JJNY : จับตาวิกฤตอสังหาริมทรัพย์จีน│"บก.ลายจุด"ชี้หากแหล่งที่มา│ฝากนายกฯคนที่ 30 ปราบหมูเถื่อน│ยูเครนจ่อเร่งเครื่อง

จับตาวิกฤตอสังหาริมทรัพย์จีน ในวันที่บริษัทยักษ์ใหญ่เริ่มล้ม
https://www.pptvhd36.com/news/เศรษฐกิจ/204222
  
หลายฝ่ายตั้งคำถามเรื่องบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของจีนประสบปัญหาการเงินหลายราย ว่าจะลุกลามจนกลายเป็นโดมิโนหรือไม่
 
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
หลังจาก บริษัท ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ (China Evergrande) ซึ่งประสบปัญหาหนี้เงินกู้สูงถึง 2.437 ล้านล้านหยวนเมื่อสิ้นปี 2565 หรือคิดเป็น 2% ของจีดีพีประเทศ ประกาศล้มละลาย ยื่นขอความคุ้มครองจากเจ้าหนี้ต่อศาลล้มละลายแมนฮัตตันของสหรัฐฯ วงการอสังหาริมทรัพย์ในจีนก็สั่นสะเทือน
ตามมาด้วยบริษัทคันทรี่ การ์เดน ที่ผิดนัดชำระหนี้ โดยพวกเขาแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ว่า อาจจะมีปัญหาในการชำระหุ้นกู้ซึ่งจะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือน ก.พ. 2026 และ ส.ค. 2030 ซึ่งออกมาในแนวทางเดียวกับที่เอเวอร์แกรนด์เคยประสบมาเหมือนกัน
 
สำนักข่าวรอยเตอร์พาไปดูที่ไซต์งานโครงการก่อสร้างที่อยู่อาศัยของคันทรี่การ์เด้น ในนครเทียนจิน เมืองใหญ่ทางตอนเหนือของประเทศจีน พบว่า งานก่อสร้างในบางจุดหยุดทำไปแล้ว หรือบางจุดก็ทำอยู่แต่ทำอย่างช้าๆ เพราะมีเพียงคนงานไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังทำงานอยู่ หลังจุดนี้ ประสบปัญหาคนงานไม่ได้รับค่าจ้าง

ด้านคนงานเล่าว่า บริษัทไม่ได้จ่ายค่าจ้างมาหลายเดือนแล้ว ตั้งแต่ตรุษจีน หรือตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา "โครงการนี้ของคันทรี่การ์เด้นหยุดไปแล้วครับ หยุดหลังจากที่พวกเขาสร้างโครงสร้าง เราได้รับการแจ้งจากฝ่ายจัดการ พวกเขายังไม่ได้จ่ายเงินเราเลย ตั้งแต่ตรุษจีน]"
 
เขาเสริมว่า "เราเป็นกังวลมากครับ เพราะว่าตั้งแต่เรามาถึงที่นี่ตอนเดือนพฤษภาคม จนถึงตอนนี้ พวกเขาจ่ายเราแค่ค่าใช้จ่ายคนละ 4,500 หยวน (ประมาณ 21,843 บาท) เรายังไม่ได้รับค่าจ้างแม้แต่หยวนเดียวเลย จนถึงตอนนี้ ไม่มีฝ่ายใดที่เกี่ยวข้องเข้ามารับผิดชอบ หลังจากที่มีคำร้องเรียนไปมากมาย ก็ยังไม่มีการรับผิดชอบใด ๆ เกิดขึ้น"
 
จากการคาดการณ์ของธนาคารเพื่อการลงุทนสัญชาติญี่ปุ่น โนมูระ ชี้ว่า บริษัทคันทรี่การ์เด้น น่าจะมีงานก่อสร้างบ้านที่ยังค้างคาอยู่ถึงเกือบ 1 ล้านหลัง แต่ก็ยังไม่มีการออกมายอมรับจากคันทรี่การ์เด้นว่า ตอนนี้มีโครงการก่อสร้างตรงไหนที่ระงับไปแล้วบ้าง
 
เศรษฐกิจจีนเริ่มชะลอตัวลงในช่วงการล็อกดาวน์ และหลังการระบาดของโควิด 19 โดยยอดขายอสังหาริมทรัพย์เริ่มลดลง ในขณะที่ราคาบ้านก็ต่ำลงเช่นกัน
 
