กระทู้ไตรภาคความรัก 2/3 อยู่กันอย่างไรให้ยืด ? แล้วการอยู่กันยืดนี่มันดีจริงหรือ ?

นี่ก็แว่บมาเขียนตอนพักกลางวัน
Again เขียนสั้น ๆ เป็นช่วง ๆ นะคะ

เพี้ยนแคปเจอร์
 

ตั้งหัวกระทู้ว่า “อยู่กันอย่างไรให้ยืด ?” ฟังดูแล้วก็ชวนหมั่นไส้นะคะ
นางพญาเม่า

ราวกับว่า “แหม...หล่อน จะขึ้นธรรมาสน์มาสั่งสอนผู้คน ชีวิตแต่งงานของหล่อนน่ะมันกี่ปี ?”
คิดได้ดังนั้นแล้ว  เลยต้องรีบมาต่อหัวกระทู้ว่า “แล้วการอยู่กันยืดนี่มันดีจริงหรือ ? “

เม่าดี๊ด๊า

 
 
ความยืนยาวของการแต่งงาน --- หัวข้อนี้ ถ้าจะให้พูดตรง ๆ ก็ต้องบอกว่าแล้วแต่ค่านิยมของแต่ละสมัยนะคะ
เคยอ่านบทความของคนรุ่นน้า รุ่นอา (ตอนนี้ ท่านเหล่านี้ก็อายุสักประมาณ 80 กันแล้ว) ท่านบอกว่า ตอนได้ข่าวว่า ญาติผู้หญิงคนหนึ่งหย่าขาดจากสามี ตกใจมาก เพราะไม่คิดว่า จะเกิดสิ่งนี้ขึ้น

เม่าตกใจ 
 

ส่วนตอนนี้น่ะหรือคะ ? ลองหาจาก google ดูพบว่า อัตราการหย่าร้าง (ยึดเอาจากทะเบียนสมรสเป็นหลักนะคะ ไม่นับคู่ที่อยู่ด้วยกันเฉย ๆ ) สูงถึง 50% 
แปลว่า ความยืนยาวของชีวิตคู่อาจจะไม่ใช่โฟกัสหลักของผู้คนอีกต่อไปแล้ว  
คนทั่วไปมองเรื่องการตอบโจทย์ชีวิตที่ตัวเองต้องการมากกว่าการพยายามรักษาพันธะสมรส และการรักษาสมดุลย์ความสุขของตัวเองเอาไว้
 
ณ ปัจจุบัน เราอยู่ในสมัยที่หญิงชายเริ่มมีสิทธิเท่าเทียมกันมากขึ้น  เราสามารถพูดถึงความสุข และการต้องการอยู่อย่างมีความสุขได้โดยไม่ต้องรู้สึกผิดเหมือนสมัยโบราณ

 
คนยุคก่อนอาจจะมองว่า คนสมัยใหม่ไม่ค่อยอดทน
แต่คนสมัยใหม่อาจจะย้อนถามกลับไปเช่นกันว่า 
“คำว่าอดทน ควรจะใช้กับสถานการณ์ไหนบ้าง และในสถานการณ์ไหนที่เราควรเลิกจมปลักชีวิตกับคำว่าอดทน และคำว่าอดทนควรอดทนแค่ไหน และอดทนเรื่องอะไร”
 
 
สำหรับชีวิตคู่
ถ้าเราเลือกแล้วที่จะตัดสินใจใช้ชีวิตคู่  จะดีกว่าไหม ถ้าเราจะสามารถอยู่กันได้อย่างมีความสุข ราบรื่น เกื้อกูลแบ่งปัน และเติบโตไปด้วยกันได้ในทุกมิติ ทั้งเรื่องฐานะการเงิน การพัฒนาด้านความคิดอ่าน และมิติทางจิตวิญญาณ  ?
 
 
เอาจริง ๆ แม้ว่า การดึงดูดภายนอก เช่น หน้าตา รูปร่าง การแต่งตัว การพูดจา เสน่ห์ความสามารถบางอย่างจะเป็นด่านแรกของการเริ่มทำความรู้จัก แต่ลำดับขั้นต่อไปของความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนคือ ความสมประโยชน์ และความสามารถที่จะเมตตาต่อกันได้ 
 
มูลเหตุที่อยากเขียนเรื่อง “ความเมตตาต่อกัน” ก็เพราะได้อ่านบทความนี้ของพศิน อินทรวงศ์  เป็นบทความที่พิสุทธิ์หมดจดงดงามมาก
 
