สวัสดีครับ ตามเส้นทางราชมรรคาจังหวัดสุรินทร์ไปแล้วที่กระทู้นี้
https://ppantip.com/topic/42158258 สมัยนั้นผู้คนที่เดินทางระหว่างพระนครกับเมืองอื่นๆต้องไปพักตามธรรมศาลาต่างๆ พันปีผ่านไปธรรมศาลาสำหรับคนเดินทางกลายเป็นโรงแรม รีสอร์ทต่างๆ แต่เป้าหมายในการเดินทางของคนสมัยก่อนกับสมัยนี้ก็อาจไม่ต่างกันนัก(มั้ง)...
สำหรับใครที่กำลังจะไปสุรินทร์ หรือคิดจะไปสุรินทร์แล้วอยากหาข้อมูลที่พักที่กิน ผมเอามาให้อ่านกัน แน่นอนว่าไม่ครบทุกที่ในจังหวัดแน่ๆ แต่ก็พอจะเป็นข้อมูลได้บ้าง...ไปกันครับ
ตัวเมืองสุรินทร์มีโรงแรมให้เลือกเยอะพอสมควร ส่วนตัวผมรู้สึกว่าหาที่พักง่ายกว่าศรีสะเกษ ถ้านึกไม่ออกก็ Hop Inn ไปเลย แต่พอมีโรงแรมให้เลือกก็เลยเลือกโรงแรมแปลกๆพักเสียเลย ที่แปลกไม่ใช่แบบไม่มีประตูต้องปีนเข้าทางหน้าต่างอะไรแบบนั้น แต่เป็นการตกแต่งที่ไม่เหมือนโรงแรมทั่วไป...โรงแรม The Wood ตอบโจทย์ความแปลกนั้น
ตัวโรงแรมอยู่ในซอยเทศบาลบำรุง เข้าจากถนนเทศบาล 1 ไปประมาณ 130 เมตร โรงแรมอยู่เกือบๆจะกลางตลาดแต่พอมาอยู่ในซอยเลยได้ความสงบไม่พลุกพล่าน ร้านสะดวกซื้อใกล้ที่สุดห่างไปประมาณ 200 เมตร ห่างจากสถานีรถไฟสุรินทร์ประมาณ 600 เมตร ถือว่าทำเลไม่เลวครับ
อาคารโรงแรมออกแบบได้แปลกตา หน้าโรงแรมมีที่จอดรถประมาณหนึ่งจอดได้ประมาณสิบคัน ส่วนในซอยหน้าโรงแรมจอดไม่ได้ครับเพราะขนาดค่อนข้างแคบ ช่วงที่ผมไปรถจอดเต็มทุกวัน
พื้นที่ต้อนรับตกแต่งตามชื่อโรงแรมเลยครับ อย่างกับเดินเข้าป่าต้นไม้ หุ่นกวาง มีกระดูกงูอยู่ในตู้ด้วย ไม่ธรรมดาจริงๆ ที่นั่งชั้นล่างนี้มีให้เลือกนั่งหลายมุมแต่เกือบทุกมุมจะเห็นความเขียวของต้นไม้และแน่นอนว่าถ้าเลือกนั่งหน้าตู้ก็จะเห็นกระดูกงู
พักเรื่องกระดูกงูไว้ก่อนแล้วเข้าห้องพักดีกว่าครับ ที่นี่ไม่เหมาะสำหรับคนริมฝีปากแห้งนะครับเพราะ “ไม่มีลิฟท์” ดังนั้นลากกระเป๋าขึ้นห้องเองครับ ทางเดินแต่ละชั้นก็ยังมีต้นไม้อยู่เป็นระยะๆ
ห้องพักไม่ได้ตกแต่งหวือหวาเหมือนส่วนต้อนรับชั้นล่างครับ ต้นไม้เต็มห้องเดี๋ยวจะนอนไม่หลับ การตกแต่งห้องพักเป็นสไตล์ลอฟท์ เน้นโชว์ความดิบ เตียงนอนใหญ่ใช้ได้นอน 2 คนก็ยังพอไหว อุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในห้องพักดูเหมือนน้อยแต่ก็ครบถ้วนครับ
จุดที่ผมชอบคือที่นั่งตรงริมหน้าต่าง มีโต๊ะตัวย่อมที่สามารถเลื่อนไปมาได้ สามารถนั่งพิงผนังเหยียดขาดูเน็ตฟลิกจากโน๊ตบุ๊คหรือแท็บเลทได้สบายๆ ส่วนวิวนอกหน้าต่างเป็นวิวมอเตอร์โชว์หรือวิวลานจอดรถนั่นเอง