ด้านยอดขายของคันทรี่ การ์เด้นในปี 2020 อยู่ที่ 570,000 ล้านหยวน หรือราว 2.7 ล้านล้านบาท ก่อนจะปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 357,500 ล้านหยวน หรือประมาณ 1.7 ล้านล้านบาท ในปี 2022 โดยเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา คันทรี่การ์เด้นประกาศลดโครงการต่างๆของตนเองลงในเมืองขนาดเล็ก
ที่ปรึกษาด้านการลงทุนของสำนักงานอสังหารริมทรัพย์เซนทาไลน์ สาขาเทียนจิน เปิดเผยว่า นักพัฒนาส่วนใหญ่ในจีน ตั้งเป้าหมายการผลิตโดยอ้างอิงจากยอดขาย และเมื่อยอดขายลดลง การพัฒนาและการก่อสร้างทั้งหมดก็จะเริ่มซบเซาตามมา
 
ส่วนตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนนั้น รีบาวด์ คือดีดตัวกลับขึ้นมาเล็กน้อยในช่วงไตรมาสแรกของปี 2023 แต่ตัวเลขการซื้อขายก็เริ่มลดลงหลังจากนั้น
นอกจากนี้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัทจงหรงอินเตอร์เนชั่นเนลทรัสต์ ซึ่งเป็นบริษัทลงทุนชั้นนำของจีน ยังผิดนัดจ่ายเงินลงทุนแก่ผู้ลงทุนกว่าสามหมื่นราย กรณีดังกล่าวยิ่งสะท้อนให้เห็นว่า มีวิกฤตเกิดขึ้นตั้งแต่ภาคอสังหาริมทรัพย์ ไปจนถึงภาคธนาคาร
 
ด้านมูดดี้ สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือทางเศรษฐกิจเปิดเผยว่า ปัญหาที่เกิดจากนักลงทุน บริษัทต่าง ๆ ในจีน ส่งผลทำให้เมื่อปลายปีที่แล้ว หนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL ของบรรดาธนาคารในประเทศจีน เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 4.4 เปอร์เซ็นต์ จากอัตรา 1.9 เปอร์เซ็นต์ เมือปี 2022
 
ทั้งนี้ NPL เป็นตัวเลขที่บ่งชี้ถึงความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ธนาคาร หากลูกหนี้ไม่สามารถชำระหนี้ให้กับธนาคารได้พร้อมกันเป็นจำนวนมาก อาจสะท้อนได้ว่าเศรษฐกิจอาจมีปัญหา
 
โดยสิ่งที่ต้องจับตามองหลังจากนี้คือ รัฐบาลจีน ว่าพวกเขาจะจัดการวิกฤตหนี้เหล่านั้นเช่นไร เพราะนักเศรษฐศาสตร์มองว่า รัฐบาลจีนอาจจะต้องทำอะไรมากกว่าการตัดลดดอกเบี้ย
 
แกรี อึ๊ง นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส บริษัท NATIXIS กล่าวว่า "ดังนั้นผมคิดว่าจำเป็นต้องทำอะไรมากกว่านี้นอกเหนือจากการตัดลดดอกเบี้ย เพราะว่ากลุ่มบริษัทอสังหาริมทรัพย์นั้นไม่ได้ตอบสนองกับอัตราการดอกเบี้ยมากเท่าไหร่ เพราะว่า มีบริษัทมากมาย มีบ้านมากมาย จริงๆพวกเขาต้องคิดหาวิธีการลดภาระหนี้สินในระบบ หรือลดขนาดงบประมาณ ซึ่งก็จะทำให้เกิดคำถามว่า จีนกำลังเข้าสู่หรือจะเข้าสู่การถดถอยของเศรษฐกิจในรูปแบบ balance sheet แบบที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่น ดังนั้นผมคิดว่า นี่คือคำถามที่เป็นพื้นฐานมากๆที่จีนกำลังเผชิญอยู่ และผมคิดว่า การกระตุ้นความต้องการของผู้บริโภคเป็นงานที่สำคัญมาก ๆ"
 
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดไม่คิดว่า วิกฤตอสังหาริมทรัพย์ในจีนเวลานี้ จะร้ายแรงเหมือนวิกฤตเลอห์แมนบาเธอร์ส (Lehman Brothers)  วาณิชธนกิจระดับโลกจากสหรัฐที่เป็นชนวนให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลกในปี 2008



ไม่มีอะไรฟรี! "บก.ลายจุด" ชี้หากแหล่งที่มาของดิจิทัลวอลเล็ตมาจากการสร้างหนี้ หมายถึงการใช้เงินของคนไทยในอนาคต
https://siamrath.co.th/n/472766

วันที่ 27 ส.ค.66 นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บ.ก.ลายจุด โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก สมบัติ บุญงามอนงค์ ระบุว่า...
 