แต่ธาราสินธุ์นี่ยังไม่ละเอียดใสถึงขั้นนั้น ก็ขออนุญาตแชร์มุมมองตัวเองและเล่าสิ่งที่เห็นมาว่า อะไรทำให้ชีวิตคู่อยู่ได้ยั่งยืน (และมีความสุขพอควร)
 
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
 
1. ดิฉันเคยเขียนในกระทู้นี้ว่า https://ppantip.com/topic/41568052
“ชีวิตคู่ที่ดีอยู่ด้วยความสมประโยชน์”  ถึงตอนนี้ ก็ยังยืนยันแบบนั้นอยู่ค่ะ
เวลาพิจารณาถึงความสมประโยชน์    ให้ฟังเสียงในหัวใจคุณ และสถานการณ์จริง ๆ ของคุณนะคะ ไม่ต้องไปฟังคำแนะนำหรือคำวิจารณ์ของพวกหวังดีแบบไม่รู้สี่รู้แปด ที่ไม่ได้มาใช้ชีวิตร่วมกับคุณ   
 
เรื่องชีวิตคู่ คุณอาจจะฟัง feedback จากครอบครัว พ่อ แม่ หรือเพื่อนก็ได้นะคะ
แต่ท้ายที่สุด อย่าลืมว่า มันคือชีวิตคุณเอง
 
 
เรามักจะได้ยินคำวิจารณ์เยอะแยะ 
ประเภท ที่สามีทำงานงก ๆ อยู่คนเดียว ภรรยาเป็นแม่บ้านเฉย ๆ 
ภรรยาเป็นแม่ม่ายลูกติด แต่งงานมาแล้ว 2 ครั้ง
สามีไม่หล่อ แต่ภรรยาสวย
หรือกระทั่ง คู่ที่คนอื่นคิดว่าสมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก คนก็ยังจับจ้องและวิจารณ์ไม่หยุดอยู่นั่นเอง

เม่ากิจกรรมเม่าหอยทาก
 
 
ความสมประโยชน์ในแต่ละครอบครัวมันต่างกันนะคะ
 

บางบ้าน ความสมประโยชน์คือ 
สามีทำงาน งาน และงาน และไม่ต้องการรับรู้ทั้งนั้นว่า เสื้อผ้าซื้อที่ไหน ค่าไฟจ่ายอย่างไร ไก่ย่างส้มตำ คาโบนาร่าของโปรดที่อยู่บนโต๊ะ เทวดาที่ไหนเสกมาให้  ก็คุณภรรยาที่หลายคนมองว่า ชีวิตแสนสบาย วัน ๆ ไม่ต้องทำอะไรนี่แหละค่ะ ที่จัดการทุกอย่าง 
ทั้งต่อประกัน ซื้อเสื้อผ้า ซักรีด ดูแลลูก จัดสวน เตรียมอาหาร ทำให้แน่ใจว่าบ้านอยู่ในสภาพสบายพร้อมอยู่ได้แบบ serviced apartment นี่แหละค่ะ เป็นคนจัดแจง อย่าคิดว่าตู้เย็นที่มีน้ำกรอกเต็ม มีผลไม้ปอกเรียบร้อยแช่ไว้แบบเย็นฉ่ำพร้อมกิน    ห้องน้ำที่สะอาดมีทิชชูเติมอยู่เสมอ หรือตู้เสื้อผ้าที่เปิดมาเป็นระเบียบมีเสื้อผ้าซักรีดวางเรียงอยู่เป็นของที่เกิดขึ้นได้เองนะคะ มันมีคนจัดแจงค่ะ

 
ในแง่นี้ คุณอาจจะไม่ได้ต้องการภรรยาจบจาก ivy league ก็ได้มังคะ ? แค่ต้องการผู้หญิงที่ทำให้บ้านเป็นบ้าน คนที่คอยยิ้มให้ เตรียมข้าวปลาอาหาร ชวนคุณคุยเวลาคุณถึงบ้าน
 
 
หรือบางบ้าน แต่งกับพ่อม่าย แม่ม่าย เดี๋ยวก็มีเสียงวิจารณ์อีก หาว่าไม่คู่ควรบ้าง อะไรบ้าง
คือ บางที จะบอกว่า ให้มองข้ามเสียงพวกนี้ไปเถอะ พ่อม่ายลูกติด แม่ม่ายลูกสอง แล้วยังไง ?
ก็คนนี้รึเปล่า ที่ทำให้คุณมีความสุข มีกำลังใจทำงาน คอยดูแลคุณ แล้วคุณก็ชอบเขาด้วย ?