ห้องน้ำตกแต่งสวยงามเรียบง่ายมีฉากกั้นน้ำกระเด็นตอนอาบแต่ก็ช่วยไม่ได้มากเพราะสั้นและโปร่ง เปียกพื้นอยู่ดี ส่วนอุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในห้องน้ำก็ครบถ้วนเช่นเดียวกัน
เช้าวันต่อมาลงมาทานอาหารเช้าที่ชั้น 1 เป็นพื้นที่เปิดโล่ง ยิ่งได้ต้นไม้เขียวๆยิ่งทำให้รู้สึกสดชื่น บริเวณที่นั่งมีอยู่พอสมควรครับเลือกนั่งตามชอบใจ
อาหารเช้าแบบพื้นฐานเช่นขนมปัง คอร์นเฟลคสามารถตักเองได้เลย บางอย่างต้องสั่งเอาและที่นี่มีอาหารเช้าพิเศษ 2 อย่าง จานแรกเป็นบะเต็งราดข้าว เป็นหมูสามชั้นเคี่ยวเค็มๆหวานๆ นุ่มประมาณหนึ่งทานกับข้าวแล้วก็ซุบใสเข้ากันดีมาก อีกจานเป็นไก่ย่างจิ้มแจ่ว ไก่ย่าง ไก่ย่างมาหอมใช้ได้เนื้อไม่แห้งน้ำจิ้มแจ่วรสชาติไม่จัดนักแต่ก็เข้ากันได้ดี ทานกับข้าวสวยเหมาะเป๊ะ
โดยรวม The Wood Hotel เป็นโรงแรมที่มีความเป็นตัวเองสูง ตกแต่งสวยงาม(ถ้าชอบแนวต้นไม้ๆนะครับ) ทำเลของโรงแรมใช้ได้ครับเดินไปตลาดไม่ไกลหาของกินไม่ยาก จุดด้อยแรกที่พบคือไม่มีลิฟท์ทำให้การขึ้นลงอาจจะลำบากอยู่บ้าง ห้องพักตกแต่งเรียบง่ายสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วน อาหารเช้าดีสำหรับผมบะเต็งกับไก่จิ้มแจ่วเพิ่มพลังตอนเช้าได้อย่างดีมาก...ได้ที่พักแล้ว ไปดูที่กินกันบ้างครับ
เอาร้านปากซอยโรงแรมก่อนเลยครับ ร้านชื่อโคคา ดูจากอาคารของร้านแล้วร้านเก่าแก่ประจำจังหวัดแน่นอน นอกจากเป็นร้านอาหารแล้วยังรับจัดโต๊ะจีนด้วยนะครับ
ภายในร้านมีห้องปรับอากาศด้วยครับแต่ขนาดก็ไม่ได้ใหญ่โต ไม่ได้ตกแต่งอะไรเป็นร้านแบบง่ายๆเลย
อาหาร(น่าจะ)จานเด็ดของที่นี่น่าจะเป็นหมูหันนี่แหละเห็นใน google ก็มีหลายคนที่ลงภาพหมูหัน อ่ะงั้นก็สั่งหมูหันมาหนึ่งจาน สักพักหมูหันก็มาจานใหญ่พอสมควรเลยครับ...เอาแล้วสิ จะกินหมดมั้ย หมูหันหนังกรอบใช้ได้เลยครับใต้หนังมีมันบางๆ ส่วนเนื้อหมูก็นุ่มใช้ได้แต่จะไม่ค่อยมีรสชาติอะไรต้องจิ้มกับน้ำจิ้มซึ่งมีทั้งน้ำจิ้มหวานและเปรี้ยว...จานนี้ทานหมดไม่ไหวแน่ครับเลี่ยนสุดๆ
ดับเลี่ยนด้วยเยื่อไผ่น้ำแดง ปริมาณเยื่อไผ่ค่อนข้างเยอะเนื้อสัมผัสกรุบกรอบไม่มีกลิ่นแปลกประหลาด น้ำแดงรสชาติเค็มนิดๆเผ็ดร้อนเล็กน้อยด้วยพริกไทยแก้เลี่ยนจาก turning pig หรือหมูหันได้ดี
กุ้งชุบแป้งทอด เป็นแป้งทอดประเภทกรอบนอก นุ่มในและเนื้อแน่น กุ้งด้านในตัวไม่ถึงกับใหญ่โตแต่ก็เต็มคำดีเด็กๆทานได้เลยครับ
