นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีคณะกรรมการประสานงาน (วิป) ทำให้ไม่มีการหารือร่วมกัน การหารือในห้องประชุมถือว่าทำได้ แต่การใช้เวทีวิปจะทำให้ไม่เสียเวลาที่ประชุม
วิโรจน์ เหน็บ ครม.ใหม่แต่คนเดิม สลับแบบก้าอี้ดนตรี เผยเรื่อง กมธ.ดูตามความเหมาะสม
https://www.matichon.co.th/politics/news_4154035
‘วิโรจน์’ ลั่น ครม.ชุดใหม่แค่เก้าอี้ดนตรี โยนถาม ‘เศรษฐา’ ปมว่าที่ รมต.คุณสมบัติไม่เหมาะสม เผยพิจารณา กมธ.ดูตามความเหมาะสม
เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม ที่รัฐสภา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีหน้าตาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ว่า เป็นอย่างที่ทุกคนเห็น เป็นคนเดิมๆ เพียงแต่มีการสลับกระทรวงแบบเก้าอี้ดนตรี ซึ่งอย่างไรก็คงต้องให้ระยะเวลาในการทำงาน
เมื่อถามว่า ขณะนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงคุณสมบัติของว่าที่รัฐมนตรี อาทิ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) และ นายพิชิต ชื่นบาน จากพรรคเพื่อไทย (พท.) นายวิโรจน์กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องไปถาม นายเศรษฐา ทวีสิน ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล แต่อย่างไรก็มองว่าการวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องคุณสมบัติที่ไม่เหมาะสมเป็นสิ่งที่ต้องรับฟัง ยังต้องให้เวลาในการทำงาน เพราะผลงานจะเป็นตัวพิสูจน์ว่าใครดีหรือไม่ดี เหมาะหรือไม่เหมาะ เพราะประชาชนก็จับจ้องมองอยู่ตาไม่กะพริบ
นายวิโรจน์กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าถ้าเปิดโผ ครม.ออกมาแล้วประชาชนก็คาดหวังอะไรใหม่ๆ แต่หากทุกอย่างออกมาเป็นเหมือนเดิมประชาชนอาจจะสิ้นหวั และอาจจะเป็นแรงขับเคลื่อนหรือบางคนเรียกว่าแรงกดดันที่ทำให้ตัวรัฐมนตรีต้องเร่งพิสูจน์ตัวเอง
เมื่อถามถึงการเตรียมตัวเพื่อตรวจสอบในฐานะฝ่ายค้าน นายวิโรจน์กล่าวว่า การตรวจสอบคงต้องรอให้รัฐบาลทำงานออกมาก่อน ตอนนี้สิ่งที่พรรค ก.ก.กำลังเร่งอยู่คือการแก้ไขและการทบทวนกฎหมาย เพราะอาจจะมีความล้าสมัย หรืออำนวยเพื่อการเรียกรับผลประโยชน์ ส่วนการตรวจสอบถ่วงดุล พรรค ก.ก.จะโฟกัสไปที่การตรวจสอบงบประมาณ
เมื่อถามถึงกรณีการวางตัวเป็นกรรมาธิการ (กมธ.) นายวิโรจน์กล่าวว่า เราคงไม่ได้พิจารณาว่าตำแหน่งไหนที่ดูเท่ แต่ดูถึงความเหมาะสมของจังหวะในการขับเคลื่อนนโยบาย ทั้งเรื่องการเสนอแก้กฎหมายที่จำเป็นและบทบาทการตรวจสอบถ่วงดุลรัฐบาล ซึ่งการเลือก กมธ.ได้มอบหมายให้คณะกรรมการบริหารพรรคเป็นคนจัดการตัดสินใจเหมือนครั้งพรรคอนาคตใหม่
ทุเรียนใต้หนอนเจาะ จีนตีกลับ หวั่นเวียดนามแซง