 
หรือถ้าคุณชอบภรรยาแนว intellectual แนว working woman ก็ไม่ต้องป๊อดค่ะ
ไปให้สุดเลย ไม่ต้องไปฟังเสียงวิจารณ์ประเภท
“ไปได้เมียสูงส่ง ทำงานยุ่งทั้งวัน เดี๋ยวก็ต้องมาช่วยถูบ้าน ซักชั้นในให้เมียหรอก แล้วเนี่ย กับข้าวกับปลา ก็คงจะไม่ได้ทำแน่ ๆ”
 
ขำใส่ไปเลยค่ะ บอกไปเลยว่า คุณจะซื้อแกงแช่แข็งในเซเว่นมาอุ่นกิน แต่จะไม่ยอมแลกบทสนทนาเรื่องปฏิกริยา nuclear fusion ที่คุยกับภรรยาคนนี้ได้ กับอย่างอื่นแน่ ๆ 
 
ฟิน 
  
 
2. จงเลือกคนที่คุณจะสามารถเมตตาต่อเค้า และเค้าสามารถเมตตาต่อคุณได้อย่างจริงใจ

 เมื่อฤดูกาลของความร้อนแรงมันจาง ๆ ลงไป สิ่งที่จะทำให้ความสัมพันธ์ยั่งยืน คือคนที่คุณสามารถเมตตาเค้าได้อย่างจริงใจ และแน่นอนเค้าก็ควรจะเมตตาคุณอย่างจริงใจได้เช่นกัน

“เมตตา” กับ “ชื่นชม” อาจจะมีส่วนคล้ายแต่ไม่เหมือนกันนะคะ
 ชื่นชม อาจเป็นได้แค่ subset ใน set ใหญ่ของความเมตตา
 
 คนเราไม่ได้ top form ตลอดเวลา  เราจะมีเวลาที่เรา fail เราป่วย เราโทรม เราดูไม่ดี ยืดอกยืดไหล่ได้ไม่สุด หรือกระทั่งคู้ตัวเครียดจมกับความรู้สึกล้มเหลวในบางขณะ ต้องถามว่า คนที่คุณเลือกมาอยู่ด้วยนี่ จะยอมรับคุณในสภาพนั้น และหาทาง หรือเป็นกำลังใจให้คุณออกจากสภาพนั้นได้หรือไม่ ?
 
 ตอนอายุยังน้อย ๆ ดิฉันเคยสนิทกับคนคนหนึ่ง บอกได้เลยว่า เรารู้สึกได้ว่า เค้าสนิทและชื่นชมเรา เพราะเค้าคิดว่าเราเก่ง แต่ในบาง part ที่เรามีมุมขี้แย ไร้เหตุผลไปบ้าง  สีหน้า ท่าทาง แววตา และคำพูดเค้าตัดรอนชัดเจนเลยว่า ผิดหวังในตัวเรามาก “เคยคิดว่าเธอจะเก่งและเข้มแข็ง...”

 
เม่าเศร้า 
 
 
 ดีแล้วที่มันจบค่ะ ... เค้าแค่ชื่นชมเรา แต่เมตตาเราไม่ได้เลย ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิด แต่ก็ไม่ใช่เรื่องถูกถ้าเรายังจะดึงดันสานสัมพันธ์ต่อ

 กับคู่ชีวิตเราตอนนี้น่ะหรือคะ ?
 เราเคยเฟลหลายเรื่องมาก บางเรื่องก็หนักหนาสาหัสด้วย สามีเราจะเดินมาลูบหัวแล้วบอกว่า “ไม่เป็นไรนะ” หรือบางครั้ง ก็แค่ลูบหัวเราแล้วไม่พูดอะไร 
 

 
3. เลือกอยู่กับคนที่คุณทั้งสองสามารถมีหัวข้อสนทนากันได้ อันนี้สำคัญ การพูดคุยกัน มันเป็นสิ่งสำคัญของความเป็นเพื่อน  

อ๊ะ...คุณอาจจะบอกว่า นี่จะหาแฟน ไม่ได้จะหาเพื่อน  
แต่เชื่อป้าเถอะ... คนเรามันไม่ได้มี moment เป็นผัวเป็นเมียกันตลอดเวลาหรอก  ยิ่งอยู่กันไปนาน ๆ มันจะเป็นทั้งเพื่อน ทั้งพี่ ทั้งน้อง ทั้งพ่อ ทั้งแม่ จนคุณนิยามไม่ถูกเลยจริง ๆ แต่สิ่งสำคัญคือ ถ้าคุณรู้สึกไม่เบื่อที่จะคุยกับคนนี้ หรือจะอยู่กับคนนี้ คุณอยู่ในจุดที่ดีแล้วละ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่