รวมๆมื้อนี้จบที่พันหนึ่งร้อยบาทนิดๆ พร้อมกับความอิ่ม อืด จุก แถมหมูหันกินไม่หมดอีกต่างหากต้องใส่กล่องกลับ หมูหันหนังกรอบเนื้อนุ่มแต่ทานเยอะจะเลี่ยน ส่วนตัวผมชอบเยื่อไผ่น้ำแดงเยื่อไผ่กรุบกรอบ น้ำแดงเค็มนิดคล่องคอ...ใครอยากลองหมูหันก็ลองมาทานดูครับ
เมื่อมีมื้อเย็นก็ต้องมีมื้อเช้า ถ้าศรีสะเกษมีเจียวกี่ สุรินทร์ก็มีร้านทิพย์รส ไท้ ฮั่ว เฮียง 1962 ร้านระดับตำนานที่เปิดมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2506 ถึงวันนี้ก็ 60 ปีเข้าไปแล้ว หาประวัติของร้านยากมาก ไม่มีข้อมูลอะไรเลยนอกจากร้านอยู่ตรงหัวมุมวงเวียนน้ำพุตรงนี้มาตั้งแต่แรก
หน้าร้านมีป้ายชื่อร้านทิพย์รสแบบดั้งเดิมและโลโก้ร้านแบบสมัยใหม่ ซึ่งก็ดูเข้ากันดี ภายในร้านเป็นแบบเปิดโล่งจำนวนโต๊ะนั่งหลายโต๊ะอยู่ เป็นโต๊ะแบบกลมๆเหมือนร้านน้ำชา ซึ่งถ้ามาตรงวันที่ทัวร์ลงร้าน...เอิ่ม หมายถึงรถทัวร์มาจอดหน้าร้านคนมาทานข้าวน่ะครับ
อาหารจานเด่นของที่นี่เป็นหมูประเภทต่างๆเช่น หมูแดง หมูกรอบ กุนเชียง เกาเหลาเลือดหมู...เริ่มที่จานแรกเลยแล้วกัน “ไข่ลวก” (เอ๊า)...ไข่ลวกมาพอเหมาะถ้าไม่ใส่ซอสไม่มีรสชาติ ซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้นอยู่แล้วมั้ย ผ่านไข่ลวกไปแล้วกันครับ
“แดง กรอบ เชียง” ย่างเตาถ่าน หมูแดงถูกปากผมครับ ย่างมาหอมผมว่ามันหอมกว่าหมูแดงทั่วไป เนื้อหมูไม่แข็งรสชาติเค็มนำนิดๆ หมูกรอบหนังกรอบดีครับแต่รวมๆไม่พิเศษเหมือนหมูแดง กุนเชียงไม่เหนียวรสชาติไม่หวานมากค่อนข้างกลมกล่อม “เกาเหลาเลือดหมู” น้ำซุบรสชาติอ่อนๆค่อนไปทาง กลางๆเค็มปลายลิ้นนิดๆ ซึ่งสบายท้องมากสำหรับทานมื้อเช้าแบบนี้ ผมคิดว่ารสชาติแบบนี้กำลังดีครับ
v
v
v
v
v
v
v
หากชอบการรีวิวของผม ไปดูรีวิวที่ผมทำไว้ในช่องทางอื่นๆได้นะครับ แนะนำ คอมเม้นท์ตามสบายครับ
------------------------------------------------------------------------------------------------------
Facebook:
https://www.facebook.com/followmeonearth/
Website: www.Pratuneung.com
Lemon8 Application: @Pratuneung
Blockdit page: Followmeonearth
Blockdit page: Story Behind
[CR] รีวิว...ที่พักและร้านอาหารจากทริป "สุรินทร์"
สวัสดีครับ ตามเส้นทางราชมรรคาจังหวัดสุรินทร์ไปแล้วที่กระทู้นี้ https://ppantip.com/topic/42158258 สมัยนั้นผู้คนที่เดินทางระหว่างพระนครกับเมืองอื่นๆต้องไปพักตามธรรมศาลาต่างๆ พันปีผ่านไปธรรมศาลาสำหรับคนเดินทางกลายเป็นโรงแรม รีสอร์ทต่างๆ แต่เป้าหมายในการเดินทางของคนสมัยก่อนกับสมัยนี้ก็อาจไม่ต่างกันนัก(มั้ง)...