https://www.prachachat.net/local-economy/news-1381597
ทุเรียนภาคใต้เจอหนอนเจาะ-ทุเรียนเวียดนามได้จังหวะเร่งแซง ล้งไทยผวากลัวลูกค้ารายใหญ่ระงับส่งออก ล่าสุดถูกจีนตีกลับ 13 ล้ง ทำราคาผันผวน ล้งจีนในไทยสบโอกาสแห่ไปซื้อทุเรียนเวียดนามต้นทุนถูกกว่าไทย ส่งออกอีกทอด กรมวิชาการเกษตรเรียกประชุมด่วน ก่อนสูญเสียตลาดให้เวียดนาม ฟิลิปปินส์
นายสัญชัย ปุรณะชัยคีรี นายกสมาคมผู้ค้าและส่งออกผลไม้ไทย เจ้าของล้ง “ดราก้อนเฟรช ฟรุท” จ.จันทบุรี เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปัญหาสำนักงานศุลกากรจีน (GACC) ตรวจพบหนอนเจาะเมล็ดทุเรียน จากบริษัทผู้ส่งออก 8 บริษัท และตีกลับตู้จำนวน 29 ตู้นั้น หวั่นทุเรียนเวียดนามแซงหน้าทุเรียนไทย ตอนนี้ล้ง (จีน) แห่เปิดซื้อทุเรียนเวียดนาม เพราะปัญหาน้อยกว่าต้นทุนต่ำกว่า หลังการตรวจพบทุเรียนมีหนอน ทางรัฐบาลจีนสั่งคุมเข้มการนำเข้าทุเรียนไทยทุกด่าน มีการสุ่มตัวอย่างตรวจเพิ่มขึ้น หากมีการสุ่มตรวจเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จะทำให้การส่งออกชะงักเพราะการตรวจปล่อยตู้ใช้เวลามากขึ้น การขนส่งล่าช้า
นายสัญชัยระบุว่า “สุดท้ายจีนอาจจะถึงกับระบุทุเรียนไทยเป็นพื้นที่ระบาดตัวหนอน ไทยต้องถูกระงับการส่งออกจะอันตรายมากที่สุด ภาครัฐต้องจับตาดูการออกมาตรการของจีนที่เข้มงวดขึ้นเรื่อย ๆ อาจจะไปถึงการระงับนำเข้าทุเรียนไทย ดังนั้นกรมวิชาการเกษตรเร่งแก้ไขต้องเร่งออกมาตรการดำเนินการเข้มงวดเร่งด่วน เพราะปัญหาแมลงเจาะเมล็ดทุเรียนยังพบทั่วไป หากยังจัดการไม่ดี วันหนึ่งถูกจีนระงับการส่งออกทุเรียนไทยจะเสียหายหนัก”
“ทุเรียนเวียดนามอาจแซงหน้าทุเรียนไทย ตอนนี้ราคาและคุณภาพ รูปทรง สีเนื้อทุเรียนใกล้เคียงกันมาก และล้งไทยส่วนใหญ่ 80% คนจีนเป็นเจ้าของ แห่ไปเปิดรับซื้อทุเรียนเวียดนามจำนวนมาก เพราะในช่วงเดือนสิงหาคม-ตุลาคม เป็นช่วงที่ทุเรียนออกมาก มีการขนส่งสะดวกรวดเร็วและถูกกว่า และการซื้อทุเรียนในเวียดนามการทำสัญญาซื้อขาย และปัญหาน้อยกว่า”
ล้งไทยแห่ไปทำตลาดเวียดนาม
นางสาวลิลพัชร์ ทองโสภา ผู้บริหารบริษัท เดอะลิส อินเตอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ที่มีสาขาในเวียดนาม เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ทุเรียนเวียดนามออกตรงกับภาคใต้ของไทย ตอนนี้ทุเรียนภาคใต้จากไทยขายไม่ดี เพราะข่าวทุเรียนหนอนเจาะเมล็ดสื่อสารออกทางโซเชียล คนซื้อจะบอกต่อ ๆ กัน ทุเรียนเวียดนามจะราคาพอ ๆ กับไทยแต่ขายดีกว่า และถ้าเป็นทุเรียนคุณภาพจะขายได้ราคาสูงกว่า ต้นทุนเท่ากับทุเรียนไทย