เศรษฐศาสตร์ดิจิตอลวอลเล็ต
 
- GDP ไทย 2022 อยู่ที่ 19.8 ล้านล้านบาท

- ดิจิตอลวอลเล็ต 540,000 ล้านบาท

- เพื่อไทยบอกว่าที่มาของเงินมาจากการบริหารงบประมาณ ตัดงบส่วนที่ไม่จำเป็นเพื่อมาทำโครงการ ในข้อเท็จจริง การใช้จ่ายภาครัฐเป็นเครื่องยนต์เศรษฐกิจหนึ่งที่สำคัญและมีผลต่อ GDP การชักเอาเงินออกจากการใช้จ่ายภาครัฐมาเป็นค่าใช้จ่ายของครัวเรือนผ่านดิจิตอลวอลเล็ตจึงยังสงสัยว่า กำลังซื้อภาครัฐที่หายไปจะส่งผลกระทบต่อ GDP อย่างไร และเมื่อเทียบกับการให้การใช้เงินอยู่ในมือประชาชนจะส่งผลดีกว่าการใช้จ่ายภาครัฐอยู่ที่เท่าใด และเมื่อคำนวน GDP ก็ต้องไปตัดลดส่วนของค่าใช้จ่ายภาครัฐลงแล้วบวกด้วยค่าใช้จ่ายภาคครัวเรือน
 
- การใช้จ่ายภาคครัวเรือนที่ได้รับการอีดฉีดผ่านดิจิตอลวอลเล็ต เมื่อถึงที่สุดแล้วจะส่งผลต่อปัจจัยการนำเข้ามากน้อยเพียงใด เมื่อห่วงโซ่การผลิตและสินค้าจากต่างประเทศโดยเฉพาะจีนกลายเป็นสภาพแวดล้อมสำคัญในการบริโภคในไทย ทั่งนี้รวมถึงการบริโภคพลังงานที่เกิดขึ้นในช่วงเศรษฐกิจตีฟู ที่ต้องกล่าวถึงปัจจัยการนำเข้าเพราะจะมีผลต่อการคำนวน GDP
 
- การพัฒนาเศรษฐกิจแบบยั่งยืนควรต้องพิจารณาถึงการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจหรือการปรับเปลี่ยนและพัฒนากระบวนการผลิตให้เพิ่มประสิทธิภาพและแข่งขันได้ คำถามคือ โครงการดิจิตอลวอลเล็ตที่ใช้งบประมาณรัฐสูงขนาดนี้มีผลต่อการปรับเปลี่ยนโครงสร้างและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอย่างไร อันจะเป็นการชี้วัดการพัฒนาเศรษฐกิจที่แท้จริง
 
- การแจกเงินหมื่นให้ประชาชน หากตกอยู่ในมือประชาชนผู้มีรายได้น้อยพวกเขาย่อมใช้จ่ายเงินนั้นอย่างเต็มที่การหมุนเวียนทางเศรษฐกิจจะส่งผลอย่างเห็นได้ชัด แต่หากตกอยู่ในมือผู้มีรายได้ระดับหนึ่งที่ไม่มีความเดือดร้อน โอกาสที่ประชาชนเหล่านั้นจะใช้เงินหมื่นนี้ในการลดค่าใช้จ่ายประจำของตนเอง โดยเก็บเงินในบัญชีตนเองไว้แล้วใช้เงินในวอลเล็ตแทน เม็ดเงินดังกล่าวก็จะไม่ก่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและกลายเป็นเงินเก็บในบัญขีของคนกลุ่มนี้ อย่างไรก็ตามอาจโต้แย้งได้ว่าจำนวนคนที่มีกำลังทางเศรษฐกิจอยู่แล้วมีไม่มากนักเมื่อเทียบคนจนในประเทศ
 
- สภาวะทางเศรษฐกิจช่วงที่โครงการดิจิตอลวอลเล็ตดำเนินอยู่จะเป็นช่วงกระทิง ผู้คนจับจ่ายใช้สอยกันคึกคัก แต่หลังโครงการจบทุกอย่างก็จะกลับเข้าสู้ภาวะใกล้เคียงก่อนหน้านั้น จมูกที่พ้นน้ำก็ต้องกลับมาอยู่ในระดับเดิม และอะไรคือการแก้ปัญหาเศรษฐกิจระยะต่อจากนั้นเพราะนี่คือพลังบริโภคเทียม