สำหรับใครที่กำลังจะไปสุรินทร์ หรือคิดจะไปสุรินทร์แล้วอยากหาข้อมูลที่พักที่กิน ผมเอามาให้อ่านกัน แน่นอนว่าไม่ครบทุกที่ในจังหวัดแน่ๆ แต่ก็พอจะเป็นข้อมูลได้บ้าง...ไปกันครับ
ตัวเมืองสุรินทร์มีโรงแรมให้เลือกเยอะพอสมควร ส่วนตัวผมรู้สึกว่าหาที่พักง่ายกว่าศรีสะเกษ ถ้านึกไม่ออกก็ Hop Inn ไปเลย แต่พอมีโรงแรมให้เลือกก็เลยเลือกโรงแรมแปลกๆพักเสียเลย ที่แปลกไม่ใช่แบบไม่มีประตูต้องปีนเข้าทางหน้าต่างอะไรแบบนั้น แต่เป็นการตกแต่งที่ไม่เหมือนโรงแรมทั่วไป...โรงแรม The Wood ตอบโจทย์ความแปลกนั้น
ตัวโรงแรมอยู่ในซอยเทศบาลบำรุง เข้าจากถนนเทศบาล 1 ไปประมาณ 130 เมตร โรงแรมอยู่เกือบๆจะกลางตลาดแต่พอมาอยู่ในซอยเลยได้ความสงบไม่พลุกพล่าน ร้านสะดวกซื้อใกล้ที่สุดห่างไปประมาณ 200 เมตร ห่างจากสถานีรถไฟสุรินทร์ประมาณ 600 เมตร ถือว่าทำเลไม่เลวครับ
อาคารโรงแรมออกแบบได้แปลกตา หน้าโรงแรมมีที่จอดรถประมาณหนึ่งจอดได้ประมาณสิบคัน ส่วนในซอยหน้าโรงแรมจอดไม่ได้ครับเพราะขนาดค่อนข้างแคบ ช่วงที่ผมไปรถจอดเต็มทุกวัน
พื้นที่ต้อนรับตกแต่งตามชื่อโรงแรมเลยครับ อย่างกับเดินเข้าป่าต้นไม้ หุ่นกวาง มีกระดูกงูอยู่ในตู้ด้วย ไม่ธรรมดาจริงๆ ที่นั่งชั้นล่างนี้มีให้เลือกนั่งหลายมุมแต่เกือบทุกมุมจะเห็นความเขียวของต้นไม้และแน่นอนว่าถ้าเลือกนั่งหน้าตู้ก็จะเห็นกระดูกงู
พักเรื่องกระดูกงูไว้ก่อนแล้วเข้าห้องพักดีกว่าครับ ที่นี่ไม่เหมาะสำหรับคนริมฝีปากแห้งนะครับเพราะ “ไม่มีลิฟท์” ดังนั้นลากกระเป๋าขึ้นห้องเองครับ ทางเดินแต่ละชั้นก็ยังมีต้นไม้อยู่เป็นระยะๆ
ห้องพักไม่ได้ตกแต่งหวือหวาเหมือนส่วนต้อนรับชั้นล่างครับ ต้นไม้เต็มห้องเดี๋ยวจะนอนไม่หลับ การตกแต่งห้องพักเป็นสไตล์ลอฟท์ เน้นโชว์ความดิบ เตียงนอนใหญ่ใช้ได้นอน 2 คนก็ยังพอไหว อุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในห้องพักดูเหมือนน้อยแต่ก็ครบถ้วนครับ
จุดที่ผมชอบคือที่นั่งตรงริมหน้าต่าง มีโต๊ะตัวย่อมที่สามารถเลื่อนไปมาได้ สามารถนั่งพิงผนังเหยียดขาดูเน็ตฟลิกจากโน๊ตบุ๊คหรือแท็บเลทได้สบายๆ ส่วนวิวนอกหน้าต่างเป็นวิวมอเตอร์โชว์หรือวิวลานจอดรถนั่นเอง