“ข้อได้เปรียบอีกอย่างคือ การขนส่งไม่เกิน 2 วัน จากไทย 5-6 วัน ตอนนี้มีทั้งล้งเก่าและล้งใหม่ไปเปิดรับซื้อทุเรียนในเวียดนามกันมาก โดยเฉพาะที่เมืองดักลั๊ก เลือกซื้อแบบเหมาสวนทุเรียนคุณภาพได้ ไม่มีปัญหาทุเรียนอ่อน เคารพกฎระเบียบ เพราะกลัวกฎหมายที่อาจะถูกล็อกห้ามนำเข้าจีน ต่อไปที่ลาว และกัมพูชาจะมีลักษณะเดียวกันกับเวียดนาม”
แหล่งข่าวบริษัท ยูนิฟาร์ม เวียดนาม-ไทย ที่เป็นบริษัทร่วมลงทุนไทย-เวียดนาม ให้ข้อมูลการซื้อขายทุเรียนเวียดนาม ในปีที่ผ่านมา ราคาถูกกว่าไทย 70-80 บาท แต่ปัจจุบันราคาสูงถึง 145 บาท/กิโลกรัม โดยล้งรายใหม่เพิ่มขึ้นถึง 200% เติบโตอย่างก้าวกระโดด การซื้อขายแข่งขันกันสูง พ่อค้าเริ่มซื้อเหมาสวน “แบบคว่ำหนาม” ทำให้การซื้อขายคัดคุณภาพได้ตามเกรด
ผวาต้นทุนสูง ตัดทุเรียนอ่อนติดหนอน
แหล่งข่าวจากสมาคมทุเรียนภาคใต้ กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปัญหาหนอนเจาะเมล็ดทุเรียน ล้งส่งออกภาคใต้ไม่ค่อยให้ความร่วมมือ ในการประชุมร่วมกับส่วนราชการ ซึ่งการประชุมครั้งล่าสุด ใน จ.ชุมพร มีผู้เข้าร่วมเพียง 100 ล้ง จากทั้งหมด 480 ล้ง
ปัญหาการส่งทุเรียนที่มีหนอนเจาะในพื้นที่ จ.ยะลา มีบางล้งที่รู้ปัญหาแต่ยังเสี่ยงส่งออก เพื่อหวังกำไร ตู้ละ 3-4 ล้านบาท จากการลงทุนตู้ละ 3 ล้านบาท ถ้าขายได้จะได้ราคาตู้ละ 7 ล้านบาท
“ราคาทุเรียนยะลาจะถูกกว่าทุเรียนภาคใต้ กก.ละ 30 บาท ถ้าซื้อของยะลา กก.ละ 100-110 บาท ปนกับทุเรียนคุณภาพดี ๆ ครึ่งตู้ได้กำไร 2 ล้านบาท ถ้าเต็มตู้กำไร 4-5ล้านบาท พ่อค้าจึงยอมเสี่ยง ตัดทุเรียนอ่อน และมีหนอนในเมล็ดทุเรียน ที่ไปเติบโตในผลทุเรียนและออกเป็นตัวเมื่อขึ้นตู้ไปแล้ว”
สอดคล้องกับผู้ประกอบการส่งออกทุเรียนรายใหญ่กล่าวว่า ปัญหาทุเรียนหนอนเจาะเมล็ด ต่อเนื่องจากปัญหาทุเรียนอ่อน เพราะการเหมาสวนของสายตัด หรือล้ง จะตัดรูดหมดทั้งต้นในช่วงเดียวกัน ทุเรียนอ่อนที่มีหนอนจะออกมาจากผลทุเรียนเมื่ออยู่ในบรรจุภัณฑ์ ในตู้คอนเทนเนอร์ไปแล้ว
เฝ้าระวังทุเรียนใต้ผสมยะลา
ด้านนายณรงค์ศักดิ์ สินศักดิ์ ประธานศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร จ.ชุมพร (ศพก.) อุปนายกสมาคมทุเรียนใต้ กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ตั้งแต่มีปัญหาหนอนในทุเรียนภาคใต้ มีผลกระทบต่อราคาทุเรียนใน จ.ชุมพร นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี เหลือราคา กก.ละ 110-125 บาท
และล้งส่วนใหญ่จะหยุดซื้อทุเรียนผลสดจากยะลา เพราะเกรงว่าเมื่อส่งออกและถูกตรวจสอบจะถูกระงับการส่งออก หรือระงับการขึ้นทะเบียน DOA กว่าจะรอขอขึ้นทะเบียนใหม่กับจีนต้องใช้เวลา 180 วัน
ทั้งนี้ ทุเรียน 3 จังหวัดภาคใต้ ยะลา นราธิวาส ปัตตานี ซึ่งผลผลิตจะเหลือประมาณ 30,000-40,000 ตัน ใกล้จะหมดในกลางเดือนกันยายนนี้ ล้งจะรับซื้อเฉพาะแช่แข็งราคา กก.ละ 60-80 บาท และซื้อกับสวนที่มี GAP ซึ่งมีเพียง 3% ของสวนทั้งหมด