- เราต้องไม่ลืมว่าไม่มีอะไรฟรี หากแหล่งที่มาของโครงการดิจิตอลวอลเล็ตได้มาจากการสร้างหนี้ นี่คือการใช้เงินของคนไทยในอนาคต และการลงทุนนั้นมีหลักอยู่ว่าสิ่งที่ลงทุนไปควรได้รับประโยชน์กลับคืนมากกว่าหรือไม่น้อยกว่าที่ลงทุนไป ต่อให้ผู้ชำระเงินเป็นคนไทยในอนาคตก็ตามที และยังมีปัญหาเงินเฟ้อข้าวของแพงขึ้นแล้วจะไม่ลดลงโดยง่ายหลังสินค้าขึ้นราคา
 
ปล.คุณสามารถตำหนิผมได้โดยการอธิบายและโต้แย้งหักล้างสิ่งที่ผมอธิบาย
 
https://www.facebook.com/nuling/posts/pfbid0L5HkN8dAHaFzWBiEAQxMKJAfKdJVme5LsZbDg8eitQzUnqExurfxcrkVbkjmUaLql
 


ฝากนายกฯคนที่ 30 ปราบหมูเถื่อน – ช่วยผู้เลี้ยง แก้วิกฤตราคา
https://www.prachachat.net/economy/news-1379582

สุรชัย สุทธิธรรม นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ฝากนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ครม.ใหม่ ดูแลเกษตรกร – ปราบหมูเถื่อน – ยกระดับหมูไทย แก้วิกฤตราคา
 
วันที่ 27 สิงหาคม 2566 นายสุรชัย สุทธิธรรม นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เปิดเผยว่า รู้สึกดีใจที่ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 แล้ว เชื่อมั่นว่านายกรัฐมนตรีคนใหม่ซึ่งมีประสบการณ์มาจากภาคธุรกิจชั้นนำ จะสามารถฟอร์มทีมเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และช่วยกันฟื้นฟูเศรษฐกิจ ตลอดจนนำพาประเทศไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นได้ โดยฝากความหวังให้คณะรัฐมนตรีใหม่ ดูแลเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร ปราบปรามหมูเถื่อนต่อเนื่อง และเร่งผลักดันการยกระดับมาตรฐานสุกรไทยต่อไป
 
นายกเศรษฐา ทวีสิน มีพื้นฐานประสบการณ์ด้านธุรกิจมาเป็นอย่างดี เชื่อมั่นว่าท่านจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไปในทิศทางที่ดีขึ้น และขอฝากท่านดูแลธุรกิจสุกรอย่างใกล้ชิด เพราะช่วงที่ผ่านมาเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรหายไปจากระบบเป็นจำนวนมาก ขณะที่ธุรกิจนี้ขับเคลื่อนด้วยเกษตรกรต้นน้ำ จึงอยากให้ท่านให้ความสนใจกับอาชีพเกษตรกรและคำนึงถึงคุณภาพชีวิตของผู้ผลิตอาหารกลุ่มนี้ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางอาหารของประเทศ” นายสุรชัยกล่าว
 
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการกำกับดูแลการจำหน่ายสุกรหน้าฟาร์ม อย่าให้ผู้เลี้ยงสุกรต้องแบกรับภาระขาดทุนและขายผลผลิตได้ต่ำกว่าต้นทุนเป็นระยะเวลายาวนานดังเช่นที่ผ่านมา ควรมีการใช้มาตรการทางกฎหมายที่มีอยู่เข้ามาดูแลอย่างทันเหตุการณ์ เนื่องจากสินค้าสุกรและปศุสัตว์ไม่มีการประกันราคาขั้นต่ำเหมือนสินค้าพืชไร่อื่นๆ
 
สำหรับประเด็นหมูเถื่อนนั้น ยังคงต้องขอให้รัฐตรวจสอบปราบปรามอย่างต่อเนื่อง อย่าหยุดความเข้มงวดในการป้องกันและติดตามตรวจสอบ อย่าให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นซ้ำสอง เพราะนี่คืออีกปัจจัยหลักที่ทำให้เกษตรกรต้องหายไปจากระบบ เนื่องจากไม่สามารถแข่งขันด้านราคากับหมูเถื่อนผิดกฎหมายเหล่านั้นได้ กระทั่งต้องประสบภาวะขาดทุนสะสมติดต่อกันหลายเดือน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่