ห้องน้ำตกแต่งสวยงามเรียบง่ายมีฉากกั้นน้ำกระเด็นตอนอาบแต่ก็ช่วยไม่ได้มากเพราะสั้นและโปร่ง เปียกพื้นอยู่ดี ส่วนอุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในห้องน้ำก็ครบถ้วนเช่นเดียวกัน
เช้าวันต่อมาลงมาทานอาหารเช้าที่ชั้น 1 เป็นพื้นที่เปิดโล่ง ยิ่งได้ต้นไม้เขียวๆยิ่งทำให้รู้สึกสดชื่น บริเวณที่นั่งมีอยู่พอสมควรครับเลือกนั่งตามชอบใจ
อาหารเช้าแบบพื้นฐานเช่นขนมปัง คอร์นเฟลคสามารถตักเองได้เลย บางอย่างต้องสั่งเอาและที่นี่มีอาหารเช้าพิเศษ 2 อย่าง จานแรกเป็นบะเต็งราดข้าว เป็นหมูสามชั้นเคี่ยวเค็มๆหวานๆ นุ่มประมาณหนึ่งทานกับข้าวแล้วก็ซุบใสเข้ากันดีมาก อีกจานเป็นไก่ย่างจิ้มแจ่ว ไก่ย่าง ไก่ย่างมาหอมใช้ได้เนื้อไม่แห้งน้ำจิ้มแจ่วรสชาติไม่จัดนักแต่ก็เข้ากันได้ดี ทานกับข้าวสวยเหมาะเป๊ะ
โดยรวม The Wood Hotel เป็นโรงแรมที่มีความเป็นตัวเองสูง ตกแต่งสวยงาม(ถ้าชอบแนวต้นไม้ๆนะครับ) ทำเลของโรงแรมใช้ได้ครับเดินไปตลาดไม่ไกลหาของกินไม่ยาก จุดด้อยแรกที่พบคือไม่มีลิฟท์ทำให้การขึ้นลงอาจจะลำบากอยู่บ้าง ห้องพักตกแต่งเรียบง่ายสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วน อาหารเช้าดีสำหรับผมบะเต็งกับไก่จิ้มแจ่วเพิ่มพลังตอนเช้าได้อย่างดีมาก...ได้ที่พักแล้ว ไปดูที่กินกันบ้างครับ
เอาร้านปากซอยโรงแรมก่อนเลยครับ ร้านชื่อโคคา ดูจากอาคารของร้านแล้วร้านเก่าแก่ประจำจังหวัดแน่นอน นอกจากเป็นร้านอาหารแล้วยังรับจัดโต๊ะจีนด้วยนะครับ
ภายในร้านมีห้องปรับอากาศด้วยครับแต่ขนาดก็ไม่ได้ใหญ่โต ไม่ได้ตกแต่งอะไรเป็นร้านแบบง่ายๆเลย
อาหาร(น่าจะ)จานเด็ดของที่นี่น่าจะเป็นหมูหันนี่แหละเห็นใน google ก็มีหลายคนที่ลงภาพหมูหัน อ่ะงั้นก็สั่งหมูหันมาหนึ่งจาน สักพักหมูหันก็มาจานใหญ่พอสมควรเลยครับ...เอาแล้วสิ จะกินหมดมั้ย หมูหันหนังกรอบใช้ได้เลยครับใต้หนังมีมันบางๆ ส่วนเนื้อหมูก็นุ่มใช้ได้แต่จะไม่ค่อยมีรสชาติอะไรต้องจิ้มกับน้ำจิ้มซึ่งมีทั้งน้ำจิ้มหวานและเปรี้ยว...จานนี้ทานหมดไม่ไหวแน่ครับเลี่ยนสุดๆ
ดับเลี่ยนด้วยเยื่อไผ่น้ำแดง ปริมาณเยื่อไผ่ค่อนข้างเยอะเนื้อสัมผัสกรุบกรอบไม่มีกลิ่นแปลกประหลาด น้ำแดงรสชาติเค็มนิดๆเผ็ดร้อนเล็กน้อยด้วยพริกไทยแก้เลี่ยนจาก turning pig หรือหมูหันได้ดี
กุ้งชุบแป้งทอด เป็นแป้งทอดประเภทกรอบนอก นุ่มในและเนื้อแน่น กุ้งด้านในตัวไม่ถึงกับใหญ่โตแต่ก็เต็มคำดีเด็กๆทานได้เลยครับ
รวมๆมื้อนี้จบที่พันหนึ่งร้อยบาทนิดๆ พร้อมกับความอิ่ม อืด จุก แถมหมูหันกินไม่หมดอีกต่างหากต้องใส่กล่องกลับ หมูหันหนังกรอบเนื้อนุ่มแต่ทานเยอะจะเลี่ยน ส่วนตัวผมชอบเยื่อไผ่น้ำแดงเยื่อไผ่กรุบกรอบ น้ำแดงเค็มนิดคล่องคอ...ใครอยากลองหมูหันก็ลองมาทานดูครับ
เมื่อมีมื้อเย็นก็ต้องมีมื้อเช้า ถ้าศรีสะเกษมีเจียวกี่ สุรินทร์ก็มีร้านทิพย์รส ไท้ ฮั่ว เฮียง 1962 ร้านระดับตำนานที่เปิดมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2506 ถึงวันนี้ก็ 60 ปีเข้าไปแล้ว หาประวัติของร้านยากมาก ไม่มีข้อมูลอะไรเลยนอกจากร้านอยู่ตรงหัวมุมวงเวียนน้ำพุตรงนี้มาตั้งแต่แรก
หน้าร้านมีป้ายชื่อร้านทิพย์รสแบบดั้งเดิมและโลโก้ร้านแบบสมัยใหม่ ซึ่งก็ดูเข้ากันดี ภายในร้านเป็นแบบเปิดโล่งจำนวนโต๊ะนั่งหลายโต๊ะอยู่ เป็นโต๊ะแบบกลมๆเหมือนร้านน้ำชา ซึ่งถ้ามาตรงวันที่ทัวร์ลงร้าน...เอิ่ม หมายถึงรถทัวร์มาจอดหน้าร้านคนมาทานข้าวน่ะครับ
อาหารจานเด่นของที่นี่เป็นหมูประเภทต่างๆเช่น หมูแดง หมูกรอบ กุนเชียง เกาเหลาเลือดหมู...เริ่มที่จานแรกเลยแล้วกัน “ไข่ลวก” (เอ๊า)...ไข่ลวกมาพอเหมาะถ้าไม่ใส่ซอสไม่มีรสชาติ ซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้นอยู่แล้วมั้ย ผ่านไข่ลวกไปแล้วกันครับ
“แดง กรอบ เชียง” ย่างเตาถ่าน หมูแดงถูกปากผมครับ ย่างมาหอมผมว่ามันหอมกว่าหมูแดงทั่วไป เนื้อหมูไม่แข็งรสชาติเค็มนำนิดๆ หมูกรอบหนังกรอบดีครับแต่รวมๆไม่พิเศษเหมือนหมูแดง กุนเชียงไม่เหนียวรสชาติไม่หวานมากค่อนข้างกลมกล่อม “เกาเหลาเลือดหมู” น้ำซุบรสชาติอ่อนๆค่อนไปทาง กลางๆเค็มปลายลิ้นนิดๆ ซึ่งสบายท้องมากสำหรับทานมื้อเช้าแบบนี้ ผมคิดว่ารสชาติแบบนี้กำลังดีครับ
v
v
v
v
v
v
v
หากชอบการรีวิวของผม ไปดูรีวิวที่ผมทำไว้ในช่องทางอื่นๆได้นะครับ แนะนำ คอมเม้นท์ตามสบายครับ
------------------------------------------------------------------------------------------------------
Facebook: https://www.facebook.com/followmeonearth/
Website: www.Pratuneung.com
Lemon8 Application: @Pratuneung
Blockdit page: Followmeonearth
Blockdit page: Story Behind
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้